Skip to main content

ปีที่ผ่านมา เหนือสายน้ำเชี่ยวกรากสายหนึ่ง ความทรงจำเกี่ยวกับแม่น้ำได้พาให้เดินทางไปสู่ห้วงยามหนึ่งของชีวิต ห้วงยามที่ทำให้ต้องจดจำไม่เคยลืม เพราะใครบ้างจะลืมประสบการณ์เฉียดตายของตัวเองได้ ในความทรงจำนั้น ภาพแม่น้ำแห่งบ้านเกิดผุดพรายขึ้นมา คล้ายภาพขาวดำหม่นมัวที่พาผมเดินทางกลับไปสู่ดินแดนแห่งความหวาดกลัวอันกว้างใหญ่ไพศาล ด้วยเรือคือความหวั่นไหว...

ใช่แล้ว ตอนหัดว่ายน้ำครั้งแรก ผมเกือบจมน้ำตาย เหตุการณ์ครั้งนั้นสอนให้รู้ว่า ความรู้สึกของคนใกล้ขาดใจตายเป็นอย่างไร นี่คือภาพความทรงจำในอดีต แต่ภาพความทรงจำครั้งใหม่ได้เกิดขึ้น หลังจากผมเดินทางมาถึงเมืองริมฝั่งน้ำเหนือสุดในล้านนา

เรื่องมีอยู่ว่า...

ผมมาเมืองริมฝั่งน้ำในช่วงต้นฤดูฝนปี ๔๖ ฝนบนฟ้าโปรยสายลงมาหนักหน่วง จากบ่ายจนถึงยามสายของอีกวัน หลังจากดวงอาทิตย์จมอยู่กับความมืดเบื้องหลังเมฆสีดำโผล่พ้นขอบเมฆส่องแสงออกมา ฟ้าหลังฝนก็กลับมางดงามเป็นสีฟ้า ไม่ต่างอะไรกับความหม่นเศร้าได้จางหายไปจากดวงใจอันบอบช้ำ

หลังฝนหยุดตก ตะวันคล้อยค่ำลง ผมนั่งอยู่ริมฝั่งน้ำเฝ้ามองฉากชีวิตของใครหลายคนบนท่วงทำนองของสายน้ำที่กำลังเดินทางไปสู่ปลายทาง เรือใหญ่ ๒ ลำบรรทุกนักท่องเที่ยวกำลังเดินทางกลับจากหลวงพระบางวิ่งตามกันมา ตรงท่าเรือคนแบกของกำลังจะเดินทางกลับบ้าน หลังการทำงานแลกเงินจำนวนไม่มากของพวกเขาเสร็จสิ้นลง จังหวะชีวิตของผู้คนที่เคลื่อนไหวไปตามฉากแต่ละฉากของชีวิต จึงเป็นเหมือนท่วงทำนองของสายน้ำอันบรรเลงโดยนักดนตรีแห่งฤดูกาล

เมื่อสองวันก่อนหลังจากมาถึงเมืองริมแม่น้ำ ผมได้เห็นยามเช้าแห่งชีวิตของผู้คนแตกต่างกันออกไป ยามเช้าของบางเช้า คนหาปลาบางคนก็ออกเรือไหลมองหาปลา ส่วนคนขับเรือรับจ้างก็กำลังทดสอบเครื่องยนต์เรือ พ่อค้าแม่ค้าเปิดร้านขายของ รถขนของจอดเรียงรายอยู่ข้างถนน แถวพระสงฆ์เดินกลับเข้าประตูวัด หลังการโปรดสัตว์ในตอนเช้าจบสิ้นลง ยามเช้าเช่นนี้ บางคนก็เร่งร้อนเร่งรีบ เพื่อให้ทันเวลาทำงานตามเข็มนาฬิกา ในจำนวนของผู้คนที่เร่งรีบ คนแบกของตรงท่าเรือดูเหมือนว่าจะเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวที่เร่งรีบมากที่สุด เพราะพวกเขาต้องเร่งรีบ เพื่อไปให้ทันเรือสินค้า แน่ละในความเป็นจริงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หลายคนล้วนเร่งรีบ เพื่อกิจธุระการงานของตัวเองแทบทั้งสิ้น

ขณะนั่งมองฉากชีวิตของผู้คนอยู่ริมฝั่งน้ำ เวลาแต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า ดวงตะวันยามเย็นพาดผ่านขอบฟ้าทำมุม ๓๕ องศากับพื้นดิน เงาของต้นจามจุรีทอดทาบลงบนพื้นดิน หลังทอดอารมณ์ลอยไปกับสายน้ำ ผมก็หวนคิดถึงความทรงจำเกี่ยวกับแม่น้ำสายนี้ ความทรงจำลางๆ บอกกับผมว่า แท้จริงแล้ว แม่น้ำสายนี้มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาหิมะอันไกลโพ้นบนหลังคาโลก ต้นกำเนิดของแม่น้ำคือต้นธารของตำนานเล่าเรื่องการกำเนิดแม่น้ำ 

เมื่อพูดถึงแม่น้ำสายนี้ หากไม่กล่าวถึงนาคก็ดูเหมือนความเป็นไปในแม่น้ำสายนี้ขาดอะไรบางอย่าง ผู้คนที่พึ่งพาอาศัยแม่น้ำสายนี้ต่างเชื่อกันว่า ‘นาค’ มีอยู่จริง แต่ความมีอยู่จริง บางครั้งนาคก็ถูกเรียกให้แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของภูมิประเทศ คนจีนโพ้นทะเลเรียกว่า ‘มังกร’ ส่วนคนท้ายน้ำทั้งลาว-ไทยเรียกว่า ‘พญานาค’

นอกจากพวกเขาจะมีความคิด ความเชื่อคล้ายกันหลายเรื่องแล้ว คนในลุ่มน้ำนี้บางกลุ่มยังเชื่อว่า บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นนาค 

ในตำนานของลาวเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนาคเอาไว้ว่า เย็นวันหนึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่งได้ไปว่ายน้ำในทะเลสาบหนองแสใกล้บ้าน และเธอได้สัมผัสสิ่งหนึ่งที่เธอเองคิดว่าเป็นซุงลอยน้ำ หลังจากเธอได้สัมผัสวัตถุต้องสงสัยในวันนั้น หลายเดือนต่อมาเธอก็ตั้งท้องและให้กำเนิดทารกเพศชาย หลังจากเด็กชายลืมตาขึ้นมาดูโลกได้ไม่นาน พญานาคตนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น และกล่าวอ้างว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของตนเอง พอเด็กคนนั้นเติบโตขึ้น เขาก็กลายเป็นผู้นำเผ่าที่พาผู้คนอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศลาว ด้วยความเชื่อนี้ ผู้ชายในลาวบางคนจึงนิยมสักรูปนาคไว้ตามร่างกาย

ชาวกัมพูชาก็มีความเชื่อเช่นกันว่า บรรพบุรุษของพวกเขาคือนาค ชาวกัมพูชาจึงมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับนาคชื่อว่า ‘พระทองนาคนาง’

ส่วนคนไทยก็มีความเชื่อไม่ได้แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นก่อนผู้ชายจะได้บวชในพระพุทธศาสนา มีบทบัญญัติในพระไตรปิฎกว่า คนที่จะบวชต้องไปอยู่วัด เพื่อท่องคำขอบวชให้ได้เสียก่อน คนที่ไปอยู่วัด ชาวชนบททั่วไปเรียกว่า ‘ไปเป็นนาค’

ส่วนคนไทลื้อบริเวณหนองแส- ตือเจียง ในเขตสิบสองพันนา เรียกคนด้านท้ายน้ำที่พวกเขาพบเจอว่า ‘นาค’ เช่นกัน

หากผมไม่กล่าวจนเกินเลยมากนัก นาคกับแม่น้ำสายนี้ต่างเป็นสิ่งคู่กันมานาน และแม่น้ำสายใดจะมีตำนานเรื่องนาคได้เท่ากับแม่น้ำสายนี้ แม่น้ำที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้ชื่อว่า ’แม่น้ำโขง’ สายน้ำสายหนึ่งที่เป็นเหมือนพรมแดนแผ่นดิน

ความลึกล้ำตลอดความยาว ๔,๙๐๙ กิโลเมตรของแม่น้ำ ดูเหมือนว่ายังเป็นปริศนาเฝ้ารอการค้นพบว่า สะดือของสายน้ำลึกเท่าใด อยู่ที่ไหน เช่นกันในความลึกล้ำของสายน้ำล้วนมีความลึกลับซ่อนอยู่ โดยเฉพาะความลึกลับในคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ คืนที่ลูกไฟมหัศจรรย์พุ่งขึ้นจากสายน้ำ คนท้องถิ่นแถบนั้นทั้งลาว-ไทยบอกว่า ลูกไฟเหล่านี้คือบั้งไฟที่พญานาคจุดขึ้นมาจากใต้บาดาล เพื่อเป็นพุทธบูชาในวันออกพรรษา

หากพูดถึงบั้งไฟพญานาค หลายคนคงเคยได้ฟังเรื่องเล่าปรัมปราเกี่ยวกับการปรากฏกายของนาคต่อหน้าสิทธารัตถะ ผู้เป็นปฐมบทของพุทธศาสนา การปรากฏตัวของนาคเข้ามาเกี่ยวโยงในศาสนาได้ยังไง เรื่องนี้มีเรื่องเล่าปรัมปราว่า ชาติภพของมหาบุรุษผู้นี้ เขาเคยเกิดในตระกูลนาคชื่อว่า พระภูริทัต พอสิ้นชีพจึงเกิดมาเป็นสิทธารัตถะ และเป็นมหาศาสดาของศาสนาพุทธในลำดับต่อมา จากการจุติของภพชาติอันเกี่ยวเนื่องกันกับนาค เราจึงได้เห็น ได้ฟังเรื่องราวของนาคกับศาสนาพุทธมาจนบัดนี้

ก่อนเดินทางมาเยือนแม่น้ำสายนี้ เพื่อนของผมเล่าให้ฟังว่า แม่น้ำสายน้ำนี้ไหลเป็นเส้นแบ่งพรมแดนพม่า-ลาว-ไทย ถ้าไม่กล่าวให้เกินเลยมากนัก แม่น้ำสายนี้ก็เป็นเหมือนเส้นพรมแดนแผ่นดิน แม้ว่า แม่น้ำจะถูกขีดเพื่อเป็นเส้นแบ่งพรมแดนประเทศ แต่ภายใต้เส้นแบ่ง มันเป็นเพียงเส้นแบ่งบางๆ อันถูกห่อหุ้มด้วยนิยามของคำว่า ‘รัฐชาติ’ และนิยามอันนี้เองความเป็นเครือญาติของผู้คนจึงถูกตัดขาดจากกันสิ้นเชิง ในแต่ละปีเดือนของแม่น้ำ ผู้คนริมฝั่งน้ำต่างข้ามไปมาหาสู่กัน หากพูดเรื่องพรมแดนแล้ว แม่น้ำไม่เคยแบ่งพรมแดนของคนออกจากกัน มีเพียงคนด้วยกันเท่านั้นแบ่งคนออกจากกัน

ทุกพื้นที่ที่แม่น้ำไหลผ่าน ผู้คนริมฝั่งน้ำต่างได้ใช้ประโยชน์แตกต่างกันออกไป บางคนก็หาปลา บางคนก็ปลูกผัก บางคนก็ขับเรือรับจ้าง ในบรรดาผู้คนที่ได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำสายนี้ ดูเหมือนว่าคนหาปลาจะเป็นสัญลักษ์อยู่คู่กับแม่น้ำมาเนิ่นนาน โดยเฉพาะบริเวณสบรวก คนหาปลาบางคนได้อาศัยพื้นที่ตรงปากน้ำวางเบ็ด วางมองจับปลา ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งก็ใช้จอดเรือรับ-ส่งนักท่องเที่ยว ตรงจุดนี้ แม่น้ำไหลเป็นเส้นแบ่งพรมแดนประเทศถึงสามประเทศจึงมีชื่อเรียกว่า ‘สามเหลี่ยมทองคำ’

เรื่องราวของสามเหลี่ยมทองคำในอดีตที่ผู้คนได้รู้จักล้วนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายแทบทั้งสิ้น แต่ความเป็นจริงแล้ว สามเหลี่ยมทองคำยังมีสิ่งให้ค้นหามากกว่าความเป็นพื้นที่ค้าขายยาเสพติดอันยิ่งใหญ่

ในปัจจุบันเรื่องราวยาเสพติดแห่งสามเหลี่ยมทองคำค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน การหายไปของเรื่องราวในอดีตที่สามเหลี่ยมทองคำก็คงไม่ต่างกับการหายไปของคนหาปลาที่สบรวกเช่นกัน ๓-๔ ปีที่ผ่านมาทันทีที่โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือ เพื่อขนส่งสินค้าจากจีนตอนใต้มาถึงเชียงแสนแล้วเสร็จลง คนหาปลาก็เห็นเรือลำใหญ่น้ำหนักบรรทุกเป็นร้อยต้นคืบคลานมาตามสายน้ำ คลื่นของเรือใหญ่ได้ดูดกลืนเรื่องราวของเรือหาปลาลำเล็กไปเสียสิ้น คลื่นจากเรือใหญ่ได้พัดพาเรื่องราวของปลา และคนหาปลาให้จมหายไปกับสายน้ำ คนหาปลาหลายคนหาปลาไม่ได้ บางคนก็ตัดสินใจทิ้งเครื่องมือหาปลาบ่ายหน้าไปหาเรือลำใหญ่ เพื่อแลกกับค่าจ้างที่จะได้รับหลังจากแบกของลงเรือลำใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าขณะก้าวเดินแต่ละก้าวของคนหาปลาบนพื้นของเรือลำใหญ่ ภายใต้ดวงใจเท่าหนึ่งกำปั้นของเขา เขาจะเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงใด

หลังเรือใหญ่สัญจรหลายเที่ยวมากขึ้น แม่น้ำเคยสงบเงียบก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป หลังแม่น้ำแปรเปลี่ยน วิถีทางของคนหาปลาอันเต็มไปด้วยเรื่องเล่า และตำนานจึงยุติลงพร้อมกับเรือหาปลาบางลำกลายเป็นที่ปลูกผักสวนครัว ห้วงยามเช่นนี้คนหาปลาจึงได้เพียงแต่ถอยร่นออกจากวิถีแห่งการพึ่งพาแม่น้ำไปทีละคนสองคน

แน่ล่ะ น้ำในแม่น้ำย่อมมีขึ้น-ลงเป็นจังหวะของมัน ชีวิตของคนก็เช่นกัน ล้วนมีขึ้น-ลงมีจังหวะของการโลดเต้นแตกต่างกัน บางคนหาปลาตั้งแต่หนุ่มจนแก่เฒ่ายังหาปลาอยู่เช่นเดิม บางคนขับเรือรับจ้างก็ยังขับอยู่เช่นเดิม สายน้ำมีลีลา ชีวิตคนก็เช่นกัน หลายชีวิตที่กล่าวมา พวกเขาล้วนมีจังหวะชีวิตโลดแล่นบนนาวาชีวิตแตกต่างกันตามแต่จังหวะชีวิตของใครของมัน

กล่าวถึงแม่น้ำสายนี้แล้ว ในหน้าน้ำหลาก น้ำจะเป็นสีเหลืองขุ่น และไหลเชี่ยวกรากรุนแรง เสียงโครมครามของสายน้ำจะเกิดขึ้นเสมอเมื่อโถมเข้าสู่แก่งหิน เสียงสายน้ำโถมเข้าหาแก่งหินสามารถฉุดห้วงหัวใจของคนอ่อนไหวให้เดินทางไปสู่ความหวาดกลัวได้ดีเป็นยิ่งนัก

แต่ก็นั่นแหละ แม้ว่าสายน้ำจะโถมเข้าหาแก่งหิน และส่งเสียงดังน่ากลัวปานใด แต่คนหาปลาผู้มาพร้อมกับเรือหาปลาลำเล็กบนสายน้ำเชี่ยวกราก พวกเขาก็ยังคงทำงานเหมือนเช่นเคยเป็นมา ขณะเรือเล่นไปบนสายน้ำเชี่ยวกราก ไม่มีใครสามารถรู้ได้แน่ชัดว่า พวกเขาจะหวาดกลัวต่อสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าหรือไม่ หากเปรียบเทียบคนหาปลากับผมแล้ว ผมสามารถบอกได้ว่า ถ้าใจไม่กล้าพอก็อย่าได้หวังว่าการนั่งอยู่บนเรือเหนือสายน้ำเชี่ยวจะมีความสุข

หากว่าแม่น้ำเบื้องหน้าผมคือ สายน้ำแห่งชะตากรรมอันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแล้ว นาวาอารมณ์ที่ค่อยๆ จมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งแห่งสำนึกภายในก็คงเป็นจังหวะชีวิตหนึ่งของสายน้ำเช่นกัน

เมื่อตอนผมนั่งอยู่บนเรือเหนือสายน้ำเชี่ยว หัวใจที่เคยใหญ่เท่ากำปั้นของตัวเอง หดแคบลงเหลือเท่ามดแดงตัวหนึ่งเท่านั้น สองมือเกาะกุมแคมเรือไม่ยอมปล่อย แม้ว่ามันจะดูเป็นเรื่องตลกขบขันสำหรับคนอื่นก็ตามที แต่ผมก็ยินดีจะทำเช่นนั้น

เมื่อเครื่องยนต์เรือค่อยผ่อนเบาเครื่องลงก่อนจะถูกเร่งความเร็วผ่านสายน้ำหมุนวน หัวใจของผมก็ไม่ได้ต่างกัน ทุกครั้งที่หัวเรือบ่ายหน้าเข้าหาแก่งหรือน้ำวน หัวใจของผมเหมือนมันจะเต้นช้าลง แต่พอเรือพ้นออกมาจากแก่งและสายน้ำหมุนวนแล้ว การเต้นของหัวใจก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

ผมจำได้ว่า ในสมัยเป็นเด็ก ผมอยากมีเรือวิเศษสักลำที่สามารถเดินทางไปตามที่ต่างๆ ได้ตามใจปรารถนา แต่เมื่อโตขึ้นมาและได้มาล่องเรือในแม่น้ำสายนี้ ความคิดเรื่องของการมีเรือวิเศษได้หายไปอย่างสิ้นเชิง คงไม่ต้องเสียเวลามาอธิบายเพิ่มเติมว่า ทำไมผมจึงทิ้งความฝันนั้นไปเสีย

หลังกลับจากล่องเรือคราวนั้น ในลมดึกของคืนหนึ่ง ผมได้นั่งดูภาพถ่ายหลายภาพ และเมื่อภาพใบหนึ่งกำลังจะผ่านตาไป ผมก็หยิบภาพใบนั้นขึ้นมาเพ่งพิจารณา ไม่นานนักเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับคนในภาพถ่ายก็วนเวียนเข้ามาในความรู้สึก

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
 แม่น้ำโขงจากหลังคาโลกสู่ทะแลจีนใต้แม่น้ำโขงได้รับการจัดอันดับว่าเป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับ ๑๐ ของโลกครอบคลุมพื้นที่ ๖ ประเทศคือ จีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม มีผู้คนมากกว่า ๖๐ ล้านคนได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำสายนี้ในด้านต่างๆ ทั้งทำการประมง ทำการเกษตร การขนส่ง และการคมนาคม แม่น้ำโขงตอนบนมีลักษณะลาดชันไหลผ่านช่องเขาที่แคบเป็นแนวยาว แม่น้ำโขงตอนบนได้รับน้ำจากการละหายของหิมะเป็นส่วนใหญ่ พื้นที่แม่น้ำโขงตอนบนอยู่ในเขตปกครองตนเองของทิเบต และจีนแม่น้ำโขงในส่วนตอนกลางมีลักษณะเป็นแก่ง และมีหน้าผาสูงอยู่ในแม่น้ำและตามริมฝั่ง ระดับน้ำในฤดูน้ำหลากและฤดูแล้งจะมีความแตกต่างกันถึง ๒๐ เมตร…
สุมาตร ภูลายยาว
การเรียกชื่อของสถานที่ใดสถานที่หนึ่งในแม่น้ำสายใดสายหนึ่งล้วนแตกต่างกันออกไปตามแต่ภาษาของคนท้องถิ่นนั้นๆ แต่ชื่อหลักที่ผู้คนทั่วไปรู้จักคงไม่ผิดแปลกกันนัก แม้ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของแม่น้ำจะแตกต่างกันไปตามภาษาถิ่น และความเชื่อของคนท้องถิ่น ในแม่น้ำโขงเองก็เช่นกัน มีสถานที่หลายแห่งที่ชาวบ้านทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงบนพรมแดนไทย-ลาวได้เรียกชื่อของสถานที่เหล่านั้นทั้งเหมือนกัน และแตกต่างกัน คอนผีหลงก็เช่นกัน คณะผู้สำรวจจากประเทศจีนอ้างอิงเอาตามคำเรียกชื่อของแก่งนี้ตามคนลาวท้องถิ่นในบริเวณนั้นว่า ‘คอนผีหลวง’ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนลาวเรียกว่า ‘คอนผีหลงไม่ใช่คอนผีหลวง’ คำว่า ‘คอน’ ในพจนานุกรม…
สุมาตร ภูลายยาว
ไม่ว่าจะในแม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง หรือท้องทะเล ทุกหนแห่งที่กล่าวมาล้วนมีคนกลุ่มหนึ่งอาศัยพึ่งพามาตลอด เรียกได้ว่าเมื่อนึกถึงแม่น้ำ เราก็จะนึกถึงคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรกๆ นอกจากนึกถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำ... เรากำลังกล่าวถึงคนกลุ่มหนึ่งที่ผู้คนทั่วไปรู้จักพวกเขาในนาม ‘คนหาปลา’ เมื่อกล่าวถึงคนกลุ่มนี้คงไม่ต้องอธิบายมากว่า พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการทำอาชีพอะไร แต่เมื่อเพ่งพิศลงไปในอาชีพ และวิถีทางแห่งการดำรงอยู่ของพวกเขา เราจะพบว่า การดำรงตนด้วยการหาปลานั้นเป็นสิ่งยากยิ่ง แน่ละ มันมีหลายเหตุผลที่จะกล่าวเช่นนี้ เหตุผลอย่างที่หนึ่ง เมื่อเราจะออกสู่แม่น้ำ ลำคลอง…
สุมาตร ภูลายยาว
คนทำเรือแห่งแม่น้ำมูนหากเปรียบ ปู ปลาคือผลผลิตจากนาน้ำของคนไม่มีนาโคก เรือก็คงไม่ต่างอะไรจากรถไถนา ‘เรือ’ คำสั้นๆ แต่ดูเปี่ยมด้วยความหมายยิ่งใหญ่สำหรับผู้คนริมฝั่งน้ำ นอกจากจะใช้เป็นพาหนะในการเดินทางแล้ว ยังใช้ในการหาปลาอีกด้วย เรือในแม่น้ำย่อมมีขนาดแตกต่างกันออกไป แม่น้ำใหญ่เรือก็ใหญ่ แม่น้ำเล็กเรือก็ลำเล็ก นอกจากขนาดของเรือในแต่ละแม่น้ำจะแตกต่างกันออกไปแล้ว ท้องเรือที่จมอยู่ในแม่น้ำยังแตกต่างกันออกไปด้วย เรือในแม่น้ำสาละวินท้องเรือมีลักษณะแบน แต่เรือในแม่น้ำโขงท้องเรือมีลักษณะเรียวแหลมคล้ายสิ่วเจาะไม้
สุมาตร ภูลายยาว
ในสมัยก่อนคนพื้นถิ่นแถบแม่น้ำของ หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันว่าน้ำโขง มีการใช้เรือในแม่น้ำของเพื่อการคมนาคมและขนส่งสินค้า ซึ่งสินค้าของคนพื้นถิ่นแถบอำเภอเชียงของและเวียงแก่นก็จะมีทั้ง เกลือ ข้าว และสินค้าอื่นๆ เพื่อค้าขายและเปลี่ยนกับฝั่งลาวและคนต่างถิ่น การค้าทางน้ำในแม่น้ำของนั้นมีมานานหลายชั่วคน นอกจากประโยชน์ในการบรรทุกสินค้าแล้ว คนท้องถิ่นยังใช้เรือในการหาปลา ซึ่งก่อนที่คนหาปลาจะหันมาใช้เรืออย่างทุกวันนี้ คนหาปลารุ่น ๗๐ ปีขึ้นไปที่หาปลาในแม่น้ำของในอดีตใช้แพไม้ไผ่เพื่อหาปลา พ่ออุ้ยผุย บุปผา อายุ ๗๖ ปี ชาวบ้านปากอิงใต้เล่าว่า “แต่ก่อนตอนพ่อเป็นหนุ่ม…
สุมาตร ภูลายยาว
ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคนไทยจำนวนไม่น้อยคงได้ดีใจกับเหรียญทองเหรียญแรกในกีฬาโอลิมปิก แต่ในความดีใจนั้นก็มีความเศร้าใจปะปนมาด้วย และความเศร้าใจก็เดินทางมาพร้อมกับความสูญเสียจำนวนมหาศาลที่คิดเป็นมูลค่าของเงินแล้วไม่ตำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท ความเศร้าใจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์น้ำโขงเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน และที่สวนไร่นาจำนวนมหาศาล ที่บอกว่าเหตุการณ์อันกำลังเกิดขึ้นเป็นความเศร้าใจนั้น เพราะพืชผลทางการเกษตรจำนวนไม่น้อยกำลังอยู่ในช่วงรอการเก็บเกี่ยวผลิต บ้างก็กำลังเริ่มให้ผลผลิต ในจำนวนผู้คนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ดูเหมือนว่าในส่วนของประเทศไทย…
สุมาตร ภูลายยาว
๑.แม่น้ำสาละวินและระบบนิเวศแม่น้ำ -บทพูด- -มีคนบรรยายเกิ่นนำเรื่องแม่น้ำสาละวิน แม่น้ำสาละวินเป็นแม่น้ำนานาชาติสายหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำเนิดจากการละลายของหิมะในธิเบตแล้วไหลผ่านประเทศจีน,ไหลเข้าเขตรัฐฉาน,รัฐคะยาห์ และไหลเรื่อยมาเป็นเส้นแบ่งพรมแดนไทย-พม่ารวมระยะทาง ๑๑๘ กิโลเมตร ก่อนจะสิ้นสุดพรมแดนไทย-พม่าที่บ้านสบเมย หลังจากนั้นแม่น้ำสาละวินก็จะไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดียที่อ่าวเมาะตะมะบริเวณเมืองเมาะลำเลิงหรือมะละแหม่งของรัฐมอญ รวมระยะทางทั้งสิ้น ๒,๘๐๐ กิโลเมตร แม่น้ำสาละวินเป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับที่ ๒๖ ของโลก สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว…
สุมาตร ภูลายยาว
 ๑.ภาพเปิดก่อนนำเข้าสู่เรื่องราวทั้งหมด            -ภาพของเด็กๆ กำลังเล่นน้ำ            -ภาพของคนกำลังหาปลา            -ภาพของงานวัฒนธรรม            -ภาพของเรือจีน            -ภาพเรือหาปลาในลาว / ภาพเรือรับจ้างขนของ / เรือโดยสาร            -…
สุมาตร ภูลายยาว
เสียงไก่ขันสลับกับเสียงกลองจากวัดบนภูเขาดังกระชันถี่ขึ้น เหมือนเป็นสัญญาณบอกว่ายามเช้าใกล้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ในรอบหนึ่งเดือน เสียงกลองยามเช้าจากวัดจะดังอยู่ ๘ ครั้งต่อเดือน เพื่อเป็นสัญญาณบอกให้ชาวบ้านรู้ว่า ‘วันนี้วันพระ’ เมื่อลองมาไล่เรียงตัวเลขบนปฏิทินก็รู้ว่า วันนี้เป็นวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ในทางพุทธศาสนาแล้ว วันนี้ถือเป็นวันก่อเกิดสิ่งมหัศจรรย์ ๓ อย่างพร้อมกัน คือวันนี้เป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นปฐมบทแห่งศาสนาพุทธ ไก่ขันครั้งสุดท้ายล่วงเข้ามา หลายบ้านเริ่มตื่นขึ้นมาก่อไฟหนึ่งข้าว และทำอาหารเช้า พอพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าได้ไม่นาน…
สุมาตร ภูลายยาว
สุมาตร ภูลายยาว เฆมฝนสีดำทะมึนฉาบไปทั่วทิศทาง เรือหาปลาลำเล็กหนึ่งลำ และเรือลำใหญ่สองลำค่อยๆ เคลื่อนออกจากฝั่งริมแม่น้ำ เพื่อลอยลำไปยังเบื้องหน้าแท่งคอนกรีตอันเป็นสัญลักษ์ของความชั่วร้ายในนามการพัฒนามาหลายปี เมื่อเรือไปถึงกลางแม่น้ำ คนบนเรือค่อยๆ คลี่ผ้าขาวที่ห่อหุ้มถ่านเถ้าเบื้องหลังความตายแล้วปล่อยถ่านเถ้านั้นไหลลอยไปกับสายน้ำริมฝั่งดอกไม้ทั้งดอกจำปา ดอกเข็มแดง ดอกดาวเรือง ต่างเข้าแถวเรียงรายกันไหลไปตามแม่น้ำ หลังจากมันถูกปล่อยออกจากกรวยใบตองในมือคนริมฝั่ง ถัดออกไปจากริมฝั่งพ่อทองเจริญกับพ่อดำ ได้พาชาวบ้านจำนวนหนึ่งไปขอขมาแม่น้ำ…
สุมาตร ภูลายยาว
สำเนียงภาษาอีสานจากหนังเรื่อง ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ฉุดให้ผมคิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับหนังขึ้นมาอีกครั้ง ผมตั้งใจเอาไว้หลายครั้งแล้วว่า อยากจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คน ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ซ่อนอยู่ในเนื้อในหนังอันเป็นเรื่องราวที่ผู้กำกับหนังคนนั้นๆ ต้องการอยากให้เราเห็น ฉากทุกฉากที่ปรากฏอยู่ในหนังแทบทุกเรื่อง ล้วนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือความจงใจที่ผู้กำกับต้องการอยากให้เราเห็นในสิ่งที่เขาเห็น เขาจึงได้ใส่มันเข้าไปในหนัง หลังจากดู ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ จบ ผมก็มานั่งนึกว่าตัวเองได้ดูหนังอะไรบ้างที่พูดถึงแม่น้ำโขง หรือมีชาวโขงเข้าไปโลดเล่นอยู่บนจอสีขาวในโรงหนัง…
สุมาตร ภูลายยาว
‘นายน้ำ’ เป็นคำเรียกคนขับเรือที่คนลาวใช้เรียกกัน กี่ชั่วอายุคนมาแล้วก่อนที่เราจะมีถนนใช้ แม่น้ำคือถนนชนิดหนึ่งในระหว่างทางที่เรือล่องขึ้น-ลงในแม่น้ำ ยากจะคาดเดาได้ว่า บรรพบุรุษของนายน้ำคนแรกเป็นใคร บนนาวาชีวิตที่ล่องไปบนสายน้ำกว้างใหญ่ และไหลเชี่ยว ชีวิตของพวกเขาล้วนฝากไว้กับบางสิ่งบางอยางที่บางคนเรียกมันว่าชะตากรรมบ่อยครั้งที่ล่องเรือไปบนสายน้ำ เราล้วนแต่ต้องค้อมคารวะหัวใจอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา เมื่อเดินทางสู่ฝั่ง หากมองทะลุลงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ อะไรคือหมุดหมายที่ฉุดรั้งพวกเขาให้มุ่งหน้าสู่เส้นทางที่มองทางไม่เห็นทางเช่นนี้ในบรรดานายน้ำที่มีอยู่มากมาย พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นนายของน้ำ…