20 กรกฎาคม 2555
เวลา 06.15 น. ได้เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมกลางเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยคนร้ายได้ขับรถกระบะอีซูซุ ซุกระเบิดแสวงเครื่องชนิดแอมโมเนียไนเตรต บรรจุในถังแก๊สหุงต้ม น้ำหนัก 50 กิโลกรัม มาจอดไว้ริมถนนเจริญเขตต์ บริเวณหน้าบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ แอนด์ โอเอ(ไทยแลนด์)จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในเขตเทศบาล สุไหงโก-ลก เป็นอาคารสูง 5 ชั้น 4 คูหา จากนั้นคนร้ายได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิด จนเกิดเหตุระบิดดังสนั่น แรงระเบิดทำให้รถกระบะที่คนร้ายนำมาดัดแปลงเป็นระเบิดคาร์บอมแหลกกระจายทั้งคัน เป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้อาคารบริษัทโปรคอมพิวเตอร์ฯอย่างรวดเร็ว คิดมูลค่าเสียหาย 150 ล้านบาท มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย
25 กรกฎาคม 2555
คนร้ายลอบวางระเบิด”คาร์บอม” ตำรวจ ตชด. รปภ.ครู สภ.ท่าธง จังหวัดยะลา เสียชีวิตทันที 5 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ก่อนฉกอาวุธปืนยาวของเจ้าหน้าที่ 6 กระบอกหลบหนีไปด้วย เหตุเกิดขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าธง นำโดย ร.ต.ท. สุธรรม อับทอง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรวม 6 นาย ออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยครูโรงเรียนบ้านอูเป๊าะ เมื่อขับรถยนต์กระบะดังกล่าวมาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายซึ่งนำรถยนต์กระบะอีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีบรอนซ์เงิน มาจอดริมถนนตรงหัวสะพาน ได้จุดชนวนระเบิดขึ้นทันที ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ยังไม่พอ
เสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2555 เวลา 10.33 น. ที่ถนนสาน 406 อำเภอบายอ จังหวัดปัตตานี เกิดเหตุคนร้ายใช้รถกระบะ 3 คัน ประกบเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.1532 ที่ขับขี่รถจักรยานจำนวน 3 คัน คันละ 2 คน ส่วนรถกระบะของคนร้ายมีคนนั่งมาคันละ 5 คน ได้ระดมยิงเจ้าหน้าด้วยอาวุธร้ายแรง เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 4 ราย คนร้ายได้นำปืนเอ็ม 16 จำนวน 4 กระบอกไปด้วย ดูคลิปเหตุการณ์แล้วเหมือนเรื่องราวในหนังอย่างไรอย่างนั้น พฤติกรรมคนร้ายห้าวหาญ โหดเหี้ยมเยือกเย็นมาก มองอีกมุมเหมือนกำลังถ่ายหนังฉากบู้ปานนั้น
เหตุการณ์ดังที่กล่าวมา เป็นการบอกถึงสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ยังไม่สงบ มีข่าวการวางระเบิด ยิงกัน อย่างต่อเนื่อง ภาพคนร้ายนั่งรถกระบะประกบยิงเจ้าหน้าอย่างเมามัน บอกอะไรหลายอย่าง เช่น แม้แต่เจ้าหน้าที่ยังปกป้องตัวเองไม่ได้ แล้วประชาชนตาดำๆแดงๆมือเปล่าจะอยู่รอดปลอดภัยอย่างไร ฯลฯ เปลี่ยนรัฐบาลบริหารประเทศหลายรัฐบาล แต่ภาคใต้ก็ยังคงมีข่าวร้ายบนสื่อต่างๆเสมอมา เห็นใจและห่วงใยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ วันนี้ยังหายใจ หัวเราะแหะๆ นอนหลับ กินอิ่ม พรุ่งนี้ยังไม่แน่นอน จะยังได้เห็นปุยเมฆขาวสะอาดบนฟ้าน้ำเงินสดใสต่อไป
รัฐบาลพยายามหาทางแก้ไข
หลายรูปแบบ หลากหลายกลยุทธ์ แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาหลายชุด งบประมาณลงไปไม่น้อย แต่สถานการณ์ยังไม่น่าพอใจ เกิดคำถามว่า ทำไม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี จึงไม่สงบสุขเสียที มันมีปัญหาอะไรหนักหนา
ได้พูดคุยกับผู้ไปทำงานในจังหวัดดังกล่าว เขาบอกว่า มีสาเหตุ 3 ประการคือ แบ่งแยกดินแดน ศาสนา การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ผมรับฟังโดยสงบ พยายามหาคำตอบอย่างรอบด้าน จังหวะดีได้หนังสือมาเล่มหนึ่งชื่อ “ รายงานปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ฯ บทวิเคราะห์และแนวทางแก้ปัญหาเชิงรุกที่ยั่งยืนด้วยสันติวิธี” หนังสือได้บอกว่า รากเหง้าความขัดแย้ง คือความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมของประชาชนในพื้นที่ ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน และความทรงจำในบาดแผลของประวัติศาสตร์ของรัฐปัตตานีในอดีต ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ตอกย้ำความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมในจิตใจ สาเหตุสุดท้าย โครงสร้างการจัดการบริหารปกครอง...ไม่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ และวิถีของคนในพื้นที่ ไม่เอื้อให้ประชาชนมีส่วนร่วมที่สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงและเท่าเทียมกัน
การแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ใน 3 จังหวัด
มีการซื้อบอลลูน(ม.ค.2553) หรือเรือเหาะหรือบอลลูนตรวจการ เรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่าระบบตรวจการทางอากาศ ราคาสูงถึง 350 ล้านบาท ปรากฏว่าไม่คุ้ม ไม่สามารถตรวจสอบเหตุการณ์ได้ทุกมุมมอง ยากต่อการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในป่าหรือในอาคารบ้านเรือน บินได้สูงเพียง 1 กิโลเมตร บินต่ำกว่าสเปค 2 กิโลเมตร ไม่พ้นระยะยิงจากพื้นดิน ยังมีปัญหากาซซึมรั่วอีก ต้องเติมก๊าซฮีเลี่ยมสูงถึง 3 ล้านบาท
ยังมีการซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด GT 200(14 ก.พ.2553) ไม่สามารถตรวจหาวัตถุระเบิดได้จริง คณะกรรมการได้ตรวจสอบแล้ว ได้ผล 4 ครั้งในการทดลองทั้งหมด 20 ครั้ง ราคาแพงเกินจริง ราวเครื่องละ 5 แสนถึง 1.6 ล้านบาท ทั้งหมดซื้อกี่เครื่องคูณเข้าไป เป็นเงินไม่น้อยเลย...บัดนี้ เหตุการณ์ชายแดนใต้ 3 จังหวัด เหมือนกองไฟที่ตีวงกลมรุกบีบเข้าหาเราทุกทีๆ จะปล่อยเนิ่นนานต่อไปอีกไม่ได้ ต้องระดมหมอใหญ่ หมอเล็ก หมอเฉพาะโรค เครื่องมือนานาชนิด ผ่าตัดเอาเนื้อมะเร็งร้ายในท้องออกเสียทีอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็ว ก่อนคนป่วยจะอ่อนแรงไม่อาจผ่าได้
เห็นใจคนไทยผู้บริสุทธิ์
ผู้อาศัยอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เห็นใจอาลัยผู้จากไป หายใจติดขัดทุกครั้งเมื่อนึกถึงครูจูหลิง(เสียชีวิต 19 พ.ค.2549 ถูกรุมทุบตีบาดเจ็บสาหัสแล้วเสียชีวิต) สลดหดหู่ยิ่งเมื่อระลึกถึง พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา(เสียชีวิต 12 มี.ค.2553 รถยนต์ถูกระเบิดแล้วเสียชีวิต) คิดถึงทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่หายตัวไปเมื่อ 12 มีนาคม 2547 ผ่านไป 8 ปียังหาตัวไม่พบ.
...............................................