Skip to main content

ภาพประกอบแลไปข้างหลังเถอะหลาน

“รู้สึกว่า ปีนี้ ไม่ค่อยจะมีความสดชื่น รื่นเริง  ความรื่นเริงและความสุขดูเหมือนจะหายไป ลุงรู้สึกเช่นนั้นไหม”
ลุงว่า ใครมันจะมารื่นเริงอยู่ได้ในสถานการณ์เมืองไทยเป็นเช่นนี้

หมายความว่า น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศ โดยเฉพาะการเมืองที่สับสนและดูไม่กระจ่างใส  เป็นความเครียดทางสังคม เครียดจากการปกครองโดยทหารที่ลึกลงไป และเข้าใจว่า แม้จะยอมรับก็ยอมรับแบบหวานอมขมกลืน และยิ่งเครียดเข้าไปอีกเมื่อมีการเลือกตั้งในช่วงใกล้ปีใหม่ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นของฝ่ายไหนก็ไม่น่าจะทำให้ใครสบายใจได้ เมื่อประชาชนถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น โดยการกระทำของพรรคการเมืองสองพรรคใหญ่ที่พยายามแบ่งแยกประชาชนอย่างแท้จริง

ปีนี้ลุงอายุเจ็ดสิบแปด ลุงสนใจร่วมกิจกรรมด้านสังคมอยู่ตลอดเวลาว่า  ฉันถามลุงว่าต่อจากนี้ไป ลุงจะทำอะไรต่อไป ลุงคิดอย่างไร
ลุงส่ายหน้า ก่อนจะตอบว่า อยู่เฉย ๆ
มีหลายคนตอบว่าจะอยู่เฉย ๆ บางคนถึงขั้นว่า ไม่ทำกิจกรรมใด ๆ อีกแล้ว โดยเฉพาะกิจกรรมทางการเมือง ลุงคิดเช่นนั้นเหมือนกันหรือ

วันนี้ลุงไม่พูด แต่เอารูปตัวเองเมื่อครั้งยังอยู่ในวัยใกล้สี่สิบขึ้นมาให้ดู และบอกว่า เป็นช่วงที่ลุงได้เล่นละครเป็นพระเอก
ฉันไม่เคยเห็นรูปของลุงเลย  และไม่เคยรู้เรื่องราวแต่หนหลังของลุง เพราะมัวแต่ชวนคุยเรื่องที่ไปข้างหน้าตลอดเวลา

 

ฉันรู้จักลุงเมื่อสิบปีที่แล้ว ในช่วงที่ลุงเกษียณแล้ว แต่ยังสนใจกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสังคม  วันนี้ฉันไปรับลุงมาร่วมงานปีใหม่ และได้คุยกันถึงเรื่องของลุง ที่ไม่เคยคุยกันมาก่อน รู้แต่ว่าลุงเป็นอาจารย์ในวิทยาลัยมาก่อนและอยู่กับลูก แต่ไม่เคยสนใจรายละเอียดที่นอกเหนือจากนั้น จนเมื่อลุงควักรูปวัยหนุ่มออกมาให้ดู และบอกว่าเคยเป็นพระเอกละครมาก่อน สมัยหนุ่มลุงหล่อมาก ฉันหันไปมองหน้าในปัจจุบันของแกแม้ผมจะเหลือน้อย ในหน้ามีรอยยับ แต่ยังหลงเหลือความหล่ออยู่  ฉันออกปากชมว่าลุงหล่อคล้ายลูกครึ่ง นั่นแหละจึงรู้ว่าแกเป็นลูกครึ่งจริง และเมื่อถามแกว่าสมัยหนุ่ม ๆ ลุงเป็นที่สนใจของสาว ๆ ไหม

แกบอกว่าไม่มีใครมาสนใจเลย เพราะถือศีลเป็นฤาษีจนไม่รู้เพศ และอธิบายว่า เมือปฏิบัติแล้วความเป็นเพศจะหายไป ฉันไม่ค่อยจะเข้าใจนักหรอกเพราะว่าไม่เคยบวชไม่เคยปฏิบัติ แต่เชื่อตามลุงที่ว่า

ฉันสงสัยต่ออีกว่า ลุงได้ลูกมาอย่างไรในเมื่อบอกว่าเป็นฤาษีไม่มีเพศ  จึงถามเรื่องแม่ของลูก แกว่าไม่มีแม่

ฉันถามด้วยความสงสัยว่า แล้วเขามาหาลุงได้อย่างไร ลูกมาหาลุงได้ด้วยวิธีไหนอย่างไร
แกว่านิมิตเอา นั่งสมาธิจนนิมิตรเห็นว่า เขามาเป็นลูกจริง ๆ เป็นลูกชายและเป็นลูกสาว

เอ้อ...ฉันเกือบจะเลิกคุยเรื่องนี้เพราะอธิบายไม่ได้ แต่ในที่สุดก็เข้าใจ เมื่อพูดสั้น ๆ ว่า พ่อของพวกเขาตายจึงเอามาเลี้ยง

แกเล่าต่อว่า โชคดีที่มีลูก พวกเขาดูแลอย่างดี ทั้งอาหารการกิน ความเป็นอยู่เสื้อผ้า ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เขาจะมีกล้วยน้ำว้า  ถั่วใส่ถุงย่ามมาให้  เพราะลุงชอบถั่วคั่วกับกล้วย ถั่วต้องคั่วเองและโรยเกลือนิดหน่อย
ฉันได้กินถั่วของแกบ่อย ๆ แต่เพิ่งจะรู้ที่มา

ลุงเก็บรูปถ่ายหล่อ ๆ ของตัวเองเข้ากระเป๋า แต่ไม่นานก็เอาออกมา ลุงให้ใคร ๆ ดูอีกหลายคน คืนนี้ลุงคุยแต่เรื่องข้างหลัง เรื่องที่ผ่านมาแล้ว

ฉันไปส่งลุงเข้าบ้าน ก่อนลงจากรถ แกบอกว่า
“เขาว่า อย่างนี้นะลูกหลาน แลไปข้างหลังเถอะ จะรู้ปัจจุบันและอนาคต”

แกเดินลับหายเข้าไปตามทางแคบ ๆ ขึ้นไปสู่เนินสูง  เหมือนว่าไม่เหลียวหลังกลับมาดูเราอีกเลย ในขณะที่ฉันพยายามมองไปข้างหลังเพื่อจะถอยออกจากทางแคบ  ๆ ให้ได้

 

บล็อกของ แพร จารุ

แพร จารุ
  แล้วฉันก็คิดว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิน ฉันเดินทางไปหาเพื่อนที่กรุงเทพฯ  และบอกเธอว่า ฉันอยากจะไปเยี่ยมนักเขียนผู้ใหญ่รุ่นพี่คนหนึ่ง  เพื่อนบอกว่า ไม่ได้ไปนานแล้ว ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยมีใครไปหาใครกัน  เมื่อถามว่าทำไม
แพร จารุ
ป่าสนวัดจันทร์   หลังจากที่เขียนเรื่องป่าสนวัดจันทร์ถูกโฆษณาว่าเป็นผืนป่าสนแห่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีชนเผ่าใช้วิถีชีวิตแบบเดิม ๆ
แพร จารุ
เมื่อเขียนเรื่อง “ป่าสนวัดจันทร์ถูกโฆษณาว่าเป็นที่สุด”  ฉันก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง เขียนถึงเรื่องอำเภอใหม่ส่งเข้ามา วันนี้จึงนำจดหมายฉบับนี้มาให้อ่านกันค่ะ  เธอเขียนมาว่า ลองเขียนเรื่องอำเภอใหม่มาให้อ่าน
แพร จารุ
ป่าสนผืนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มองขึ้นบนต้นสนเหมือนหนึ่งว่ามีนกเกาะอยู่บนนั้นเต็มไปหมด จนใครบางคนเผลอถามว่า นั่นนกอะไรเกาะอยู่เต็มไปหมด หลายคนหัวเราะ ไม่ใช่นกหรอกมันคือลูกสน ที่นี่มีชื่อว่า ป่าสนวัดจันทร์ เป็นครั้งที่สองที่ฉันเดินทางมาที่นี้ห่างจากครั้งแรกเกือบยี่สิบปี ฉันไม่กล้าเดินทางไปที่นั่นเพราะรู้สึกว่ามันลำบากยากเย็นเหลือเกิน เป็นการเดินทางที่โหด ๆ ในช่วงวัยเยาว์ เพราะต้องนั่งรถไฟชั้นสามมาจากกรุงเทพฯ นานกว่าสิบสองชั่วโมง ก็รู้กันอยู่ว่ารถไฟไทยเสียเวลาเสมอ ๆ ลงจากรถไฟมีนักเขียนจากเมืองเหนือรอรับอยู่
แพร จารุ
มุสโต๊ะ (มุส-สะ-โต๊ะ) อาหารมื้อไหน ๆ ก็ต้องมีมุสโต๊ะ มุสโต๊ะก็คือน้ำพริกนั่นเอง ฉันรู้จักมุสโต๊ะครั้งแรกเมื่อเที่ยวบ้านปกาเกอญอ และนับจากวันนั้นก็ชอบมุสโต๊ะแบบปกาเกอญอทันที่
แพร จารุ
คุณทำอะไรเมื่อเช้านี้  ส่วนฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับหยิบหนังสือเล่มเล็ก ๆ จากโต๊ะกินข้าวติดมือไปนอนอ่านในเปลใต้ต้นมะขามเล็ก  หนังสือชื่อ ไม่รักไม่บอก 5 เป็นของกลุ่มภาคีคนฮักเจียงใหม่  ฉันเป็นอาสาสมัครในกลุ่มนี้กับเขาด้วย แต่ฉันไม่ได้ทำหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นฉันจึงเพิ่งได้อ่านจริง ๆ ครูโรงเรียนอนุบาลเพิ่งให้มาสิบเอ็ดเล่ม วันนั้นมีน้อง ๆ หนุ่ม ๆ จากไหนก็ไม่รู้มาช่วยกันขนหนังสือหลายกล่องที่นำมาขายในงานอำลา ‘รงค์ วงษ์สวรรค์  ฉันไม่มีของอะไรตอบแทนน้องจึงแจกพวกเขาไปคนละเล่มเหลือเก็บไว้เล่มหนึ่ง ภาพปกเป็นแม่มดหน้าตาน่ารักถือไม้เท้าวิเศษ มีข้อเขียนว่า จงสุภาพกับโลกใบนี้ (คำจากสาร…
แพร จารุ
  เล่าเรื่องงาน อำลา ’รงค์ วงษ์สวรรค์ เปิดงานไปเมื่อวันที่ 9 มกราคม ยามแดดร่มลมตก หน้าที่ของฉันในงานนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลงานขายหนังสือ ฉันรับปากไปว่า “ได้ค่ะ” ทั้งที่ไม่มีความชำนาญเรื่องการขาย หรือเรียกว่าไม่มีทักษะสักนิดเดียว และมักจะคิดตัวเลขผิด วิชาคณิตศาสตร์ตั้งแต่บวกลบคูณหารไม่เก่งเลย ยิ่งวิชาเลขคณิตคิดในใจนี้ไม่ได้เลย แต่ เพราะว่าในช่วงที่เขาประชุมเรื่องการดำเนินการจัดงานฉันไมได้เข้าร่วมประชุม…
แพร จารุ
ฤดูร้อนในเมืองเชียงใหม่ค่อนข้างน่าสยองค่ะ เพราะนอกจากความแห้งแล้งที่เริ่มขึ้นในปลายฤดูหนาวนี้แล้ว เมื่อฤดูร้อนมาถึงเราก็จะพบกับกลุ่มหมอกควันที่มีทั่วเมือง สำหรับประชาชนในชนชั้นเรา ๆ นั้น เตรียมอะไรได้บ้างคะ
แพร จารุ
สวัสดีนักท่องเที่ยว ระหว่างทางนักท่องเที่ยวเจออะไรมาบ้าง ฉันมาอยู่เชียงใหม่สิบกว่าปี แต่บ่อยครั้งที่รู้สึกว่า ตัวเองเหมือนนักท่องเที่ยว
แพร จารุ
  หญิงสาวมักจะกลัวอ้วนเพราะอยากสวย เราถูกทำให้เชื่อกันว่าคนอ้วนจะไม่สวย เป็นสาวเป็นนางต้องผอมเข้าไว้ ใครไม่ผอมเหมือนนางแบบ หรือนักแสดงหน้าจอโทรทัศน์ก็จะไมได้มาตรฐาน ซึ่งความจริงแล้วบางคนผอมจนเกินไป เรียกว่าแห้งแรงน้อยไม่แข็งแรง ขาแขนมีแต่กระดูก คอโปน ไหปลาร้าลึกขนาดน้ำขังยามเมื่ออาบน้ำ
แพร จารุ
ชวนมากินกันต่อค่ะ เพื่อนนักเขียนรุ่นน้องที่เชียงดาว เล่าว่าเธอปลูกข้าวไร่ที่บ้านของเธอ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร แต่ฉันคิดว่าแค่เธอเริ่มต้นปลูกข้าวความมั่นคงทางอาหารก็เริ่มมีแล้ว ต่อมาน้องนักเขียนที่เพิ่งรู้จักยังไม่ได้เห็นหน้ากันเลย เขียนมาบอกว่า เธอปลูกข้าวได้เจ็ดกระสอบ ฉันชื่นชมยินดีกับเธออย่างจริงจังและจริงใจยิ่ง เพราะฉันมีความฝันที่จะปลูกข้าวปลูกผักไว้กินเอง แต่ไม่ได้ทำ และคิดว่าคงไม่ได้ทำ เพราะอายุปูนนี้แล้ว กล้ามเนื้อเป็นไขมัน เรี่ยวแรงหมดไปแล้ว ที่ทำได้ก็คือปลูกกล้วย ซึ่งก็เหมาะสมอยู่เพราะกล้วยเป็นอาหารนิ่ม ๆ กินง่าย…
แพร จารุ
ชวนมากินกันต่อดีกว่า   คราวนี้กินถั่วงอกผัดเห็ดสามอย่างค่ะ ดูเป็นอาหารธรรมดา ๆ นะคะ แต่พิเศษก็ตรงที่ เป็นอาหารที่ประกอบด้วยเห็ดสามอย่างนะคะ ความจริงแล้วอาหารเห็ดสามอย่างที่กินเป็นยานี้ เขาว่าหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันเป็นดีค่ะ แต่ไม่เป็นไรใช้น้อย ๆ เราเน้นความอร่อยด้วยค่ะ