Skip to main content
 
 
พฤศจิกาห่าถล่ม
เมืองก็จมใต้บาดาล
หรือคนมันสามานย์
ที่สั่งฟ้าถล่มเมือง
 
สายฝนเป็นสายเลือด
พายุเดือดอันครืนคราม
โลกดับชั่วโมงยาม
จึงเห็นแต่ความเป็นจริง
 
สายเลือดที่ไหลหลั่ง
ทลายทั้งเขื่อนกั้นขาม
เจิ่งนองไปทุกทาง
ที่เห็นอยู่แต่ความตาย
 
กี่ทุกข์กี่บรรเทา
ถึงความเศร้าจะเจือจาง
ธรรมชาติเคยถากทาง
นั่นคือทางอันล่มจม
 
กี่คนที่ลอยคอ
กี่คนรอความหวังช่วย
กี่ชีพที่มอดม้วย
กี่ระทวยทุกข์ระทม
 
กี่นาป่าสวนไร่
อุทกภัยถึงจะพอ
น้ำตาก็คลอๆ
จึงเห็นแต่คนยากจน
 
กี่โลภละโมบมาก
กี่ความอยากถึงจะพอ
หายนะที่เฝ้ารอ
จึงตอบโต้การลงทัณฑ์
 
กี่พายุดินถล่ม
เมืองยังจมในฝันร้าย
กี่คลื่นวาตภัย
จึงเห็นแต่ศพเรียงราย
 
กี่ซากปรักหักพัง
กี่ความหลังต้องจดจำ
ซากศพอุตสาหกรรม
นั่นคือซากประจานเมือง
 
ห่าฝนเดือนพฤศจิกา
เหมือนคุณค่าให้จดจำ
ร่องรอยความบอบช้ำ
ใช่หรือไม่…น้ำมือคน!
 
เที่ยงคืน ริมคลองอู่ตะเภา หาดใหญ่ ในคืนที่เมืองยังร้าง    
๔-๑๑-๕๓
ปราโมทย์ แสนสวาสดิ์                          

 

บล็อกของ กวีประชาไท

กวีประชาไท
เสียง อิ่มอดอ่อนล้า             โรยแรง ลือ    เล่าความจำแฝง          เหลื่อมเร้น เสียง ลือเล่าตายแหง           เสร็จส่ง เรื่องฤๅ เล่า   เจื่อนเก้อหน้าเฟ้น        เก่าพร้อมใหม่หยิม ฯลฯ
กวีประชาไท
  แล้วดอกจานบ้านนาก็ร่วงหล่น           จากแล้งฝนผ่านพ้นสู่เหน็บหนาว แสงตะเกียงดวงน้อยก็ดับยาว            สายลมหนาวพาความเศร้ายังบ้านนา
กวีประชาไท
สิ้นเดือนเดินทางมาพร้อมกับว่างเปล่า
กวีประชาไท
ยุคเยื้องกรายย่ำเท้า หนาวลึก สารสื่อเร่งรู้สึก ท่ารู้ ความเป็นอยู่ด้านนึก ตกดิ่ง แล้วฤๅ เรียกว่าต่างกลุ่มกู้ ชาติเชื้อชนผอง ฯลฯ
กวีประชาไท
  โบยตีฉันเถิดความทรงจำ บัดนี้, ฉันยอมจำนนต่อทุกสิ่งแล้ว ต่อวิญญาณอันพ่ายพังกับความฝันในเวิ้งแล้ง ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าในดินทราย
กวีประชาไท
มาเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าคนเคยรัก มาไถ่ถามว่าเหนื่อยหนักและท้อไหม กับชีวิตกับเรื่องราวความเป็นไป เหล้าจอกนี้รินให้เพื่อนดื่มกิน
กวีประชาไท
หนึ่งหยดพรสวัสดิ์นี้          สุขสรรค์ หยดเผื่อไว้เอื้อปัน            ตื่นย้ำ โดยลุคลื่นคลี่นครร-         ลองคลื่น ที่นี่ที่อื่นล้ำ                     หยั่งปลื้มปรีดิ์ถึง ฯลฯ 
กวีประชาไท
คนตายก็ตายไป คนอยู่ก็อยู่ไป ชีวิตหนึ่ง..ก่อนสู่เชิงตะกอน  
กวีประชาไท
    อรุณรุ่งแห่งการต่อสู้ฉายฉานแจ่มชัด ดั่งจะบอกว่า “แนวทางของประชาชนก็คือแนวทางประชาชน ดั่งจะบอกว่า “แนวทางของเผด็จการก็คือแนวทางของเผด็จการ
กวีประชาไท
    จึงใฝ่ฝันถึงวันที่สวยงาม               หลังโมงยามทะเลคลั่งฟ้าสดใส ชุบชีวิตฟื้นตื่นจากเดียวดาย          ปลุกดวงดาวพร่างพรายกลับคืนมา
กวีประชาไท
หากไทยไม่รู้จัก              รากฐานชาติย่อมย่อยแหลกราน    ทุกครั้งคนทุกส่วนอาจหาญ         โหมหักปลุกคลั่งไคล้เผลอพลั้ง    พ่ายเพ้อนิรันดร ฯลฯ