Skip to main content

ดั้งเดิม

ก่อนที่แต่ละบ้านจะมีเอกสารกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินของตัวเอง บ้านส่วนใหญ่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “รั้ว” อย่างเป็นทางการ เพราะแต่ละบ้านในละแวกก็ล้วนพี่น้อง หรือนับไปนับมาก็ญาติกันทั้งนั้น อาจปลูกต้นไม้เป็นแนวให้บอกได้ว่าเป็นแดนใคร แต่จะถึงขั้นปักเสาขึงลวดหนาม หรือก่อกำแพงล้อมนั้นน้อยราย เพราะถือเป็นเรื่องสิ้นเปลืองเงิน เขตบ้านใครก็บ้านมัน ถึงไม่มีเอกสารสิทธิ์ ถึงไม่มีรั้วรอบขอบชิด ก็ไม่ก้าวก่ายกันอยู่แล้ว


เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ใครคนหนึ่งเกิดอยากทำเอกสารสิทธิ์ที่ดินของตน จากที่เคยชี้นิ้วบอกว่านี่เขตใคร การออกเอกสารสิทธิ์ จะแสดงให้รู้ว่าเขตใครที่ว่านั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ เมื่อลูกหลานเพิ่มมากขึ้น การจะแบ่ง จะซื้อจะขาย จำเป็นต้องมีกรรมสิทธิ์ที่ชัดเจน


ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นก็ไม่น่าจะมีอะไร แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเพราะว่า คนที่ต้องการทำโฉนดนั้น ต้องการมากกว่าคนอื่น ใช้สิทธิ์มาก่อนได้ก่อน เอาเจ้าหน้าที่ที่ดินมาทำโฉนดก่อนใคร วางอาณาเขตตัวเอง ล้ำเข้าไปในแดนคนอื่น ไม่เพียงแค่นั้น ยังอาศัยเส้นสายที่มีติดต่อหน่วยราชการมาทำถนนคอนกรีตผ่านหน้าบ้านตัวเอง แต่อ้อมล้ำเข้าไปในแดนคนอื่น


เมื่อบ้านหลังแรกทำเช่นนั้น บ้านหลังอื่นก็ต้องรีบทำตาม เพราะไม่รู้ว่าจะถูกใคร “กิน” ที่เข้าวันไหน แม้จะหลังคาบ้านเคียงกัน เป็นพี่น้องคลานตามกันมา แต่ก็จำเป็นต้องทำรั้ว ทั้งเพื่อแสดงเขตตัวเอง ทั้งเพื่อกันคนอื่นเข้ามาบุกรุก ใครไม่ทำรั้วก็กลายเป็นคนเสียเปรียบ


แต่เดิม จะเดินผ่านบ้านกันก็ยังต้องร้องบอก จะเอาพริก มะเขือ มะนาว ก็ต้องร้องขอ แต่ตอนนี้ใครอยากจะเข้ามาในบ้าน มาหยิบฉวยอะไรในบ้านไปโดยไม่บอกกล่าวเจ้าของก็ทำกันตามอำเภอใจ จอบ เสียม เครื่องมือทำการเกษตร มาหยิบยืมไม่เคยบอก เอามาคืนไม่เคยครบ พืลผลปลูกไว้ในสวน เคยขอกันกินนั้น ไม่มีปัญหา แต่พอเงินเข้าบังตา อะไรๆ ก็กลายเป็นของมีราคา เลยเกิดรายการ เก็บไปไม่บอก ขโมยผักในสวนไปขายกันอย่างไม่ละอาย แม่ค้าบางคน เคยมาขอซื้อกล้วยแล้วมาตัดไปเอง ก็กลายเป็นมาแอบตัดกล้วยไปไม่บอกไม่กล่าว ถือวิสาสะ เอาไปก่อน แล้วบอกทีหลัง ถ้าไม่ทวงก็ทำเฉยเสีย


บางบ้านเลี้ยงวัว จะเอาวัวมาผูกให้กินหญ้าหน้าบ้านคนอื่นก็ไม่เคยขอ ไม่เคยบอก บางทีวัวหลุดออกมาเหยียบต้นไม้ที่ปลูกไว้ ก็ไม่เคยรับผิดชอบ หากไม่อยากมีปากเสียงก็ต้องทน เพื่อนบ้านประเภทเห็นแก่ตัวจนน่าขนลุกก็มีเหมือนกัน ปลูกบ้านเทพื้นปูนเสียเต็มพื้นที่ตัวเอง ขยะ น้ำเสีย ก็ทิ้งใส่ที่บ้านคนอื่น ต้นกล้วยของเพื่อนบ้านมาขึ้นเคียงรั้วตัวเอง ก็แอบฟันทิ้ง


สุดท้าย แม้เสาคอนกรีต กับลวดหนาม จะแพงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็จำต้องทำ เพื่อกันปัญหาจุกจิกกวนใจ ที่ไม่มีเงิน ก็เอาไม้มาปักแล้วเอาลวดธรรมดาผูก กระนั้นก็ยังมีเรื่องกระทบกระทั่งเพราะเพื่อนบ้านบางคน ไม่รู้จักคำว่า ความเกรงใจ


ความจริง ทุกที่ก็มีทั้งคนดีคนไม่ดี มีคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม มีคนเห็นแก่ตัว ปัญหามันคงจะไม่มาก ถ้าหากผู้นำชุมชนดีพอ แต่ทั้งคนก่อนนี้ และคนนี้ คงใช้คำว่าดีพอไม่ได้ เป็นผู้นำแต่เพียงในนามเท่านั้น เมื่อเรื่องน้ำเน่าในหมู่บ้านไม่เคยสะสาง มันก็เลยกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงมาก่อความรำคาญทุกวี่วัน


เมื่อผู้นำเป็นที่พึ่งไม่ได้ ชาวบ้านก็ต้องพึ่งตัวเอง ป้องกันตัวเอง

คนเล่นยา คนขายยา ขโมย

กลางค่ำกลางคืน ก็ระวังตัวเอาเอง
ตำรวจนั้น ไม่ต้องพูดถึง รู้ทั้งรู้ว่าใครยุ่งกับยาเสพติดก็ยังปล่อยให้ลอยนวล

อยู่กลางหมู่บ้าน แต่รู้สึกเหมือนอยู่โดดเดี่ยว และจริงๆ ถ้าอยู่โดดเดี่ยวกลางสวนกลางนา ยังอาจจะสบายเสียกว่า


ถึงที่สุดแล้ว รั้ว คงไม่สามารถกันพวกมิจฉาชีพ หรือคนที่ประสงค์ร้ายต่อทรัพย์สินของเราได้ หากมันต้องการจริงๆ รั้วเพียงแค่ทำให้พื้นที่ มีขอบเขตที่ชัดเจนขึ้น แสดงให้เห็นสิทธิ์อันชอบในอาณาจักรเล็กๆ ที่เรียกว่าบ้านของเรา สังคมวัตถุนิยมที่ส่งเสริมให้ความโลภเติบโตในใจคน ทำให้ความเคารพในสิทธิ์ของคนอื่นลดน้อยถอยลง ยิ่งการควบคุมในสังคมหละหลวมหย่อนยาน การละเมิดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น


รั้วบ้าน ยังพอกั้นได้ แต่รั้วสำหรับสิทธิ์ส่วนบุคคล ไม่ได้ชัดเจนอย่างนั้น แม้จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ขอบเขตอยู่ตรงไหน ก็ยังมีคนชอบปีนเข้ามา ขโมยบางอย่างไปจากเรา


ความสงบ

ศักดิ์ศรี

ความเป็นมนุษย์


มันอาจเริ่มจากคนเห็นแก่ตัวบางคน แล้วแผ่ขยายออกไปจนทำให้ทุกคนต้องสร้างรั้วของตัวเอง


รั้ว ที่บอกขอบเขตความเป็นส่วนตัว

แต่ไม่อาจกันขโมยได้ จะมีประโยชน์อะไร ? ...


บล็อกของ ฐาปนา

ฐาปนา
เมื่อแรกแรกที่มีข่าวว่าโรคนี้เกิดขึ้นในโลก ใครใครก็พากันเรียกชื่อมันว่าไข้หวัดหมู เพราะว่ากันว่ามันเป็นโรคของหมูที่ดันมาติดคน(ถ้าหากมีโรคของคนไปติดหมูไม่รู้จะเรียกว่าไข้หวัดคนด้วยหรือเปล่า) แต่ต่อมาเขาไม่อยากให้เรียกไข้หวัดหมู เพราะเกรงว่าจะเป็นการใส่ร้ายหมูซึ่งไม่มีความผิด และจะทำให้หมูทั่วโลกพลอยถูกรังเกียจ แต่คงไม่ใช่ความกลัวว่าหมูจะประท้วง เพราะถึงอย่างไรหมูก็มีสิทธิ์อันชอบเพียงอย่างเดียวคือสิทธิ์ในการเป็นอาหารของมนุษย์ ไม่สามารถชูป้ายประท้วงหรือเขวี้ยงก้อนอิฐใส่ตำรวจปราบจลาจลได้แต่ประการใด
ฐาปนา
ไม่เคยมีใครถามถึงความยินยอมพร้อมใจของทั้งคู่เลยว่าอยากจะย้ายจากบ้านเกิดเมืองนอนที่หนาวเย็นและเต็มไปด้วยพวกพ้อง มาอยู่ในเมืองร้อนที่ห่างไกลหลายพันกิโลเมตร หรือไม่ ถึงจะมีคนถาม แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตอบได้ หรือแม้พวกเขาจะตอบว่า "ไม่อยากไป" แต่พวกเขามีสิทธิ์ปฏิเสธละหรือ ? ...
ฐาปนา
10 คำถามตั้งต้น เพื่อทำความเข้าใจมนุษย์ที่ถูกเรียกว่า "นักลงทุน"1. จากคำพูดของนักธุรกิจการเมืองที่มักจะอ้างถึง"ความเชื่อมั่นของนักลงทุน" อยู่เสมอ น่าสงสัยว่านักลงทุนจะเป็นมนุษย์ประเภทขาดความเชื่อมั่น มากกว่ามนุษย์ปกติทั่วไป หรือไม่?ตอบ ไม่มีใครทราบ แต่ถ้าสันนิษฐานอย่างไม่มีฐานอ้างอิง การลงทุนก็จำเป็นต้องใช้ความเชื่อมั่นไม่น้อยไปกว่าการพนัน ทว่าในแง่ของเหตุผลน่าจะมากกว่า เพราะการพนันจะใช้ปัจจัยด้านอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจ ขณะที่การลงทุนจะต้องใช้เหตุผล ตัวเลข ตัวแปร เอกสารต่างๆ มากมายก่อนการตัดสินใจที่เต็มไปด้วยขั้นตอนซับซ้อน…
ฐาปนา
ลุงอู๋ ผู้ใหญ่บ้านประกาศเรียกประชุมชาวบ้านหมู่สิบสองตั้งแต่เช้าตรู่ เสียงประกาศนั้นเน้นย้ำนักหนาว่า หนึ่งทุ่มตรงวันนี้ทุกคนต้องไปร่วมประชุมให้ได้ เพราะนี่คือเรื่องความเจริญก้าวหน้าของหมู่บ้าน และีทุกคนจะได้ประโยชน์ โชคดีที่วันนั้น เป็นช่วงว่างจากการทำไร่ ทำนา ที่สำคัญ ละครสุดฮิตที่ชาวบ้านติดกันก็เพิ่งจะจบลงไป พอตอนค่ำ ชาวหมู่บ้านจึงมาประชุมที่ศาลาอย่างหนาตา
ฐาปนา
ลุงเหมือน อดีตทหารผ่านศึก คนปลูกแตงโมมือวางท้อปไฟว์ประจำหมู่บ้าน นั่งมองไร่แตงโมอย่างสบายอารมณ์ปีนี้แตงโมราคาดีไม่น้อย พ่อค้ามารับซื้อหน้าไร่กิโลกรัมละสิบห้าถึงยี่สิบห้าบาท ยิ่งลูกใหญ่ยิ่งได้ราคา มดแมลงก็ไม่ค่อยจะกวนเท่าไร ลุงเหมือนกะว่าปีนี้คงได้เงินจากแตงโมสักห้าหกหมื่น แล้วจากนั้นจะได้ปลูกกะเพรา โหระพา ใบแมงลัก แบบ "พอเพียง-เพียงพอ" บ้าง
ฐาปนา
ยายช้อย คนเคยรวย ชีวิตเปลี่ยนไปมาก หลังจากเป็นหนี้สหกรณ์ฯ หลายแสน ก็ใครจะไปคิดเล่า อยู่ๆ เคยเลี้ยงหมูได้กำไรทีละเป็นแสน จู่ๆ หมูราคาตก กำไรที่คาดหวังเลยเข้าเนื้อแทน เมื่อทนทำต่อไป ยิ่งทำก็ยิ่งขาดทุน ทุนหายกำไรหด จนกลายเป็นหนี้ ถึงที่สุดก็ต้องหยุดเลี้ยง ยายช้อยผู้เคยเดินชูคอสั้นๆ ป้อมๆ ของแกไปทั่วหมู่บ้าน ในฐานะเมียอดีตกำนันหลายสมัย มาบัดนี้ กลับไม่สง่าผ่าเผยเป็นคุณนายกำนันเหมือนเดิมอีกแล้ว
ฐาปนา
เกษตรทางเลือก เกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติ เกษตรผสมผสาน เกษตรแนวใหม่ ฯลฯ ล้วนแต่น่าสนใจ และกำลังเป็นทางเลือกสำหรับการทำการเกษตรในอนาคตทว่า ชาวบ้านจำนวนมากก็ยังคงรู้จักอยู่แค่อย่างเดียวคือ เกษตรเคมี ฟังดูอาจจะขัดกับความรู้สึกของคนชั้นกลางจำนวนหนึ่ง ที่กำลังอินกับกระแสรักสุขภาพ แต่ก็โปรดรับรู้เถิดว่า ผักที่ท่านซื้อจากตลาด(ไม่ว่าจะติดแอร์หรือไม่ก็ตาม) เกือบจะร้อยเปอร์เซนต์ ล้วนมีสารเคมีทั้งสิ้น  มากบ้างน้อยบ้างตามประเภทของผัก และตามปริมาณการใช้ของผู้ปลูก
ฐาปนา
ผมยังจำได้ดี ภาพของชายวัยเจ็ดสิบนั่งอยู่บนโต๊ะไม้ตัวเล็กๆ คร่ำเคร่งอยู่กับการจิ้มนิ้วไปบนแป้นพิมพ์ดีด ขณะที่ข้างกายมีถังอ๊อกซิเจนขนาดใหญ่ต่อสายยางยาวมาสู่จมูกเป็นภาพที่ชวนให้ครั่นคร้าม ไม่น้อยไปกว่าชื่อเสียงเรียงนามในฐานะตำนานที่ยังมีชีวิตเจ้าของบ้านหันมาบอกให้รอประเดี๋ยว เดี๋ยวจะไปนั่งคุยด้วย ผู้นำทางจึงกระซิบให้ลงไปนั่งรอที่ห้องรับแขก
ฐาปนา
ชีวิตชาวนาชาวไร่ สินค้าที่ใช้ ร้อยละเก้าสิบเก้าหนีไม่พ้นซื้อจากร้านค้าในหมู่บ้าน นานๆ จะได้เข้าตลาดในอำเภอ หรือ ห้างใหญ่ในตัวจังหวัดเสียที ก็ของใช้จำเป็นอย่าง สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก ยาสระผม ฯลฯ มันเป็นของประเภท ที่ไหนก็มี ซื้อที่ไหนก็ไม่ต่างกัน ราคาอาจถูกแพงกว่ากันบ้างไม่กี่บาท น้อยรายที่สนใจรักสวยรักงามถึงขนาดต้องใช้เครื่องสำอางค์ราคาเป็นร้อยเป็นพัน หรือ สินค้าเกรดเอ คุณภาพเกินร้อยอย่างที่เขาชอบโฆษณา
ฐาปนา
หลายปีที่ผ่านมา พื้นที่การเกษตรขยายตัวอย่างช้าๆ จากพื้นที่ดินเค็มหรือพื้นที่ดอนอันแห้งแล้งก็แปรเปลี่ยนเป็นที่สวน ที่ไร่ ที่นา เมื่อพื้นที่ขยายตัวไปมาก คลองส่งน้ำก็ถูกขุดต่อไปจนถึงพื้นที่ บางแห่งคลองไปไม่ถึงก็ขุดหาแหล่งน้ำใต้ดิน เพื่อจะพลิกฟื้นผืนดินไร้ชีวิตให้กลับมามีชีวิตให้ได้อัตราเร่งเพิ่มขึ้น เมื่อราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ข้าว" มีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่ดินรกร้าง ที่ป่ารกเรื้อ ถูกรถไถจัดการเสียเรียบเตียน ไม่กี่วันก็พร้อมสำหรับการเพาะปลูก คลองส่งน้ำสายใหม่(เทคอนกรีต) ที่จะถูกต่อมาจากลำคลองสายหลักอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เสียงรถเกรดดิน รถบรรทุก รถบด…
ฐาปนา
กลางเดือนกุมภาพันธ์ ดูเหมือนแดดจะแผดแสงก่อนที่ดวงตะวันจะขึ้นเสียอีก ความร้อนแห่งวันเริ่มต้นพร้อมกับเสียงไก่ขัน เด็กๆ ไปโรงเรียน ผู้ใหญ่ก็จับจอบจับเสียมเตรียมตัวไปไร่  หลังจากฤดูหนาว(กว่าปกติ)ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว หน้าร้อนปีนี้ ก็เข้าแทนที่อย่างแทบไม่ทันตั้งตัว แต่ชีวิตคนใต้ท้องฟ้า จะร้อนจะหนาวแค่ไหนก็ได้แค่บ่น แล้วก็ทนๆ กันไป กระนั้น ความร้อนตามทุ่งนา ป่า เขา ก็ยังพอมีร่มให้หลบ มีลมเย็นพัดโชยให้คลายได้บ้าง
ฐาปนา
แสงสีแดงพาดผ่านท้องฟ้าสีดำ เหนือดินแดนปาเลสไตน์เหนือหมู่ตึกอันแออัดและทรุดโทรม ลูกเหล็กบรรทุกดินระเบิดพุ่งปะทะคอนกรีตหนึ่งลูก สองลูก สิบลูก ร้อยลูก พันลูก หมื่นลูก แสนลูก ล้านลูก