หากสิทธิสตรีและเสรีภาพระหว่างเพศ มีอุปสรรคขัดขวางคือ "สังคมชายเป็นใหญ่" มีชายครองอำนาจการเมืองกุมการปกครอง ควบคุมเทคโนโลยี เป็นใหญ่ในครอบครัวบังคับให้คนในบ้านรับบทบาทโน่นนี่ หรือมีความบริสุทธิ์กว่าตามความเชื่อของศาสนา
หรือที่เกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันมากกว่า คือ ชายเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต หรือชายครองอำนาจรัฐในการกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจโดยอาศัยกำลัง
จนทำให้หญิงโดนกดไว้ ให้เติบโตได้เท่าที่ชายกำหนด
ปัญหาของเฟมินิสต์และนักสิทธิสตรี ก็คือ ทำอย่างไรให้ผู้หญิงเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญได้
หากงานบ้านและการทำงานต่างๆในครอบครัวเป็น "การขูดรีด" และ "ควบคุม" สตรีให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แล้วล่ะก็
จุดเปลี่ยนน่าจะมาถึงแล้ว!
โลกกำลังเข้าสู่สังคมที่มีเศรษฐกิจภาคบริการและการบริหารจัดการแบบละเอียดถี่ถ้วนเป็นหลัก การใช้กำลังกายและเสี่ยงอันตรายทางกายภาพลดลง สงครามเต็มรูปแบบก็น้อยลงด้วย
ดังนั้นคำถามสำคัญที่จะทำให้สตรีขึ้นมาครองอำนาจนำจึงอยู่ที่ว่า
เมื่อไหร่จะถึงยุคที่ "พ่อบ้าน" อยู่กับเหย้าเฝ้าดูแลครอบครัวจะได้รับการยกย่อง?
หรือที่เกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันมากกว่า คือ ชายเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต หรือชายครองอำนาจรัฐในการกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจโดยอาศัยกำลัง
จนทำให้หญิงโดนกดไว้ ให้เติบโตได้เท่าที่ชายกำหนด
ปัญหาของเฟมินิสต์และนักสิทธิสตรี ก็คือ ทำอย่างไรให้ผู้หญิงเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญได้
หากงานบ้านและการทำงานต่างๆในครอบครัวเป็น "การขูดรีด" และ "ควบคุม" สตรีให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แล้วล่ะก็
จุดเปลี่ยนน่าจะมาถึงแล้ว!
โลกกำลังเข้าสู่สังคมที่มีเศรษฐกิจภาคบริการและการบริหารจัดการแบบละเอียดถี่ถ้วนเป็นหลัก การใช้กำลังกายและเสี่ยงอันตรายทางกายภาพลดลง สงครามเต็มรูปแบบก็น้อยลงด้วย
ดังนั้นคำถามสำคัญที่จะทำให้สตรีขึ้นมาครองอำนาจนำจึงอยู่ที่ว่า
เมื่อไหร่จะถึงยุคที่ "พ่อบ้าน" อยู่กับเหย้าเฝ้าดูแลครอบครัวจะได้รับการยกย่อง?
อัตราฆ่าตัวตายของผู้ชาย Generation Y ลงมามีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะเกิดวิกฤตอัตลักษณ์ "ความเป็นชาย" เนื่องจากงานในโลกหลังสมัยใหม่ ผู้หญิงทำได้เหนือกว่า จนชายว่างงาน ต้องอยู่กับบ้าน รู้สึกตัวเองไร้ค่าไม่อาจเป็นหัวเรือได้อีกแล้ว
ถ้าชายจะขอเป็นคู่สมรสที่อยู่ข้างหลัง หรือเป็นลูกชายที่อยู่ดูแลผู้ใหญ่ในบ้าน ก็ถูกเหยียดหยามจากสังคม ครอบครัวตัวเอง หรือแม้แต่คู่รัก
คำถาม คือ ผู้หญิงยอมรับบทบาทชายเหล่านี้ได้หรือไม่
ถ้าคำตอบ คือ ไม่ แต่ผู้หญิงก็ยังอยากจะเข้าสู่งานและตำแหน่งแห่งที่ใหญ่ๆ ก็จะเจอการโต้กลับของชาย ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้แย่งชิงอำนาจมากกว่า และพร้อมจะใช้ทุกวิธีเพื่อให้ได้ชัยชนะ
กลเม็ดเด็ดพราย การรวมกลุ่มสู้ ฯลฯ จะมีเยอะจนบาดเจ็บล้มตายกันเละ เพราะการแข่งขันสูงแต่ตำแหน่งแห่งที่เพิ่มตามไม่ทัน
นี่วิธีคิดแบบยุทธศาสตร์และการจัดการความขัดแย้ง
หากต้องการชัยชนะ แย่งชิงอำนาจ ก็ต้องหาทางลงให้คนกลุ่มเก่า เพราะถ้าไม่เปิดทางให้ถอย เขาก็จนตรอกและสู้โดยไม่เลือกวิธี
หากต้องการชัยชนะ แย่งชิงอำนาจ ก็ต้องหาทางลงให้คนกลุ่มเก่า เพราะถ้าไม่เปิดทางให้ถอย เขาก็จนตรอกและสู้โดยไม่เลือกวิธี
ด้วยความเคารพ นี่คือ ยุทธศาสตร์ที่กลุ่มเฟมินิสต์ ควรสนับสนุน เพื่อช่วงชิงการนำในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้
โอกาสของหญิงในหน้าที่การงาน และพื้นที่สาธารณะ จึงจะเยอะขึ้น โอกาสแข่งขันที่เป็นธรรมตามกติกาก็จะมากขึ้นเพราะชายมีทางออกอื่นรองรับ
เราก็เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนให้สตรีทำหน้าที่สำคัญๆมีความรับผิดชอบสูงๆ จึงขอเสนอ "ยุทธศาสตร์พ่อบ้านที่ดี" ให้สตรีผลักดัน
เพราะก่อนหน้านั้นยุทธวิธีควบคุมหญิงให้ครองตนเป็น "กุลสตรีอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน" สำเร็จต่อเนื่องยาวนาน
เพราะก่อนหน้านั้นยุทธวิธีควบคุมหญิงให้ครองตนเป็น "กุลสตรีอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน" สำเร็จต่อเนื่องยาวนาน
ป.ล. เทรนด์ผู้นำการเมืองหญิงกำลังมาแรงทั่วโลก แต่ไทยเราเรโทร เป็นชาย"ถือปืน" นั่นก็เพราะว่าใช้อำนาจปล้นฉีกกติกา และมีสตรีจำนวนไม่น้อยยังนิยมความเด็ดขาดรุนแรงแบบไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อตนเองที่ไม่ถนัดในเกมส์การทหาร
บล็อกของ ยาจกเร่ร่อน
ยาจกเร่ร่อน
ท่านผู้อ่านจำนวนไม่น้อยคงเคยบนบานศาลกล่าวหรือขอพรจากสิ่งศักดิ์ในยามคับขัน หรือประสงค์ในสิ่งที่อยู่นอกเหนืออำนาจที่ตัวเองจะกำหนดผลกันมาบ้าง ไม่มากก็น้อย ยังมินับรวมกระแสความนิยมการใช้ศาสตร์ทางโหราและความรู้ที่สืบทอดกันมานับพันปีอย่างฮวงจุ้ย โหงวเฮ้งในทางธุรกิจที่ทราบกันดีว่ามีอยู่ในกระ
ยาจกเร่ร่อน
หากสิทธิสตรีและเสรีภาพระหว่างเพศ มีอุปสรรคขัดขวางคือ "สังคมชายเป็นใหญ่" มีชายครองอำนาจการเมืองกุมการปกครอง ควบคุมเทคโนโลยี เป็นใหญ่ในครอบครัวบังคับให้คนในบ้านรับบทบาทโน่นนี่ หรือมีความบริสุทธิ์กว่าตามความเชื่อของศาสนา
ยาจกเร่ร่อน
หาก “เวลา” คือ สิ่งสำคัญอย่างแท้จริงในชีวิต มนุษย์จะเลือกเติมอะไรลงไปในเวลาที่ตนมีอย่างจำกัด
ยาจกเร่ร่อน
เราซึมเศร้า เพราะเราเข้าใจและใส่ใจเพื่อนมนุษย์ผู้หงอยเหงา (Sympathy)เราเห็นใจคนเศร้า เพราะเราก็สิ้นหวังในวันที่พ่ายแพ้เราลุกขึ้นจากความพ่ายแพ้ เพราะเห็นทางแก้อยู่ตรงหน้าเราจะไปให้ถึงขอบฟ้า เพราะรู้ว่ามีคนรุ่นใหม่มุ่งหน้าไปเช่นกัน
ยาจกเร่ร่อน
ในคืนอันเฉอะแฉะของปลายฤดูร้อน มีคนเข้ามาคืนความสุขให้คนไทยพักผ่อนกันถ้วนหน้า หลังจากล้าเพราะสงครามมากึ่งปีแต่ทว่าความสุขที่ได้มาพร้อมเงื่อนไข ไม่เปิดโอกาสให้แสดงออกเต็มที่หลบไปแสวงหาความสุขด้วยมหกรรมกีฬาระดับโลกแล้วก็หายไป ต้องกลับมาอยู่กับวันใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม
ยาจกเร่ร่อน
คนไทยกับคนอิตาลี มีลักษณะร่วมกันหลายอย่าง คือ เกิด เติบโต และอาศัยอยู่ในดินแดนที่อากาศดี อาหารอร่อย มีทรัพยากรให้ใช้สอยมากมาย ทั้งเกษตร และท่องเที่ยว เรียกว่าไม่ต้องออกไปนอกประเทศเลยก็มีความสุขได้ แต่ก็กลายเป็นดาบสองคมเพราะมันคือสังคมที่คนอาจคิดไปว่า “เราคือศูนย์กลางจักรวาล”
ยาจกเร่ร่อน
หลังจากความล้มเหลวของทีมชาติเปน ทำให้เกิดคำถามอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวไทยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ความถดถอยนี้มีเค้าลางมาตั้งแต่ศึกฟีฟ่าคอนเฟดเดอเรชั่นคัฟ เมื่อปี 2013 ซึ่งเป็นปีที่โลกรับรู้ว่า สถานะทางเศรษฐกิจของสเปนอยู่ในภาวะล้มละลาย คนในยุโรปทราบดีว่าสิ
ยาจกเร่ร่อน
จากผลการแข่งขันฟุตบอลโลกนัดแรกของทีมขวัญใจมหาชนอย่าง อังกฤษ คงสร้างความหงุดหงิดและคลางแคลงใจให้กับคนจำนวนไม่น้อย เหมือนทุกครั้งที่แฟนบอลชาวไทยต้องช้ำใจเพราะอังกฤษ ทำไม คนไทยจำนวนมากถึงส่งแรงใจเชียร์อังกฤษ ?
ยาจกเร่ร่อน
เถียงกันไป เถียงกันมา เรามัวแต่ทำงานจนลืมเวลา พอหันกลับมาก็รัฐประหารเสียแล้วแรงงานในประเทศไทยหลายสิบล้านคนทั้งที่เป็นคนไทย และที่ขยับขยายมาจากต่างชาติ ก็คงสงสัยไม่ต่างกันว่า เปลี่ยนแล้วชีวิตเราดีขึ้นไหม
ยาจกเร่ร่อน
ทำไมคนต้องทำงาน? ยังมีคนถามเรื่องนี้อยู่อีกหรือไม่?แต่คำตอบที่ได้ ย่อมสะท้อนตัวตน ชนชั้น และความจำเป็นในชีวิตแต่ละคนอย่างแน่นอนคนมีมรดกตกทอด อาจไม่ต้องดิ้นรนทำมาหากินมากนัก แต่มีกินมีใช้จากดอกเบี้ย และค่าเช่าที่ได้จากทรัพย์สิน ซึ่งบรรพบุรุษส่งมอบไว้ให้
ยาจกเร่ร่อน
วันแรงงาน จัดขึ้นเพื่อ ให้แรงงานหยุดงานมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิต่อนายจ้าง และรัฐแต่สิ่งที่เห็น คือ มีคนต้องทำงานในวันนี้เต็มไปหมดคนที่ไม่ได้ทำงาน ก็ถือเอาเวลานี้ไปโรงพยาบาลเพื่อซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอจากการทำงาน หรือพาครอบครัว/ตัวเองไปพักผ่อน
ยาจกเร่ร่อน
มีเสียงบ่นเข้ามาหนาหู จากเหล่าครูบาอาจารย์ และนักวิจัยในมหาวิทยาลัย ที่ควรเป็นชนชั้นนำทางปัญญา ใช้สติปัญญาและเวลามาแก้ปัญหาสังคม ว่า เขากำลังอยู่ในภาวะเตี้ยอุ้มค่อม หากต้องออกมาช่วยเหลือสังคมหรือเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะการจ้างงานของตนในมหาวิทยาลัย เข้าสู่ยุคมหาวิทยาลัยนอกระบบที่จะต