เดือนก่อนฉันเดินทางไปที่หมู่บ้านหนึ่ง แถวเชียงดาว ไกลเข้าไปในป่า พบโรงเรียนร้างไม่มีเด็ก ไม่มีครู โรงเรียนถูกปิดเพราะไม่มีเด็กเรียน และไม่ใช่แค่โรงเรียนร้างเท่านั้น หมู่บ้านก็หายไปด้วย
ผู้ชายคนหนึ่งเล่าให้ฉันฟังว่าหมู่บ้านนี้ถูกซื้อไปแล้ว
"จริงเหรอ เหมือนโฆษณาเลย โฆษณาอะไรนะ ที่ผู้ชายคนหนึ่งถามซื้อเกาะให้ผู้หญิง" ใครคนหนึ่งพูดขึ้น
"ไม่ใช่แค่โฆษณาหรอก ละครโทรทัศน์ก็มีเหมือนกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งเขาซื้อเกาะให้หญิงสาวเป็นของขวัญหากเธอแต่งงานกับเขา" ฉันบอกพวกเขา
\\/--break--\>
ขายกันทั้งหมู่บ้าน
นี้เป็นเรื่องจริง หมู่บ้านนี้ถูกซื้อทั้งหมู่บ้านจริง ๆ ชาวบ้านขายที่ดินกันทั้งหมู่บ้าน
ฉันตกใจ รู้สึกสยอง เสียววูบเข้าไปในท้องอย่างบอกไม่ถูก คิดถึง พ.ร.บ.ป่าชุมชนฉบับประชาชน ที่ชาวบ้านเรียกร้องขอมีสิทธิในที่อยู่ที่ทำกินของตัวเอง มีทั้งผู้คัดค้านและผู้สนับสนุน หากกลุ่มคัดค้าน รู้เห็นเรื่องนี้ ก็ถือเป็นจุดอ่อนของชุมชนทีเดียว เพราะชุมชนที่ไม่เข้มแข็งก็มีอยู่มาก แต่ตัวอย่างที่ยกมานั้นเป็นชุมชนตัวอย่างที่เข้มแข็งและมีจิตสำนึกในการดูแลป่า พวกเขาจะไม่ขายไม่ย้ายแน่นอนและพิสูจน์ตัวเองที่ยาวนาน
"ชีวิตมีตำนาน มีนิยาย" ผู้นำทางบอกเราอย่างนั้น
"โรงเรียนปิดเพราะไม่มีเด็กเรียน เด็ก ๆ ต้องอพยพย้ายถิ่นตามพ่อแม่ไป" เขาอธิบายต่อในขณะที่เคลื่อนรถออกหมู่บ้าน
"หมดทั้งหมู่บ้านเลยเหรอ" ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เพราะดูเหมือนฉันจะเห็นหมู่บ้านสักหลังสองหลัง
"เหลืออยู่สองสามหลังคาเรือนเท่านั้น" เขาตอบ
น่าเสียดายที่เราไม่ได้เข้าไปดูบ้านที่เหลือ ดูแต่โรงเรียนที่ร้างเท่านั้น มันสะดุดตาเพราะเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวที่โดดเด่นและโดดเดี่ยวแต่ยังคงสง่างาม หากโรงเรียนหลังนั้นเป็นหญิงชราที่ถูกทอดทิ้งก็พบว่า ยังมีความงามที่ทิ้งร่องรอยไว้ในตัวเธอ
ราคาของราคาของผู้ขาย
เขาเล่าต่อว่า
ที่ดินประมาณสองพันไร่ ส่วนหนึ่งเป็นที่อยู่อาศัย ส่วนหนึ่งเป็นที่ทำกินของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน
"อ้าว ! ชาวบ้านมีสิทธิ์ขายที่แบบนี้ได้ด้วยหรือ" ฉันถามด้วยความสงสัย
ฉันฟังไม่ชัดว่ามีใบอะไรสักอย่างที่สามารถชื้อขายกันได้ และไม่อยากจะถามซ้ำให้น่าเบื่อ
สงสัยใช่ไหม ชาวบ้านเขาขายที่ดินแล้วเขาจะไปไหน
ผู้รู้เขาบอกว่า มีสองสามทาง
ทางที่หนึ่งบุกรุกพื้นที่ป่าต่อไปเพื่อหาที่อยู่ที่ทำกินใหม่
ทางที่สองย้ายถิ่นไปอยู่พื้นราบขายแรงานเป็นแรงงานขั้นต่ำ
และในที่สุดจะกลายเป็นคนไร้บ้าน
ราคาของผู้ซื้อ
ส่วนผู้ซื้อหรือนายทุนนั้น แรกเขาตั้งใจว่าจะทำไร่เหมี่ยง (ไร่ชา) แต่เขาป่วยเสียก่อน ในที่สุดเขาก็ไม่ได้มาทำไร่ชา ต่อมาเขายกที่ดินให้น้องชาย ได้ข่าวว่าน้องชายเป็นคนดี สมถะ และไม่ได้ทำอะไรบนผืนดินนั้น ป่าถูกทิ้งเอาไว้ก็ฟื้นคืนกลับอุดมสมบูรณ์ขึ้นมา
"นับว่าเป็นโชคดีของป่า เขาว่าป่าทิ้งเอาไว้มันก็คืนสภาพป่าเองโดยที่ต้องปลูก เพราะบางทีคนเข้าไปปลูกป่า ไปกันเยอะ ๆ ก็เหยียบต้นไม้เล็ก ๆ หรือหน่อพันธุ์ และเมล็ดที่แตกแทงดินหักตายหมด และป่าที่ปลูกก็ไม่ขึ้นด้วย" ใครสักคนพูดขึ้นแต่ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นต่อ