Skip to main content
นั่งดูบอลคู่นี้อย่างไม่ตั้งใจนัก เผอิญว่ากดรีโมทโทรทัศน์มาเจอเข้าพอดี เลยคิดว่าอยากจะเชียร์บอลไทยสักหน่อย ดูเวลาการแข่งขันตอนนั้นก็เข้าสู่นาทีที่เจ็ดสิบกว่าแล้ว ไทยนำอยู่ 2-1


ดูไปได้ไม่ทันไร ก็มาถึงจังหวะการกระโดดแย่งบอลกันกลางอากาศ นักเตะไทยเป็นฝ่ายกระโดดได้สูงกว่าและโดนลูกบอล แต่เมื่อเท้าแตะถึงพื้น นักเตะไทยวิ่งต่อ ส่วนนักเตะเลบานอนลงไปนอนกับพื้น เอากุมหัว ดิ้นอย่างเจ็บปวด


สักพักเมื่อเขาลุกขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือเลือดอาบหน้าและสองมือที่กุมเอาไว้ เลือดออกเยอะมากขนาดที่เห็นแล้วต้องเบะปาก ขณะที่เพื่อนร่วมทีมวิ่งมาดู นักเตะไทยเดินยิ้ม ยักไหล่ แพทย์สนามก็มาช้าเหลือเกิน เกมรึ ทีแรกยังมีแนวโน้มว่าจะเล่นต่ออีกคงคิดว่านักเตะเลบานอนแกล้งทำ


เห็นเพียงเท่านี้ จิตใจที่นึกอยากเชียร์ทีมไทยก็เริ่มเบี่ยงเบนเสียแล้ว


ยิ่งได้ยินนักพากษ์ของช่อง 7 พยายามบอกว่าเราเข้าถึงบอลก่อน ไม่ผิด ก็ยิ่งหดหู่ว่า คุณจะมัวมากลัวความผิดอะไรในเวลานี้เล่า นักพากษ์ที่ดีต้องลองรีเพลย์ภาพดูสิว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมนักฟุตบอลมันเลือดอาบขนาดนั้น เราจะมามัวเข้าข้างประเทศตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตาได้อย่างไร

นักบอลไทยชักศอกหรือเปล่าในจังหวะนั้น หรือว่าเอาหัวกระแทกกัน (ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่าใช่ เพราะไม่ได้เอาหัวมาชิดกันตอนโหม่ง)


ตั้งนานกว่าที่แพทย์สนามจะมาและเริ่มเล่นต่อ ส่วนคนหัวแตกได้ลงเล่นต่อไหม ฉันก็ดูไม่ออก คราวนี้เกมเริ่มดุเดือดขึ้น จนถึงขั้นวางมวยตะลุมบอลกันอยู่สองรอบ


นักเตะเบอร์ 9 ของเลบานอนถูกจับตามากกว่าเพื่อนเพราะดูอารมณ์ร้อนและสะบัดมืดตบ (ในเว็บไซต์พันทิปพากันตั้งกระทู้ขำๆ ว่าเป็นกระเทยหรือเปล่า) ฉันนั่งดูจนเกมจบและรอดูข่าวว่าช่องไหนจะรายงานอย่างไรบ้าง แต่เวลาเปิดข่าวก็เปิดไม่ทันข่าวกีฬาสักช่อง เห็นแต่เอสเอ็มเอสที่แสดงถึงจิตใจของคนไทยส่วนใหญ่ที่เรียกร้องความเป็นเจ้าภาพที่ดีและความเป็นนักกีฬามืออาชีพจากทีมไทย


ล่วงมาถึงเที่ยงวันนี้ (บอลเตะเมื่อวาน) ทันดูข่าวของช่อง 7 ก็เลยรอฟังปรากฏว่าลงแต่ข่าวความชื่นมื่นของกองเชียร์และชื่นชมว่านักเตะไทยเก่ง คว้าชัยชนะมาได้


ครั้นเปิดอีกช่องดูข่าวของคุณกฤษฎิน สุวรรณบุปผา ช่อง TBPS ทันฟังแต่ตอนปลายๆ ที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ใหญ่ในสมาคมฟุตบอล (อ่านชื่อไม่ทัน) ที่คุยผ่านโทรศัพท์บอกว่า ที่ต้องใช้กรรมการไทยตัดสินเพราะต้องการให้กรรมการไทยได้สัมผัสเกมนานาชาติ จะได้ยกระดับมาตรฐานของตัวเอง


ฟังแล้วก็ได้แต่ เฮ้อ!


ก่อนจะยกระดับมาตรฐานกรรมการ ก็ควรจะยกระดับจิตใจของความเป็นกลาง ความเป็นมืออาชีพของกรรมการก่อนดีไหม


ไม่เคยเกี่ยงเลยนะว่าจะเป็นกรรมการไทย แต่ถ้าตัดสินเกมอย่างที่เข้าข้างคนไทยจนน่าเกลียด แถมนักบอลทะเลาะ ตบกัน แล้วยังปล่อยเล่นต่อ จนต้องวางมวยกันไปหลายรอบ อย่าว่าแต่ระดับนานาชาติเลย ระดับตำบลก็มีปัญหาเหมือนกัน


การนำเสนอข่าวของช่อง TBPS ยังพอทำใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่พยายามให้คนดูได้เห็นจังหวะการเข้าทำของแต่ละฝ่ายจนเกิดความรุนแรงและไม่ตำหนิฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนเกินไป หากตั้งคำถามเอากับกรรมการ และผู้เล่นตามเหตุตามผลจากสิ่งที่คนนั้นๆ ได้กระทำลงไป


โดยเฉพาะในจังหวะแรกที่เป็นฉนวนเริ่มต้นให้เลบานอนเริ่มโกรธแค้น คือ การเข้าบอลของโกลไทยที่ปะทะกับนักเตะเลบานอน จนเขากรามแตก ฟันหัก ต้องหามส่งโรงพยาบาล


โอ้โห! นี่ เพิ่งรู้เลยนะเนี่ยว่ามันแรงถึงขนาดนี้ มากกว่าภาพนักเตะหัวแตกที่ฉันเห็นเสียอีก

แล้วกรรมการก็ยังทำเฉย ไม่ไล่ใครออก


นี่ภาพที่ช่อง TBPS นำมาลงให้ดูยังน้อยไป ยังมีอีกภาพที่กลายเป็นต้นเหตุมวยหมู่รอบสองและแรงมาก ก็คือ จังหวะบอลที่เบอร์ 9 ของเลบานอนผ่านบอลไปให้นักเตะคนอื่นแล้ว แต่นักเตะไทยยังวิ่งเข้าไปเอาเข่าใส่อย่างเจตนา ดูยังไงก็น่าเกลียดสุดจะบรรยายและกรรมการก็ไม่ได้ทำโทษอะไรเลย เบอร์ 9 ของเลบานอนซึ่งขี้โมโห ตะบะแตก อยู่แล้วเลยเอาคืน จากนั้นนักเตะทุกคนก็กรูกันเข้ามาชุลมุนจนกลายเป็นมวยหมู่ (จนคนดูถามกันว่า บอลไทยจะไปมวยโลกใช่ไหม)


พูดตามตรงดูจนจบเกมเมื่อวานแล้วอยากจะร้องดังๆ ว่าประเทศ---เอ๊ย!


ไม่ว่าโรฮิงยา หรือ เลบานอน ถ้าประเทศเป็นอย่างนี้ ทั้งเห็นแก่ตัว เอาเปรียบคนอื่น เจ๋งแต่ในบ้าน แล้วจะให้รักให้ภูมิใจได้ยังไงเล่า


ถ้าจะเจ๋ง อย่าเจ๋งแต่ในบ้านตัวเอง!


ถ้าจะเก่ง ก็จงเก่งโดยให้โลกยอมรับ เดินออกมาสู่โลกภายนอก ยอมรับกติกาสากล เข้มแข็ง อดทน และต่อสู้เพื่อพิสูจน์ ทำให้คนที่อื่นก้มหัว ยอมรับ ยกย่อง ไม่ใช่พวกกันเองพากันมายกย่อง ประเทศเราดี ประเทศเรามีน้ำใจ กี่ครั้งกี่หนก็คนไทยมีน้ำใจ มีเมตตา แต่ดูแต่ละเรื่องแต่ละอย่างที่ทำลงไป นี่เรากำลังเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า นั่นเป็นเพียงภาพในอดีต แต่ปัจจุบันเราได้เปลี่ยนไปแล้วหรือเปล่า


รวมถึงสื่อมวลชนที่ก่อนนี้ฉันนั่งดูข่าวกรณีชาวโรฮิงยา ผู้เล่าข่าวบางคนของช่อง 5 พยายามบอกว่าคนพวกนี้มีแผนการในการเข้ามาประเทศเราอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไม่ได้น่าสงสารอย่างที่ข่าวนำเสนอ รวมถึงคนไทยเราเองก็อย่างว่า มีน้ำใจ มีเมตตา ช่วยเหลือตลอด ทั้งที่บางคนบางกลุ่มเป็นสายของการก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ - ซึ่งสิ่งที่คุณพูดมาก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรเลย หากเป็นการพยายามปกป้องทหารไทยเท่านั้น สู้ให้มีการพิสูจน์หลักฐานกันก่อนแล้วค่อยพูดไม่ดีหรือ


ไม่ใช่ฉันไม่รักคนไทย แต่ฉันอยากรักคนไทย รักประเทศไทย ในฐานะที่เราเป็นคนดี เป็นประเทศที่ดี มีสปิริต อย่างแท้จริง ไม่ใช่รักอย่างไม่ลืมหูลืมตาอย่างนี้


หลายครั้งหลายหนที่ฉันคิดถึงคนอย่างพี่มด-วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ พี่ปุ๋ย-นันทโชติ ชัยรัตน์ รวมถึง ไมเคิล ไรท์ นักเขียนมติชนที่เพิ่งลาลับและมติชนก็ลดธงลงครึ่งเสาเป็นการให้เกียรติและไว้อาลัยกับการจากไป


  


คนเหล่านี้พลัดบ้านพลัดช่องข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล ความรักจากครอบครัวและพื้นที่เดิมซึ่งยังคงมีอยู่รองรับมากมาย นั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนทั่วไป

แต่การที่คนเหล่านี้ทำให้คนต่างที่ต่างถิ่นพากันเทหัวใจ มอบความรัก ความอาลัย ให้อย่างสุดซึ้ง นี่ต่างหากที่ทำให้คนบางคนไม่อาจเป็นคนธรรมดาๆ อย่างที่เราๆ เป็นกัน

อยากเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ก็อย่าเจ๋งแต่ในบ้าน!

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
นุ่มนิ่มเหลือเกิน ลูกแม่เอ๋ย นานวัน เนื้อตัวเจ้าอวบอิ่ม กอดได้แน่นเต็มกอด หอมแก้มเจ้าได้แรงๆ เสียงหัวเราะคิกๆ คักๆ ยามแม่เอาหน้าซุกพุงนิ่ม หรือสีข้างซี่โครงน้อย เจ้าร้องลั่น หัวเราะกรี๊ดๆ จั๊กจี้จั๊กกะเดียม แม่รู้ความลับของเจ้าแล้วสิ ว่าเจ้าเองก็บ้าจี้เหมือนแม่ แต่ยิ่งเจ้าเบี่ยงตัวหนีคิกๆ แม่ก็ยิ่งอยากแกล้ง เพราะอยากยินเสียงคักๆ คิกๆ กรี๊ดกร๊าดๆ
สร้อยแก้ว
ถึง ลุงแสงดาว เช้าวันนี้แม่ตื่นตั้งแต่ยังไม่ถึงตีห้าดี แม่ย่องมาเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดอินเตอร์เน็ต (ยามเช้าๆ เน็ตแม่จะเดินได้เร็ว คงเพราะเป็นเวลาที่ไม่ค่อยมีใครใช้งาน คลื่นอากาศเลยเดินทางได้คล่อง) แม่คงคิดว่าจะแอบทำงานตอนหนูหลับล่ะสิ เรื่องอะไร หนูจะยอมให้แม่สนุกอยู่คนเดียวล่ะ หนูไหวตัวทันหรอกน่า เลยกลิ้งซะสองรอบแล้วยันขายันแขนลุกนั่ง ร้อง อื้อๆ แม่ก็หันขวับทันที
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำอายุครบ ๗ เดือนในวันนี้แล้ว ลูกมีภาษาของลูก และรู้วิธีสื่อสารกับแม่ ๐ ถ้าลูกเบื่อนอนเล่นหรือการนั่งอยู่กับที่ ลูกอยากให้แม่พาเดินเล่น ลูกจะเงยหน้าร้องอ้อนด้วยการทำเสียงฮือๆ หรือบางทีทำเสียงแงๆ แต่ว่าไม่มีน้ำตาหรอก ลูกแกล้งทำ พอแม่อุ้ม ลูกก็จะยิ้มร่า พร้อมกับตบบ่าแม่แปะๆ เมื่อไหร่ที่ลูกตบบ่าแม่แปะๆ นั่นแปลว่า ไป ไป เหมือนว่าแม่เป็นม้างั้นเหอะ ตบก้นแล้วไปได้
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเองที่แม่หลบมารดน้ำให้หัวใจ รินลมหายใจแผ่วๆ ช้าๆ ตาน้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านี้เอง แต่มันทำให้แม่มีความสุข เพราะแม่สงบ ปลอดโปร่ง
สร้อยแก้ว
ตาน้ำ ยามเมื่อลูกนอนหลับ สิ่งที่แม่อยากทำที่สุดคืออะไรนะ เขียนหนังสือ, นอน, อยู่เฉยๆ ว่างๆ เพราะการเลี้ยงลูกเองมันเหนื่อยใช่เล่นเหมือนที่ใครหลายคนว่า แทบไม่ได้หายใจหายคอ ทั้งที่ยามลูกตื่นเราก็เล่นสนุกด้วยกัน มีความสุขเมื่อลูกอยู่ในอ้อมกอด ขำบ้าง ดุบ้างยามลูกยื้อแย่งจะเอาทุกอย่างในมือแม่
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำ ลูกรู้สึกอย่างไรบ้างไหมขณะที่ลูกบินอยู่บนฟ้า ตาน้ำ ลูกดูดนมแม่แล้วหลับปุ๋ยขณะแม่กอดลูกไว้แนบอก แม่เหม่อมองท้องฟ้า เห็นเพียงปุยเมฆขาวฟูฟ่อง บนฟ้าช่างเวิ้งว้าง บ่อยครั้งที่แม่ไม่มั่นใจเลยว่าแม่จะเป็นแม่ที่ดีไหม แม่จะเลี้ยงลูกได้คู่ควรหรือไม่ แม่รู้สึกว่าแม่ต่ำต้อยเสมอเมื่อนึกถึงความไว้วางใจจากสวรรค์ให้ดูแลบุตรีน้อยๆ คนนี้
สร้อยแก้ว
    ตาน้ำ แม่เพิ่งรู้ว่า ยามลมพายุพัดระหว่างมีบ้านอยู่กลางหุบเขากับที่ราบโล่ง เสียงสายลมจะหวีดดังไม่เหมือนกัน
สร้อยแก้ว
แต่ก่อนฉันเคยใฝ่ฝันกับการมีบ้านมานาน แต่จนแล้วจนรอดก็มักจะรู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลานั้น มันยังไม่ถึงเวลา ฉันยังอยากเดินทางท่องไปอยู่ ยังอยากพบเจออะไรใหม่ๆ อยู่ ดังนั้น หลายครั้งหลายหนเมื่อพบเจอปลอกหมอน ฟูกนอนพื้นบ้าน ผ้าพื้นเมืองลายคลาสสิก แก้ว จาน ชาม เซรามิกที่ถูกใจก็มักจะซื้อเก็บไว้ แต่ก็ไม่ค่อยได้นำเอาออกมาใช้
สร้อยแก้ว
  ฉันได้แต่อมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงดุๆ ของคนขายของชำที่มีต่อเด็กหญิงตัวเล็กๆ คะเนอายุเธอน่าจะประมาณสามขวบคนขายของถามเด็กหญิงว่า "เอาอะไร"เด็กหญิงตอบอ้อมแอ้ม น้ำเสียงลังเล "เอา...เอา... เอานม!"
สร้อยแก้ว
ช่วงปิดเทอม ดาวใจกับไพจิตรได้เข้ามาที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านเกือบทุกวันเพราะพ่อแม่ของเธอมารับจ้างสับมัน (มันสำปะหลัง) กับสหกรณ์ปากมูล (สหกรณ์ปากมูลและศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านอยู่ติดกัน) บางครั้งดาวใจก็รับจ้างด้วย เพราะเธอโตแล้ว อายุสิบสี่ปีกว่า เธอทำงานแบบนี้ได้สบายมาก ส่วนไพจิตรยังคงเป็นเด็กหญิงซนๆ วิ่งไปวิ่งมา ทำงานตามแต่คำบัญชาการของพ่อแม่