Skip to main content

เดี๋ยวทรัพย์สินไม่ใช่ของที่จับต้องได้อย่างข้าวของ เงินทองอย่างเดียวแล้ว มีทรัพย์สินทางปัญญาที่เขารณรงค์กันตลอดเวลาว่าอย่าละเมิด บางทีก็งงใช่ไหมครับ ว่าทำไมเราซื้อหนังสือหรือซีดีมาแต่ทว่า เขาบอกห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ เราก็กลัวว่าถ้าปั้มไปให้เพื่อนเยอะจะผิดไหม แต่ใครๆก็ทำกัน ไหนจะข่าวคนเก็บขยะเอาแผ่นซีดีเก่ามาขายข้างทางโดนคดีเข้าไปอีก   รู้สึกกันได้ใช่ไหมครับว่าเรื่องพวกนี้มันเข้ามาใกล้ชีวิตเราทุกคนมากขึ้นทุกวัน  ลองดูรวมมิตรปัญหาลิขสิทธิ์ที่เคยมีคนถามเข้ามากันดูเลยครับ

ป้าเจ้าของร้านถ่ายเอกสารมาปรึกษาว่า  “มีคนมาขู่ว่าถ้าไม่มาเคลียร์จะเรียกเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือมาจับ เพราะป้าได้เอาหนังสือของอาจารย์ท่านหนึ่งมาถ่ายเอกสารเพื่อบริการนักศึกษาที่เรียนวิชานั้นกันเป็นพันคน แล้วทุกปีเด็กจะมาสั่งกันตอนต้นเทอมจนถ่ายเอกสารกันไม่หวาดไม่ไหว   เลยวางแผนว่าจะเอาหนังสือมาถ่ายเอกสารไว้ล่วงหน้าสัก ห้าร้อยชุดก่อนเพราะยังไงก็คงหมดเร็วแน่ๆแล้วที่ไม่พอก็ทยอยถ่ายเอกสารไปเรื่อยๆ เพื่อที่เด็กจะได้ไม่ต้องคอยนาน   หลังจากถ่ายเอกสารเสร็จก็เอามาวางติดป้ายและราคาไว้ให้เด็กมาหยิบแล้วจ่ายเงินได้เลย หลังจากนั้นก็มีคนเข้ามาหาบอกว่า ทำอย่างนี้มันละเมิดลิขสิทธิ์นะ เดี๋ยวจะไปแจ้งความตำรวจมาจับ ถ้าไม่รีบมาเคลียร์เดี๋ยวได้ติดคุกและเสียค่าปรับอานแน่   ป้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรก็คิดไว้แค่ว่าจะบริการนักศึกษาไม่ต้องมาคอยนานและมีเอกสารประกอบการเรียนให้ทันเวลา เพราะนี่ก็เปิดเทอมมาอาทิตย์กว่าแล้ว ถ้าใช้วีเก่าที่ถ่ายเอกสารเอาทีละเล่มตามจำนวนที่นักศึกษามาสั่ง มันเปลืองเวลาและจัดการยากกว่ามาก  จึงอยากถามว่าจะเอายังไงกับปัญหานี้ดี”

เรื่องถัดมามีน้องนักดนตรีมาร้องว่า “กลุ่มข้าพเจ้าโดนขโมยลิขสิทธิ์เพลงมนต์รักมีโอ ซึ่งเป็นงานที่ข้าพเจ้ากับเพื่อนๆได้ร่วมกันสร้างสรรค์กันแต่งขึ้นมา และถูกคนที่รู้จักเพียงไม่กี่วันหลอกเอาเพลงไป ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ได้คืน เนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ และอีกทั้งข้าพเจ้ายังเด็ก ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย  และเนื่องจากพวกข้าพเจ้าและเพื่อนติดเรียนจึงวานให้พี่ที่รู้จักนำเพลงไปจดลิขสิทธิ์ให้ แต่แล้วก็ถูกอ้างว่าเป็นของพวกเขาโดยเขายืนยันว่าเขามีหลักฐานว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายมีลายลักษณ์อักษร   แถมที่มันเจ็บใจก็เพราะมีคนเอาเพลงของเราไปร้องหากินได้ แต่พอเราจะเล่นบ้างกลับโดนขู่ว่าขโมยลิขสิทธิ์ เดี๋ยวจะเอาตำรวจมาจับอีก”

อีกเรื่องก็มาจากน้องนักกำกับหนังสั้นรุ่นใหม่ที่เข้าใกล้ความฝันแต่ต้องมาพบความจริงที่โหดร้าย “ข้าพเจ้าทำหนังชีวิตบดทรัพย์เพื่อที่จะส่งเข้าประกวดงานหนังสั้นรายการหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้พวกเราตั้งใจทำกันมานาน พอตัดต่อเสร็จก็อยากจะลองกระแสว่ามีคนสนใจมากแค่ไหน จึงได้ลองอัพโหลดลงไปในอินเตอร์เน็ตเพื่อดูยอดชมและการวิพากษ์วิจารณ์เผื่อว่าจะนำมาปรับปรุงให้โดนใจคนดูมากขึ้น ซึ่งก็ผ่านไปไม่มีใครว่าอะไร เห็นยอดวิวเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ และมีคนชอบเยอะเหมือนกัน จึงตัดสินใจว่า ได้เวลานำหนังส่งเข้าประกวดได้แล้วล่ะ เพราะว่ากระแสดีอย่างนี้มีลุ้นรางวัลแน่นอน   พอส่งไปได้สักเดือนก็มีหนังสือเตือนจากกองประกวดว่าหนังของเรามีเนื้อหาลอกเลียนแบบหนังอีกเรื่องที่ส่งเข้ามาก่อน ขอให้ถอนตัว ไม่อย่างนั้นอีกเรื่องจะฟ้องร้องและจะกลายเป็นเรื่องใหญ่   เลยตัดสินใจมากปรึกษาเพื่อว่าจะทวงความเป็นธรรมกลับมาให้พวกเราด้วย เพราะเรามั่นใจมากว่าทำเองคิดเองไม่ได้ลอกใครแน่ๆ”

ส่วนเรื่องสุดท้ายมีเพื่อนๆในวงการหนังสือ มาหารือเป็นพักๆ ว่า มีวรรณกรรมหลายเรื่องที่เป็นมรดกวรรณกรรมคลาสสิกของเหล่าบรรพชนเทพอักษรา ที่ทิ้งผลงานล้ำค่าควรแก่การจัดพิมพ์เผยแพร่ให้เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาควรค่าแก่การอ่านและสะสมเพื่อให้ลูกหลานในการต่อยอดทางปัญญาต่อไป แต่กลับติดตรงที่ญาติพี่น้องของทวยเทพเหล่านี้ไม่มีอำนาจอนุญาตให้เผยแพร่ เพราะสำนักพิมพ์เก่าที่เป็นเจ้าของสิทธิในการจัดพิมพ์ในสมัยที่นักเขียนเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ได้ตั้งแง่เกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์ในการจัดพิมพ์ครั้งถัดไป   ทั้งไม่ให้พิมพ์บ้าง ให้พิมพ์แต่ขอแบ่งปันสิทธิในการจำหน่ายอย่างไม่เป็นธรรม   หรือถึงขั้นขู่ว่าจะฟ้องร้องกันให้เสียหายหรือล้มละลายกันไปเลยก็มี   ทำให้ต้องมีการคิดกันอย่างถ้วนถี่ก่อนจะมีการนำต้นฉบับอันล้ำค่าเหล่านั้นมาจัดพิมพ์ใหม่เพื่อให้คนรุ่นถัดไปได้เสพสุนทรียะทางปัญญาเหล่านั้นสืบไป

วิเคราะห์ปัญหา

1.             การเปิดร้านถ่ายเอกสารโดยรับบริการทำสำเนาหนังสือถือเป็นความผิดทางกฎหมายหรือไม่ กรณีใดที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

2.             หากจะทำสำเนาหนังสือจะต้องหารือหรือวางแผนอย่างไรเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษา และรักษาสิทธิผู้ประพันธ์

3.             ลิขสิทธิ์ในเพลงเป็นสิ่งที่ต้องจดแจ้งหรือไม่ จึงจะเกิดสิทธิขึ้นมา แล้วเราเล่นเพลงของตนเองได้หรือไม่

4.             มีวิธีในการเรียกร้องสิทธิในเพลงของเรากลับมาอย่างไรบ้าง

5.             หนังที่เรารังสรรค์ขึ้นมา หากถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนหนังของคนอื่นและตัดสิทธิในการแข่งขันจะทำอย่างไร

6.             ลิขสิทธิ์มีระยะเวลาในการคุ้มครองแค่ไหน และใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของสิทธิ์หลังจากผู้ประพันธ์เสียชีวิต

การนำกฎหมายมาแก้ไข

1.             การเปิดร้านถ่ายเอกสารโดยรับบริการทำสำเนาหนังสือถือเป็นความเสี่ยงต่อความผิดทางกฎหมายมาก กรณีการนำหนังสือมาถ่ายเอกสารล่วงหน้าเป็นความผิดแน่นอน และที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษจะมีคนสั่งแต่การถ่ายเอกสารทั้งเล่มก็ยังกระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้แต่งในทางการค้า หากหนังสือเล่มดังกล่าวมีวางขายในท้องตลาด

2.             หากจะทำสำเนาหนังสือควรหารือกับเจ้าของลิขสิทธิ์เสียก่อน แล้ววางแผนร่วมกันกับผู้แต่งหรือสำนักพิมพ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษา และรักษาสิทธิผู้ประพันธ์

3.             ลิขสิทธิ์ในเพลงเป็นสิ่งที่ไม่ต้องจดแจ้งเพราะกฎหมายกำหนดว่าลิขสิทธิ์เกิดนับตั้งแต่มีการเผยแพร่  แต่สาเหตุที่มีการพูดเรื่องจดแจ้งหรือไม่จึงจะเกิดสิทธิขึ้นมาเพราะว่าเป็นวิธีการสร้างหลักฐานการเผยแพร่โดยมีพยานคือหน่วยงานที่รับจดแจ้ง ซึ่งเราเล่นเพลงของตนเองได้หากต้องการยืนยันสิทธิ์ หากมีการโต้แย้งสิทธิ์ก็ต้องฟ้องกันในชั้นศาล โดยฝ่ายที่ชนะคดีอาจเรียกค่าเสียหายย้อนหลังได้เช่นกัน

4.             วิธีการเรียกร้องสิทธิในเพลง หรืองานประพันธ์ต่างๆ ทั้งหนัง หรือซอฟท์แวร์ ฯลฯ นั้นจะต้องมีการนำสืบว่าได้มีการเผยแพร่ก่อนผู้อื่น ซึ่งอาจจะนำหลักฐานในการอัพโหลด หรือสำเนาที่มีการยืนยันได้ถึงวันเวลาที่การเผยแพร่ต่อสาธารณะ

5.             หนังที่เรารังสรรค์ขึ้นมา หากถูกลอกเลียนหนังของคนอื่นและตัดสิทธิในการแข่งขัน จะสามารถขอยืนยันสิทธิเพื่อให้มีสิทธิแข่งขันได้ โดยมีการส่งหลักฐานวันเวลาและพยานอื่นๆประกอบ หากมีการโต้แย้งสิทธิก็ต้องสู้คดีกันในศาล

6.             ลิขสิทธิ์มีระยะเวลาในการคุ้มครองตลอดชีวิตของผู้ประพันธ์และสืบเนื่องต่อไปยังทายาทอีก 50 ปีหลังจากเสียชีวิต แต่ผู้เป็นเจ้าของสิทธิ์อาจไม่ใช่ผู้แต่งก็ได้หากมีการทำสัญญาพิเศษเพื่อโอนสิทธิให้บรรษัทห้างร้างหรือนายจ้าง แม้หลังจากผู้ประพันธ์เสียชีวิตไปแล้วก็ไม่โอนไปยังทายาท ยังเป็นของผู้ทรงสิทธิตามสัญญาต่อไปอีก 50 ปี

ช่องทางเรียกร้องสิทธิ

1.             การเจรจาตกลงกับเจ้าของลิขสิทธิ์ในเบื้องต้นเป็นสิ่งสำคัญ   และสามารถหาทางออกร่วมกันได้

2.             หากต้องการสร้างหลักฐานที่ยืนยันและกล่าวอ้างได้เข้มแข็งในทางกฎหมายให้ดำเนินการจดแจ้งกับสำนักลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ หรือสำนักพาณิชย์จังหวัดฯ

3.             หากมีข้อพิพาทต้องการเรียกร้องสิทธิกันให้ทำการแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตาม พรบ.ทรัพย์สินทางปัญญาฯ ให้ดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งกฎหมายนี้ให้เจ้าของสิทธิ์แจ้งต่อตำรวจได้เพราะมีโทษทางอาญาต่อผู้ละเมิดลิขสิทธิ์

4.             หากเป็นข้อพิพาทตกลงกันไม่ได้สามารถฟ้องบังคับตามได้ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเท

สรุปแนวทางแก้ไข

                ใช้หลักกฎมายทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งกรณีนี้เป็นเรื่องลิขสิทธิ์ผู้เป็นเจ้าของเพลงไม่ต้องจดทะเบียน เพียงแต่พิสูจน์ว่าแต่งเองและได้มีการเผยแพร่ออกสู่สาธารณะก็เป็นการเพียงพอแล้ว ส่วนระยะเวลานั้นคุ้มครองตลอดชีพและต่อเนื่องไปอีก 50 ปีแก่ทายาทหรือผู้เป็นเจ้าของสัญญา   การเจรจาตกลงกับเจ้าของลิขสิทธิ์ในเบื้องต้นจึงสำคัญ   หากมีข้อพิพาทต้องการเรียกร้องสิทธิกันให้ทำการแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตาม พรบ.ทรัพย์สินทางปัญญาให้ดำเนินคดีทางกฎหมาย และบังคับตามสิทธิที่ตนมีในศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ

 

 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
คำถามที่สำคัญในเศรษฐกิจการเมืองยุคดิจิทัล ก็คือ บทบาทหน้าที่ของภาครัฐรัฐท่ามกลางการเติบโตของตลาดดิจิทัลที่ภาคเอกชนเป็นผู้ผลักดันและก่อร่างสร้างระบบมาตั้งแต่ต้น  ซึ่งสร้างผลกระทบต่อชีวิตผู้คนในรัฐให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง   อย่างไรก็ดีความเจริญก้าวหน้าของตลาดย่อมเกิดบนพื้น
ทศพล ทรรศนพรรณ
แนวทางในการส่งเสริมสิทธิคนทำงานในยุคดิจิทัลประกอบไปด้วย 2 แนวทางหลัก คือ1. การระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นภายในความสัมพันธ์ระหว่าง แพลตฟอร์ม กับ คนทำงาน2. การพัฒนารัฐให้รองรับสิทธิคนทำงานอย่างถ้วนหน้า
ทศพล ทรรศนพรรณ
เนื่องจากการทำงานของคนในแพลตฟอร์มดิจิทัลในช่วงก่อนหน้าสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำให้ปริมาณคนที่เข้ามาทำงานมีไม่มากนัก และเป็นช่วงทำการตลาดของเหล่าแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในการดึงคนเข้ามาร่วมงานกับแพลตฟอร์มตนยังผลให้สิทธิประโยชน์เกิดขึ้นมากมายเป็นที่พึงพอใจของผู้เข้าร่วมทำงานกับแพลตฟ
ทศพล ทรรศนพรรณ
รัฐชาติในโลกปัจจุบันไม่เปิดโอกาสให้บุคคลเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน ที่อยู่ แหล่งทำมาหากินได้อย่างอิสระ เสรีมาตั้งแต่การสถาปนารัฐสมัยใหม่ขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก   เช่นเดียวกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง ไทย พม่า ลาว หรือกัมพูชา   ก็ล้วนเกิดพรมแดนระหว่างรัฐในลักษณะที
ทศพล ทรรศนพรรณ
นับตั้งแต่เกิดปรากฏการณ์ “สีเสื้อ”   สื่อกลายเป็นประเด็นสำคัญที่เป็นตัวสะท้อนภาพของคนและสังคมเพื่อขับเน้นประเด็นเคลื่อนไหวทางสังคมให้ปรากฏเป็นขบวนการทางการเมืองที่มีผู้คนเข้าร่วมอย่างมากมายมหาศาล และมีกิจกรรมทางการเมืองหลากหลายรูปแบบ   ดังนั้นอำนาจในการสื่อสารและการมีส่วนร่วมใ
ทศพล ทรรศนพรรณ
สังคมไทยเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง แตกแยก และปะทะกันอย่างรุนแรงทั้งในด้านความคิด และกำลังประหัตประหารกัน ระหว่างการปะทะกันนั้นระบบรัฐ ระบบยุติธรรม ระบบคุณค่าเกียรติยศ และวัฒนธรรมถูกท้าทายอย่างหนัก จนสูญเสียอำนาจในการบริหารจัดการรัฐ   ในวันนี้ความตึงเครียดจากการเผชิญหน้าอาจเบาบางลง พร้อ
ทศพล ทรรศนพรรณ
เศรษฐกิจและการเมืองยุคดิจิทัล ใช้ข้อมูลของประชาชนและผู้บริโภคเป็นพื้นฐานในการทำความเข้าใจตลาดการเมืองและเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดีเจ้าของข้อมูลทั้งหลายได้รับประกันสิทธิในความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกนำไปใช้ตามอำเภอใจไม่ได้ เว้นแต่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กฎหมายยอมรับ หรือได้รับความยินยอมจากเจ
ทศพล ทรรศนพรรณ
หากรัฐไทยต้องการสร้างกรอบทางกฎหมายเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลพันธุกรรมมนุษย์ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติจริยธรรมวิจัยในมนุษย์ มาบังคับกับการวิจัยในพันธุกรรมมนุษย์ ซึ่งถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจำต้องมีมาตรการประกันสิทธิเจ้าของข้อมูลพันธุกรรมให้สอดคล้องกับมาตร
ทศพล ทรรศนพรรณ
กองทัพเป็นรากเหง้าที่สำคัญของความขัดแย้งเนื่องจากทหารเข้ามามีบทบาทแทรกแซงทางการเมืองมานาน โดยการข่มขู่ว่าจะใช้กำลัง การใช้อิทธิพลกดดันนโยบายของรัฐบาล กดดันเพื่อเปลี่ยนรัฐมนตรี และการยึดอำนาจโดยปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งทหารมักอ้างว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ ระบบการเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยเท่าที่ควรมีการฉ้อ
ทศพล ทรรศนพรรณ
 ปัญหาทางเศรษฐกิจที่มีขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมเรียกร้องมาตลอด คือ การผูกขาด ซึ่งมีรากเหง้ามาจากการแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจของกลุ่มผลประโยชน์ที่ทรงอำนาจ แล้วนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอันเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่ขบวนการความเป็นธรรมทางสังคมเสนอให้แก้ไข   บทความนี้จะพยายามแสดงให
ทศพล ทรรศนพรรณ
การแสดงออกไม่ว่าจะในสื่อเก่าหรือสื่อใหม่ย่อมมีขอบเขตการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิของผู้อื่น ดังนั้นรัฐจึงได้ขีดเส้นไว้ไม่ให้ประชาชนใช้สิทธิเสรีภาพจนไปถึงขั้นละเมิดสิทธิของผู้อื่นเอาไว้ในกรอบกฎหมายหลายฉบับ บทความนี้จะพาชาวเน็ตไปสำรวจเส้นพรมแดนที่มิอาจล่วงล้ำให้เห็นพอสังเขป
ทศพล ทรรศนพรรณ
การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติที่อดอยากหิวโหยที่นั้นดำเนินการได้โดยตรงด้วยมาตรการความช่วยเหลือด้านอาหารโดยตรง (Food Aid) ซึ่งมีทั้งมาตรการระหว่างประเทศ และมาตรการภายใน   ในบทความนี้จะนำเสนอมาตรการและกรณีศึกษาที่ใช้ในการช่วยเหลือด้านอาหารในสถานการณ์ฉุกเฉินเหล่านั้น แต่ความแตกต่างจากการสงเ