Skip to main content


สมยศ  พฤกษาเกษมสุข

3 กันยายน 2556

 

อุณหภูมิการเมืองพุ่งสูงขึ้นเมื่อมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ตั้งแต่เรื่องการพิจารณา พรบ.นิรโทษกรรม งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2557 การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท  แก้ไขรัฐธรรมนูญให้สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์คัดค้านแบบหัวเด็ดตีนขาด ทั้งการกดดันในสภาผู้แทนราษฎรด้วยการตีรวน ปั่นป่วน และการเคลื่อนไหวนอกสภาพด้วยการปลุกระดมประชาชนออกมาเดินขบวนบนท้องถนน

วันที่ 7 สิงหาคม 2556 แกนนำพรรคประชาธิปัตย์นำประชาชนราว 300 คน เดินขบวนคัดค้าน พรบ.นิรโทษกรรมและอภิปรายตีรวนในสภาผ่านวาระหนึ่งอย่างทุลักทุเลเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 ส่วน พรบ.งบประมาณผ่านวาระสอง และวาระสามเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2556 ใช้เวลาถึง 5 วันด้วยกัน

แต่ที่มันเป็นความระยำตำบอนทางการเมืองก็ คือ การประชุมร่วมสองสภาเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 200 คน มีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี โดยไม่จำเป็นต้องเว้นวรรค เปิดโอกาสคู่สมรส และบุตรลงสมัครรับเลือกตั้งได้เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ตีรวนการประชุมด้วยการใช้สิทธิประท้วงอย่างเต็มที่ ทุกประเด็น ทุกขั้นตอน จนนำมาสู่ความโกลาหล ปั่นป่วน เมื่อมีเสียงโห่ ตะโกนด่า จนนายสมศักดิ์  เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาใช้ค้อนทุบโต๊ะ 3 ครั้ง และสั่งตำรวจรัฐสภาให้เข้ามาระงับเหตุการณ์

การแสดงออกด้วยความถ่อย สถุล เยี่ยงสุนัขจนตรอกเช่นนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีจุดยืนเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย และประชาชน พวกเขาเห็นดีเห็นงามในการนิรโทษกรรมให้กับพวกทหารที่ก่อการรัฐประหาร แต่ต่อต้านการนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พวกเขาปกป้องวุฒิสภาที่มาจากการลากตั้งราวกับไข่ในหิน แต่กลับคัดค้านการเลือกตั้ง อันเป็นการทำลายอธิปไตยของปวงชนชาวไทย พวกเขาใช้เทคนิค เล่ห์เหลี่ยมสกปรก อ้างระเบียบข้อบังคับการประชุมตีรวน แสดงความโง่เขลา และบ้าคลั่งกลางที่ประชุมสภา ด้วยเจตนาสร้างความปั่นป่วน โกลาหล บั่นทอนความเชื่อมั่นระบบรัฐสภา เป็นการสร้างเงื่อนไขมาสู่อำนาจนอกระบบทุกรูปแบบเพื่อสถาปนาระบอบเผด็จการอันชั่วร้าย

ประชาธิปไตยย่อมตัดสินความขัดแย้งกันด้วยเสียงข้างมาก โดยเสียงส่วนน้อยย่อมต้องขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับบิดเบือนหลักการดังกล่าวด้วยการสร้างวาทะกรรมที่ว่าเป็น “เผด็จการเสียงข้างมาก” โดยมีพวกผู้ดีตีนแดงจำนวนหนึ่งที่ถูกปั่นหัว พร้อมจะฟังแต่เรื่องโกหกมดเท็จจากคนที่ดีแต่พูด คนเหล่านี้พร้อมที่จะหลับหูหลับตา เชื่อชนิดที่โงหัวไม่ขึ้น เพื่อให้เกิดความสุข และความเพลิดเพลินในความสิ้นคิดของตนเอง

ภาวะสิ้นไร้ไม้ตอกยังแสดงออกถึงการบากหน้าขอร้องกลุ่มต่าง ๆ ออกมาต่อต้านรัฐบาลกระทั่งฉวยโอกาสใช้ความเดือนร้อนของประชาชนเป็นเครื่องมือสร้างความปั่นป่วน บ่อนทำลายเสถียรภาพของรัฐบาล

แถลงการณ์ฉบับสุดท้ายของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2556 ตอกย้ำเนื้อแท้ประชาธิปัตย์ได้อย่างชัดเจนว่า “พรรคประชาธิปัตย์หวังเพียงแค่ทำลายความน่าเชื่อฝ่ายรัฐบาล หรือหวังสลับขั้วทางการเมืองในวันข้างหน้า หรือหวังโค่นล้มรัฐบาล (โอกาส) โดยการสนับสนุนมวลชนกลุ่มอื่นให้เสียสละแทนตนเอง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เชื่อว่า มีการปฏิรูปประเทศไทยภายใต้ทิศทางการนำของพรรคประชาธิปัตย์

ทั้งหมดนี้กำลังนำพลพรรคประชาธิปัตย์ไปสู่ความตกต่ำอย่างไม่เคยมีมาก่อน แม้มีเสียงตักเตือนด้วยความหวังดีจากผู้อาวุโสอดีตหัวหน้าพรรคอย่างเช่น นายพิชัย  รัตตกุล หรือแม้แต่การแสดงความคิดเห็นด้วยด้วยความห่วงใยของนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคที่ต้องการปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ แต่เสียงเหล่านี้เป็นเหมือนน้ำรดหัวสากที่ไม่มีความรู้สึกรู้สาใด ๆ ทั้งสิ้น

เป็นความโชคดีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีฝ่ายค้านไม่เอาไหนแบบนี้ เพราะในความเป็นจริง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาลนั้นไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่าฝ่ายค้านเท่าไหร่นัก ยังใช้การตอบโต้ด้วยความไร้สาระ กักขฬะ อย่างเช่นการยกรองเท้าแสดงความถ่อยของตนเอง หรือการประท้วงแบบเสียดสี ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมสกปรกของฝ่ายค้าน ไม่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจนถึงที่สุด โดยเลือกที่จะประนีประนอมกับอำนาจเก่า แลกกับการอยู่รอดปลอดภัยกับตำแหน่ง ลาภยศทางการเมือง ดังนั้นรัฐบาลเพื่อไทย จึงไร้ความสามารถที่จะคืนความเป็นธรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร และไม่สามารถปลดปล่อยนักโทษการเมืองซึ่งเป็นผู้ที่ต่อสู้ประชาธิปไตยได้

ความกระล่อนด้วยเล่ห์เหลี่ยมวาทศิลป์ โกหกมดเท็จของนักการเมืองสวะ อาจทำให้คนไทยส่วนหนึ่งหลงยึดติดเพลิดเพลินไปกับการแหกตาซ้ำแล้ว ซ้ำอีก แต่ทุกวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ได้ตื่นตัวขั้นมาแล้วอย่างกว้างขวางไม่อาจนิ่งดูดายต่อความเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นกับระบอบประชาธิปไตย  ถึงวันนั้นประชาชนจะให้บทเรียนเป็นการสั่งสอนพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างเจ็บปวดที่สุด

 

 

บล็อกของ สมยศ พฤกษาเกษมสุข

สมยศ พฤกษาเกษมสุข
สมยศ  พฤกษาเกษมสุข  
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
สมยศ พฤกษาเกษมสุข  
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
สมยศ  พฤกษาเกษมสุข แปลบทความในThe  Economist  เรื่องของ ลักษมี  ซีกัล  (ร้อยเอกลักษมี) หมอ และนักต่อสู้เพื่อเอกราชของชาวอินเดีย ที่ได้ มรณกรรมเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม  (อายุ  97  ปี) 
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
  "บรรดาคนเป็น  ที่มีชีวิตอยู่ได้แต่อาศัยเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง ไต่เต้าสู่ตำแหน่ง ยศถาบรรดาศักดิ์  ในที่สุดพวกเขาเป็นได้แค่ลิ่วล้อสถุลของระบบการเมืองแบบเก่าเท่านั้น"
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
บทกวีที่หลุดรอดจากลูกกรงแดนตารางถึงเหยื่อมาตรา112ผู้จากไป
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
บี.เจ.ลี (B.J.LEE) ถอดความภาษาไทยโดย สมยศ พฤกษาเกษมสุข แปลจากนิตยสาร Newsweek 6 สิงหาคม, 2012   
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
สมยศ พฤกษาเกษมสุข    
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
เมื่อแกนนำคนเสื้อแดง บรรณาธิการนิตยสาร Red Powerและนักโทษการเมือง ม.112 มองทิศทางเศรษฐกิจประเทศไทยผ่านลูกกรงของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
สมยศ พฤกษาเกษมสุข เล่าถึงชีวิตในเรือนจำของเพื่อนร่วมชะตากรรม สุชาติ นาคบางไซ  แกนนำ นปช.รุ่น 2 นักโทษการเมืองคดี ม.112 กำลังรออิสรภาพที่ดูเหมือนว่ามันกำลังใกล้ที่จะมาถึง