Skip to main content
     

        (๑)  กลางคืนดึกดื่นนี้        

หนอยัง

    เช้าแต่รื้อความหลัง              

สั่งย้ำ

    อยากเยือนหยุดความหวัง      

หลายขณะ

    แต่ทุกครั้งกลืนกล้ำ              

ร่ำไห้เสน่หา 

        (๒)  โอ้วาจาห่วงให้         

ลับหาย

    จึ่งจ่อจารร้อยสาย                

กลั่นแก้ว

    กระทั่งเพื่อแผ่พราย              

จากส่วน

    ที่เยี่ยมเยือนยลแล้ว              

ย่อยน้ำกายใจ 

        (๓)  ให้โลกฉันท์กลั่นค้าง  

ครวญเสียง

    ร้อยลักษณ์ใคร่เผดียง            

เริ่มต้น

    จากสัมผัสบางเพียง              

ไหวหวั่น

    สิ่งที่เหลือดื้อรั้น                  

ยิ่งย้ำถ่ายถอน 

        (๔)  โคลงย้อนกลอนกล่าวเกลี้ยง 

ผ่านเลย

    อกค่ำเช้าดื่มเปรย                 

หม่นร้าง

    เหลือแต่สื่อใบ้เฉย                

เบี้ยบอด  ต่อมา

    สิ่งที่เหลืออยู่สร้าง              

ย่ำล้ำฝึกตน 

        (๕)  ฝึกตนค้นร่ำร้อย       

รอยไหว

    ก่อนคืนดับวันวัย                  

ล่วงแล้ง

    ฝึกฝนต่อดวงใจ                  

เผยผุด

    ก่อนลุ่มใหลลับแจ้ง             

ต่างชั้นผันการ 

        (๖)  งานกลางคืนดึกเช้า 

กลางวัน

    ไม่ตอบถามตื้นต้น             

 ตื่นไต้

    งานที่ก่อเกื้อฝัน                

ที่ใฝ่

    ไม่ง่ายยาก ลิ่วไล้             

รื่นน้ำพักพร 

        (๗)  อุทาหรณ์ล่วงแล้ว 

แก้วใจ

    ไม่ตื่นสุขทุกข์ไหน            

กระซิบล้ำ

    ที่เหลืออยู่สายใย             

เชื่อมบท  บาทนา

    ด้วยแห่งหนทางค้ำ          

คติพร้อมหยุดสาย 

        (๘)  ผุดหมายสายหยุดเช้า  

ตื่นฝัน

    หอมดอกดึกจำนรรจ์        

ล่วงแม้น

    ผุดไล้ผ่านคืนวัน              

ตราติด

    หอมเรื่อโรยลอยแร้น        

ฝากฟื้นมิ่งศรี 


                                                                                       ณรงค์ยุทธ  โคตรคำ

บล็อกของ กวีประชาไท

กวีประชาไท
เสียง อิ่มอดอ่อนล้า             โรยแรง ลือ    เล่าความจำแฝง          เหลื่อมเร้น เสียง ลือเล่าตายแหง           เสร็จส่ง เรื่องฤๅ เล่า   เจื่อนเก้อหน้าเฟ้น        เก่าพร้อมใหม่หยิม ฯลฯ
กวีประชาไท
  แล้วดอกจานบ้านนาก็ร่วงหล่น           จากแล้งฝนผ่านพ้นสู่เหน็บหนาว แสงตะเกียงดวงน้อยก็ดับยาว            สายลมหนาวพาความเศร้ายังบ้านนา
กวีประชาไท
สิ้นเดือนเดินทางมาพร้อมกับว่างเปล่า
กวีประชาไท
ยุคเยื้องกรายย่ำเท้า หนาวลึก สารสื่อเร่งรู้สึก ท่ารู้ ความเป็นอยู่ด้านนึก ตกดิ่ง แล้วฤๅ เรียกว่าต่างกลุ่มกู้ ชาติเชื้อชนผอง ฯลฯ
กวีประชาไท
  โบยตีฉันเถิดความทรงจำ บัดนี้, ฉันยอมจำนนต่อทุกสิ่งแล้ว ต่อวิญญาณอันพ่ายพังกับความฝันในเวิ้งแล้ง ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าในดินทราย
กวีประชาไท
มาเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าคนเคยรัก มาไถ่ถามว่าเหนื่อยหนักและท้อไหม กับชีวิตกับเรื่องราวความเป็นไป เหล้าจอกนี้รินให้เพื่อนดื่มกิน
กวีประชาไท
หนึ่งหยดพรสวัสดิ์นี้          สุขสรรค์ หยดเผื่อไว้เอื้อปัน            ตื่นย้ำ โดยลุคลื่นคลี่นครร-         ลองคลื่น ที่นี่ที่อื่นล้ำ                     หยั่งปลื้มปรีดิ์ถึง ฯลฯ 
กวีประชาไท
คนตายก็ตายไป คนอยู่ก็อยู่ไป ชีวิตหนึ่ง..ก่อนสู่เชิงตะกอน  
กวีประชาไท
    อรุณรุ่งแห่งการต่อสู้ฉายฉานแจ่มชัด ดั่งจะบอกว่า “แนวทางของประชาชนก็คือแนวทางประชาชน ดั่งจะบอกว่า “แนวทางของเผด็จการก็คือแนวทางของเผด็จการ
กวีประชาไท
    จึงใฝ่ฝันถึงวันที่สวยงาม               หลังโมงยามทะเลคลั่งฟ้าสดใส ชุบชีวิตฟื้นตื่นจากเดียวดาย          ปลุกดวงดาวพร่างพรายกลับคืนมา
กวีประชาไท
หากไทยไม่รู้จัก              รากฐานชาติย่อมย่อยแหลกราน    ทุกครั้งคนทุกส่วนอาจหาญ         โหมหักปลุกคลั่งไคล้เผลอพลั้ง    พ่ายเพ้อนิรันดร ฯลฯ