Skip to main content
นั่งดูบอลคู่นี้อย่างไม่ตั้งใจนัก เผอิญว่ากดรีโมทโทรทัศน์มาเจอเข้าพอดี เลยคิดว่าอยากจะเชียร์บอลไทยสักหน่อย ดูเวลาการแข่งขันตอนนั้นก็เข้าสู่นาทีที่เจ็ดสิบกว่าแล้ว ไทยนำอยู่ 2-1


ดูไปได้ไม่ทันไร ก็มาถึงจังหวะการกระโดดแย่งบอลกันกลางอากาศ นักเตะไทยเป็นฝ่ายกระโดดได้สูงกว่าและโดนลูกบอล แต่เมื่อเท้าแตะถึงพื้น นักเตะไทยวิ่งต่อ ส่วนนักเตะเลบานอนลงไปนอนกับพื้น เอากุมหัว ดิ้นอย่างเจ็บปวด


สักพักเมื่อเขาลุกขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือเลือดอาบหน้าและสองมือที่กุมเอาไว้ เลือดออกเยอะมากขนาดที่เห็นแล้วต้องเบะปาก ขณะที่เพื่อนร่วมทีมวิ่งมาดู นักเตะไทยเดินยิ้ม ยักไหล่ แพทย์สนามก็มาช้าเหลือเกิน เกมรึ ทีแรกยังมีแนวโน้มว่าจะเล่นต่ออีกคงคิดว่านักเตะเลบานอนแกล้งทำ


เห็นเพียงเท่านี้ จิตใจที่นึกอยากเชียร์ทีมไทยก็เริ่มเบี่ยงเบนเสียแล้ว


ยิ่งได้ยินนักพากษ์ของช่อง 7 พยายามบอกว่าเราเข้าถึงบอลก่อน ไม่ผิด ก็ยิ่งหดหู่ว่า คุณจะมัวมากลัวความผิดอะไรในเวลานี้เล่า นักพากษ์ที่ดีต้องลองรีเพลย์ภาพดูสิว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมนักฟุตบอลมันเลือดอาบขนาดนั้น เราจะมามัวเข้าข้างประเทศตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตาได้อย่างไร

นักบอลไทยชักศอกหรือเปล่าในจังหวะนั้น หรือว่าเอาหัวกระแทกกัน (ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่าใช่ เพราะไม่ได้เอาหัวมาชิดกันตอนโหม่ง)


ตั้งนานกว่าที่แพทย์สนามจะมาและเริ่มเล่นต่อ ส่วนคนหัวแตกได้ลงเล่นต่อไหม ฉันก็ดูไม่ออก คราวนี้เกมเริ่มดุเดือดขึ้น จนถึงขั้นวางมวยตะลุมบอลกันอยู่สองรอบ


นักเตะเบอร์ 9 ของเลบานอนถูกจับตามากกว่าเพื่อนเพราะดูอารมณ์ร้อนและสะบัดมืดตบ (ในเว็บไซต์พันทิปพากันตั้งกระทู้ขำๆ ว่าเป็นกระเทยหรือเปล่า) ฉันนั่งดูจนเกมจบและรอดูข่าวว่าช่องไหนจะรายงานอย่างไรบ้าง แต่เวลาเปิดข่าวก็เปิดไม่ทันข่าวกีฬาสักช่อง เห็นแต่เอสเอ็มเอสที่แสดงถึงจิตใจของคนไทยส่วนใหญ่ที่เรียกร้องความเป็นเจ้าภาพที่ดีและความเป็นนักกีฬามืออาชีพจากทีมไทย


ล่วงมาถึงเที่ยงวันนี้ (บอลเตะเมื่อวาน) ทันดูข่าวของช่อง 7 ก็เลยรอฟังปรากฏว่าลงแต่ข่าวความชื่นมื่นของกองเชียร์และชื่นชมว่านักเตะไทยเก่ง คว้าชัยชนะมาได้


ครั้นเปิดอีกช่องดูข่าวของคุณกฤษฎิน สุวรรณบุปผา ช่อง TBPS ทันฟังแต่ตอนปลายๆ ที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ใหญ่ในสมาคมฟุตบอล (อ่านชื่อไม่ทัน) ที่คุยผ่านโทรศัพท์บอกว่า ที่ต้องใช้กรรมการไทยตัดสินเพราะต้องการให้กรรมการไทยได้สัมผัสเกมนานาชาติ จะได้ยกระดับมาตรฐานของตัวเอง


ฟังแล้วก็ได้แต่ เฮ้อ!


ก่อนจะยกระดับมาตรฐานกรรมการ ก็ควรจะยกระดับจิตใจของความเป็นกลาง ความเป็นมืออาชีพของกรรมการก่อนดีไหม


ไม่เคยเกี่ยงเลยนะว่าจะเป็นกรรมการไทย แต่ถ้าตัดสินเกมอย่างที่เข้าข้างคนไทยจนน่าเกลียด แถมนักบอลทะเลาะ ตบกัน แล้วยังปล่อยเล่นต่อ จนต้องวางมวยกันไปหลายรอบ อย่าว่าแต่ระดับนานาชาติเลย ระดับตำบลก็มีปัญหาเหมือนกัน


การนำเสนอข่าวของช่อง TBPS ยังพอทำใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่พยายามให้คนดูได้เห็นจังหวะการเข้าทำของแต่ละฝ่ายจนเกิดความรุนแรงและไม่ตำหนิฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนเกินไป หากตั้งคำถามเอากับกรรมการ และผู้เล่นตามเหตุตามผลจากสิ่งที่คนนั้นๆ ได้กระทำลงไป


โดยเฉพาะในจังหวะแรกที่เป็นฉนวนเริ่มต้นให้เลบานอนเริ่มโกรธแค้น คือ การเข้าบอลของโกลไทยที่ปะทะกับนักเตะเลบานอน จนเขากรามแตก ฟันหัก ต้องหามส่งโรงพยาบาล


โอ้โห! นี่ เพิ่งรู้เลยนะเนี่ยว่ามันแรงถึงขนาดนี้ มากกว่าภาพนักเตะหัวแตกที่ฉันเห็นเสียอีก

แล้วกรรมการก็ยังทำเฉย ไม่ไล่ใครออก


นี่ภาพที่ช่อง TBPS นำมาลงให้ดูยังน้อยไป ยังมีอีกภาพที่กลายเป็นต้นเหตุมวยหมู่รอบสองและแรงมาก ก็คือ จังหวะบอลที่เบอร์ 9 ของเลบานอนผ่านบอลไปให้นักเตะคนอื่นแล้ว แต่นักเตะไทยยังวิ่งเข้าไปเอาเข่าใส่อย่างเจตนา ดูยังไงก็น่าเกลียดสุดจะบรรยายและกรรมการก็ไม่ได้ทำโทษอะไรเลย เบอร์ 9 ของเลบานอนซึ่งขี้โมโห ตะบะแตก อยู่แล้วเลยเอาคืน จากนั้นนักเตะทุกคนก็กรูกันเข้ามาชุลมุนจนกลายเป็นมวยหมู่ (จนคนดูถามกันว่า บอลไทยจะไปมวยโลกใช่ไหม)


พูดตามตรงดูจนจบเกมเมื่อวานแล้วอยากจะร้องดังๆ ว่าประเทศ---เอ๊ย!


ไม่ว่าโรฮิงยา หรือ เลบานอน ถ้าประเทศเป็นอย่างนี้ ทั้งเห็นแก่ตัว เอาเปรียบคนอื่น เจ๋งแต่ในบ้าน แล้วจะให้รักให้ภูมิใจได้ยังไงเล่า


ถ้าจะเจ๋ง อย่าเจ๋งแต่ในบ้านตัวเอง!


ถ้าจะเก่ง ก็จงเก่งโดยให้โลกยอมรับ เดินออกมาสู่โลกภายนอก ยอมรับกติกาสากล เข้มแข็ง อดทน และต่อสู้เพื่อพิสูจน์ ทำให้คนที่อื่นก้มหัว ยอมรับ ยกย่อง ไม่ใช่พวกกันเองพากันมายกย่อง ประเทศเราดี ประเทศเรามีน้ำใจ กี่ครั้งกี่หนก็คนไทยมีน้ำใจ มีเมตตา แต่ดูแต่ละเรื่องแต่ละอย่างที่ทำลงไป นี่เรากำลังเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า นั่นเป็นเพียงภาพในอดีต แต่ปัจจุบันเราได้เปลี่ยนไปแล้วหรือเปล่า


รวมถึงสื่อมวลชนที่ก่อนนี้ฉันนั่งดูข่าวกรณีชาวโรฮิงยา ผู้เล่าข่าวบางคนของช่อง 5 พยายามบอกว่าคนพวกนี้มีแผนการในการเข้ามาประเทศเราอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไม่ได้น่าสงสารอย่างที่ข่าวนำเสนอ รวมถึงคนไทยเราเองก็อย่างว่า มีน้ำใจ มีเมตตา ช่วยเหลือตลอด ทั้งที่บางคนบางกลุ่มเป็นสายของการก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ - ซึ่งสิ่งที่คุณพูดมาก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรเลย หากเป็นการพยายามปกป้องทหารไทยเท่านั้น สู้ให้มีการพิสูจน์หลักฐานกันก่อนแล้วค่อยพูดไม่ดีหรือ


ไม่ใช่ฉันไม่รักคนไทย แต่ฉันอยากรักคนไทย รักประเทศไทย ในฐานะที่เราเป็นคนดี เป็นประเทศที่ดี มีสปิริต อย่างแท้จริง ไม่ใช่รักอย่างไม่ลืมหูลืมตาอย่างนี้


หลายครั้งหลายหนที่ฉันคิดถึงคนอย่างพี่มด-วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ พี่ปุ๋ย-นันทโชติ ชัยรัตน์ รวมถึง ไมเคิล ไรท์ นักเขียนมติชนที่เพิ่งลาลับและมติชนก็ลดธงลงครึ่งเสาเป็นการให้เกียรติและไว้อาลัยกับการจากไป


  


คนเหล่านี้พลัดบ้านพลัดช่องข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล ความรักจากครอบครัวและพื้นที่เดิมซึ่งยังคงมีอยู่รองรับมากมาย นั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนทั่วไป

แต่การที่คนเหล่านี้ทำให้คนต่างที่ต่างถิ่นพากันเทหัวใจ มอบความรัก ความอาลัย ให้อย่างสุดซึ้ง นี่ต่างหากที่ทำให้คนบางคนไม่อาจเป็นคนธรรมดาๆ อย่างที่เราๆ เป็นกัน

อยากเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ก็อย่าเจ๋งแต่ในบ้าน!

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
นั่งดูบอลคู่นี้อย่างไม่ตั้งใจนัก เผอิญว่ากดรีโมทโทรทัศน์มาเจอเข้าพอดี เลยคิดว่าอยากจะเชียร์บอลไทยสักหน่อย ดูเวลาการแข่งขันตอนนั้นก็เข้าสู่นาทีที่เจ็ดสิบกว่าแล้ว ไทยนำอยู่ 2-1 ดูไปได้ไม่ทันไร ก็มาถึงจังหวะการกระโดดแย่งบอลกันกลางอากาศ นักเตะไทยเป็นฝ่ายกระโดดได้สูงกว่าและโดนลูกบอล แต่เมื่อเท้าแตะถึงพื้น นักเตะไทยวิ่งต่อ ส่วนนักเตะเลบานอนลงไปนอนกับพื้น เอากุมหัว ดิ้นอย่างเจ็บปวดสักพักเมื่อเขาลุกขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือเลือดอาบหน้าและสองมือที่กุมเอาไว้ เลือดออกเยอะมากขนาดที่เห็นแล้วต้องเบะปาก ขณะที่เพื่อนร่วมทีมวิ่งมาดู นักเตะไทยเดินยิ้ม ยักไหล่ แพทย์สนามก็มาช้าเหลือเกิน เกมรึ…
สร้อยแก้ว
หลังการจากไปของพี่ปุ๋ย (นันทโชติ ชัยรัตน์) วันหนึ่งของต้นฤดูหนาว พี่แป๊ะ ภรรยาพี่ปุ๋ยก็มีดำริจะปลูกบ้านเป็นของตัวเองเสียที โดยพี่แป๊ะได้ซื้อไม้จากบ้านเก่าหลังหนึ่งไว้ ก่อนการเริ่มต้นปลูกบ้าน พี่แป๊ะจึงต้องหาคนมารื้อเอาไม้จากบ้านเก่าก่อน ซึ่งก็ได้น้องนุ่งแรงดีจากลุ่มน้ำมูนและหนุ่มในเมืองอย่างเอก และผู้อาวุโสแต่หัวใจวัยรุ่นอย่างพ่อถาหนึ่งในแกนนำปากมูน แห่งบ้านนาหว้า มาช่วยกันคนละไม้ละมือ
สร้อยแก้ว
(ขอความกรุณาสวมเสื้อขาว, สีฟ้า หรือสีที่ดูเหมาะสม ยกเว้นอย่าสวมเสื้อสีเหลืองหรือสีแดง เพราะจะทำให้แตกสามัคคี) ข้อความในวงเล็บนี้ทำเอาฉันอมยิ้มจนเกือบเผลอหัวเราะนี่คือจดหมายเชิญเดินเทิดพระเกียรติของชมรมผู้สูงอายุตำบลหารแก้วที่ประธานชมรมถึงกับควบมอเตอร์ไซค์แถดๆ มาหาพ่อถึงบ้าน
สร้อยแก้ว
 ฉันมีโอกาสไปร่วมงานรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ ๑๐ ปีนี้ เลยทำให้อดคิดไม่ได้ว่า รางวัล มีความหมายอย่างไรต่อชีวิตคนบ้าง ลองเปิดพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถานดู เขาก็บอกว่ารางวัลคือ สิ่งของหรือเงินที่ได้มาจากความดี ความชอบ หรือความสามารถย้อนทบทวนตอนเด็กๆ รางวัลแรกของฉันมาจากการวิ่งได้ที่ ๓ จากการวิ่งแข่งกันสี่คน (เกือบไป!) โชคดีได้ขึ้นแท่นรับรางวัลกับเขา ยิ้มแก้มแทบปริ และเมื่อถึงบ้านก็รีบเอาสมุดดินสอมาให้พ่อกับแม่ดู
สร้อยแก้ว
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ภาพของเพื่อนสนิทคนหนึ่งในวันที่เข็นรถเด็กที่มีเด็กหญิงวัยแปดเดือนนั่งยิ้มแฉ่งเดินเล่นยามเย็นนอกเมืองก็โผล่ขึ้นมาในห้วงคำนึงในวันฝนตก ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกันเลยสักนิด เธอดูมีความสุขปลอดโปร่งใจดีเหลือเกิน เธอบอกฉันว่า แต่ก่อน เธอมองชีวิตแบบเอ็นจีโอ ใส่เสื้อผ้าฝ้าย ใช้ข้าวของอย่างประหยัด หน้าตาไม่แต่ง เธอเชื่อมั่นในวิธีคิดแบบนั้น ศรัทธาคนเหล่านั้น แต่วันเวลาก็ทำให้เธอเห็นว่าคนเหล่านั้นก็เป็นเพียงปุถุชนธรรมดาๆ เท่านั้น พวกเขาไม่ได้ดีอย่างที่เรามอบความศรัทธาให้ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงใช้ชีวิตตามแนวคิดอย่างนั้นได้อย่างเชื่อมั่นอยู่ตั้งหลายปี…
สร้อยแก้ว
สำหรับนักเขียน ยามคอมพิวเตอร์มีปัญหานับว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว เพราะแต่ละวันไม่ว่ายังไงก็ต้องได้ลูบๆ เคาะๆ วันละนิดละหน่อยจนเคยชิน ครั้นเมื่อมันเกิดปัญหาขลุกขลัก แม้จะรู้สึกเซ็งๆ แต่ก็ต้องทนหอบหิ้วมันไปหาช่าง – คนที่เราคิดว่าเขารู้ดีกว่าเราแต่การเลือกช่างก็เหมือนการเลือกหมอรักษาอาการป่วยของเรานั่นแหละ หากยามใดเราไปเจอหมอที่วินิจฉัยโรคเราผิด จากที่ไม่ได้เป็นอะไรเลยแต่กลับบอกว่าเป็นโรคร้ายต้องผ่าตัดไปหลายยก เจ็บกาย เสียเวลา เสียเงิน เพื่อที่จะพบว่า ที่แท้เราไม่ได้เป็นอะไรเลย ความรู้สึกโกรธและไม่อาจทำใจยอมรับกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านห้วยสะคามตื่นเต้น ใช้ไฟฟรี ประหยัดกันยกใหญ่! อยากให้พาดหัวข่าวแบบนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์บ้างจัง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กมากของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ขัดแย้งใหญ่หลวงของบ้านเมืองยามนี้ นโยบายอะไรๆ ของรัฐบาลก็ไม่ดีทั้งนั้น ในฐานะที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมากเกี่ยวกับนโยบายประชานิยม แต่ว่าพอเข้าใจหัวจิตหัวใจของชาวบ้านตาดำๆ ซึ่งเวลาลงคะแนนเลือกตั้งเสียงของเขาก็มีค่าเท่ากับศาสตราจารย์หรือด๊อกเตอร์ในเมืองไทย เขาก็มองเห็นผลดีผลได้เท่าที่จับต้องได้ ไม่ต้องอ้างเอ่ยว่าเขาซื้อเสียงง่ายหรอก แต่เขาเห็นว่าเขาได้อะไรจากรัฐบาลชุดที่แล้ว (ยุคทักษิณ) เขาถึงเลือกและชอบ
สร้อยแก้ว
ภาพจาก http://www.blogth.com/blog/ddimg/uploadimg/20070514/093435918.jpgอาจไม่ต้องถึงขั้นเป็นคอบอล เป็นแค่ผู้นิยมกีฬาฟุตบอลก็คงต้องอยากดูเกมระหว่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับเชลซีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมาว่าจะเป็นอย่างไร เปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก เชลซีเดินหน้าชนะทุกนัดเก็บมาได้เก้าคะแนนเต็ม เป็นการออกสตาร์ทที่สวยงามและทั้งนักเตะทั้งแฟนบอลเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ขณะที่แชมป์เก่าอีกทั้งยังเป็นแชมป์ถ้วยฟุตบอลสโมสรยุโรปซะด้วย กลับเก็บมาได้เพียงสี่คะแนน แพ้บ้าง เสมอบ้าง จนแฟนๆ ชักใจคอไม่ดี แม้ฤดูกาลที่แล้วก็ออกสตาร์ทไม่ดีเหมือนกันแต่สุดท้ายก็ได้ถ้วย…
สร้อยแก้ว
โขงเจียมคือชื่ออำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี อันเป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นเมืองที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามเพราะอยู่ทิศตะวันออกสุดของประเทศ และยังเป็นที่รู้จักอีกในฐานะที่มีแม่น้ำสายสำคัญของอีสานสองสายมาบรรจบคือแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง จุดที่บรรจบกันนั้นเรียกกันอย่างไพเราะว่า แม่น้ำสองสี โขงสีขุ่น มูลสีคราม (แต่ตอนนี้ขุ่นทั้งคู่ หากอยากเห็นมูลสีครามน่าจะเป็นช่วงหน้าแล้ง) โขงเจียมมีฐานะเป็นอำเภอ แต่อำเภอนี้เล็กเหมือนหมู่บ้าน ค่ำมาราวสักสองทุ่มก็เงียบแล้ว บางบ้านเข้านอน บางบ้านอาจจะยังนั่งพูดคุยกันอยู่หน้าบ้าน แต่คุยกันอย่างเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก สงบดีเหลือเกิน…
สร้อยแก้ว
ฤดูฝน นาพ่อสนเขียวไสวด้วยต้นข้าว ยามเช้าน้ำค้างชุ่มหญ้า ชุ่มพุ่มไม้ ครั้นเมื่อแสงแดดโผล่พ้นจากหมู่เมฆ ท้องนาสีเขียวยิ่งดูกระจ่างตา เหลียวมองรอบๆ แสนสบายตาสบายใจ เอ แล้วดอกอะไรกันหนอสีแดงขาว เป็นพุ่มไม้ใหญ่อยู่หน้าเถียงนาอีกแห่งนั่น ? เห็นแล้วก็อดคว้ากล้องเดินย่ำน้ำค้างบนคันนาไปหาดอกไม้นั้นไม่ได้ ไพจิตรเห็นก็วิ่งตามโดยทันใด เธอไม่ใส่รองเท้า ฉันบอกระวังหนาม ไพจิตรเงยหน้าขึ้นมองไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้ม เธอทำให้ฉันอดคิดถึงครั้งหนึ่งเมื่อเราไปเที่ยวช่องเม็ก ด่านชายแดนลาวด้วยกัน
สร้อยแก้ว
ฉันถ่ายรูปไพจิตรไว้หลายรูปทีเดียว จนอดไม่ได้ที่จะเขียนถึงเธออีกครั้ง ด้วยความที่เธอบริสุทธิ์เหลือเกิน บ้านของไพจิตรอยู่ในหมู่บ้าน แต่เธอและครอบครัวมักชอบไปนอนเถียงนาที่มีวัว ควาย หมู หมา ไก่ เป็นเพื่อน ในหมู่บ้าน บ้านเรือนมักจะปลูกติดๆ กัน อันเป็นธรรมดาของสังคมหมู่บ้าน ซึ่งสมัยก่อน บ้านเรือนอาจปลูกไม่ชิดกันมากขนาดนี้ แต่เมื่อลูกหลานสร้างครอบครัวกันขึ้นมาใหม่ เริ่มปลูกบ้านหลังใหม่เพิ่ม ลักษณะหมู่บ้านจึงดูหนาแน่นขึ้น ครอบครัวของพ่อสนซึ่งรักความสันโดษเลยพากันไปนอนเถียงนาที่แสนจะเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย และฉันก็มักไปนอนที่นั่นด้วยบ่อยๆ
สร้อยแก้ว
ดาวใจและไพจิตร เป็นชื่อของเด็กหญิงสองพี่น้อง ลูกสาวแม่พร พ่อสน คนดูแลสวน-สถานที่ของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน พ่อสนมีลูกทั้งหมดสิบคน ลูกชายสองคนก่อนหน้าดาวใจ ไพจิตร ชื่อไมโคร และ นูโว นัยว่าพ่อท่าจะชอบเสียงเพลงมากถึงตั้งชื่อลูกเป็นชื่อศิลปินนักร้อง ตอนนี้ลูกๆ ของพ่อสนที่ไม่ได้เอ่ยนามล้วนออกเรือน มีครอบครัว บ้างเสียชีวิต ลูกๆ ที่ยังอยู่กับพ่อสน แม่พร จึงมีสี่คนที่ว่า (ส่วนลูกชายอีกคนหนึ่งของพ่อสนที่เคยโด่งดังในม็อบปากมูนเมื่อหลายปีก่อน จนหนังสือพิมพ์หลายฉบับต่างเขียนถึงและลงบทสัมภาษณ์ คือดาวไฮปาร์คเด็กที่ชื่อ เปาโล ตอนนี้เปาโลโตเป็นหนุ่ม แต่งงานมีลูกแล้ว) ดาวใจกับไพจิตร เป็นเด็กหญิงที่ร่าเริง…