Skip to main content

  

.


ผูกพัน เป็นชื่อเพลงเพลงหนึ่ง

ไม่บ่อยนักที่ฉันจะได้ฟังเพลงสักเพลงแล้วมันตรึงเราให้อยู่นิ่งๆ ตั้งอกตั้งใจฟัง

จำได้ว่า วันนั้นฉันนอนเปลที่ผูกเข้ากับเสาอาคารและต้นไม้ข้างศูนย์ฯ มีกิจกรรมค่ายของน้องๆ วัยมัธยมและมหาวิทยาลัยราวสี่สิบคน บรรดาพี่เลี้ยงเป็นคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมที่แต่ละคนล้วนฝีมือฉกาจฉกรรจ์ โดยเฉพาะ แคน และน้องผู้ชายอีกคนจำชื่อไม่ได้ (มาจากแก่งเสือเต้น) ดำเนินกิจกรรมให้กับเด็กๆ ได้อย่างมีสาระและสนุกสนาน เรียกว่าเอาอยู่ เก่งมากๆ


หลังกินข้าวฉันนอนเปลและหลับไปอย่างอ่อนเพลีย ค่ำนั้นฝนตกหนัก อากาศจึงเย็นสบาย แม้จะรู้ว่านั่นคือคืนสุดท้ายของค่ายแล้ว ปกติตอนกลางคืนฉันชอบไปเลียบๆ เคียงๆ ดูพวกเขานำเด็กๆ เล่นเกม สันทนาการกลุ่ม หรือจัดคุยกลุ่มย่อย แต่ฉันก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ อาจเพราะทารกน้อยในครรภ์กำลังก่อกำเนิดได้เพียงเดือนเศษๆ เธอสั่งให้ฉันหลับพักผ่อนเดี๋ยวนี้ เพราะตะลอนๆ ตามเด็กๆ ไปดูปัญหาปากมูนและเข้าฝั่งลาวในวันแดดจ้า ร้อนอ้าว มาทั้งวันแล้ว


เพลงผูกพันปลุกให้ฉันตื่น


อากาศที่เย็นสบาย ความเงียบสงบ สงัดรอบตัว และสมองที่หยุดคิด จิตใจที่ว่างเปล่า พร้อมจะซึมซับรับสุนทรียรสเต็มที่ ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่เพราะมาก


ฉันนอนฟังจนเพลงจบถึงเดินขึ้นไปบนศาลาพร้อมถือกล้อง บรรยากาศร้องร่ำอำลาคืนสุดท้ายของค่ายสวยงามมาก แสงเทียนถูกจุดรอบวงล้อมของเด็กๆ และเทียนจากมือเด็กๆ แต่ละคนก็ถูกนำมาจุดวางร่วมกันกลางวง ฉากหลังคือรูปถ่ายบนผืนผ้าขนาดยักษ์ของพี่มด-วนิดา ที่ก้มหน้าลงนิดๆ ฉันถ่ายรูปไว้หลายภาพ แน่ใจว่าภาพออกมาสวยแน่ และก็สวยจริงๆ เมื่อนำมาลงในคอมพิวเตอร์ เคยคิดว่าจะต้องเขียนถึงค่ายนี้สักตอน แต่ก็ไม่สบโอกาสจะเขียนถึงสักที จนกระทั่งฉันเผลอลบภาพทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย


น่าเสียดาย และเสียดาย เสียดาย ทุกครั้งที่คิดขึ้นมาเพราะภาพถ่ายเหล่านั้นถูกลบเพราะความเลินเล่อของฉันเอง (ภาพถ่ายประมาณสี่งานที่ฉันตระเวนเก็บเรื่องราววิถีชีวิตและคนหาปลาที่นี่หายไปในเสี้ยววินาทีที่ฉันกด delete แถมยังมั่นใจด้วยการตามไปลบในส่วนถังขยะของคอมพิวเตอร์ด้วย เพราะคิดว่าภาพที่ลบทิ้งเป็นภาพที่จัดเก็บซ้ำซ้อนทำให้ข้อมูลในคอมฯ หนักเปล่าๆ ที่สุดฉันจึงไม่สามารถเรียกอะไรคืนกลับมาได้ นี่แหละผลพวงของความใช้คล่องของคอมพิวเตอร์ เมื่อมันสะดวกใช้ ใจคนทำงานก็ต้องระมัดระวังให้เร็วไวทันกัน ไม่อย่างนั้น หากมันหาย -- หายแล้วหายเลยจริงๆ)

 

.


เช้าวันนี้ ฉันหยิบซีดีเพลงชุด ผูกพัน ของ เอ้ นิติ'กุล มาเปิดฟัง


แม้จะรู้สึกว่า รสชาติการฟังต่างจากคืนที่ตื่นมาพร้อมความว่างเปล่าของจิตใจ ตอนนั้นมีเพียงเสียงร้องและกีตาร์โปร่งเพียงตัวเดียว แต่กลับรู้สึกถึงพลังของบทเพลงมหาศาล


ฟังครั้งแรกก็จำถ้อยคำเนื้อความท่อนนี้ได้

ยิ้มเธอยิ้มปนเปื้อนน้ำตา เมื่อเวลาล่วงมาถึง

ซึ้งฉันซึ้งซึมซาบหัวใจจะเก็บไว้ให้นานๆ

ขอให้เธอกล้าแกร่งทุกยาม

ฉันจะคอยสนใจไถ่ถาม

อยากเห็นเธอเบ่งบานงดงาม ตามวัย


ฉันเคยคิดเคยเชื่อมาตลอดว่าอากาศมีผลกับการฟังเพลงเสมอ เช่นเดียวกับที่อากาศมีผลต่อการกินอาหารของเรา อร่อยหรือไม่อร่อย อากาศร้อนเย็นมีผลต่อรสชาติที่ลิ้นและใจที่เรารับ เช่นเดียวกับการฟังเพลง เพราะหรือไม่เพราะ อากาศร้อนเย็น ความสงัดสงบ ย่อมมีผลต่อการรับฟัง ใครจะลงลึกได้มากน้อยแค่ไหน การฟังเพลงในบรรยากาศอึกทึกกับการฟังอยู่เหนือคุ้งน้ำในหมู่บ้านที่ไม่มีไฟฟ้า ย่อมให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน


การฟังเพลงจากเครื่องเล่นซีดี และดนตรีไฟฟ้าที่เอ้ทำ มิกซ์เสียงกลอง กีตาร์ ฮาร์โมนิก้า กีตาร์เบสท์ ให้ความไพเราะไปอีกแบบ แต่ฉันกลับคิดถึงเสียงร้องสดๆ และกีตาร์โปร่งบางเบาเพียงตัวเดียว


ฟังไปก็ได้แต่หวนคะนึงถึงคืนวันยังเยาว์ ตอนอายุ 16-17 ปี ฉันเคยเข้าค่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ คล้ายๆ เด็กกลุ่มนี้ จัดโดยพี่เลี้ยงสันต์ พี่เลี้ยงเบ้ พี่เลี้ยงต่อ และผองเพื่อน จากมูลนิธิโกมล คีมทอง ที่ห้วยขาแข้ง ผ่านวันเติบโตขึ้น ฉันเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และกระโดดไปทำงานกับชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงชมรมอาสาพัฒนาและบำเพ็ญประโยชน์ เรียนจบมาก็สมัครเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคมของมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) ด้วยใจมุ่งมั่นอยากเป็นใครสักคนที่จะทำอะไรดีๆ ให้กับโลกและคนที่ด้อยโอกาส


เพลง ผูกพัน ของเอ้ ถูกเขียนขึ้นตอนที่เขายังสวมวิญญาณครูดอย ที่เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ในช่วงปี 41-42 หลายถ้อยคำของเขาจึงงดงามและยังเปี่ยมพลังศรัทธาประสาคนหนุ่ม

 

คิดนึกย้อนถึงวันเก่าๆ มีสุขเคล้า เศร้าปน

ก็คนดิ้นรนหนทางที่เป็น อยากเห็นให้สวยงาม

ผู้ที่ไปเพื่อใฝ่หาความ ผู้ยังอยู่ยังคอยไถ่ถาม

เมื่อพบวันที่ฉันเฝ้าตาม จะกลับมา...

 

หากนับเอาก้าวย่างแรกที่ฉันเริ่มออกค่ายตั้งแต่อายุสิบหก เดินทางจากหมู่บ้านหุบเขาสีน้ำเงินมุ่งสู่ผืนป่าตะวันตกที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์ที่สุดของประเทศอย่างห้วยขาแข้ง บัดนี้เนิ่นนานกว่ายี่สิบปี (ระลึกได้ก็ชวนให้ขัดเขินไม่น้อย นี่แก่ได้ถึงเพียงนี้นะเรา) ความฝัน ความเชื่อ ศรัทธา มีหาย มีคืน เป็นช่วงๆ แม้วันนี้จะยังรู้สึกดีว่าความฝันและตัวตนของเราไม่ได้ไปไหน เราเป็นคนหนึ่งที่เลือกใช้ชีวิตได้สอดคล้องกับหัวใจที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับว่า ช่วงเวลาที่อุดมคติของชีวิตหายไปนั้น เป็นช่วงวิกฤติของตัวเองโดยแท้


เพราะยิ่งเห็นโลกมาก เห็นว่าชีวิตจริงนั้น คนทุกคนมีดีเลวปะปน แต่อาจผิดหวังมากกว่าคนปกติถ้าด้านมืดที่เราเห็นกลับเป็นของคนที่เราศรัทธา เคยพร้อมที่จะเชื่อ เชื่อง และปกป้องยามเขาถูกพาดพิงในแง่ที่ไม่ดี


แต่เมื่อผ่านมาถึงวันนี้แล้ว ผ่านศรัทธา ผ่านวิกฤติ เรียนรู้และเข้าใจ กลับมาตั้งลำใหม่ได้ ยามเห็นพี่เห็นน้องแต่อดีต จิตใจก็ยิ้มแย้มได้ดังเดิม

 

.


เพลงผูกพันในเช้าหลังฝนตกหนักทั้งคืน ทำให้หัวใจอ่อนโยนขึ้นแยะ มองยอดหญ้าหลุบลู่เพราะแรงฝนถั่งเท เห็นน้ำค้างเกาะพราว หัวใจก็สดชื่นปานนั้น


ฉันได้ซีดีเพลงของ เอ้ มาฟังด้วยความอนุเคราะห์ของเจ้าตัวที่อุตส่าห์ส่งมาให้ (ขอบคุณมากนะคะ) แลกกันกับหนังสือเล่มล่าสุดของฉันซึ่งก็ยังรู้สึกเสมอว่า งานเขียนของฉันมันยังไม่เติบใหญ่ได้สักที อยากเขียนให้ดีกว่านี้ แต่วันนี้ก็ดีได้แค่ความฝัน

 

แต่ไม่เป็นไร ตราบใดที่ไฟยังมีเชื้อ ใจยังมีฝัน สักวันคงทำได้

เพราะแก่ขึ้น แต่หัวใจยังหนุ่มยังสาวอยู่เสมอ (อะแฮ่ม!)

 

ผูกพัน

 

เหม่อมองทิวเขายอดไม้ไหวเอนเบนพัดด้วยแรงลม

ผสมลมหนาวที่พัดแล้วผ่าน รานร้อนแล้งเข้ารุม

สุมหัวใจที่มันอ่อนไหว เหงาข้างในคิดไปใจหาย

ถึงเวลาที่เราต้องไป ตามทาง...

 

คิดนึกย้อนถึงวันเก่าๆ มีสุขเคล้า เศร้าปน

ก็คนดิ้นรนหนทางที่เป็น อยากเห็นให้สวยงาม

ผู้ที่ไปเพื่อใฝ่หาความ ผู้ยังอยู่ยังคอยไถ่ถาม

เมื่อพบวันที่ฉันเฝ้าตาม จะกลับมา...

 

ยิ้มเธอยิ้มปนเปื้อนน้ำตา เมื่อเวลาล่วงมาถึง

ซึ้งฉันซึ้งซึมซาบหัวใจจะเก็บไว้ให้นานๆ

ขอให้เธอกล้าแกร่งทุกยาม

ฉันจะคอยสนใจไถ่ถาม

อยากเห็นเธอเบ่งบานงดงาม ตามวัย

 

 

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
นั่งดูบอลคู่นี้อย่างไม่ตั้งใจนัก เผอิญว่ากดรีโมทโทรทัศน์มาเจอเข้าพอดี เลยคิดว่าอยากจะเชียร์บอลไทยสักหน่อย ดูเวลาการแข่งขันตอนนั้นก็เข้าสู่นาทีที่เจ็ดสิบกว่าแล้ว ไทยนำอยู่ 2-1 ดูไปได้ไม่ทันไร ก็มาถึงจังหวะการกระโดดแย่งบอลกันกลางอากาศ นักเตะไทยเป็นฝ่ายกระโดดได้สูงกว่าและโดนลูกบอล แต่เมื่อเท้าแตะถึงพื้น นักเตะไทยวิ่งต่อ ส่วนนักเตะเลบานอนลงไปนอนกับพื้น เอากุมหัว ดิ้นอย่างเจ็บปวดสักพักเมื่อเขาลุกขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือเลือดอาบหน้าและสองมือที่กุมเอาไว้ เลือดออกเยอะมากขนาดที่เห็นแล้วต้องเบะปาก ขณะที่เพื่อนร่วมทีมวิ่งมาดู นักเตะไทยเดินยิ้ม ยักไหล่ แพทย์สนามก็มาช้าเหลือเกิน เกมรึ…
สร้อยแก้ว
หลังการจากไปของพี่ปุ๋ย (นันทโชติ ชัยรัตน์) วันหนึ่งของต้นฤดูหนาว พี่แป๊ะ ภรรยาพี่ปุ๋ยก็มีดำริจะปลูกบ้านเป็นของตัวเองเสียที โดยพี่แป๊ะได้ซื้อไม้จากบ้านเก่าหลังหนึ่งไว้ ก่อนการเริ่มต้นปลูกบ้าน พี่แป๊ะจึงต้องหาคนมารื้อเอาไม้จากบ้านเก่าก่อน ซึ่งก็ได้น้องนุ่งแรงดีจากลุ่มน้ำมูนและหนุ่มในเมืองอย่างเอก และผู้อาวุโสแต่หัวใจวัยรุ่นอย่างพ่อถาหนึ่งในแกนนำปากมูน แห่งบ้านนาหว้า มาช่วยกันคนละไม้ละมือ
สร้อยแก้ว
(ขอความกรุณาสวมเสื้อขาว, สีฟ้า หรือสีที่ดูเหมาะสม ยกเว้นอย่าสวมเสื้อสีเหลืองหรือสีแดง เพราะจะทำให้แตกสามัคคี) ข้อความในวงเล็บนี้ทำเอาฉันอมยิ้มจนเกือบเผลอหัวเราะนี่คือจดหมายเชิญเดินเทิดพระเกียรติของชมรมผู้สูงอายุตำบลหารแก้วที่ประธานชมรมถึงกับควบมอเตอร์ไซค์แถดๆ มาหาพ่อถึงบ้าน
สร้อยแก้ว
 ฉันมีโอกาสไปร่วมงานรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ ๑๐ ปีนี้ เลยทำให้อดคิดไม่ได้ว่า รางวัล มีความหมายอย่างไรต่อชีวิตคนบ้าง ลองเปิดพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถานดู เขาก็บอกว่ารางวัลคือ สิ่งของหรือเงินที่ได้มาจากความดี ความชอบ หรือความสามารถย้อนทบทวนตอนเด็กๆ รางวัลแรกของฉันมาจากการวิ่งได้ที่ ๓ จากการวิ่งแข่งกันสี่คน (เกือบไป!) โชคดีได้ขึ้นแท่นรับรางวัลกับเขา ยิ้มแก้มแทบปริ และเมื่อถึงบ้านก็รีบเอาสมุดดินสอมาให้พ่อกับแม่ดู
สร้อยแก้ว
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ภาพของเพื่อนสนิทคนหนึ่งในวันที่เข็นรถเด็กที่มีเด็กหญิงวัยแปดเดือนนั่งยิ้มแฉ่งเดินเล่นยามเย็นนอกเมืองก็โผล่ขึ้นมาในห้วงคำนึงในวันฝนตก ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกันเลยสักนิด เธอดูมีความสุขปลอดโปร่งใจดีเหลือเกิน เธอบอกฉันว่า แต่ก่อน เธอมองชีวิตแบบเอ็นจีโอ ใส่เสื้อผ้าฝ้าย ใช้ข้าวของอย่างประหยัด หน้าตาไม่แต่ง เธอเชื่อมั่นในวิธีคิดแบบนั้น ศรัทธาคนเหล่านั้น แต่วันเวลาก็ทำให้เธอเห็นว่าคนเหล่านั้นก็เป็นเพียงปุถุชนธรรมดาๆ เท่านั้น พวกเขาไม่ได้ดีอย่างที่เรามอบความศรัทธาให้ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงใช้ชีวิตตามแนวคิดอย่างนั้นได้อย่างเชื่อมั่นอยู่ตั้งหลายปี…
สร้อยแก้ว
สำหรับนักเขียน ยามคอมพิวเตอร์มีปัญหานับว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว เพราะแต่ละวันไม่ว่ายังไงก็ต้องได้ลูบๆ เคาะๆ วันละนิดละหน่อยจนเคยชิน ครั้นเมื่อมันเกิดปัญหาขลุกขลัก แม้จะรู้สึกเซ็งๆ แต่ก็ต้องทนหอบหิ้วมันไปหาช่าง – คนที่เราคิดว่าเขารู้ดีกว่าเราแต่การเลือกช่างก็เหมือนการเลือกหมอรักษาอาการป่วยของเรานั่นแหละ หากยามใดเราไปเจอหมอที่วินิจฉัยโรคเราผิด จากที่ไม่ได้เป็นอะไรเลยแต่กลับบอกว่าเป็นโรคร้ายต้องผ่าตัดไปหลายยก เจ็บกาย เสียเวลา เสียเงิน เพื่อที่จะพบว่า ที่แท้เราไม่ได้เป็นอะไรเลย ความรู้สึกโกรธและไม่อาจทำใจยอมรับกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านห้วยสะคามตื่นเต้น ใช้ไฟฟรี ประหยัดกันยกใหญ่! อยากให้พาดหัวข่าวแบบนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์บ้างจัง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กมากของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ขัดแย้งใหญ่หลวงของบ้านเมืองยามนี้ นโยบายอะไรๆ ของรัฐบาลก็ไม่ดีทั้งนั้น ในฐานะที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมากเกี่ยวกับนโยบายประชานิยม แต่ว่าพอเข้าใจหัวจิตหัวใจของชาวบ้านตาดำๆ ซึ่งเวลาลงคะแนนเลือกตั้งเสียงของเขาก็มีค่าเท่ากับศาสตราจารย์หรือด๊อกเตอร์ในเมืองไทย เขาก็มองเห็นผลดีผลได้เท่าที่จับต้องได้ ไม่ต้องอ้างเอ่ยว่าเขาซื้อเสียงง่ายหรอก แต่เขาเห็นว่าเขาได้อะไรจากรัฐบาลชุดที่แล้ว (ยุคทักษิณ) เขาถึงเลือกและชอบ
สร้อยแก้ว
ภาพจาก http://www.blogth.com/blog/ddimg/uploadimg/20070514/093435918.jpgอาจไม่ต้องถึงขั้นเป็นคอบอล เป็นแค่ผู้นิยมกีฬาฟุตบอลก็คงต้องอยากดูเกมระหว่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับเชลซีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมาว่าจะเป็นอย่างไร เปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก เชลซีเดินหน้าชนะทุกนัดเก็บมาได้เก้าคะแนนเต็ม เป็นการออกสตาร์ทที่สวยงามและทั้งนักเตะทั้งแฟนบอลเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ขณะที่แชมป์เก่าอีกทั้งยังเป็นแชมป์ถ้วยฟุตบอลสโมสรยุโรปซะด้วย กลับเก็บมาได้เพียงสี่คะแนน แพ้บ้าง เสมอบ้าง จนแฟนๆ ชักใจคอไม่ดี แม้ฤดูกาลที่แล้วก็ออกสตาร์ทไม่ดีเหมือนกันแต่สุดท้ายก็ได้ถ้วย…
สร้อยแก้ว
โขงเจียมคือชื่ออำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี อันเป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นเมืองที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามเพราะอยู่ทิศตะวันออกสุดของประเทศ และยังเป็นที่รู้จักอีกในฐานะที่มีแม่น้ำสายสำคัญของอีสานสองสายมาบรรจบคือแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง จุดที่บรรจบกันนั้นเรียกกันอย่างไพเราะว่า แม่น้ำสองสี โขงสีขุ่น มูลสีคราม (แต่ตอนนี้ขุ่นทั้งคู่ หากอยากเห็นมูลสีครามน่าจะเป็นช่วงหน้าแล้ง) โขงเจียมมีฐานะเป็นอำเภอ แต่อำเภอนี้เล็กเหมือนหมู่บ้าน ค่ำมาราวสักสองทุ่มก็เงียบแล้ว บางบ้านเข้านอน บางบ้านอาจจะยังนั่งพูดคุยกันอยู่หน้าบ้าน แต่คุยกันอย่างเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก สงบดีเหลือเกิน…
สร้อยแก้ว
ฤดูฝน นาพ่อสนเขียวไสวด้วยต้นข้าว ยามเช้าน้ำค้างชุ่มหญ้า ชุ่มพุ่มไม้ ครั้นเมื่อแสงแดดโผล่พ้นจากหมู่เมฆ ท้องนาสีเขียวยิ่งดูกระจ่างตา เหลียวมองรอบๆ แสนสบายตาสบายใจ เอ แล้วดอกอะไรกันหนอสีแดงขาว เป็นพุ่มไม้ใหญ่อยู่หน้าเถียงนาอีกแห่งนั่น ? เห็นแล้วก็อดคว้ากล้องเดินย่ำน้ำค้างบนคันนาไปหาดอกไม้นั้นไม่ได้ ไพจิตรเห็นก็วิ่งตามโดยทันใด เธอไม่ใส่รองเท้า ฉันบอกระวังหนาม ไพจิตรเงยหน้าขึ้นมองไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้ม เธอทำให้ฉันอดคิดถึงครั้งหนึ่งเมื่อเราไปเที่ยวช่องเม็ก ด่านชายแดนลาวด้วยกัน
สร้อยแก้ว
ฉันถ่ายรูปไพจิตรไว้หลายรูปทีเดียว จนอดไม่ได้ที่จะเขียนถึงเธออีกครั้ง ด้วยความที่เธอบริสุทธิ์เหลือเกิน บ้านของไพจิตรอยู่ในหมู่บ้าน แต่เธอและครอบครัวมักชอบไปนอนเถียงนาที่มีวัว ควาย หมู หมา ไก่ เป็นเพื่อน ในหมู่บ้าน บ้านเรือนมักจะปลูกติดๆ กัน อันเป็นธรรมดาของสังคมหมู่บ้าน ซึ่งสมัยก่อน บ้านเรือนอาจปลูกไม่ชิดกันมากขนาดนี้ แต่เมื่อลูกหลานสร้างครอบครัวกันขึ้นมาใหม่ เริ่มปลูกบ้านหลังใหม่เพิ่ม ลักษณะหมู่บ้านจึงดูหนาแน่นขึ้น ครอบครัวของพ่อสนซึ่งรักความสันโดษเลยพากันไปนอนเถียงนาที่แสนจะเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย และฉันก็มักไปนอนที่นั่นด้วยบ่อยๆ
สร้อยแก้ว
ดาวใจและไพจิตร เป็นชื่อของเด็กหญิงสองพี่น้อง ลูกสาวแม่พร พ่อสน คนดูแลสวน-สถานที่ของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน พ่อสนมีลูกทั้งหมดสิบคน ลูกชายสองคนก่อนหน้าดาวใจ ไพจิตร ชื่อไมโคร และ นูโว นัยว่าพ่อท่าจะชอบเสียงเพลงมากถึงตั้งชื่อลูกเป็นชื่อศิลปินนักร้อง ตอนนี้ลูกๆ ของพ่อสนที่ไม่ได้เอ่ยนามล้วนออกเรือน มีครอบครัว บ้างเสียชีวิต ลูกๆ ที่ยังอยู่กับพ่อสน แม่พร จึงมีสี่คนที่ว่า (ส่วนลูกชายอีกคนหนึ่งของพ่อสนที่เคยโด่งดังในม็อบปากมูนเมื่อหลายปีก่อน จนหนังสือพิมพ์หลายฉบับต่างเขียนถึงและลงบทสัมภาษณ์ คือดาวไฮปาร์คเด็กที่ชื่อ เปาโล ตอนนี้เปาโลโตเป็นหนุ่ม แต่งงานมีลูกแล้ว) ดาวใจกับไพจิตร เป็นเด็กหญิงที่ร่าเริง…