Skip to main content

ย่านั่งบนพื้นบ้าน

ซึ่งเป็นไม้ ใกล้กับหลายชายวัย 10 ขวบ เปลวไฟสีส้มจากโคมตีนสูง ส่องแสงให้เห็นลังสบู่ซันไลท์เปล่าวางอยู่ข้างหน้า

ย่าหาลังเปล่ามาให้แล้ว เห็นบ่นอยากได้นัก”

ย่าไปเอาที่ไหนมาล่ะ” ผมถาม ตามองดูลังไม้ที่ทำจากต้นจามจุรีวางตะแคง หันหน้าเข้าหาอย่างพอใจเต็มที่ ข้างในมันถูกแบ่งเป็นสองชั้น

ก็ไปขอร้านขายของปากซอยมา”


ผมเปิดกระเป๋าหนังสือ หยิบหนังสือเรียนมาวางแถวล่าง สมุดแถวบน นี่ละตู้หนังสือชั้นดีของผม

รักจะเอาไว้หนังสือเรียน จะจัดหนังสือ สมุดตามตารางสอน ใส่กระเป๋าเป็นวันๆ สะพายมันจะได้เบาๆ”


เปลวไฟสีส้มจากโคมตีนสูงหยุดนิ่ง ควันสีดำที่ยอดเปลวไฟลอยขึ้นเป็นทาง ผมวางกระเป๋าบนลังเปล่าที่ย่าหามาให้ เมื่อเรียบร้อยก็ชวนย่าเข้าที่นอน ย่าถือโคมมาวางใกล้ที่นอน ย่าลุกขึ้นปลดมุ้งลง ผมคลานเข้าไปในมุ้ง ช่วยย่าเหน็บชายมุ้งรอบที่นอน ย่านำผ้ามาซ้อนกัน 5 ผืน ส่วนผม 6ผืน ประกอบด้วย ผ้าห่มเก่าปีก่อน 4 ผืน ผ้านวม 1 ผืน ผ้าห่มพ่อซื้อให้สีสดสวยอีก 1 ผืน ย่าก็คล้ายๆ กัน เสื้อแขนยาวอีก กางเกงขายาวผ้าสำลีด้วย จากนั้นย่าเลิกมุ้ง ใช้ปากเป่าดับไฟโคม บางคืนตกดึก เหงื่อแตกทั้งย่าหลาน ผ้าหนามาก ตัวผมผอมบาง นอนหงายแล้วพลิกตัวซ้ายขวาไม่ค่อยได้ ผมอยู่กับย่าสองคน พ่อแม่น้องชายอยู่บ้านอีกหลังใกล้กัน เป็นบ้านที่พ่อเพิ่งปลูกใหม่ หากยังไม่หลับ ย่าหลานจะคุยกันไปเรื่อยๆ ก่อนนอนผมมักจะให้ย่า เล่านิทานให้ฟังทุกคืน บางคืนย่าก็รำคาญบ่นพึมพำ ผมบอกว่า

ย่าเล่าสนุกดี”


ย่าได้ฟังทนไม่ไหว สงสารหลานก็เล่าให้ฟัง เรื่องที่เล่าชื่อ “เสือเย็น” เป็นเรื่องของพระภิกษุที่กลายร่างเป็นเสือ เป็นเรื่องเดียวที่ย่าเล่าแล้วผมไม่เคยเบื่อ คืนต่อๆ ไปก็เรื่องนี้อีก หมายความว่า เป็นเรื่องประจำคืน ประจำชีวิตของย่าหลาน ย่าเล่าช้าๆ ทอดเสียงหนักเบามีจังหวะได้อารมณ์ ผมนอนลืมตาโพลงในความมืด นอนหงายนิ่งๆ ฟังอย่างใจจดจ่อ สร้างจินตนาการไปที่หลังคามุ้ง

อาหารประเภทใดที่ผมชอบกิน ย่าจะทำให้เสมอ เช่น ผัดพริกแกงคลุกกับหมูกรอบ รสชาติจะหวานนิดเผ็ดหน่อยหนึ่ง อีกอย่างเป็นตำมะม่วง ผมกินประจำ กินข้าวได้มากกว่ากับข้าวอย่างอื่น ยามไม่สบาย ย่าจะหายาทา ยากินมาให้เสมอ ป้อนข้าว เช็ดตัวให้ตอนอาบน้ำไม่ได้ ย่าหายไปแว่บหนึ่งต้องเรียกหา พ่อแม่จะมาเยี่ยมดูอาการเป็นพักๆ เห็นว่าไม่หนักหนาอะไรก็กลับไปกินข้าวและนอนที่บ้านอีกหลัง

มีเรื่องใดพิเศษหรือสำคัญ ไม่กล้าบอกพ่อแม่ กอดคอย่าแล้วกระซิบที่หูเบาๆ... ผมมักปวดท้องบ่อยๆ สาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ย่าจะต้มน้ำโดยใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง นำน้ำร้อนกรอกใส่ขวด ปิดจุกให้แน่น บอกให้ผมวางขวดน้ำร้อนตรงที่ปวดท้อง ถ้าร้อนเกินไปก็ห่อเศษผ้า บางทีผมพลิกไปมา จุกขวดน้ำร้อนคลายตัว น้ำร้อนไหลซึมลวกท้องก็มีบ้าง ผมชักฉุนย่า ย่ากับพ่อแม่อดหัวเราะคิกๆ ไม่ได้ เมื่อผมทำตาขุ่นกราดมองหน้า ต่างก็กลั้นยิ้ม เสพูดกลบเกลื่อน


ในวันพระ

ผมมักไปวัดกับย่า หากว่าเป็นช่วงเวลาโรงเรียนปิด ย่าสวมเสื้อสีขาวสะอาด ผ้าถุงสีทึมทึบ มือถือขันเงิน มีดอกในนั้น 2-3 ชนิด มีธูป มีข้าวตอก (ข้าวเปลือกคั่วแตกเป็นดอกบานสีขาว) พอถึงวิหาร บอกผมกราบพระ 3 ครั้ง ย่านั่งพับเพียบฟังพระเทศน์ พอนานเข้า ย่าโน้มตัวไปข้างหน้า แทบจรดพื้นวิหาร พนมมือตาทั้งคู่ปรือๆ หลับๆ ผมชะโงกหน้าดู

ย่าๆ หลับหรือยัง ฟังพระก่อ (ฟังพระไหม)”

ฮื่อๆ ยังไม่หลับ ฟังก่า (ฟังซิ)”


ปู่เป็นหมอเมือง (แพทย์แผนโบราณหรือแผนไทย) ตายก่อนย่า ย่าจึงได้สืบทอดการรักษาผู้คน ผมได้ความรู้หลายอย่าง เช่น ยอดอ่อนใบฝรั่งน้ำมาต้มน้ำ ดื่มแก้ท้องร่วงดีนัก ใบอ่อนใส่ปากเคี้ยวแก้ปากเหม็น ดับกลิ่นเหล้าได้ดี ย่าอาบน้ำโดยใช้สบู่ซันไลท์ฟอกตัว ย่าไม่มีกลิ่นตัว ฟันข้างหน้าไม่มีแล้ว เกล้าผมมวยสีดำสนิทด้านหลัง กลางคืนผมนอนข้างขวาย่า บางทีก็กอดย่า ทนไม่ไหว ยื่นจมูกไปชิดแก้มย่า สูดหายใจเข้าแรงๆ หอมย่าสองฟอด รักย่านะ แก้มย่าหอมเย็นๆ


ปัจจุบัน

ผมเป็นปู่แล้ว อยากบอกย่า

ผมทำบุญให้ย่าเสมอ กรวดน้ำด้วย ย่าคอยรับด้วยนะ”



บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงร้องเพลงดังขึ้นพร้อมกับอิเล็กโทน แต่ยังไม่ปรากฏตัวผู้ร้อง เร้าใจผู้ชมให้อยากเห็นหน้ายิ่งนัก ครู่เดียว   บนเวทีปรากฏร่างผู้ชาย 2 คน หญิง 2 คน เดินออกมาจากหลังเวที คนแรกเดินถือไมค์ร้องนำออกมา แนวเพลง “พรศักดิ์ ส่องแสง” กล่อมผู้ชมด้วยเพลงยอดฮิตในอดีต “เมียเด็ก” เสียงดีพอใช้ได้ทีเดียว เพ่งดูชัดๆเป็นหัวหน้าคณะช่างซอ สิงห์คำนั่นเอง ยังคงสวมชุดเดิม ช่างซออีก 3 คนเต้นเป็นหางเครื่อง สะบัดแข้งขาหมุนตัวพอใช้ได้ ช่างซอหญิงทั้ง 2 คน เปลี่ยนนุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว เสื้อแขนกุดสีสดใส …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านเดินมาหน้าเวที   ยื่นใบแดงให้ฝ่ายชาย 1 ใบ   ฝ่ายหญิงอีก 1 ใบ   ผู้รับก้มไหว้ในท่าที่คิดว่าสวยที่สุด   ยังไม่พอ   ผู้ขับซอทั้ง 4 คน ประกอบด้วย   สิงห์คำ   แจ่มจันทร์   ก้าน   ผ่องพรรณ   คนหลังนี่เนาวรัตน์จ้องดูเธอมากกว่าใคร   เธอสวยทันสมัยถูกใจมาก   ทุกคนช่วยกันขับซออ้อนรายต่อไป   มีรายชื่อในสมองมากมาย   รวมทั้งในกระดาษและที่มีคนกระซิบบอกอีกหลายชื่อ   เป็นช่วงเวลาเป็นเงินเป็นทองของพวกเขา  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ใครบ้างไม่ชอบ ความสวยงาม คนสวยคนหล่อ ดวงอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอกยอดดอย อาหารอร่อย กาแฟรสเข้ม ทะเลกับหาดทราย สวนดอกไม้นานาพันธุ์   เสียงนกร้อง น้ำตกสาดซัดหินผา    สายลมต้องใบไม้ผะแผ่ว ระฆังชายคาโบสถ์วะแว่ว และเสียงมนุษย์ที่ขับขานเป็นท่วงทำนองเสียงเพลง ผมชอบฟังเพลงตั้งแต่เด็ก ร้องเพลงเมื่อเรียนชั้นประถมศึกษา พอโตก็ร้อง เคยร้องกับวงดนตรีครูดอย ชื่อวง “สนเกี๊ยะ” คนร้องกับดนตรีไปคนละทาง เรียกว่าร้องไม่เป็นสรรพรส ทำให้นักดนตรีวุ่นวายทั้งวง เขาคงกลัวจะเสียชื่อ …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ความหนาวเย็นแห่งฤดูหนาว จากไปโดยไม่ล่ำลา ลมร้อนพัดเข้ามาแทน แม้ไม่เชื้อเชิญ ระหว่างรอยต่อปลายกุมภาพันธ์ ได้ยินเสียงนก “ปิ้ดจะลิว”(นกกรงหัวจุก) ส่งเสียง “ปิ้ดจะลิวๆ” ตอนเช้าตรู่ ยังไม่เห็นตัวเสียงมาก่อน นกจี๋เจี๊ยบ(นกกางเขน)ส่งเสียงแหลมสูงเจื้อยแจ้วประชัน จักจั่นเป็นฝูงส่งเสียงแซ่สนั่นที่ต้นสักข้างบ้าน ไม่เห็นตัวอีกเช่นกัน เหมือนนักร้องลูกทุ่งดัง ระดับหัวหน้าวง ต้องร้องอยู่หลังม่านเวทีสักท่อนหนึ่งก่อน แล้วจึงค่อยเดินตัวตรงมาดเท่ในชุดสากล ปรากฏตัวต่อมิตรรักแฟนเพลง น้ำแม่ขานที่คั่นระหว่างบ้านทุ่งแป้ง(อำเภอสันป่าตอง) …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พอทราบข่าว ผลการประกวดภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 20 ประจำปี 2553 ณ ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บิช เมื่อค่ำวันที่ 6 มีนาคม 2554 ว่า ผู้ได้รับรางวัล ผู้แสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เป็นสาวน้อยวัย 18 ปี หน้าตาใสๆ น่ารัก ชื่อ “หนูนา” หนึ่งธิดา โสภณ(160 ซ.ม./44 กก.) จากหนังเรื่อง “กวน มึน โฮ” เธอสามารถทำคะแนนนำสาวพลอย เฌอมาลย์ สาวสวยเข้มฝีมือจัดจ้าน ที่แสดงเรื่อง “ ชั่วฟ้าดินสลาย” จากบทประพันธ์ของ “เรียมเอง” หรือ มาลัย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผมสูดปากเบาๆ มันแสบตาแทบลืมไม่ขึ้น น้ำตาเริ่มไหล “ลุงขยับหน้าเข้ามาใกล้อีกนิด ให้คางวางบนแผ่นพลาสติก หน้าผากชิด นั่งนิ่งๆนะครับ.” หมอหนุ่มเริ่มหมุนกล้องที่ติดกับส่วนที่ผมวางคาง ปรับกล้องจนผมรู้สึกว่าผิวเลนซ์กล้องมันแทบติดดวงตา แสงไฟสว่างจ้าเข้มลำเล็กพุ่งเข้าดวงตา หมอตรวจทั้งสองข้าง ปากก็พูดพึมพำ “ความดันตาปรกติ” หมอปรับระยะกล้องตรวจใหม่ บอกผมให้วางคางบนแผ่นพลาสติก ส่วนหน้าผากชิดติดกับแผ่นเหล็กข้างหน้า ฝ่ามือผมทั้งคู่วางบนโต๊ะเพื่อทรงตัว หมอส่องกล้องตรวจตาทีละข้างอีกรอบ ให้ผมกลอกตามองข้างบน แล้วมองล่าง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล   รอหมอนานๆน่าเบื่อ ส่วนใหญ่นั่งเงียบที่แถวเก้าอี้ หูคอยฟังนางพยาบาลเรียกพบหมอ ส่วนตานั้นจับจ้องดูความเคลื่อนไหวของนางพยาบาล บางคนฆ่าเวลาด้วยการพูดคุยกับคนข้างเคียง ได้ยินนางพยาบาลที่ประจำห้องตรวจรียกชื่อคนไข้เป็นระยะๆ แล้วผายมือให้นั่งรอคิวที่เก้าอี้ข้างประตูห้องตรวจ นั่งรอหมอนานๆไม่รู้ทำอะไร ผมฆ่าเวลาโดยมองดูสิ่งรอบๆตัวให้สบายตา ดูพยาบาลชุดขาวสะอาด ผิวขาวสะอาดสะอ้าน คนนี้หน้าสวย คนนั้นตาสวย คนนี้พูดเพราะ ทุกคนเคลื่อนไหวตลอด บ้างก้มหน้าพิมพ์ข้อมูลที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  วันนี้ขับรถยนต์ จากบ้านทุ่งแป้ง อำเภอสันป่าตอง เวลา 7.32 น หมอนัดตรวจตา ที่โรงพยาบาลสวนดอก(มหาราช) เชียงใหม่ เป็นช่วงเวลาเร่งรีบของทุกคน บ้างรีบไปทำงาน บ้างรีบไปเรียนหนังสือ ถนนจึงมากมายด้วยรถรา พอวิ่งเข้าเขตตัวอำเภอสันป่าตอง รถเริ่มติด และติดหนาแน่นขึ้นเมื่อวิ่งเข้าเขตอำเภอหางดง เริ่มเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ รถจักรยานยนต์วิ่งกันหวาดเสียว วิ่งเร็ว แซงซิกแซกซ้ายขวา รถวิ่งเลียบตามคูเมืองด้านนอก ไปช้าๆ ผ่านหน้าโรงพยาบาลสวนดอกแล้ว เคลื่อนตัวช้ามาก ถนนมีเท่าเดิม รถมากขึ้นทุกๆวัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมขับรถออกจากบ้าน คุณแม่จันทร์สม สายธารา เลี้ยวซ้ายปากซอย มุ่งตรงกลับบ้าน อดนึกถึงคำพูดของ พ่อครูคำผาย นุปิง ศิลปินแห่งชาติ ประเภทเพลงพื้นบ้าน-ขับซอ ปี พ.ศ. 2538 ที่ปรากฏในอินเตอร์เน็ต หัวข้อ “ ซอพื้นบ้านล้านนา คุณค่าแห่งดนตรีที่ถูกเมิน” “ ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของซออีกต่อไป ในอดีตซอได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในหมู่บ้านล้านนาไปที่ไหนๆก็มีซอ ซอสมัยก่อนได้เงินหลักร้อย ซึ่งถือว่าสูงมากในเวลานั้น แตกต่างจากตอนนี้ที่มีเด็กรุ่นใหม่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่สนใจจะเรียนซอกันอย่างจริงจัง กลุ่มคนฟังในปัจจุบัน …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ลองอ่านความหมาย คำว่า “รัก” ของนักเขียนเอเชียชาวญี่ปุ่น เจ้าของรางวัลโนเบลปี ค.ศ.1968 เขาคือ ยาสึนาริ คาวาบาตะ กล่าวในงานเขียนของเขาชื่อ “เสียงแห่งขุนเขา”