Skip to main content

 

เสาร์ที่แล้ว (9 สิงหาคม 2557) หัวหน้าคณะรัฐประหาร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เอ่ยถึงคำว่าประชาธิปไตยแบบไทยอย่างน้อยสองครั้งในระหว่างการพูดเปิดงานปฎิรูปประเทศไทยซึ่งได้ถ่ายทอดสดไปทั้งประเทศ

คำถามคืออะไรคือประชาธิปไตยแบบไทยๆ? และมีอะไรเป็นไทยหรือเป็นประชาธิปไตยในประชาธิปไตยแบบไทยบ้าง?

ประยุทธ์อาจมิได้ให้คำจำกัดความว่าประชาธิปไตยแบบไทยเป็นอย่างไรกันแน่ ต่างจากประชาธิปไตยแบบตะวันตกอย่างไร แต่ผู้เขียนก็อดสงสัยมิได้ว่าประชาธิปไตยแบบไทยอาจหมายถึงการยอมรับรัฐประหารเป็นระยะๆ หรือหมายถึงระบบเลือกตั้งที่ประชาชนมีอำนาจอธิปไตยจำกัดกว่าในอดีต หรือแม้กระทั่งอาจหมายถึงการให้คนดีที่มิได้ผ่านการเลือกตั้งมาปกครองโดยมิสามารถตรวจสอบได้

หากมองให้ลึกลงไป การใช้คำว่า ‘ไทย’ ขยายความคำว่าประชาธิปไตยช่วยทำให้คำว่า ‘ประชาธิปไตยแบบไทย’ ดูเหมาะสมกับคนไทยยิ่งขึ้นและทำให้ระบอบกึ่งเผด็จการดูเป็นที่ยอมรับของนานาชาติมากยิ่งขึ้น

ทว่ามันไม่มีอะไรที่เป็น ‘ไทย’ ในประชาธิปไตยแบบไทยๆเพราะคนไทยเองยังตกลงกันไม่ได้เลยว่าต้องการการปกครองแบบไหน

คนไทยที่มีการศึกษาจำนวนหนึ่งชอบโมเดลกึ่งเผด็จการแบบสิงคโปร์ที่ฝายค้านถูกทำให้อ่อนปวกเปียก บ้างชอบระบอบเผด็จการทหาร แต่ก็ยังมีคนไทยอีกจำนวนมิน้อยที่ต้องการให้ยึดระบอบประชาธิปไตยที่ไม่ต้องมาทนกับรัฐประหารเป็นระยะๆและเชื่อว่าควรปล่อยให้ระบอบประชาธิปไตยคลี่คลายปัญหาโดยตัวของมันเองเพราะหนทางประชาธิปไตยในไทยเพิ่งอายุแค่ 82 ปี

นอกจากนี้ยังมีคนไทยที่ต้องการย้อนกลับไปสู่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชแต่ก็มีบางคนที่ต้องการเห็นประเทศเป็นสาธารณรัฐ

ในขณะเดียวกัน แทนที่จะใช้คำว่าประชาธิปไตยแบบไทย เราอาจใช้คำว่าเผด็จการครึ่งใบหรือเผด็จการแบบไทยแทนก็ได้ แต่คำว่าเผด็จการนั้นมิน่าพิศมัยจึงเลือกใช้คำว่าประชาธิปไตยแทนดั่งคำว่า ‘ยิ้มสยาม’ ซึ่งอาจมิได้หมายถึงรอยยิ้มที่มาจากความดีใจก็เป็นได้

สังคมไทยควรเลิกหลอกตนเองเสียทีว่าอะไรคือประชาธิปไตยและอะไรคือเผด็จการโดยการใช้คำที่เคลือบแฝงสภาพความจริง

 

 

หมายเหตุ: บทความนี้ถอดความและดัดแปลงจาก ‘What makes ‘Thai-style democracy’ globally palatable?’ ซึ่งเขียนโดยผู้เขียนลงใน นสพ. The Nation ฉบับวันที่ 13 สิงหาคม 2557

บล็อกของ ประวิตร โรจนพฤกษ์

ประวิตร โรจนพฤกษ์
หนึ่งในเครื่องมือหลักของการยึดอำนาจของคณะรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 หาใช้อาวุธสงครามเพียงอย่างเดียวไม่ หากรวมถึงการใช้ภาษาที่ก่อให้เกิดความพร่ามัวหรือแม้กระทั่งการมองความจริงแบบที่คณะรัฐประหารหรือที่เรียกตนเองว่า คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ต้องการ
ประวิตร โรจนพฤกษ์
บันทึกนี้ขออุทิศแด่ทุกๆท่านที่รัก เสรีภาพ ความเสมอภาค และประชาธิปไตย 
ประวิตร โรจนพฤกษ์
  เรื่องปัญหาการเซ็นเซอร์ เหมือนเป็นหัวข้อที่ไม่ต้องอธิบายว่าเป็นปัญหาถ่วงความเจริญทางการรับรู้และสติปัญญาของสังคมอย่างไร
ประวิตร โรจนพฤกษ์
ไม่ว่าคุณจะเอา ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ คุณควรออกไปใช้สิทธิวันพรุ่งนี้ เพราะมันได้กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างเลือกตั้งกับลากตั้งโดยปริยาย
ประวิตร โรจนพฤกษ์
 วิกฤติการเมืองปัจจุบันอาจทำให้หลายคนหน้ามืดตามัวตกหล่มความเกลียดชัง แต่สำหรับผม ผมถือว่ามันช่วยให้ผมได้คิดและเข้าใจสังคมไทยดีขึ้น
ประวิตร โรจนพฤกษ์
ความหมายของสัญลักษณ์และชื่อกลุ่มต่างๆ เป็นสิ่งที่ดิ้นได้ และในกรณีของการโบกธงชาติ เป่านกหวีดและเรียกขานตนเองของม็อบ กปปส. ว่า 'มวลมหาประชาชน' ก็เช่นกัน
ประวิตร โรจนพฤกษ์
เราทุกคนคงจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันท่ามกลางความเห็นที่แตกต่างทางการเมืองอย่างสันติและสร้างสรรค์ เคารพเสียงทุกเสียง ยอมรับเสียงส่วนใหญ่และเคารพรับฟังเสียงส่วนน้อย