Skip to main content

 

ตาน้ำ ลูกรู้สึกอย่างไรบ้างไหมขณะที่ลูกบินอยู่บนฟ้า
ตาน้ำ ลูกดูดนมแม่แล้วหลับปุ๋ยขณะแม่กอดลูกไว้แนบอก แม่เหม่อมองท้องฟ้า เห็นเพียงปุยเมฆขาวฟูฟ่อง บนฟ้าช่างเวิ้งว้าง บ่อยครั้งที่แม่ไม่มั่นใจเลยว่าแม่จะเป็นแม่ที่ดีไหม แม่จะเลี้ยงลูกได้คู่ควรหรือไม่ แม่รู้สึกว่าแม่ต่ำต้อยเสมอเมื่อนึกถึงความไว้วางใจจากสวรรค์ให้ดูแลบุตรีน้อยๆ คนนี้

ตาน้ำ แม่กอดลูกแน่นด้วยอยากขอพลังจากลูก ในวันที่แม่อุ้มลูกขึ้นแนบอกและตระหนักว่าแม่มีหน้าที่ต้องปกป้องเด็กหญิงคนนี้ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ใจหนึ่งแม้จะปลื้มปีติที่ได้รับภารกิจนี้ แต่อีกใจหนึ่งแม่ก็รู้สึกได้ถึงความหนักหน่วงกับบทบาทความเป็นแม่ เพราะลูกสำคัญเหลือเกิน แม่ไม่ค่อยมั่นใจ และเมื่อไหร่ที่ไม่มั่นใจ แม่จะกอดลูก ช่วยถ่ายเทพลังมาให้แม่บ้าง

ตาน้ำ แม่เติบโตขึ้นบ้างไหมเมื่อมีลูก ?

เพื่อนคนหนึ่งของแม่ถามเช่นนี้
‘เธอคงเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก’ แม่หัวเราะ จริงๆ คำถามนี้น่าจะเหมาะกับคนที่อายุไม่ถึงสามสิบที่กำลังจะข้ามผ่านไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนอายุขนาดแม่ที่ป่านนี้ใครต่อใครเขามีลูกเต้าโตเป็นหนุ่มสาว มีบ้านมีรถ มีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงทั้งกายภาพและชีวภาพ แต่ว่าแม่ช่างเปล่าเสียกระไร แต่...

ก็คงเพราะชีวิตแม่มันเบาโหวงมากกระมัง พอมีลูก คำถามนี้จึงถูกเปรยขึ้นมาเบาๆ ด้วยความรักและห่วงใย แม่ตอบเพื่อนไปว่า ฉันไม่ค่อยโตเท่าไหร่ ฉันยังเหมือนเดิม ขี้โมโหในบางครั้ง ยังคงไม่รอบคอบ และทำอะไรผิดพลาดบ่อยๆ เหมือนเดิม การเลี้ยงลูกของฉันก็เหมือนฉันเขียนหนังสือ-ดูแลต้นฉบับ คือ พยายามทำดีให้ได้มากที่สุด เต็มที่ที่สุด ประณีตที่สุด ไม่ละเลยกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แม่ไม่ค่อยฉลาด ไม่เก่ง ต้องอาศัยความขยัน ไม่ย่อท้อเข้าว่าเท่านั้น และบ่อยครั้งก็กลายเป็นว่าแม่จดจ้อง คร่ำเคร่ง ระมัดระวังมากเกินไปด้วย

ตอบไม่ค่อยตรงคำถามเลย
แม่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นไหมนะ ตาน้ำ?
.......

ตาน้ำ
ลูกรู้อะไรไหม? แม่กลัวเครื่องบิน
ไม่จำเป็นแม่ไม่อยากนั่ง แม่ยังจำตอนนั่งเครื่องบินครั้งแรกได้ มันเป็นเฮลิคอปเตอร์น่ะ มันไม่ได้ค่อยๆ เชิดหัวพุ่งขึ้นฟ้า แต่จู่ๆ มันก็ลอยขึ้นไปดื้อๆ ตอนนั้นแม่ยังเป็นนักศึกษา เรียนอยู่ปีสามมั้ง แม่เป็นอาสาสมัครองค์กรกลางที่อมก๋อยกับเพื่อนๆ (หลังพฤษภาทมิฬ เรามีการเลือกตั้งครั้งใหม่ และมีองค์กรอิสระอย่างองค์กรกลางเกิดขึ้น) เราไปสังเกตการณ์เลือกตั้งของชาวบ้านที่นั่น ตอนไปแม่นั่งรถโดยสารไป แต่ตอนกลับแม่กับเพื่อนๆ กลับพร้อมหีบบัตรเลือกตั้งที่ขนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ตอนที่เจ้าแมลงปอเหล็กพาแม่ลอยขึ้น ตัวแม่ชาวูบ จิกเบาะแน่น เหงื่อเปียกมือชื้น ก้มมองลงพื้น แม่เห็นไฟป่า ควันไฟสีจางอยู่ข้างล่างที่เราบิน ไฟไหม้บนดอยเป็นเส้นสีแดง ทอดยาวดั่งรากไม้

ส่วนการนั่งเครื่องบินโดยสารครั้งแรกนั้น แม่ยิ่งกลัวหนักขึ้นไปอีก เพราะมันพุ่งตัวขึ้นสูงกว่าเฮลิคอปเตอร์หลายเท่า การนั่งครั้งแรกแม่นั่งระยะใกล้ๆ จากกรุงเทพฯ ไปโคราชแค่นี้เอง แต่มันทำให้แม่หัวใจแทบวาย เหงื่อเปียกมือแม่หนักยิ่งกว่าตอนนั่งเฮลิคอปเตอร์ โชคดีที่แม่มีเพื่อนนั่งข้างๆ มันทำให้แม่พออุ่นใจบ้าง แม้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอก

ตาน้ำ แม่คงไม่ใช่คนเดียวที่กลัวเครื่องบิน ในโลกนี้มีคนที่กลัวการนั่งเครื่องบินหลายคน
ทำไมแม่ถึงกลัว
ตาน้ำ ทุกครั้งที่แม่บินอยู่บนฟ้า แม่สำเหนียกว่าชีวิตนั้นช่างเปราะบางและไร้ความมั่นคงใดๆ ทั้งสิ้น คำกล่าวที่ว่า ‘ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย’ ดูไม่มีความหมายเลยเมื่ออยู่บนนี้ ด้ายเส้นเดียวก็ไม่มีให้เกาะจากสวรรค์ บนนี้สูงเกินไป และเราไม่มีปีก

แม่กลัว
แต่ก็ยังต้องอาศัยเจ้านกเหล็กพาแม่ไปสู่จุดหมายในยามที่เห็นว่าต้องพึ่งพามัน อย่างครั้งนี้ การเดินทางจากอุบลฯ มาเชียงใหม่ ไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆ ถ้าต้องพาลูกนั่งรถไม่ว่ารถทัวร์หรือรถไฟลูกจะเหนื่อยเกินไป แม่ขอดเงินเท่าที่มีซื้อตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดสำหรับเราสองแม่ลูก (เราต้องบินสองต่อ คือ จากอุบลฯ-สุวรรณภูมิ และจาก สุวรรณภูมิ-เชียงใหม่) ตา ยาย ป้าและน้า ของลูกรออยู่ ทุกคนอยากพบลูกและอยากเจอแม่หลังจากแม่จากเชียงใหม่ไปนานร่วมปี

ตาน้ำ แม่มองหมู่เมฆและในใจก็ครุ่นคิดอะไรมากมาย แม่หวนคะนึงถึงหนทางหลายสายที่แม่เคยสัญจรร่อนเร่ ราชบุรี สุรินทร์ กรุงเทพฯ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และอุบลฯ

วันอันเก่าก่อนยังเปี่ยมพลังของคนสาว
วันอันเก่าก่อนยังอ่อนเยาว์และแจ่มใส
วันอันเก่าก่อนนอกจากดวงใจซื่อตรงและกระทำทุกอย่างอย่างทุ่มเท แม่ก็มองไม่เห็นอื่นใดอีก ดังนั้นความผิดพลาดจึงเกิดขึ้นอย่างมากมายรายรอบเส้นทางที่แม่ก้าวผ่าน ความโง่เขลา ความเร่าร้อน ความเอาแต่ใจ ดื้อดึง ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างพังครืนไม่เป็นท่า สิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้แม่ยังคงให้อภัยตัวเอง พยายามลืมทุกอย่างและเริ่มต้นใหม่ยามที่ล้มเหลว พ่ายแพ้ ก็คือ แม่ไม่มีเจตนาร้าย แต่ผลที่มันออกมาร้าย เป็นเพราะแม่ไม่รู้ แม่บอกตัวเองยามปาดน้ำตาว่า ไม่เป็นไร ตราบใดที่เรายังคงใฝ่ดี อยากทำดี และอยากได้ดี สักวันเมื่อเรียนรู้ได้ เราคงจะทำได้

เธอคงเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
แม่ทวนคำพูดของเพื่อนหลายๆ ครั้ง
แม่รักลูกเหลือเกิน ตาน้ำ แม่ไม่รู้ว่าแม่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นไหม แต่แม่จะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดเท่าที่ประสบการณ์หกล้มหกลุกของชีวิตที่แม่เคยก้าวผ่านจะสอนแม่ได้

ตาน้ำ นุ่มนวลของแม่เอ๋ย ยามแม่มองนอกหน้าต่างขณะเครื่องบินพาเราสองแม่ลูกเดินทางสู่มาตุภูมิ เมฆขาวข้างหน้าต่างฟูฟ่อง ฟ้าเบื้องหน้าเวิ้งว้าง แม่รู้สึกอีกแล้วว่าชีวิตช่างไร้ความมั่นคงใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่มี มีเพียงความเวิ้งว้างกว้างไกลเป็นเอนกอนันต์เท่านั้น แม่ถามตัวเองอย่างเลื่อนลอยว่า นี่เรากำลังอยู่ในสถานที่แห่งใด มนุษย์มาจากหนไหน ไฉนเราจึงมาดำรงอยู่ภายในแรงดึงดูดของดาวเคราะห์เล็กๆ สีฟ้าใบนี้

ถามไปอย่างที่ไม่รู้คำตอบ -- ยิ่งมอง สายตายิ่งพร่า ไกลออกไปจากนี้แม่ก็มองไม่เห็นอะไรอีกแล้วนอกจากดวงใจแม่

แม่มองหน้าเล็กๆ แสนบริสุทธิ์ของลูกแล้วก็กระชับลูกแนบชิดอกยิ่งขึ้น
แม่รักลูก
 
แม่สร้อย
๒๘ กันยายน ๒๕๕๒

 

บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
นั่งดูบอลคู่นี้อย่างไม่ตั้งใจนัก เผอิญว่ากดรีโมทโทรทัศน์มาเจอเข้าพอดี เลยคิดว่าอยากจะเชียร์บอลไทยสักหน่อย ดูเวลาการแข่งขันตอนนั้นก็เข้าสู่นาทีที่เจ็ดสิบกว่าแล้ว ไทยนำอยู่ 2-1 ดูไปได้ไม่ทันไร ก็มาถึงจังหวะการกระโดดแย่งบอลกันกลางอากาศ นักเตะไทยเป็นฝ่ายกระโดดได้สูงกว่าและโดนลูกบอล แต่เมื่อเท้าแตะถึงพื้น นักเตะไทยวิ่งต่อ ส่วนนักเตะเลบานอนลงไปนอนกับพื้น เอากุมหัว ดิ้นอย่างเจ็บปวดสักพักเมื่อเขาลุกขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือเลือดอาบหน้าและสองมือที่กุมเอาไว้ เลือดออกเยอะมากขนาดที่เห็นแล้วต้องเบะปาก ขณะที่เพื่อนร่วมทีมวิ่งมาดู นักเตะไทยเดินยิ้ม ยักไหล่ แพทย์สนามก็มาช้าเหลือเกิน เกมรึ…
สร้อยแก้ว
หลังการจากไปของพี่ปุ๋ย (นันทโชติ ชัยรัตน์) วันหนึ่งของต้นฤดูหนาว พี่แป๊ะ ภรรยาพี่ปุ๋ยก็มีดำริจะปลูกบ้านเป็นของตัวเองเสียที โดยพี่แป๊ะได้ซื้อไม้จากบ้านเก่าหลังหนึ่งไว้ ก่อนการเริ่มต้นปลูกบ้าน พี่แป๊ะจึงต้องหาคนมารื้อเอาไม้จากบ้านเก่าก่อน ซึ่งก็ได้น้องนุ่งแรงดีจากลุ่มน้ำมูนและหนุ่มในเมืองอย่างเอก และผู้อาวุโสแต่หัวใจวัยรุ่นอย่างพ่อถาหนึ่งในแกนนำปากมูน แห่งบ้านนาหว้า มาช่วยกันคนละไม้ละมือ
สร้อยแก้ว
(ขอความกรุณาสวมเสื้อขาว, สีฟ้า หรือสีที่ดูเหมาะสม ยกเว้นอย่าสวมเสื้อสีเหลืองหรือสีแดง เพราะจะทำให้แตกสามัคคี) ข้อความในวงเล็บนี้ทำเอาฉันอมยิ้มจนเกือบเผลอหัวเราะนี่คือจดหมายเชิญเดินเทิดพระเกียรติของชมรมผู้สูงอายุตำบลหารแก้วที่ประธานชมรมถึงกับควบมอเตอร์ไซค์แถดๆ มาหาพ่อถึงบ้าน
สร้อยแก้ว
 ฉันมีโอกาสไปร่วมงานรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ ๑๐ ปีนี้ เลยทำให้อดคิดไม่ได้ว่า รางวัล มีความหมายอย่างไรต่อชีวิตคนบ้าง ลองเปิดพจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถานดู เขาก็บอกว่ารางวัลคือ สิ่งของหรือเงินที่ได้มาจากความดี ความชอบ หรือความสามารถย้อนทบทวนตอนเด็กๆ รางวัลแรกของฉันมาจากการวิ่งได้ที่ ๓ จากการวิ่งแข่งกันสี่คน (เกือบไป!) โชคดีได้ขึ้นแท่นรับรางวัลกับเขา ยิ้มแก้มแทบปริ และเมื่อถึงบ้านก็รีบเอาสมุดดินสอมาให้พ่อกับแม่ดู
สร้อยแก้ว
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ภาพของเพื่อนสนิทคนหนึ่งในวันที่เข็นรถเด็กที่มีเด็กหญิงวัยแปดเดือนนั่งยิ้มแฉ่งเดินเล่นยามเย็นนอกเมืองก็โผล่ขึ้นมาในห้วงคำนึงในวันฝนตก ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวกันเลยสักนิด เธอดูมีความสุขปลอดโปร่งใจดีเหลือเกิน เธอบอกฉันว่า แต่ก่อน เธอมองชีวิตแบบเอ็นจีโอ ใส่เสื้อผ้าฝ้าย ใช้ข้าวของอย่างประหยัด หน้าตาไม่แต่ง เธอเชื่อมั่นในวิธีคิดแบบนั้น ศรัทธาคนเหล่านั้น แต่วันเวลาก็ทำให้เธอเห็นว่าคนเหล่านั้นก็เป็นเพียงปุถุชนธรรมดาๆ เท่านั้น พวกเขาไม่ได้ดีอย่างที่เรามอบความศรัทธาให้ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงใช้ชีวิตตามแนวคิดอย่างนั้นได้อย่างเชื่อมั่นอยู่ตั้งหลายปี…
สร้อยแก้ว
สำหรับนักเขียน ยามคอมพิวเตอร์มีปัญหานับว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว เพราะแต่ละวันไม่ว่ายังไงก็ต้องได้ลูบๆ เคาะๆ วันละนิดละหน่อยจนเคยชิน ครั้นเมื่อมันเกิดปัญหาขลุกขลัก แม้จะรู้สึกเซ็งๆ แต่ก็ต้องทนหอบหิ้วมันไปหาช่าง – คนที่เราคิดว่าเขารู้ดีกว่าเราแต่การเลือกช่างก็เหมือนการเลือกหมอรักษาอาการป่วยของเรานั่นแหละ หากยามใดเราไปเจอหมอที่วินิจฉัยโรคเราผิด จากที่ไม่ได้เป็นอะไรเลยแต่กลับบอกว่าเป็นโรคร้ายต้องผ่าตัดไปหลายยก เจ็บกาย เสียเวลา เสียเงิน เพื่อที่จะพบว่า ที่แท้เราไม่ได้เป็นอะไรเลย ความรู้สึกโกรธและไม่อาจทำใจยอมรับกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ…
สร้อยแก้ว
ชาวบ้านห้วยสะคามตื่นเต้น ใช้ไฟฟรี ประหยัดกันยกใหญ่! อยากให้พาดหัวข่าวแบบนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์บ้างจัง แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กมากของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ขัดแย้งใหญ่หลวงของบ้านเมืองยามนี้ นโยบายอะไรๆ ของรัฐบาลก็ไม่ดีทั้งนั้น ในฐานะที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรมากเกี่ยวกับนโยบายประชานิยม แต่ว่าพอเข้าใจหัวจิตหัวใจของชาวบ้านตาดำๆ ซึ่งเวลาลงคะแนนเลือกตั้งเสียงของเขาก็มีค่าเท่ากับศาสตราจารย์หรือด๊อกเตอร์ในเมืองไทย เขาก็มองเห็นผลดีผลได้เท่าที่จับต้องได้ ไม่ต้องอ้างเอ่ยว่าเขาซื้อเสียงง่ายหรอก แต่เขาเห็นว่าเขาได้อะไรจากรัฐบาลชุดที่แล้ว (ยุคทักษิณ) เขาถึงเลือกและชอบ
สร้อยแก้ว
ภาพจาก http://www.blogth.com/blog/ddimg/uploadimg/20070514/093435918.jpgอาจไม่ต้องถึงขั้นเป็นคอบอล เป็นแค่ผู้นิยมกีฬาฟุตบอลก็คงต้องอยากดูเกมระหว่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับเชลซีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมาว่าจะเป็นอย่างไร เปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก เชลซีเดินหน้าชนะทุกนัดเก็บมาได้เก้าคะแนนเต็ม เป็นการออกสตาร์ทที่สวยงามและทั้งนักเตะทั้งแฟนบอลเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ขณะที่แชมป์เก่าอีกทั้งยังเป็นแชมป์ถ้วยฟุตบอลสโมสรยุโรปซะด้วย กลับเก็บมาได้เพียงสี่คะแนน แพ้บ้าง เสมอบ้าง จนแฟนๆ ชักใจคอไม่ดี แม้ฤดูกาลที่แล้วก็ออกสตาร์ทไม่ดีเหมือนกันแต่สุดท้ายก็ได้ถ้วย…
สร้อยแก้ว
โขงเจียมคือชื่ออำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี อันเป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นเมืองที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามเพราะอยู่ทิศตะวันออกสุดของประเทศ และยังเป็นที่รู้จักอีกในฐานะที่มีแม่น้ำสายสำคัญของอีสานสองสายมาบรรจบคือแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง จุดที่บรรจบกันนั้นเรียกกันอย่างไพเราะว่า แม่น้ำสองสี โขงสีขุ่น มูลสีคราม (แต่ตอนนี้ขุ่นทั้งคู่ หากอยากเห็นมูลสีครามน่าจะเป็นช่วงหน้าแล้ง) โขงเจียมมีฐานะเป็นอำเภอ แต่อำเภอนี้เล็กเหมือนหมู่บ้าน ค่ำมาราวสักสองทุ่มก็เงียบแล้ว บางบ้านเข้านอน บางบ้านอาจจะยังนั่งพูดคุยกันอยู่หน้าบ้าน แต่คุยกันอย่างเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก สงบดีเหลือเกิน…
สร้อยแก้ว
ฤดูฝน นาพ่อสนเขียวไสวด้วยต้นข้าว ยามเช้าน้ำค้างชุ่มหญ้า ชุ่มพุ่มไม้ ครั้นเมื่อแสงแดดโผล่พ้นจากหมู่เมฆ ท้องนาสีเขียวยิ่งดูกระจ่างตา เหลียวมองรอบๆ แสนสบายตาสบายใจ เอ แล้วดอกอะไรกันหนอสีแดงขาว เป็นพุ่มไม้ใหญ่อยู่หน้าเถียงนาอีกแห่งนั่น ? เห็นแล้วก็อดคว้ากล้องเดินย่ำน้ำค้างบนคันนาไปหาดอกไม้นั้นไม่ได้ ไพจิตรเห็นก็วิ่งตามโดยทันใด เธอไม่ใส่รองเท้า ฉันบอกระวังหนาม ไพจิตรเงยหน้าขึ้นมองไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้ม เธอทำให้ฉันอดคิดถึงครั้งหนึ่งเมื่อเราไปเที่ยวช่องเม็ก ด่านชายแดนลาวด้วยกัน
สร้อยแก้ว
ฉันถ่ายรูปไพจิตรไว้หลายรูปทีเดียว จนอดไม่ได้ที่จะเขียนถึงเธออีกครั้ง ด้วยความที่เธอบริสุทธิ์เหลือเกิน บ้านของไพจิตรอยู่ในหมู่บ้าน แต่เธอและครอบครัวมักชอบไปนอนเถียงนาที่มีวัว ควาย หมู หมา ไก่ เป็นเพื่อน ในหมู่บ้าน บ้านเรือนมักจะปลูกติดๆ กัน อันเป็นธรรมดาของสังคมหมู่บ้าน ซึ่งสมัยก่อน บ้านเรือนอาจปลูกไม่ชิดกันมากขนาดนี้ แต่เมื่อลูกหลานสร้างครอบครัวกันขึ้นมาใหม่ เริ่มปลูกบ้านหลังใหม่เพิ่ม ลักษณะหมู่บ้านจึงดูหนาแน่นขึ้น ครอบครัวของพ่อสนซึ่งรักความสันโดษเลยพากันไปนอนเถียงนาที่แสนจะเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย และฉันก็มักไปนอนที่นั่นด้วยบ่อยๆ
สร้อยแก้ว
ดาวใจและไพจิตร เป็นชื่อของเด็กหญิงสองพี่น้อง ลูกสาวแม่พร พ่อสน คนดูแลสวน-สถานที่ของศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน พ่อสนมีลูกทั้งหมดสิบคน ลูกชายสองคนก่อนหน้าดาวใจ ไพจิตร ชื่อไมโคร และ นูโว นัยว่าพ่อท่าจะชอบเสียงเพลงมากถึงตั้งชื่อลูกเป็นชื่อศิลปินนักร้อง ตอนนี้ลูกๆ ของพ่อสนที่ไม่ได้เอ่ยนามล้วนออกเรือน มีครอบครัว บ้างเสียชีวิต ลูกๆ ที่ยังอยู่กับพ่อสน แม่พร จึงมีสี่คนที่ว่า (ส่วนลูกชายอีกคนหนึ่งของพ่อสนที่เคยโด่งดังในม็อบปากมูนเมื่อหลายปีก่อน จนหนังสือพิมพ์หลายฉบับต่างเขียนถึงและลงบทสัมภาษณ์ คือดาวไฮปาร์คเด็กที่ชื่อ เปาโล ตอนนี้เปาโลโตเป็นหนุ่ม แต่งงานมีลูกแล้ว) ดาวใจกับไพจิตร เป็นเด็กหญิงที่ร่าเริง…