Skip to main content
  1. Internet Communication

            ปัจจุบันเทคโนโลยีถือเป็นตัวกำหนดภูมิทัศน์ทางสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถือเป็นความท้าทายในสังคมยุดิจิทัลซึ่งผู้ให้บริการในโลกธุรกิจต้องเผชิญ เพื่อให้เข้าใจถึงสภาพความท้าทายเหล่านี้

            ในปี1998แลร์รี (Lawrence Larry Page) กับเชอร์เก (Sergey Mikhaylovich Brin) ได้ก่อตั้ง Google โดยบริหารงานด้วยหลักการที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องมุ่งเน้นไปยังผู้ใช้งาน พวกเขาเชื่อว่าถ้าสร้างบริการที่ดีเยี่ยมได้ โดยการสร้างเสิร์ชเอนจิน (Search Engine) ที่ดีที่สุด พวกเขาก็จะประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่วนการสร้างเสิร์ชเอนจิน และบริการที่หลากหลายนั้น ได้ใช้กลยุทธ์ในการจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถ ให้มากที่สุด แล้วให้อิสระในการทำงานซึ่งการเป็นผู้นำวิศวกรที่ฉลาดที่สุดเป็นทางเดียวที่จะทำให้กูเกิลเติบโตและบรรลุเป้าหมายได้ ดังนั้นเหตุผลที่แลร์รีและเชอร์เกจ้างเอริก ชมิดท์ (Eric Schmidt ) เข้าทำงานนั้นไม่ใช่เพราะความเฉียบไวทางธุรกิจของเขาเพียงอย่างเดียว แต่เพราะเอริกเคยมีประสบการณ์เป็นนักเทคโนโลยีมาก่อน โดยเอริกเป็นผู้เชี่ยวชาญระบบปฏิบัติการ Unix เคยช่วยพัฒนา Java ที่หมายถึงภาษาที่ใช้ในการเขียนซอฟต์แวร์ และเป็นผู้ภูมิเรื่องเทคโลยีคอมพิวเตอร์เพราะเคยทำงานที่ Bell Lab มาก่อน

            ต่อมากูเกิลได้วางแผนการดำเนินงานโดยมุ่งเน้นไปยังผู้ใช้บริการ โดยการสร้างผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ เช่น Gmail และ Docs อีกทั้งยังเสนอบริการที่มีประสิทธิภาพที่สามารถเข้าถึงและใช้บริการได้ง่าย เช่นเปิดให้ใช้บริการผ่านเว็ป นอกจากนี้ผู้ใช้บริการถือเป็นรากฐานที่สำคัญของกูเกิล ยิ่งมีผู้ใช้บริการมากก็จะยิ่งดึงดูดลูกค้าโฆษณาเข้ามามากขึ้น

            ในปี 2000 กูเกิลได้พัฒนาเสิร์ชเอนจิ้นให้สามารถสืบค้นข้อมูลเร็วยิ่งขึ้น และค้นหาได้หลายภาษา ปรับปรุงส่วนประสานงานผู้ใช้ให้ใช้งานง่ายขึ้น เพิ่มแผนที่ และการสืบค้นข้อมูลในพื้นที่ใกล้เคียงให้ได้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังขยายบริการเว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome โดยพัฒนาให้เป็นเบราว์เซอร์ที่เร็วและปลอดภัยที่สุดและทำให้ทุกผลิตภัณฑ์ของกูเกิลสามารถสร้างรายได้ด้วยระบบโฆษณาที่มีประสิทธิภาพและให้ผลสัมฤทธิ์สูงสุด

            กูเกิลได้มีหลักการในการดำเนินการของบริษัท คือ ไม่ต้องการทำธุรกิจแบบปีศาจร้าย (Don’t be evil) เป็นภาษิตที่ใช้เป็นจรรยาบรรณของกูเกิลตั้งแต่ปี 2000 หลังจากนั้นบริษัทกูเกิลได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ภายใต้การรวมกลุ่มของอัลฟาเบต ในปี 2015 โดยใช้ภาษิตว่า ทำในสิ่งที่ถูกต้อง (Do the right thing) อย่างไรก็ตามกูเกิลได้มีรายได้จากการขายเทคโนโลยีการค้นหาและค่าโฆษณา ดังนั้นเป้าหมายในการเป็นบริษัทที่มีอำนาจในการแข่งขันทางธุรกิจของกูเกิลอาจทำให้จรรยาบรรณที่มีอยู่เลือนหายไป

 

  1. อินเตอร์เน็ตและผลสะเทือนต่อปริมณฑลทางกฎหมาย

            ประวัติการสืบค้นข้อมูล Google Search อาจเป็นแหล่งข้อมูลของรัฐในการสอดส่องสังคมพลเมืองอินเทอร์เน็ตได้ เนื่องจากบุคคลที่ทำกิจกรรมอยู่บนอินเทอร์เน็ตสามารถสร้างตัวตนปลอม อำพราง หลอกลวง เพื่อสร้างตัวตนสมมติในโลกไซเบอร์ได้อย่างหลากหลาย จึงเป็นการสร้างภาระหน้าที่ให้แก่รัฐเพื่อสร้างหลักประกันบางอย่างหรือคุ้มครองข้อมูลบางอย่าง เพื่อสืบให้ได้ว่าบุคคลในโลกความจริงคือใครหรือข้อมูลที่ปรากฎในกูเกิลใดเป็นภัยที่อาจสร้างผลกระทบต่อรัฐได้

            ในปี 2009 Google Trend ถือเป็นโปรเจกต์ของ Google  แต่เดิมถูกปฏิเสธที่จะใช้เป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ในวงการวิชาการ แต่การสืบส่องค้นข้อมูลในช่องเสิร์จช่วยให้ค้นพบความจริงๆ หลายอย่าง ที่อาจนำไปสร้างข้อสันนิษฐานต่อยอดได้  เครื่องมือนี้จึงช่วยให้เข้าถึงความคิดคนในโลกในปริมาณมหาศาลได้

            ในกรณีที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ขึ้นพูดให้คนไม่ตัดสินและไม่เหยียดชาวมุสลิม การพูดครั้งนั้นสื่อต่างๆ ล้วนชมว่าพูดได้ดีมาก งดงาม น่าประทับใจ แต่เมื่อดูแนวโน้มการเสิร์ชกลับพบว่า คนสืบค้นคำด้านลบเกี่ยวกับ Muslim เป็นผู้ก่อการร้ายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่สิ่งที่ทำให้เกิดแรงกระตุ้นด้านบวก คือเมื่อ บารัค โอบาม่า ได้ยกตัวอย่างว่ามีคนมุสลิมที่เป็นนักกีฬาระดับชาติ และเป็นทหารรับใช้ชาติมากมาย คำพูดนี้กระตุ้นให้เกิดความสงสัย คนเสิร์ชหาว่าทหารและนักกีฬาที่นับถือศาสนาอิสลามคือใคร คำพูดเพื่อต่อต้านความคิดที่รุนแรงอาจควรพูดถึงข้อมูลใหม่ที่เขาไม่เคยรู้ กระตุ้นให้คนสงสัยและอยากรู้

            การส่องการเสิร์ชข้อมูลของผู้ใช้บริการ อาจทำให้รัฐพบความเห็นสาธารณะจากคนที่มีตัวตนในสังคม ซึ่งมีจำนวนมากที่เสิร์ชด้วยความรู้สึกและความสงสัย ไม่ได้เกิดจากการตอบแบบสอบถามที่อาจโป้ปดกันได้ จากกรณีดังกล่าวจะเห็นได้ว่า Google Search อาจนำไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์หรืออาจนำไปสู่อาชญากรรมหรือการก่อการร้ายได้ ดังนั้นจึงต้องออกแบบกฎหมายเพื่อกำกับการใช้บริการของกูเกิลเพื่อควบคุมบรการที่หลากหลายที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต โดยรัฐต้องไม่ปิดกั้นสิทธิในการเข้าถึงบริการดังกล่าว

 

  1. ระบอบการกำกับโลกไซเบอร์และตัวแบบในการกำกับดูแลพื้นที่ไซเบอร์

            กูเกิลถือเป็นผู้ให้บริการที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดวิธีการค้นหาข้อมูลที่กระจัดกระจายในอินเตอร์เน็ต โดยผู้ใช้บริการค้นหาข้อมูลด้วย Google Search Engine เพื่อเชื่อมโยงกับสิ่งที่ผู้ใช้พิมพ์ลงไปในรูปแบบที่น่าจะตรงกับความต้องการมากที่สุด

            กรณีศึกษา: คดีกูเกิลสเปน หนังสือพิมพ์ลา บานกวาร์เดียของสเปน ได้เผยแพร่ประกาศการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินอันเกี่ยวข้องกับหนี้ประกันสังคมในค.ศ. 1998 ประกาศดังกล่าวพิมพ์ขึ้นตามคำสั่งของกระทรวงแรงงานและประกันสังคม เพื่อเชิญชวนให้ผู้สนใจเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ ต่อมาหนังสือพิมพ์ดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่บนเว็ปไซต์ด้วย ในการเผยแพร่ข้อมูลได้ปรากฏทรัพย์สินของ มารีโอ คอสเตฆา กอนซาเลส อยู่ โดยปรากฏชื่อเขาในฐานะเจ้าของทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดี

            ต่อมาในปี ค.ศ. 2009 มารีโอแจ้งไปยังหนังสือพิมพ์ลา บานกวาร์เดียว่า เมื่อพิมพ์ชื่อของเขาเป็นคำค้นข้อมูลในกูเกิล จะได้ผลการค้นหาเว็ปไซต์ที่มีข้อมูลประกาศดังกล่าว จึงขอให้หนังสือพิมพ์นำข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาออก เนื่องจากกระบวนการขายทอดตลาดได้เสร็จสิ้นไปแล้วจึงไม่ควรเผยแพร่อีก ทางฝ่ายหนังสือพิมพ์แจ้งว่าไม่สามารถลบข้อมูลของเขาออกได้ เพราะการพิมพ์ประกาศดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งของกระทรวงแรงงานและประกันสังคม ต่อมา มารีโอจึงได้ติดต่อไปยังกูเกิลสเปน เพื่อขอให้ยุติการเชื่อมโยงลิงค์ผลการค้นหาไปยังเว็ปไซต์ที่มีประกาศ

            คดีนี้ประเด็นจำกัดเฉพาะกูเกิลในการนำลิงก์ที่เชื่อมโยงข้อมูลออกจากผลการค้นหาเท่านั้น เพราะกูเกิลไม่ใช่ผู้ให้บริการเว็บเพจที่เก็บเนื้อหาข้อมูลพิพาท เห็นได้ว่าการตีความของศาลกฎหมายคุ้มครองข้อมูลไม่ได้จำกัดเฉพาะข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเท่านั้น แต่คุ้มครองข้อมูลในลักษณะอื่นด้วย เช่นข้อมูลเก่าที่ไม่สอดคล้องกับเจ้าของข้อมูลปัจจุบัน

            จากกรณีดังกล่าวเมื่อพิจารณานโยบายการลบลิงค์ข้อมูลของกูเกิล พบว่ากูเกิลมีความพยายามวางเกณฑ์พิจารณาคำร้องโดยคำนึงถึงจุดสมดุลระหว่างสิทธิ หากเป็นข้อมูลเกี่ยวกับมิติชีวิตส่วนตัวของบุคคลเหล่านั้นก็สามารถอ้างสิทธิที่จะลบได้ แต่หากเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับการหลอกลวงด้านการเงิน การประพฤติมิชอบในวิชาชีพ การกระทำที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะของนักการเมืองหรือข้าราชการกูเกิลอาจปฏิเสธคำขอให้ลบลิงก์เชื่อมโยงนั้นได้

รูปภาพจาก เว็บไซต์ https://twitter.com/google

เขียนโดย นางสาววรินทรา ศรีวิชัย

อ่านตอนที่ 2 https://blogazine.pub/blogs/streetlawyer/post/6322

อ่านตอนที่ 3 https://blogazine.pub/blogs/streetlawyer/post/6381

แหล่งอ้างอิง

https://blogs.wsj.com/digits/2015/10/02/as-google-becomes-alphabet-dont-be-evil-vanishes/?ns=prod/accounts-wsj

http://jimmysoftwareblog.com/node/301

https://thematter.co/thinkers/searching-is-your-identity/30581

https://en.wikipedia.org/wiki/Google_Spain_v_AEPD_and_Mario_Costeja_Gonz%C3%A1lez

 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องล่าสุดที่ใครอาจคิดว่าไกลตัว แต่มันเข้ามาใกล้ตัวเรากว่าที่หลายคนคิด ใช่แล้วครับ แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย และจะมีจำนวนมากขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจกับประเทศรอบด้าน   บางคนอาจคิดไปว่าคนต่างด้าวเข้ามาแย่งงานคนไทย แต่คน
ทศพล ทรรศนพรรณ
การบังคับใช้กฎหมายของรัฐเหนือดินแดนหลังหมดยุคอาณานิคมนั้น ก็มีความชัดเจนว่าบังคับกับทุกคนที่อยู่ในดินแดนนั้น  ไม่ว่าคนไทย จีน อาหรับ ฝรั่ง ขแมร์ พม่า เวียต หากเข้ามาอยู่ในดินแดนไทยแล้วก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย ดุจเดียวกับ “คนชาติ” ไทย   แต่ความยากลำบากเกิดขึ้นเมื่อปัจจุบันการข้ามพรมแดนย
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องนี้จะทำให้ทุกท่านเข้าใจแจ่มแจ้งเลยนะครับว่า “เงินทองมันไม่เข้าใครออกใคร” จริงๆ ให้รักกันแทบตาย ไว้ใจเชื่อใจกันแค่ไหนก็หักหลังกันได้ และบางทีก็ต้องคิดให้หนักว่าที่เขามาสร้างความสัมพันธ์กับเรานั้น เขารักสมัครสัมพันธ์ฉันคู่รัก มิตรสหาย หรืออยากได้ทรัพย์สินเงินผลประโยชน์จากเรากันแน่  
ทศพล ทรรศนพรรณ
หลังจาก คสช. ได้เรียกคนไทยในต่างแดนมารายงานตัว และมีความพยายามนำคนเหล่านั้นกลับมาดำเนินคดีในประเทศทำให้เกิดคำถามว่า กฎหมายใช้ไปได้ถึงที่ไหนบ้าง?  ขอบเขตของกฎหมายก็เชื่อมโยงกับองค์ประกอบของ รัฐยังจำกันได้ไหมครับ ว่า รัฐประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องต่อมาคงเคยผ่านหูผ่านตาหลายท่านกันมามากแล้วนะครับ นั่นคือ การออกโปรโมชั่นต่างๆของบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือสองสามเจ้าที่แข่งกันออกมายั่วยวนพวกเราให้หลงตามอยู่เรื่อยๆ   ผมเองก็เกือบหลงกลไปกับภาษากำกวมชวนให้เข้าใจผิดของบริษัทเหล่านี้อยู่หลายครั้งเหมือนกันนะครับ ต้องยอมรับเลยว่าคนที่
ทศพล ทรรศนพรรณ
หลังจากที่เครือข่ายเฟซบุคล่มในประเทศไทยเป็นเวลาเกือบชั่วโมงจนเพื่อนพ้องน้องพี่เดือดดาลกัน    ตามมาด้วยข่าวลือว่า "คสช. จะตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และไล่ปิดโซเชียลเน็ตเวิร์ค" นั้น  สามารถอธิบายได้ 2 แนว คือ1. เป็นวิธีการที่จะเอาชนะทางการเมืองหรือไม่ และ
ทศพล ทรรศนพรรณ
เวลาคนทะเลาะกัน จะหาทางออกอย่างไร ? 
ทศพล ทรรศนพรรณ
กฎหมายมีผลตั้งแต่วันที่ประกาศใช้ กฎหมายที่มีผลร้ายห้ามมีผลย้อนหลัง  การออกกฎหมายมาลงโทษการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตจะทำไม่ได้ กฎหมายสิ้นผลเมื่อประกาศยกเลิก 
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรามักได้ยินคนพูดว่า ดูละครแล้วย้อนมองตน เพราะชีวิตของคนในละครมักสะท้อนให้เห็นแง่มุมต่างๆในชีวิตได้ใช่ไหมครับ แต่มีคนจำนวนมากบอกว่าชีวิตใครมันจะโชคร้ายหรือลำบากยากเย็นซ้ำซ้อนแบบตัวเอกในละครชีวิตบ้างเล่า  แต่เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ทำให้ผมมั่นใจว่าเรื่องราวในชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย หากมันจะทำให
ทศพล ทรรศนพรรณ
ภัยใกล้ตัวอีกเรื่องที่ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ไม่อยากเจอคงเป็นเรื่องลึกๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวซึ่งเป็นความในไม่อยากให้ใครหยิบออกมาไขในที่แจ้ง แม้ความคิดของคนในสังคมเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์และความบริสุทธิ์จะเปลี่ยนไปแล้ว คือ เปิดกว้างยอมรับกับความหลังครั้งเก่าของกันและกันมากขึ้น &nbsp
ทศพล ทรรศนพรรณ
                ประเทศไทยประกาศต่อประชาชนในประเทศว่าจะรับประกันสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และประกาศต่อโลกว่าเป็น รัฐประชาธิปไตย มีกฎหมายใช้จัดการความขัดแย้งอย่างยุติธรรม รวมไปถึงป้องกันการใช้อำนาจตามอำเภอใจของรัฐ   แต่การประกาศใช้กฎอัยการศึกได้ทำลายสิทธ
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องนี้เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ของน้องคนหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตได้ทำให้ครอบครัวเค้าสูญเสียทุกอย่างไป   น้องได้ลำดับเรื่องราวให้ฟังว่า