Skip to main content

 

 

กูเขียนกวีตอนตีสาม
ด้วยอาการป่วยไข้
เหล้าหมด
..กูกำลังจะบ้า
ควันพืชพันธุ์ที่สูบได้ทำให้กูล่องลอย
แสงจันทร์เดือนมีนา
..ร้อนระยำ
กูคิดถึงมึง
..ไอ้มนุษย์ดาวอังคาร
โลกกูกำลังละลาย
!
มึงย่อมรู้
..เพื่อนมึงย่อมรู้
ฝันร้ายยังเกาะกุมหัวใจกู

กูและมันต่างสกปรกพอกัน
ให้ชักตายต่อหน้า
..เมื่อคืนกูฝันถึงกะหรี่ราคาถูกคนนั้น
หล่อนสมสู่กับนักการเมืองโสโครกบนสวรรค์

หล่อนครางจนแผ่นดินร้าวแยก

น้ำกามทะลักออกมาเป็นสีเลือด
ก่อนฟ้าสาง

ผีร้ายพากูย่ำ
..
ผ่านรอยทางเกวียนเก่าๆ
, ซากศพคนพ่ายแพ้ยังคงลอยอึดเน่า
แม่น้ำสัจจะรอคอยการค้นพบ
หมายเหตุของกลียุค
, เมื่อนานมาแล้วคนหนุ่มสาวถูกแขวนคอ
สังเวยดอกผลแห่งความชิงชังและหวาดกลัว

บนเส้นทาง
..
ท้องถนนประชาชนถูกชี้นำโดยนักวาทกรรมไต่ต้าว

ท้องถนนเต็มไปด้วยหัวคะแนนเจ็ดหมื่นล้าน

ชนชั้นกลางผู้น่ารัก
..ยังฝันหวานถึงสันติภาพแบบลมๆแล้งๆ
ในเมืองขันทียังเรืองอำนาจ
, ในเมืองท็อบบู๊ตทฬิมยังเรืองอำนาจ
แน่นอน
..ประชาชนอย่างกูไม่เคยมีบ้านหรูบนภูสูง
คนจนก็คือคนจน
, กรรมกรก็คือกรรมกร, ชาวนาก็คือชาวนา
นักการเมืองก็คือนักการเมือง
, ศักดินาก็คือศักดินา
ผีร้ายบอกกูว่า
..เสียงปืนและความตายเท่านั้น
จึงฝ่าผ่านสถานการณ์เช่นนี้
มึงเห็นเหมือนผีร้ายไหม
..ไอ้มนุษย์ดาวอังคาร
ถุย
ประชาธิปไตยเฮงซวย!
ถุย
ประเทศเฮงซวย!
เหล้าหมด
..พืชพันธุ์ที่สูบได้หมด
กูนอนรอความตาย
, ความตายกำลังเดินทางมา                                                                                    

                                              ปราโมทย์   แสนสวาสดิ์

 

 

บล็อกของ กวีประชาไท

กวีประชาไท
เสียง อิ่มอดอ่อนล้า             โรยแรง ลือ    เล่าความจำแฝง          เหลื่อมเร้น เสียง ลือเล่าตายแหง           เสร็จส่ง เรื่องฤๅ เล่า   เจื่อนเก้อหน้าเฟ้น        เก่าพร้อมใหม่หยิม ฯลฯ
กวีประชาไท
  แล้วดอกจานบ้านนาก็ร่วงหล่น           จากแล้งฝนผ่านพ้นสู่เหน็บหนาว แสงตะเกียงดวงน้อยก็ดับยาว            สายลมหนาวพาความเศร้ายังบ้านนา
กวีประชาไท
สิ้นเดือนเดินทางมาพร้อมกับว่างเปล่า
กวีประชาไท
ยุคเยื้องกรายย่ำเท้า หนาวลึก สารสื่อเร่งรู้สึก ท่ารู้ ความเป็นอยู่ด้านนึก ตกดิ่ง แล้วฤๅ เรียกว่าต่างกลุ่มกู้ ชาติเชื้อชนผอง ฯลฯ
กวีประชาไท
  โบยตีฉันเถิดความทรงจำ บัดนี้, ฉันยอมจำนนต่อทุกสิ่งแล้ว ต่อวิญญาณอันพ่ายพังกับความฝันในเวิ้งแล้ง ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าในดินทราย
กวีประชาไท
มาเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าคนเคยรัก มาไถ่ถามว่าเหนื่อยหนักและท้อไหม กับชีวิตกับเรื่องราวความเป็นไป เหล้าจอกนี้รินให้เพื่อนดื่มกิน
กวีประชาไท
หนึ่งหยดพรสวัสดิ์นี้          สุขสรรค์ หยดเผื่อไว้เอื้อปัน            ตื่นย้ำ โดยลุคลื่นคลี่นครร-         ลองคลื่น ที่นี่ที่อื่นล้ำ                     หยั่งปลื้มปรีดิ์ถึง ฯลฯ 
กวีประชาไท
คนตายก็ตายไป คนอยู่ก็อยู่ไป ชีวิตหนึ่ง..ก่อนสู่เชิงตะกอน  
กวีประชาไท
    อรุณรุ่งแห่งการต่อสู้ฉายฉานแจ่มชัด ดั่งจะบอกว่า “แนวทางของประชาชนก็คือแนวทางประชาชน ดั่งจะบอกว่า “แนวทางของเผด็จการก็คือแนวทางของเผด็จการ
กวีประชาไท
    จึงใฝ่ฝันถึงวันที่สวยงาม               หลังโมงยามทะเลคลั่งฟ้าสดใส ชุบชีวิตฟื้นตื่นจากเดียวดาย          ปลุกดวงดาวพร่างพรายกลับคืนมา
กวีประชาไท
หากไทยไม่รู้จัก              รากฐานชาติย่อมย่อยแหลกราน    ทุกครั้งคนทุกส่วนอาจหาญ         โหมหักปลุกคลั่งไคล้เผลอพลั้ง    พ่ายเพ้อนิรันดร ฯลฯ