Skip to main content
แมนยูฯ คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ศูนย์ฯ คือ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน

ฉันย้ายจากบ้านเช่าในเมืองโขงเจียมมาอยู่บ้านดินของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน ได้ ๑ เดือนเต็มๆ แล้ว


และนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ภายในบ้านที่มีโทรทัศน์ใส่กล่องกระดาษตั้งอยู่ มันก็มีหน้าที่เป็นพนักพิงยามเขียนหนังสือ (กับโต๊ะญี่ปุ่น) ให้เท่านั้น ฉันขอความร่วมมือจากคนร่วมชายคาบ้านว่าหากอยากดูข่าวสารจากโทรทัศน์ก็ช่วยออกแรงเดินสักร้อยกว่าเมตรไปดูในห้องทำงานของศูนย์ฯ เถอะนะ ซึ่งที่นั่นจะมีน้องชายอ้วนดูอยู่เป็นประจำ (และนอนที่นี่) คนอาศัยชายคาเดียวกันก็นับว่ามีน้ำใจยิ่ง ให้ความร่วมมือกับคนเรื่องมากอย่างฉันโดยดี


นานหลายปีมาแล้วที่ฉันรู้สึกว่า หากตัวเองไม่ได้ดูโทรทัศน์ หรือแม้ต้องดูทว่าไม่ได้เป็นรายการที่อยากดู เสียงในโทรทัศน์นั้นส่วนใหญ่มักจะมีคลื่นเสียงที่ทำให้รู้สึกไม่สบายเลย มันเป็นเสียงสูงๆ แหลมๆ อย่าว่าแต่จะเขียนหนังสือได้เลย นั่งเฉยๆ ก็รู้สึกว่าถูกรบกวนอย่างไรบอกไม่ถูกแล้ว แต่ช่วงที่อยู่บ้านเช่า ฉันเลี่ยงภาวะรายการที่ไม่อยากดูไม่ได้ เพราะต้องเคารพสิทธิ์ของคนที่อาศัยอยู่ด้วยกันด้วย เมื่อเลี่ยงไม่ได้ ทำงานก็ไม่ได้ นั่งเฉยก็ไม่รู้จะทำอะไร ฉันเลยลองมาเป็นคนหัดจับรีโมทโทรทัศน์ดูบ้าง ส่วนมากรายการที่ฉันอยากดูก็จะเป็นข่าวสาร


แรกๆ ดูก็รู้สึกว่า เออ ได้ความรู้และทันข่าวสารดีเหมือนกันแฮะ แต่พอดูนานไปๆ ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าข่าวมันช่างวนไปวนมา และไม่รู้ทำไมสมัยนี้ชั่วโมงข่าวสารมันเยอะอย่างนี้ ดูเช้าจรดดึกข่าวก็แทบไม่ได้แตกต่างกัน ยิ่งตอนม็อบเสื้อเหลืองเสื้อแดงกำลังร้อนระอุ ข่าวแต่ละช่องนำเสนอคล้ายๆ กัน ไปหมด ทั้งที่มันน่าจะแตกประเด็นได้มากกว่านั้น นำเสนอความคิดเห็นที่แตกต่างได้มากกว่านั้น รู้ๆ กันอยู่ว่าสังคมมีความคิดเห็นที่หลากหลายมาก แม้ขัดแย้งแต่ก็มีประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยอย่างมากมายเช่นกัน แต่สิ่งเหล่านี้แทบไม่ได้นำเสนอ


บางทีฉันอดคิดถึงสำนวนอหังการ์ที่นักเขียนรุ่นก่อนเคยบอกว่า "นักเขียนที่ดีต้องชี้นำสังคม" ไม่ได้ แม้ไม่เคยคิดเห็นด้วยกับสำนวนนี้ แต่บางสถานการณ์ก็คิดว่าเราจำเป็นต้องทำเช่นนั้น เช่นเดียวกับสื่อมวลชน ที่บางเวลาเราจำเป็นต้องวิ่งให้ทันสถานการณ์สักก้าวสองก้าว หรืออยู่เหนือมันสักหน่อย มองให้ออกและคิดว่าจะนำเสนออย่างไรเพื่อให้กระแสประเทศเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องดีงาม การนำเสนอความร้อนระอุของการเมืองตอนนั้นเพียงอย่างเดียวมันไม่พอเสียแล้ว


ในชั่วโมงที่สังคมต้องการความลุ่มลึกแต่ข่าวสารก็เสนอได้เพียงฉาบฉวย เปิดช่องไหนก็รายงานข่าวเหมือนกัน จนดูนานเข้าๆ ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคงจะใช้เวลากับการดูโทรทัศน์มากไป จึงเริ่มดูน้อยลง เมื่อมีโอกาสย้ายบ้านและมีทางเลือกในการดูโทรทัศน์ให้กับคนข้างเคียง ชีวิตนักเขียนของฉันก็เหมือนกับสวรรค์เปิดอีกครั้ง


ความเงียบสงบสงัด ธรรมชาติอันรื่นรมย์ และเสียงเพลงที่ฉันเลือกที่จะฟังเอง กล่อมเกลาทั้งจิตใจและวิญญาณ ฉันเหมาเวลาทั้งวันทั้งคืนทำงานอยู่ในบ้านดินอย่างกับคนหิวกระหาย เวลาผ่านวันผ่านคืนดังกับชั่ววินาที และผ่านเดือนไปอย่างไม่รู้สึกตัว


"พี่ คืนนี้แมนยูฯ เตะนะพี่ ช่องเจ็ดถ่ายทอดสด"

อ้วนเดินมาบอกถึงบ้าน

อ้วนเชียร์เชลซี (ที่ตอนนี้บิ๊กฟิลเด้งดึ๋งไปแล้ว ส่วน กุดส์ ฮิดดิ้ง ซึ่งมากุมบังเหียนแทนชั่วคราวก็ออกมาประกาศว่าจะไม่ยอมให้แมนยูฯ กระชากแชมป์ไปง่ายๆ)


แรกๆ ของฤดูกาลการแข่งขันนั้นอ้วนหน้าบานมาก (ปกติก็บานอยู่แล้วยิ่งบานมากกว่าเดิม) เชลซีโชว์ฟอร์มดีเหลือหลายขึ้นนำเป็นจ่าฝูง ขณะที่แมนยูฯ อยู่ในอันดับที่ ๑๕ แฟนแมนยูฯ แบบคนเพิ่งเป็นมาสามสี่ปีนี้ก็ใจแป้วเหมือนกัน


แต่ตอนนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปแล้วน้องรัก แมนยูฯ ไม่ใช่เพียงแค่ขึ้นอันดับหนึ่งเท่านั้น แต่มีเป้าหมายจะกวาด ๕ แชมป์เสียด้วย (อะไรจะขี้โลภปานนั้นหนอ คนเชียร์ยังอดหมั่นไส้ไม่ได้เลย)


แชมป์แรก ถ้วยสโมสรโลกที่ญี่ปุ่นได้ไปแล้ว คืนนี้จะเป็นการชิงถ้วยที่สอง คือ คาร์ลิ่ง คัพ กับ สเปอร์ส

ฉันวางมือจากแป้นคอมพ์หันมามองอ้วน

"จริงง่ะ!"

อ้วนบอกเวลาแข่งขัน ไม่ดึกซะด้วย สี่ทุ่มกำลังดี

"เดี๋ยวพี่จะรีบเขียนงานให้เสร็จ สามทุ่มกว่าๆ จะขึ้นไป" ฉันบอก

ช่วงนี้อากาศอบอ้าว แต่ข้อดีของมันคือ ยามอาบน้ำจะเป็นช่วงเวลาที่วิเศษมาก ฉันอาบน้ำเสร็จ ร่างกายปลอดโปร่งเบาสบาย ลมพัดเหนือพื้นดินราบโล่งของอีสานใต้มีกลิ่นหอมของฟางหญ้าหน้าแล้ง


ฉันถือไฟฉายเดินกระเผลกๆ (ต้นขาเคล็ด) ขึ้นไปยังสำนักงาน อดรู้สึกไม่ได้ว่ามันช่างคล้ายความรู้สึกในวัยเด็กที่รู้ว่าหลังกินข้าวยามค่ำแล้วคืนนี้เราจะไปดูหนังกลางแปลงกัน จึงขัดสีฉวีวรรณเสียนวลผ่องและออกเดินด้วยหัวใจเป็นสุขไม่ได้


บ้านนอกสมัยก่อนมืดอย่างนี้ เราเดินด้วยกันเป็นกลุ่มและถือไฟฉายส่องทางด้วยกัน แต่ที่นี่ฉันเดินถือไฟฉายคนเดียว เพราะคนอื่นเขาชินทางกันแล้ว


มันเป็นการดูโทรทัศน์ครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือน


นานๆ ดูทีมันก็ดีอย่างนี้ ดูข่าวก็ตั้งใจดูเพราะไม่ได้ดูมานาน เห็นโฆษณาก็ไม่เปลี่ยนช่องหนี เพราะยังไม่เคยเห็น พอรายการถ่ายทอดสดฟุตบอลมาถึงยิ่งตั้งใจดู

มันช่างมีความสุขและน่าลุ้นจริงๆ

อ้วนหลับไปตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก


คืนนี้แมนยูฯ เล่นไม่ค่อยดีนัก ครึ่งหนึ่งของทีมเป็นตัวสำรองลง แต่ว่าก็เห็นหัวจิตหัวใจแบบผีๆ ที่ไม่เคยยอมแพ้หรือท้อแท้ เล่นกันแบบถวายชีวิตทั้งสองทีมจนต้องต่อเวลาถึง ๑๒๐ นาทีเต็ม จนทั้งผู้เล่นและกรรมการผู้กำกับเส้นเป็นตะคริวกันทิวแถว


สุดท้ายเมื่อดวลจุดโทษ แมนยูฯ ซึ่งใจหินและมีความฮึกเหิมกว่าก็กำชัยชนะมาไว้ในมือ

แน่นอน คืนนี้ฉันถือไฟฉายเดินกระเผลกๆ กลับบ้านด้วยรอยยิ้ม หัวใจพองโต

ช่างเป็นการดูหนังกลางแปลงที่แสนสุขอะไรอย่างนี้นะ

ฉันชอบโกลของแมนยูฯ คนนี้เหลือเกิน - เบน ฟอสเตอร์

  

 

 อายุแค่ยี่สิบห้าปี ปกติเป็นตัวสำรองอันดับสาม แต่คราวนี้ท่านเซอร์ เฟอร์กูสัน ให้เขาขึ้นมาเป็นตัวจริงและยืนอยู่ตลอดเกม โอกาสบางอย่างคนเราได้รับมาไม่บ่อยนัก มันไม่เปิดโอกาสให้เราพลาดได้ง่ายๆ เพราะหากพลาด บางครั้งก็ยากจะเรียกกลับคืน ดังนั้น เมื่อได้มาแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด ซึ่งเบน ฟอสเตอร์ ก็คงคิดเช่นนี้กระมัง เพราะในวันนี้เขาทำได้ดีจนโดดเด่นเข้าตา แฟนแมนยูฯ แทบจะกราบให้ เพราะไม่อย่างนั้นก็คงเป็นประตูไปสักสองประตูไปแล้ว


ยิ่งได้เห็นช่วงดวลจุดโทษ ขณะที่เขาวิ่งลงสนามเพื่อป้องกันลูกเตะจากนักเตะคนแรกของสเปอร์ส เราก็รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นและพลังจากดวงตา เบนหันไปทางแฟนบอลและชูกำปั้นสะบัดออกไปหนักๆ แฟนบอลปรบมือให้ เขาก็ปรบมือด้วยทั้งเรียกขวัญให้แฟนบอลและตัวเอง ดวงตาของเขามันช่างเป็นสิ่งที่--- ที่ฉันอดถามตัวเองเอาหลายๆ ครั้งไม่ได้ว่าเราจะสามารถมีดวงตาแบบนี้ได้สักกี่ครั้งในชีวิต

นี่กระมังที่เป็นเสน่ห์ของกีฬาที่ทำให้ฉันหลงใหลการเล่นกีฬา ดูกีฬา มาตั้งแต่เด็กจวบจนถึงบัดนี้


กีฬาทำให้เห็นพลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ความมุ่งมั่น การต่อสู้ ชัยชนะ ความพ่ายแพ้ ความมีน้ำใจนักกีฬา การให้ การเสียสละ ทุกครั้งที่ดูมันจะสะท้อนอะไรหลายๆ อย่างให้ฉันได้คิดและเก็บมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตเสมอ


ฉันอยากได้ดวงตาอย่างเบน ฟอสเตอร์ มาไว้ในชีวิตให้นานแสนนานเหลือเกิน ดวงตาที่จะทำให้เรารู้ว่าชีวิตมันช่างมีพลังและคุณทำได้ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้


ต่อให้จะอายุเพิ่มขึ้นอีกสักมากมายเท่าไหร่ ฉันก็ปรารถนาเหลือเกินว่า ดวงตาเช่นนี้จะยังคงอยู่กับฉัน ซึ่งหากต้องขอพรประการเดียวจากพระเจ้าได้ ฉันก็อยากขอพรเช่นนี้ ขอให้ตัวเองจงเป็นคนที่มีพลังในชีวิตและเชื่อมั่นเช่นนี้ตลอดกาล


รุ่งเช้า เมื่อเปิดอินเตอร์เน็ตอ่านข่าวจากสยามสปอร์ตฉันก็เห็นข่าวนี้

เบน ฟอสเตอร์ ได้รับการคัดเลือกให้เป็น man of the macth สำหรับการแข่งขันนัดเมื่อคืน

ซึ่งฉันหวังว่าโอกาสที่เขาได้รับและแสดงให้โลกเห็นครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญของชีวิตคนหนุ่มวัยยี่สิบห้าต่อไป

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
  ๑.ผูกพัน เป็นชื่อเพลงเพลงหนึ่งไม่บ่อยนักที่ฉันจะได้ฟังเพลงสักเพลงแล้วมันตรึงเราให้อยู่นิ่งๆ ตั้งอกตั้งใจฟังจำได้ว่า วันนั้นฉันนอนเปลที่ผูกเข้ากับเสาอาคารและต้นไม้ข้างศูนย์ฯ มีกิจกรรมค่ายของน้องๆ วัยมัธยมและมหาวิทยาลัยราวสี่สิบคน บรรดาพี่เลี้ยงเป็นคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมที่แต่ละคนล้วนฝีมือฉกาจฉกรรจ์ โดยเฉพาะ แคน และน้องผู้ชายอีกคนจำชื่อไม่ได้ (มาจากแก่งเสือเต้น) ดำเนินกิจกรรมให้กับเด็กๆ ได้อย่างมีสาระและสนุกสนาน เรียกว่าเอาอยู่ เก่งมากๆ
สร้อยแก้ว
 หน้าบ้านดอกโมกบานก่อนเพื่อนดอกมะลิตามมาดอกคูนเริ่มผลิไสวลั่นทมสี่ต้นที่เคยปลูกเองกับมือก็ผลิดอกให้ชมเร็วทันใจปีที่แล้วนี้เอง, ตอนนั้นเอามาปลูกกับเด็กหญิงไพจิตรพายุคะนองทำให้กิ่งก้านใหญ่ของลั่นทมหน้าศูนย์ฯ หักฉันแบ่งออกเป็นสี่กิ่งปลูกรอบบ้านดินไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาอยู่บ้านหลังนี้ลั่นทมกลิ่นหอม ชอบเด็ดมาดมดอกพุก ไม้ยืนต้นก็บานแล้วสีขาวดอกยอกขี้หมาส่งกลิ่นหอมจากคืนถึงเช้ามันเป็นดอกที่ชื่อกับตัวไม่เข้ากันเลยยอกขี้หมาสีขาวร่วงหล่นบนพื้นสีขาวเกลื่อนทางเดินดูสวยดียามเช้าตื่นมาเดินเล่น สูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้แสนสดชื่นเย็นวันนี้…
สร้อยแก้ว
แม้ม็อบเสื้อสีๆ จะซาลงไปแล้ว (ซาแต่นามภาพ-รูปธรรม แต่ในความรู้สึกนั้นยังคงไหลแรง) แต่ฉันก็ยังเชื่อว่าคนที่เข้าร่วมแต่ละกลุ่มย่อมมีความคิด มีทัศนคติที่ชัดเจนของตนเอง อย่างที่ทิ้งท้ายไว้ในตอนที่แล้วว่าฉันจะนำความคิดของ ไม้หนึ่ง ก.กุนที มานำเสนอ เพราะเห็นว่าวิธีคิดของเขาน่าสนใจมาก ซึ่งแม้ปัจจุบันฉันจะยังอยู่ขอบปลายชายแดนอีสาน ไม่มีโอกาสได้เจอหรือพูดคุยกับตัวตนจริงๆ ของเขา และบทสัมภาษณ์ที่คัดลอกมาฝากนี้ก็เคยผ่านหน้านิตยสารมาบางส่วนแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากให้ใครอีกหลายๆ ที่อาจยังไม่ได้ผ่านตากับความเห็นเหล่านี้ได้ลองอ่านเล่นๆ ดูบ้าง
สร้อยแก้ว
ไม้หนึ่ง ก. กุนที - เป็นใคร? สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจงานเขียนประเภทกวีนิพนธ์หรืองานวรรณกรรม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะตั้งคำถามนี้ แต่สำหรับแวดวงนักเขียนหรือคนที่สนใจงานวรรณกรรม ย่อมรู้จักเขาดีว่าเขาคือหนึ่งในกวีหัวก้าวหน้าที่มีความสามารถสูงในด้านฉันทลักษณ์จนก้าวพ้นกรอบกฎเกณฑ์ของฉันทลักษณ์ไปได้อย่างสง่างามและพยายามที่จะให้ฉันทลักษณ์รับใช้ศิลปะ มีชีวิตชีวา มากกว่าเพียงแค่ถ้อยคำไพเราะเพราะพริ้ง
สร้อยแก้ว
แมนยูฯ คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ศูนย์ฯ คือ ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูนฉันย้ายจากบ้านเช่าในเมืองโขงเจียมมาอยู่บ้านดินของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน ได้ ๑ เดือนเต็มๆ แล้วและนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ภายในบ้านที่มีโทรทัศน์ใส่กล่องกระดาษตั้งอยู่ มันก็มีหน้าที่เป็นพนักพิงยามเขียนหนังสือ (กับโต๊ะญี่ปุ่น) ให้เท่านั้น ฉันขอความร่วมมือจากคนร่วมชายคาบ้านว่าหากอยากดูข่าวสารจากโทรทัศน์ก็ช่วยออกแรงเดินสักร้อยกว่าเมตรไปดูในห้องทำงานของศูนย์ฯ เถอะนะ ซึ่งที่นั่นจะมีน้องชายอ้วนดูอยู่เป็นประจำ (และนอนที่นี่) คนอาศัยชายคาเดียวกันก็นับว่ามีน้ำใจยิ่ง ให้ความร่วมมือกับคนเรื่องมากอย่างฉันโดยดี
สร้อยแก้ว
ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยงเล้ยยยยย... จริงๆ พับเผื่อยซิ วันประชุมสมัชชาคนจน ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน ได้มาประชุมปรึกษาหารือกันที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน เจ้าแมวตัวนี้นอนซุกอยู่ในรองเท้าเจ้าอ้วน - เด็กอ้วนแห่งรายการวิทยุชุมชน เด็กๆ แถวนี้บอกว่าพี่น้องมันตายไปหมดแล้ว หมาฟัดเรียบฉันได้แต่ฟังเขาพูด ไม่ได้ขึ้นไปฟังเขาประชุมด้วย เลยไม่รับรู้ต่อการมีอยู่ของมันแต่ว่าพอบ่ายแก่ๆ ก็มีมือดีจับใส่กระเป๋าเสื้อเดินมาให้ที่บ้านดิน"อยู่ที่นี่ดีกว่านะ ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะถูกหมาฟัดตาย"เจ้าของเสียงดึงมันออกมา ตัวเล็กๆ อยู่ในอุ้งมือเดียวเท่านั้นของชายหนุ่มฉันมองแล้วทั้งยิ้มทั้งถอนใจ
สร้อยแก้ว
ร้อนๆ อย่างนี้ ซื้อน้ำแข็งกินทีไร ก็อดคิดถึงตู้เย็นไม่ได้ทุกที ถ้ามีตู้เย็นฉันคงจะซื้อน้ำแข็งกินไม่เปลืองเท่านี้ เพราะกินเท่าที่ต้องการ เหลือก็ใส่ตู้เย็น หรือบางทีก็ทำน้ำแข็งกินเองก็ได้ ส่วนของสดหรืออาหารที่กินเหลือก็แช่ตู้เย็นไว้ได้ หิวเมื่อไหร่ก็นำมากินได้อีก ไม่เปลือง อืมม์! คิดทีไรก็อยากกลับไปเอาตู้เย็นที่กรุงเทพฯ ทุกที แต่ก็ติดตรงที่ฉันไม่เคยแน่ใจสักทีว่าจะปักหลักที่ไหน การเคลื่อนย้ายบ่อยจึงไม่เหมาะที่จะมีสัมภาระอะไรมาก นี่ขนาดว่าไม่มาก ฉันก็ยังซื้อโทรทัศน์ (ไว้ดูข่าวสารบ้านเมือง) เครื่องซักผ้า (แก่แล้ว นั่งซักปวดหลัง) หนังสืออีกหนึ่งเข่งและข้าวของจิปาถะอีกสองเข่งกับอีกสองลังเสื้อผ้า…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการสร้างเขื่อนสิรินธรเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ ได้จัดงานรำลึก ๑๕ ปีในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในบริเวณแถบอีสานใต้นี้ นับว่ามีปัญหาของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของภาครัฐอยู่หลายโครงการ เอาแค่ใกล้ๆ ที่ฉันอยู่ มีปัญหาจากการสร้างเขื่อนอยู่สามโครงการคือ เขื่อนสิรินธร เขื่อนปากมูน และเขื่อนราษีไศล
สร้อยแก้ว
  "ท่านเป็นเจ้านาย มีเงินเดือนกิน ท่านบ่ได้เป็นแม่ค้าหาเช้ากินค่ำ ท่านจะเว้าจังได๋ก็ได้"คำพูดของแม่ค้าคนหนึ่งดังอยู่ข้างหูเมื่อทุกคนมายืนรอฟังคำตอบจากการไปเจรจากับทางเทศบาลมาเสียงโทรศัพท์ที่ดังแต่เมื่อคืนบอกถึงเจตจำนงในการจะยึดพื้นที่ค้าขายกลับคืนมาในช่วงเวลาราวตีหนึ่งเศษทำให้เพื่อนบางคนที่ทำงานในศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านต้องรีบออกไปดูแต่เช้า และแน่นอนด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉันก็ขอกระเตงติดรถไปด้วยคน
สร้อยแก้ว
ฉันมีโอกาสไปดูงานรณรงค์เลิกเหล้าของหมู่บ้านคำกลาง ตำบลโนนหนามแท่ง อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อหลายเดือนก่อน ตำบลนี้มีกำนันคนเก่งเป็นผู้หญิงชื่อ รัตนา สารคุณ ก่อนนี้แม่กำนันเคยเป็นนักเลงสุรา ดื่มเหล้าหนัก แม่กำนันดื่มเหล้าเพียวและดื่มน้ำตบตูดแบบเดียวกับที่ผู้ชายพื้นบ้านนิยมดื่มกัน และแม่คอแข็งชนิดผู้ชายต้องยอมแพ้ แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไป กาลเวลาสามารถพิสูจน์ความสามารถของเธอได้มากกว่าการพิสูจน์ความกินทนกินนาน ใจป้ำ ใจแกร่ง ในวงสุรา แม่กำนันก็เห็นโทษของการดื่มสุรา และหันมารณรงค์ให้ลูกบ้านลดละเลิกเหล้า
สร้อยแก้ว
  นึกไม่ออกแล้วว่าเคยไปร่วมงานวันเด็กครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่พยายามนึก...ลูกก็ยังไม่มี หลานรึ ก็ไม่เคยได้พาไป เพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้านงานวันเด็กครั้งสุดท้ายของตัวเองน่าจะเป็นตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.๖ นั่นแหละ เพราะหลังจากนั้น พอขึ้นชั้น ม.๑ ความแก่แดดแก่ลมของฉันก็พลันให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาววัยรุ่นแล้ว ไม่ใช่เด็ก จึงไม่เคยไปวอแวงานวันเด็กอีก ไม่อย่างนั้น เค้าจะหาว่าเด็กจนปีใหม่นี้ฉันมีโอกาสไปนอนมองพระจันทร์กลางทุ่งนา มองฟ้าพร่างดาวเคลื่อนคล้อยข้ามคืนข้ามปีในช่วงปีใหม่ที่อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ก็เลยได้อยู่ยาวมาเรื่อยจนถึงงานวันเด็กของหมู่บ้าน