๑.
ผูกพัน เป็นชื่อเพลงเพลงหนึ่ง
ไม่บ่อยนักที่ฉันจะได้ฟังเพลงสักเพลงแล้วมันตรึงเราให้อยู่นิ่งๆ ตั้งอกตั้งใจฟัง
จำได้ว่า วันนั้นฉันนอนเปลที่ผูกเข้ากับเสาอาคารและต้นไม้ข้างศูนย์ฯ มีกิจกรรมค่ายของน้องๆ วัยมัธยมและมหาวิทยาลัยราวสี่สิบคน บรรดาพี่เลี้ยงเป็นคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมที่แต่ละคนล้วนฝีมือฉกาจฉกรรจ์ โดยเฉพาะ แคน และน้องผู้ชายอีกคนจำชื่อไม่ได้ (มาจากแก่งเสือเต้น) ดำเนินกิจกรรมให้กับเด็กๆ ได้อย่างมีสาระและสนุกสนาน เรียกว่าเอาอยู่ เก่งมากๆ
หลังกินข้าวฉันนอนเปลและหลับไปอย่างอ่อนเพลีย ค่ำนั้นฝนตกหนัก อากาศจึงเย็นสบาย แม้จะรู้ว่านั่นคือคืนสุดท้ายของค่ายแล้ว ปกติตอนกลางคืนฉันชอบไปเลียบๆ เคียงๆ ดูพวกเขานำเด็กๆ เล่นเกม สันทนาการกลุ่ม หรือจัดคุยกลุ่มย่อย แต่ฉันก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ อาจเพราะทารกน้อยในครรภ์กำลังก่อกำเนิดได้เพียงเดือนเศษๆ เธอสั่งให้ฉันหลับพักผ่อนเดี๋ยวนี้ เพราะตะลอนๆ ตามเด็กๆ ไปดูปัญหาปากมูนและเข้าฝั่งลาวในวันแดดจ้า ร้อนอ้าว มาทั้งวันแล้ว
เพลงผูกพันปลุกให้ฉันตื่น
อากาศที่เย็นสบาย ความเงียบสงบ สงัดรอบตัว และสมองที่หยุดคิด จิตใจที่ว่างเปล่า พร้อมจะซึมซับรับสุนทรียรสเต็มที่ ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่เพราะมาก
ฉันนอนฟังจนเพลงจบถึงเดินขึ้นไปบนศาลาพร้อมถือกล้อง บรรยากาศร้องร่ำอำลาคืนสุดท้ายของค่ายสวยงามมาก แสงเทียนถูกจุดรอบวงล้อมของเด็กๆ และเทียนจากมือเด็กๆ แต่ละคนก็ถูกนำมาจุดวางร่วมกันกลางวง ฉากหลังคือรูปถ่ายบนผืนผ้าขนาดยักษ์ของพี่มด-วนิดา ที่ก้มหน้าลงนิดๆ ฉันถ่ายรูปไว้หลายภาพ แน่ใจว่าภาพออกมาสวยแน่ และก็สวยจริงๆ เมื่อนำมาลงในคอมพิวเตอร์ เคยคิดว่าจะต้องเขียนถึงค่ายนี้สักตอน แต่ก็ไม่สบโอกาสจะเขียนถึงสักที จนกระทั่งฉันเผลอลบภาพทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย
น่าเสียดาย และเสียดาย เสียดาย ทุกครั้งที่คิดขึ้นมาเพราะภาพถ่ายเหล่านั้นถูกลบเพราะความเลินเล่อของฉันเอง (ภาพถ่ายประมาณสี่งานที่ฉันตระเวนเก็บเรื่องราววิถีชีวิตและคนหาปลาที่นี่หายไปในเสี้ยววินาทีที่ฉันกด delete แถมยังมั่นใจด้วยการตามไปลบในส่วนถังขยะของคอมพิวเตอร์ด้วย เพราะคิดว่าภาพที่ลบทิ้งเป็นภาพที่จัดเก็บซ้ำซ้อนทำให้ข้อมูลในคอมฯ หนักเปล่าๆ ที่สุดฉันจึงไม่สามารถเรียกอะไรคืนกลับมาได้ นี่แหละผลพวงของความใช้คล่องของคอมพิวเตอร์ เมื่อมันสะดวกใช้ ใจคนทำงานก็ต้องระมัดระวังให้เร็วไวทันกัน ไม่อย่างนั้น หากมันหาย -- หายแล้วหายเลยจริงๆ)
๒.
เช้าวันนี้ ฉันหยิบซีดีเพลงชุด ผูกพัน ของ เอ้ นิติ'กุล มาเปิดฟัง
แม้จะรู้สึกว่า รสชาติการฟังต่างจากคืนที่ตื่นมาพร้อมความว่างเปล่าของจิตใจ ตอนนั้นมีเพียงเสียงร้องและกีตาร์โปร่งเพียงตัวเดียว แต่กลับรู้สึกถึงพลังของบทเพลงมหาศาล
ฟังครั้งแรกก็จำถ้อยคำเนื้อความท่อนนี้ได้
ยิ้มเธอยิ้มปนเปื้อนน้ำตา เมื่อเวลาล่วงมาถึง
ซึ้งฉันซึ้งซึมซาบหัวใจจะเก็บไว้ให้นานๆ
ขอให้เธอกล้าแกร่งทุกยาม
ฉันจะคอยสนใจไถ่ถาม
อยากเห็นเธอเบ่งบานงดงาม ตามวัย
ฉันเคยคิดเคยเชื่อมาตลอดว่าอากาศมีผลกับการฟังเพลงเสมอ เช่นเดียวกับที่อากาศมีผลต่อการกินอาหารของเรา อร่อยหรือไม่อร่อย อากาศร้อนเย็นมีผลต่อรสชาติที่ลิ้นและใจที่เรารับ เช่นเดียวกับการฟังเพลง เพราะหรือไม่เพราะ อากาศร้อนเย็น ความสงัดสงบ ย่อมมีผลต่อการรับฟัง ใครจะลงลึกได้มากน้อยแค่ไหน การฟังเพลงในบรรยากาศอึกทึกกับการฟังอยู่เหนือคุ้งน้ำในหมู่บ้านที่ไม่มีไฟฟ้า ย่อมให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกัน
การฟังเพลงจากเครื่องเล่นซีดี และดนตรีไฟฟ้าที่เอ้ทำ มิกซ์เสียงกลอง กีตาร์ ฮาร์โมนิก้า กีตาร์เบสท์ ให้ความไพเราะไปอีกแบบ แต่ฉันกลับคิดถึงเสียงร้องสดๆ และกีตาร์โปร่งบางเบาเพียงตัวเดียว
ฟังไปก็ได้แต่หวนคะนึงถึงคืนวันยังเยาว์ ตอนอายุ 16-17 ปี ฉันเคยเข้าค่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ คล้ายๆ เด็กกลุ่มนี้ จัดโดยพี่เลี้ยงสันต์ พี่เลี้ยงเบ้ พี่เลี้ยงต่อ และผองเพื่อน จากมูลนิธิโกมล คีมทอง ที่ห้วยขาแข้ง ผ่านวันเติบโตขึ้น ฉันเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และกระโดดไปทำงานกับชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงชมรมอาสาพัฒนาและบำเพ็ญประโยชน์ เรียนจบมาก็สมัครเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคมของมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) ด้วยใจมุ่งมั่นอยากเป็นใครสักคนที่จะทำอะไรดีๆ ให้กับโลกและคนที่ด้อยโอกาส
เพลง ผูกพัน ของเอ้ ถูกเขียนขึ้นตอนที่เขายังสวมวิญญาณครูดอย ที่เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ในช่วงปี 41-42 หลายถ้อยคำของเขาจึงงดงามและยังเปี่ยมพลังศรัทธาประสาคนหนุ่ม
คิดนึกย้อนถึงวันเก่าๆ มีสุขเคล้า เศร้าปน
ก็คนดิ้นรนหนทางที่เป็น อยากเห็นให้สวยงาม
ผู้ที่ไปเพื่อใฝ่หาความ ผู้ยังอยู่ยังคอยไถ่ถาม
เมื่อพบวันที่ฉันเฝ้าตาม จะกลับมา...
หากนับเอาก้าวย่างแรกที่ฉันเริ่มออกค่ายตั้งแต่อายุสิบหก เดินทางจากหมู่บ้านหุบเขาสีน้ำเงินมุ่งสู่ผืนป่าตะวันตกที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์ที่สุดของประเทศอย่างห้วยขาแข้ง บัดนี้เนิ่นนานกว่ายี่สิบปี (ระลึกได้ก็ชวนให้ขัดเขินไม่น้อย นี่แก่ได้ถึงเพียงนี้นะเรา) ความฝัน ความเชื่อ ศรัทธา มีหาย มีคืน เป็นช่วงๆ แม้วันนี้จะยังรู้สึกดีว่าความฝันและตัวตนของเราไม่ได้ไปไหน เราเป็นคนหนึ่งที่เลือกใช้ชีวิตได้สอดคล้องกับหัวใจที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับว่า ช่วงเวลาที่อุดมคติของชีวิตหายไปนั้น เป็นช่วงวิกฤติของตัวเองโดยแท้
เพราะยิ่งเห็นโลกมาก เห็นว่าชีวิตจริงนั้น คนทุกคนมีดีเลวปะปน แต่อาจผิดหวังมากกว่าคนปกติถ้าด้านมืดที่เราเห็นกลับเป็นของคนที่เราศรัทธา เคยพร้อมที่จะเชื่อ เชื่อง และปกป้องยามเขาถูกพาดพิงในแง่ที่ไม่ดี
แต่เมื่อผ่านมาถึงวันนี้แล้ว ผ่านศรัทธา ผ่านวิกฤติ เรียนรู้และเข้าใจ กลับมาตั้งลำใหม่ได้ ยามเห็นพี่เห็นน้องแต่อดีต จิตใจก็ยิ้มแย้มได้ดังเดิม
๓.
เพลงผูกพันในเช้าหลังฝนตกหนักทั้งคืน ทำให้หัวใจอ่อนโยนขึ้นแยะ มองยอดหญ้าหลุบลู่เพราะแรงฝนถั่งเท เห็นน้ำค้างเกาะพราว หัวใจก็สดชื่นปานนั้น
ฉันได้ซีดีเพลงของ เอ้ มาฟังด้วยความอนุเคราะห์ของเจ้าตัวที่อุตส่าห์ส่งมาให้ (ขอบคุณมากนะคะ) แลกกันกับหนังสือเล่มล่าสุดของฉันซึ่งก็ยังรู้สึกเสมอว่า งานเขียนของฉันมันยังไม่เติบใหญ่ได้สักที อยากเขียนให้ดีกว่านี้ แต่วันนี้ก็ดีได้แค่ความฝัน
แต่ไม่เป็นไร ตราบใดที่ไฟยังมีเชื้อ ใจยังมีฝัน สักวันคงทำได้
เพราะแก่ขึ้น แต่หัวใจยังหนุ่มยังสาวอยู่เสมอ (อะแฮ่ม!)
ผูกพัน
เหม่อมองทิวเขายอดไม้ไหวเอนเบนพัดด้วยแรงลม
ผสมลมหนาวที่พัดแล้วผ่าน รานร้อนแล้งเข้ารุม
สุมหัวใจที่มันอ่อนไหว เหงาข้างในคิดไปใจหาย
ถึงเวลาที่เราต้องไป ตามทาง...
คิดนึกย้อนถึงวันเก่าๆ มีสุขเคล้า เศร้าปน
ก็คนดิ้นรนหนทางที่เป็น อยากเห็นให้สวยงาม
ผู้ที่ไปเพื่อใฝ่หาความ ผู้ยังอยู่ยังคอยไถ่ถาม
เมื่อพบวันที่ฉันเฝ้าตาม จะกลับมา...
ยิ้มเธอยิ้มปนเปื้อนน้ำตา เมื่อเวลาล่วงมาถึง
ซึ้งฉันซึ้งซึมซาบหัวใจจะเก็บไว้ให้นานๆ
ขอให้เธอกล้าแกร่งทุกยาม
ฉันจะคอยสนใจไถ่ถาม
อยากเห็นเธอเบ่งบานงดงาม ตามวัย