Skip to main content

ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการสร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ ได้จัดงานรำลึก ๑๕ ปีในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ในบริเวณแถบอีสานใต้นี้ นับว่ามีปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของภาครัฐอยู่หลายโครงการ เอาแค่ใกล้ๆ ที่ฉันอยู่ มีปัญหาจากการสร้างเขื่อนอยู่สามโครงการคือ เขื่อนสิรินธร เขื่อนปากมูน และเขื่อนราษีไศล


เขื่อนสิรินธรเป็นเขื่อนที่สร้างในยุคที่สังคมยังเต็มไปด้วยความขัดแย้งทางการเมือง สังคมไม่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น เมื่อมีโครงการสร้างเขื่อนจากภาครัฐเข้ามาจึงทำให้ชาวบ้านไม่มีสิทธิ์เสียงที่จะคัดค้าน รวมถึงการถูกสั่งให้ย้ายบ้านไปอยู่ในพื้นที่กันดาร ทำไร่ทำนาไม่ได้ ค่าชดเชยที่ดินที่ถูกน้ำท่วมก็ได้มาเพียงไร่ละ ๒๐๐ บาท แม้ขมขื่น ไม่ยินดีต่อสิ่งเหล่านี้ แต่จะทำอย่างไรได้ นอกจากแอบจับกลุ่มคุยกันซึ่งก็ได้เพียงไม่เกินห้าคน สภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ทำอะไรไม่ได้นี้ดำเนินเรื่อยมาจนถึงปลายปี 2537 เมื่อคนคนหนึ่งได้เข้ามาหาชาวบ้าน มาร่วมพูดคุยและเริ่มทำให้ชาวบ้านเห็นหนทางรำไรว่าจะแก้ไขให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างไร จะต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมจากเหตุการณ์ที่ทำลายสภาพชีวิตครอบครัวนี้ได้อย่างไร


บุคคลคนนั้นได้ปลุกใจให้ชาวบ้านเห็นพลังชีวิตของตัวเอง เขาทำให้ชาวบ้านรู้ว่าคนตัวเล็กๆ นั้นสามารถที่จะต่อสู้กับอำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรมได้ แต่ว่าเราจะสู้เฉพาะพวกเราไม่ได้ เสียงของเรายังน้อยเกินไป ดังนั้น เราต้องรวมกลุ่ม กลุ่มของคนเดือดร้อนมีที่ไหนเราไปรวมที่นั่น เพื่อให้เกิดพลังที่ใหญ่ขึ้น และที่สุดกลุ่มใหญ่ของความเดือดร้อนที่เขาบอกก็ปรากฏให้เห็นในนาม "สมัชชาคนจน"


นันทโชติ ชัยรัตน์ หรือหัวหน้า ปุ๋ย ของชาวบ้านกลายเป็นบุคคลที่พี่น้องสิรินธรต้องจดจำไปจนชั่วชีวิตเมื่อได้พาชาวบ้านเข้าสู่ขบวนการต่อสู้ และ๑๕ ปีแห่งพลังแห่งศรัทธา ไม่มียอมแพ้ ไม่ท้อถอย ก็ได้มอบของขวัญให้พวกเขาด้วยการที่รัฐยอมจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวที่เดือดร้อนเป็นเงินจำนวนหนึ่งที่พอจะทำให้ตั้งหลักสร้างคุณภาพชีวิตกันใหม่ได้


แน่นอนว่าในสายตาคนมีอันจะกินมันช่างเป็นเงินน้อยนิด และในสายตาของคนที่รู้เรื่องกฎหมายดีโดยเฉพาะในโลกยุคแค่กล่าวหมิ่นประมาทก็โดนฟ้องร้องค่าเสียหายเป็นเงินหลักล้าน หรือปัญหาเมียน้อยเมียหลวงก็ยังฟ้องร้องเป็นเงินสิบล้านยี่สิบล้าน ดังนั้น คนที่ได้รับการเบียดเบียนชีวิตจนไม่รู้จะหาที่ซุกหัวนอนตรงไหนได้นั้น เงินเท่านี้ยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ


แต่ทว่า ในความเคยชินของคนที่อยู่กับระบบเจ้าขุนมูลนาย ไม่ว่าคนจนเหล่านี้จะได้รับเงินชดเชยไปจำนวนเท่าไหร่ ก็ล้วนไม่สบตา ไม่ถูกใจ สักที เพราะพวกเขาเคยชินกับการที่ชาวบ้านต้องนอบน้อม ชาวบ้านที่น่ารักต้องไม่หือไม่อือ ผู้ใหญ่ว่าไงก็ค่อยว่าตาม ให้อะไรก็ควรแสดงความดีใจที่ได้รับ ไม่ใช่การมาร้องแรกแหกกระเชออยู่หน้าทำเนียบ หน้าตารึก็กระดำกระด่าง ผิวพรรณรึก็หยาบกร้าน เท้าแตกตีนแตก เสื้อผ้าเหม็นเก่า ยังพยายามจะหาทางเจรจากับนายกฯ


ความรับไม่ได้ที่เห็นชาวบ้านเปลี่ยนไปเป็นแข็งกร้าว ทำให้พวกเขามักคิดว่าคนเหล่านี้ก้าวร้าว โดยที่ไม่ได้ดูที่มาที่ไปสักนิดว่าก่อนนี้พวกเขาถูกกระทำอย่างไร


และนั่นเอง ถึงทำให้การเรียกร้องความเป็นธรรมของคนรากหญ้าต้องใช้เวลายาวนาน (จนฉันคิดว่า มันน่าจะจ่ายค่าเสียเวลาให้ด้วยนะ ตั้ง ๑๕ ปี นี่ถ้าเป็นปัญญาชนหัวหมอในเมืองกรุงก็คงทำแบบนี้แล้ว)


เมื่อได้รับเงิน ชาวบ้านทุกคนต่างซาบซึ้งถึงคุณค่าเงินก้อนนี้ดีว่า กว่าจะได้มาต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงไหน แต่แน่นอนว่า ภายใต้ความเหน็ดเหนื่อยนี้ ทุกคนก็ได้บทเรียนอันประเมินเป็นมูลค่าไม่ได้ มันมีค่ายิ่งกว่าเกียรติบัตรความรู้ระดับใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมันมาจากประสบการณ์ตรงที่แม้คนจบด๊อกเตอร์มาก็อาจไม่เข้าใจ


ดังนั้น เพื่อไม่ให้บทเรียนชีวิตสูญเปล่าหรือว่าได้เงินมาแล้วก็แปลว่าการต่อสู้นั้นได้จบลง ชาวบ้านทั้งหมดจึงตกลงกันว่าเราจะยังคงรวมกลุ่มช่วยเหลือกันและกัน อีกทั้งจะทำงานกันต่อไปเผื่อมีปัญหาอื่นๆ อีกในวันข้างหน้า

"หัวหน้าปุ๋ยบอกว่า ถ้าเราได้รับการแก้ปัญหาแล้วเราก็ยังต้องรวมกันเพื่อสู้เหมือนเดิม เพราะถ้าต่างคนต่างอยู่วันหน้าเค้าก็จะมาเอาเปรียบอีก"


พ่อ บุญมี คำเรือง หนึ่งในแกนนำสำคัญของชาวบ้านสิรินธรเล่าให้ถึงแนวคิดของหัวหน้าปุ๋ยที่อยากให้ทุกคนยังรวมตัวกันอยู่ และแน่นอนทุกคนล้วนเห็นด้วยและพร้อมจะสืบสานแนวคิดนี้


วันที่จัดงาน มีทั้งเวทีอภิปรายของชาวบ้านที่ได้สรุปบทเรียนการต่อสู้และก้าวต่อไปของชาวบ้านสิรินธร ซึ่งก็มีทั้งคำแนะนำในเรื่องการใช้เงินที่ได้มา โดยเฉพาะการเน้นให้ทำการเกษตรอินทรีย์ อย่าไปเป็นทาสของปุ๋ยเคมี หรือ ธกส. ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นหนี้กันอีก


แน่นอนว่า เมื่อเอ่ยถึง ธกส. แล้ว วงนอกเวทียังคงคุยกันอย่างออกรสออกชาติว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้ชาวบ้านหนีภัยจาก ธกส. ได้


ปัญหา ธกส. มีมาแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่จวบจนถึงเดี๋ยวนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ซึ่งดูเหมือนว่าจะมาช่วยเหลือคนจนแต่สุดท้ายกลับกลายเป็นมีดที่คอยกรีดเฉือนเอาเนื้อคนจนไปกินทุกปี ทุกปี หลายคนหมดเนื้อหมดตัว ต้องยกที่ดินทำกินให้ธนาคารไป หลายคนก็ยังเป็นหนี้บานเบอะจนหัวหงอกหัวขาวก็ยังไม่รู้จะใช้หนี้อย่างไรหมด


อะไรจะช่างประสบความสำเร็จอย่างสูงปานนั้นหนอ ธกส.


งานรำลึก ๑๕ ปีการต่อสู้เขื่อนสิรินธร นอกจากเวทีการอภิปรายที่ยังคงเป็นประโยชน์ต่อคนฟังแล้ว ช่วงเย็นและกลางคืนยังคงมีดนตรีและหมอลำมาร้องรำทำเพลงท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายพอดี


เสียงพิณเสียงแคนเสียงร้องลำยังคงปลุกขวัญและเป็นกำลังใจให้ชาวบ้านที่หากดูเพียงรูปลักษณ์ภายนอก เราก็อาจจะคิดด้วยความคุ้นเคยว่าพวกเขาเป็นเพียงพลเมืองชั้นล่าง ไม่ปราดเปรื่องดั่งคนมีความรู้ดี แต่หากได้ลองฟังพวกเขาพูด เปิดโอกาสให้พวกเขาได้พูด ก็จะรู้ว่าพวกเขามีปัญญา มีวิจารณญาณ และมีอารมณ์อันเยือกเย็น น่านับถือ


คนใช้ชีวิตมาปูนนี้ ย่อมรู้ได้ไม่แตกต่างจากพวกเราว่าอะไรคือดี อะไรคือถูกต้อง

 

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
  ๑.ผูกพัน เป็นชื่อเพลงเพลงหนึ่งไม่บ่อยนักที่ฉันจะได้ฟังเพลงสักเพลงแล้วมันตรึงเราให้อยู่นิ่งๆ ตั้งอกตั้งใจฟังจำได้ว่า วันนั้นฉันนอนเปลที่ผูกเข้ากับเสาอาคารและต้นไม้ข้างศูนย์ฯ มีกิจกรรมค่ายของน้องๆ วัยมัธยมและมหาวิทยาลัยราวสี่สิบคน บรรดาพี่เลี้ยงเป็นคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมที่แต่ละคนล้วนฝีมือฉกาจฉกรรจ์ โดยเฉพาะ แคน และน้องผู้ชายอีกคนจำชื่อไม่ได้ (มาจากแก่งเสือเต้น) ดำเนินกิจกรรมให้กับเด็กๆ ได้อย่างมีสาระและสนุกสนาน เรียกว่าเอาอยู่ เก่งมากๆ
สร้อยแก้ว
 หน้าบ้านดอกโมกบานก่อนเพื่อนดอกมะลิตามมาดอกคูนเริ่มผลิไสวลั่นทมสี่ต้นที่เคยปลูกเองกับมือก็ผลิดอกให้ชมเร็วทันใจปีที่แล้วนี้เอง, ตอนนั้นเอามาปลูกกับเด็กหญิงไพจิตรพายุคะนองทำให้กิ่งก้านใหญ่ของลั่นทมหน้าศูนย์ฯ หักฉันแบ่งออกเป็นสี่กิ่งปลูกรอบบ้านดินไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาอยู่บ้านหลังนี้ลั่นทมกลิ่นหอม ชอบเด็ดมาดมดอกพุก ไม้ยืนต้นก็บานแล้วสีขาวดอกยอกขี้หมาส่งกลิ่นหอมจากคืนถึงเช้ามันเป็นดอกที่ชื่อกับตัวไม่เข้ากันเลยยอกขี้หมาสีขาวร่วงหล่นบนพื้นสีขาวเกลื่อนทางเดินดูสวยดียามเช้าตื่นมาเดินเล่น สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้แสนสดชื่นเย็นวันนี้…
สร้อยแก้ว
แม้ม็อบเสื้อสีๆ จะซาลงไปแล้ว (ซาแต่นามภาพ-รูปธรรม แต่ในความรู้สึกนั้นยังคงไหลแรง) แต่ฉันก็ยังเชื่อว่าคนที่เข้าร่วมแต่ละกลุ่มย่อมมีความคิด มีทัศนคติที่ชัดเจนของตนเอง อย่างที่ทิ้งท้ายไว้ในตอนที่แล้วว่าฉันจะนำความคิดของ ไม้หนึ่ง ก.กุนที มานำเสนอ เพราะเห็นว่าวิธีคิดของเขาน่าสนใจมาก ซึ่งแม้ปัจจุบันฉันจะยังอยู่ขอบปลายชายแดนอีสาน ไม่มีโอกาสได้เจอหรือพูดคุยกับตัวตนจริงๆ ของเขา และบทสัมภาษณ์ที่คัดลอกมาฝากนี้ก็เคยผ่านหน้านิตยสารมาบางส่วนแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากให้ใครอีกหลายๆ ที่อาจยังไม่ได้ผ่านตากับความเห็นเหล่านี้ได้ลองอ่านเล่นๆ ดูบ้าง
สร้อยแก้ว
ไม้หนึ่ง ก. กุนที - เป็นใคร? สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจงานเขียนประเภทกวีนิพนธ์หรืองานวรรณกรรม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะตั้งคำถามนี้ แต่สำหรับแวดวงนักเขียนหรือคนที่สนใจงานวรรณกรรม ย่อมรู้จักเขาดีว่าเขาคือหนึ่งในกวีหัวก้าวหน้าที่มีความสามารถสูงในด้านฉันทลักษณ์จนก้าวพ้นกรอบกฎเกณฑ์ของฉันทลักษณ์ไปได้อย่างสง่างามและพยายามที่จะให้ฉันทลักษณ์รับใช้ศิลปะ มีชีวิตชีวา มากกว่าเพียงแค่ถ้อยคำไพเราะเพราะพริ้ง
สร้อยแก้ว
แมนยูฯ คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ศูนย์ฯ คือ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูนฉันย้ายจากบ้านเช่าในเมืองโขงเจียมมาอยู่บ้านดินของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน ได้ ๑ เดือนเต็มๆ แล้วและนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ภายในบ้านที่มีโทรทัศน์ใส่กล่องกระดาษตั้งอยู่ มันก็มีหน้าที่เป็นพนักพิงยามเขียนหนังสือ (กับโต๊ะญี่ปุ่น) ให้เท่านั้น ฉันขอความร่วมมือจากคนร่วมชายคาบ้านว่าหากอยากดูข่าวสารจากโทรทัศน์ก็ช่วยออกแรงเดินสักร้อยกว่าเมตรไปดูในห้องทำงานของศูนย์ฯ เถอะนะ ซึ่งที่นั่นจะมีน้องชายอ้วนดูอยู่เป็นประจำ (และนอนที่นี่) คนอาศัยชายคาเดียวกันก็นับว่ามีน้ำใจยิ่ง ให้ความร่วมมือกับคนเรื่องมากอย่างฉันโดยดี
สร้อยแก้ว
ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยงเล้ยยยยย... จริงๆ พับเผื่อยซิ วันประชุมสมัชชาคนจน ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน ได้มาประชุมปรึกษาหารือกันที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน เจ้าแมวตัวนี้นอนซุกอยู่ในรองเท้าเจ้าอ้วน - เด็กอ้วนแห่งรายการวิทยุชุมชน เด็กๆ แถวนี้บอกว่าพี่น้องมันตายไปหมดแล้ว หมาฟัดเรียบฉันได้แต่ฟังเขาพูด ไม่ได้ขึ้นไปฟังเขาประชุมด้วย เลยไม่รับรู้ต่อการมีอยู่ของมันแต่ว่าพอบ่ายแก่ๆ ก็มีมือดีจับใส่กระเป๋าเสื้อเดินมาให้ที่บ้านดิน"อยู่ที่นี่ดีกว่านะ ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะถูกหมาฟัดตาย"เจ้าของเสียงดึงมันออกมา ตัวเล็กๆ อยู่ในอุ้งมือเดียวเท่านั้นของชายหนุ่มฉันมองแล้วทั้งยิ้มทั้งถอนใจ
สร้อยแก้ว
ร้อนๆ อย่างนี้ ซื้อน้ำแข็งกินทีไร ก็อดคิดถึงตู้เย็นไม่ได้ทุกที ถ้ามีตู้เย็นฉันคงจะซื้อน้ำแข็งกินไม่เปลืองเท่านี้ เพราะกินเท่าที่ต้องการ เหลือก็ใส่ตู้เย็น หรือบางทีก็ทำน้ำแข็งกินเองก็ได้ ส่วนของสดหรืออาหารที่กินเหลือก็แช่ตู้เย็นไว้ได้ หิวเมื่อไหร่ก็นำมากินได้อีก ไม่เปลือง อืมม์! คิดทีไรก็อยากกลับไปเอาตู้เย็นที่กรุงเทพฯ ทุกที แต่ก็ติดตรงที่ฉันไม่เคยแน่ใจสักทีว่าจะปักหลักที่ไหน การเคลื่อนย้ายบ่อยจึงไม่เหมาะที่จะมีสัมภาระอะไรมาก นี่ขนาดว่าไม่มาก ฉันก็ยังซื้อโทรทัศน์ (ไว้ดูข่าวสารบ้านเมือง) เครื่องซักผ้า (แก่แล้ว นั่งซักปวดหลัง) หนังสืออีกหนึ่งเข่งและข้าวของจิปาถะอีกสองเข่งกับอีกสองลังเสื้อผ้า…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการสร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ ได้จัดงานรำลึก ๑๕ ปีในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในบริเวณแถบอีสานใต้นี้ นับว่ามีปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของภาครัฐอยู่หลายโครงการ เอาแค่ใกล้ๆ ที่ฉันอยู่ มีปัญหาจากการสร้างเขื่อนอยู่สามโครงการคือ เขื่อนสิรินธร เขื่อนปากมูน และเขื่อนราษีไศล
สร้อยแก้ว
  "ท่านเป็นเจ้านาย มีเงินเดือนกิน ท่านบ่ได้เป็นแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ท่านจะเว้าจังได๋ก็ได้"คำพูดของแม่ค้าคนหนึ่งดังอยู่ข้างหูเมื่อทุกคนมายืนรอฟังคำตอบจากการไปเจรจากับทางเทศบาลมาเสียงโทรศัพท์ที่ดังแต่เมื่อคืนบอกถึงเจตจำนงในการจะยึดพื้นที่ค้าขายกลับคืนมาในช่วงเวลาราวตีหนึ่งเศษทำให้เพื่อนบางคนที่ทำงานในศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านต้องรีบออกไปดูแต่เช้า และแน่นอนด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉันก็ขอกระเตงติดรถไปด้วยคน
สร้อยแก้ว
ฉันมีโอกาสไปดูงานรณรงค์เลิกเหล้าของหมู่บ้านคำกลาง ตำบลโนนหนามแท่ง อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อหลายเดือนก่อน ตำบลนี้มีกำนันคนเก่งเป็นผู้หญิงชื่อ รัตนา สารคุณ ก่อนนี้แม่กำนันเคยเป็นนักเลงสุรา ดื่มเหล้าหนัก แม่กำนันดื่มเหล้าเพียวและดื่มน้ำตบตูดแบบเดียวกับที่ผู้ชายพื้นบ้านนิยมดื่มกัน และแม่คอแข็งชนิดผู้ชายต้องยอมแพ้ แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป กาลเวลาสามารถพิสูจน์ความสามารถของเธอได้มากกว่าการพิสูจน์ความกินทนกินนาน ใจป้ำ ใจแกร่ง ในวงสุรา แม่กำนันก็เห็นโทษของการดื่มสุรา และหันมารณรงค์ให้ลูกบ้านลดละเลิกเหล้า
สร้อยแก้ว
  นึกไม่ออกแล้วว่าเคยไปร่วมงานวันเด็กครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่พยายามนึก...ลูกก็ยังไม่มี หลานรึ ก็ไม่เคยได้พาไป เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้านงานวันเด็กครั้งสุดท้ายของตัวเองน่าจะเป็นตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.๖ นั่นแหละ เพราะหลังจากนั้น พอขึ้นชั้น ม.๑ ความแก่แดดแก่ลมของฉันก็พลันให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาววัยรุ่นแล้ว ไม่ใช่เด็ก จึงไม่เคยไปวอแวงานวันเด็กอีก ไม่อย่างนั้น เค้าจะหาว่าเด็กจนปีใหม่นี้ฉันมีโอกาสไปนอนมองพระจันทร์กลางทุ่งนา มองฟ้าพร่างดาวเคลื่อนคล้อยข้ามคืนข้ามปีในช่วงปีใหม่ที่อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ก็เลยได้อยู่ยาวมาเรื่อยจนถึงงานวันเด็กของหมู่บ้าน