Skip to main content

บ้านพอมีที่เหลือว่างไหม”

คนถามฉันเป็นชายหนุ่ม ที่นับนามว่าเป็น “เพื่อน” กัน มาได้ 4 ปีแล้ว


ความจริง เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เมื่อรู้จักกันได้นับปี ก็ตัดสินใจได้ว่าเขาน่าจะเป็น “คนดี” พอในแบบที่ร้องขออะไร แล้วเราไม่กล้าที่จะไม่ให้ หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือลำบากใจกันจริงๆ


มาครั้งนี้ บนถ้อยคำอาวรณ์ น้ำเสียงเขาหม่นเศร้า แววตาก็หม่นเศร้า เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ เช้าวันอาทิตย์ที่แสงแดดสายสาดส่องให้อบอุ่น บนฟ้ามีก้อนเมฆปุกปุยสีขาว ไหลไปมาบนพื้นสีคราม สวยยิ่งกว่าสวย แต่เขาคนนี้มีแววเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา

11_7_01


บ้านเช่าอยู่ ก็ไม่กว้างมาก แต่ก็ไม่คับแคบ ต้องย้ายบ้านหรืออะไรหรือเปล่า”

ฉันหมายถึงเขา เขาพยักหน้า แต่แล้วก็ส่ายหัว


ใช่ต้องย้าย แต่พี่ไม่ได้จะไปอยู่ด้วย แต่ขอฝากแมวไว้สัก 2 ตัวได้ไหม”

หือ แมวใคร”

แมวพี่เอง น้องฟลุกกับเจ้าเหมียว สองแม่ลูกกำพร้าที่แอบเลี้ยงไว้หลังอพาร์ทเมนต์น่ะ มันโตแล้วนะ จำได้ไหม”

อ้อ...”

ฉันอุทาน ความจำเลือนรางนั้นบอกว่า เมื่อหลายเดือนก่อน แมวตัวเท่าลูกกำปั้นพลัดหลงมายังห้องพักของชายผู้รักแมว เขาคนนี้โอบอุ้มเลี้ยงดูเอาไว้ ทดแทนแมวในอดีตที่เลี้ยงไว้ถึง 12 ตัว กิน นอนด้วยกันมาตลอด กระทั่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ จึงต้องจากพรากพวกมันไป


และเท่าที่จำได้ “หญิงสาว” หรือแฟน ผู้อยู่ในชีวิตของเขา คบหากันมาได้เกือบ 2 ปีแล้วนั้น จากที่มีท่าทีหวาดกลัวแมว ไม่ชอบใจ ก็เริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม เห็นดีเห็นงามที่จะดูแลแมวไปกับเขาด้วย


11_7_02


ทำไมจะเอามาฝากเราไว้ล่ะ มีอะไรหรือ”

ชายหนุ่มกระพริบตา รอยหยดน้ำเอ่อคลอ แม้พยายามปิดแต่ก็ปิดไม่มิด ก่อนจะตอบมาว่า

ต้องคืนห้องให้เขาแล้ว ของในห้องไม่มีอะไรเหลือแล้วนะ นอกจากพรินเตอร์เก่าๆ ที่เคยให้เอาไว้ฝึกซ่อมน่ะ”

หา แล้วมันหายไปไหนหมด”

มีคนมาขอยึดไปหมดแล้ว ทดแทนหนี้ที่ไม่มีใช้เขา”

อ้าว เหรอ แล้วหนี้เยอะไหม ใครเป็นหนี้”

แฟนพี่เขาไปก่อหนี้ไว้ ตั้งหลายแสน ไม่เคยบอกเลย อยู่ๆ เขาก็มาทวงหนี้ เราไม่มีให้หรอก เลยบอกว่าเอาของไปก็แล้วกัน”

อา”

ฉันอุทาน ก่อนจะจินตนาการตามว่าในห้องสี่เหลี่ยมของชีวิตคู่นี้มีอะไรบ้าง


เท่าที่จำได้มีตู้เย็น เครื่องซักผ้า โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องครัวบางส่วน ส่วนที่นอนเป็นแบบง่ายๆ มีผ้าห่มนวม ปลอกหมอน เตียงเล็กๆ ซึ่งพี่ชายคนนี้เก็บเงินอยู่หลายปีทีเดียว กว่าจะมีเครื่องอำนวยความสะดวกแน่นห้องเช่า

แล้วจินตนาการว่ามันหายวับไปกับตา ทั้งหมดทั้งมวลที่สะสมมา



11_7_03


เช้าวันต่อมา ฉันจึงเดินทางไปหาเขา พร้อมกรงแมวขนาดใหญ่


กรงของฉันเป็นสีฟ้า สามารถใส่แมวได้ประมาณ 2-3 ตัว ซื้อมาด้วยราคาหลายร้อยบาท เอาไว้ใส่แมวที่บ้านเวลาไปหาหมอ หรือ ต้องย้ายบ้าน ในที่สุดมันก็มีโอกาสได้ใช้ใส่เพื่อนๆ เพื่อนำไปรวมกันไว้อยู่ชั่วคราว


แมว 4 ตัว ในถ้ำเดียวกัน จะอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า ก็ยังไม่รู้ รู้แต่ว่ามีเจ้าของหอพัก คนข้างห้อง มาช่วยกันยืนส่งแมวด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ คนหนึ่งถือกล่องน้ำ คนหนึ่งถือกล่องอาหาร อีกคนถือผ่าห่ม กำชับนักหนาว่า

ผ้านี้ของฟลุกนะถ้ามันไม่ได้นอนซุก มันจะนอนไม่หลับ”

คนรักแมวเยอะซะจริง แต่มองไปมาก็ไม่เห็น “แม่ของแมว” ซะที

หันไปหาพี่ชายที่ยังอยู่ในท่าทางโศกเศร้า


แล้วตอนนี้แฟนพี่อยู่ไหน” ฉันถาม

ชายผู้รักแมวตอบว่า

ก็หายไปด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ที่ไหน”

อ้าว เขาหนีไปเหรอ”

อือ หนีไปแล้วกับชายคนอื่น แล้วทิ้งหนี้สินที่ไม่เคยบอกเอาไว้ เจ้าหนี้เลยมาขนของไปด้วย”

11_7_04



ฉันกวาดสายตาไปยัง “ห้องที่ว่างเปล่า” นั้น ผนังยังเป็นสีขาว เหลือกล่อง ขยะ ลัง แก้วน้ำ ข้าวของที่เป็นร่องรอยเศษส่วนความทรงจำ เสียงแมวร้องดัง เมี๊ยว
...เมี๊ยว ระงมอยู่ในกรงข้างๆ


ห้องดูกว้างขึ้นเมื่อไม่มีสิ่งของมากนัก เช่นเดียวกับความเหงา อ้างว้าง ที่ก่อตัวขึ้นอย่างประหลาด

ชายคนนั้นยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ยังไหลออกมาเป็นระยะๆ

ใจเย็นๆนะ ค่อยๆ แก้ไขปัญหาไป ยังไงก็คิดซะว่า ของนอกกาย ยังไงก็หาใหม่ได้”

ฉันพูดพร้อมตบไหล่เขาเบาๆ อย่างปลอบใจ



ชายคนนั้นน้ำตาไหลพรู หันมามองแล้วตอบว่า

ชีวิตพี่ช่างเหมือนฝัน นี่เป็นฝันครั้งที่ 3 แล้ว ที่ตื่นมาแล้วทุกอย่างมันช่างเหมือนฝัน....ต่างตรงที่ครั้งนี้ แม้แต่ฝัน ก็หายวับไปกับตา”


ช่างเป็นบทรำพึงที่แสนโศก แต่ก็เป็นความจริงของชีวิตที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หรือบางทีโลกมีเรื่องเล่าที่เตรียมเอาไว้อยู่แล้ว ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน รอเวลาแสดง และปล่อยให้มนุษย์หาเหตุผลมาอธิบาย

แต่ยังไงพี่ก็ดีใจ ที่แมวมีที่อยู่แล้ว ขอบคุณมากนะ ทำบุญกับแมวก็เหมือนทำกับพี่”


ฉันพยักหน้า เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ถึงสถานการณ์ แต่พอจะนึกออกถึงความเจ็บปวดและบาดแผลที่คนและแมวต่างได้เรียนรู้

เดี๋ยวจะเอามันไปฉีดวัคซีนกับทำแผลก่อน ดูสิ เหวอะหวะเชียว” ฉันรับคำ ก่อนค่อยๆ หิ้วกรงไปขึ้นใส่รถเอาไว้

คนข้างๆ บางคนเดินตามมาส่งอีก คืนนี้พวกเขาคงจะอยู่ช่วยกันขนของจนดึก ท่ามกลางคำถามอีกมากมายที่หลายคนอยากรู้ แต่พี่ชายคนนี้ก็ยังไม่ได้ตอบ



ก่อนจากกัน เขาหันมาถามว่า

อยากเอาเรื่องพี่ไปเขียนไหม ทั้งหมดเลย อยากให้เขียนถึงนะ”

อืม เอางั้นก็ได้ ว่าแต่จะเริ่มตรงไหนดีล่ะ”

ก็ตรงวันนี้แหละ ตรงที่ทุกอย่างมันหายวับไปกับตานี่แหละ เอาแมวไปแล้วก่อน...แล้วรอบหน้ามานั่งคุยกันใหม่นะ แล้วพี่จะเล่าให้ฟังว่า มีอะไรบ้างที่หายไปจากชีวิตคนอย่างพี่”


11_7_05

ภาพของฟลุ๊ก(ขาวดำ) และเหมียว (สีเทา) ทานข้าวก่อนจะย้ายไปบ้านใหม่


บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
1.อากาศยามเช้าหนาวไอเย็นแผ่วเบา พัดมาจากภูเขาสูงผ่านทางไกล ใกล้รุ่งฝ่าหมอกคลุ้งสีเทา-เทา
วาดวลี
ฉันกับเพื่อนหย่อนก้นบนเก้าอี้ไม้ริมถนนของเมืองเชียงของ เราสั่งชานม ชามะนาว และกาแฟมากินให้สดชื่นหลังจากนั่งรถมาเป็นชั่วโมง มองดูผู้คนมาเยือนสวนทางกับเจ้าของท้องถิ่นไปมาในวันหยุด"เรากำลังจะไปที่ไหนต่อ"เพื่อนร่วมทางถามฉัน ฉันเหลือบมองเขา ไม่ตอบ แล้วคว้าหนังสืออ่านเล่นในร้านกาแฟมาเปิดอ่าน เราเพิ่งมาถึง แล้วจะไปไหน เธอถามแปลกจัง ฉันอยากตอบเล่นๆ ว่า เดี๋ยวจะพาเธอไปลงว่ายน้ำโขงเล่นก็แล้วกัน"เราต้องไปกินปลาบึกไหม?"เพื่อนถาม ฉันเกือบสำลักชามะนาว “เธออยากกินเหรอ”ฉันถามกลับ เขาทำหน้าไม่ถูก แต่แววตาลังเล “ก็มีคนบอกว่ามาเชียงของต้องกินปลาบึก”ฉันอมยิ้ม ฉันก็ได้ยินแบบนั้นเหมือนกัน แต่เท่าที่รู้…
วาดวลี
กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า กำลังถูกประทับด้วยตราปั๊มสีแดงเพื่อบอก “อนุญาต” ให้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองไปยังพม่า ผู้คนจำนวนนับร้อยนับพัน ต่อแถวกันอยู่ที่ท่าขี้เหล็กในเขตแม่สายด้วยใบหน้ารอคอย ตั้งแต่ขั้นตอนการทำบัตร ชำระเงิน ตรวจเอกสาร จนกระทั่งพวกเขาจะได้ข้ามพ้นประตูด่านของเจ้าหน้าที่เมื่อนั้น ใบหน้าที่บึ้งตึงก็จะเปลี่ยนเป็น “โล่งอก”ฉันและเพื่อนยืนรออยู่ที่ทำบัตรเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ขณะที่เพื่อนกำลังวาดฝันว่าเขาจะซื้ออะไรบ้างจากฝั่งพม่า ไม่ทันที่จะอ้าปากพูดว่า “เกาะกันไว้นะเดี๋ยวหลง” เพราะคนเยอะขนาดจนมีประกาศหาคนตลอดเวลา ไม่ทันไรฉันก็ถูกดันจากคนข้างหลังให้ขยับเข้าไปข้างหน้า ทั้งที่แถวมันเต็มแล้ว…
วาดวลี
1ฤดูหนาวไม่ได้มาเยือนอย่างเงียบเชียบอีกแล้ว มันแสดงตัวตน ชัดเจน ผ่านอากาศ ต้นไม้ใบหญ้า รอยน้ำค้าง ประทับตรงนั้นตรงนี้  แม้กระทั่งบนขนตาของเธอ  หญิงวัยกลางคนที่ตื่นแต่เช้า ปั่นจักรยานไปตลาด กลับมาพร้อมกับข้าวของในมือที่มากจนจักรยานแทบเสียหลัก เธอจอดรถไว้ข้างๆ รั้ว หิ้วของ วางลง และยกมือเช็ดน้ำค้างบนขนตา2“หนาวมากไหม”เธอเอ่ยถามอย่างอาทร ฉันพยักหน้า อดคิดถึงแม่จริงๆ ของตัวเองไม่ได้ ฉันคงต้องใช้เวลาเป็นวันๆ หากจะคิดถึงฤดูหนาวและการอยู่ร่วมกัน  แค่คิดถึงการซุกตัวใน “ผ้าห่มขี้งา” ร่วมกับแม่ แค่นั้นก็เป็นสุขแล้ว หน้าหนาวพ่อจะให้ฉันนอนตรงกลาง เพื่อให้อุ่นมากพอ …
วาดวลี
1. ผืนดินปกคลุมไปด้วยต้นหญ้า และเป็นต้นหญ้าชนิดที่มีดอกสีขาว ฉันชะงักจอบเสียบที่เตรียมมา ด้วยความอาลัยอาวรณ์ต่อดอกหญ้าที่พากันบานสะพรั่งอวดสายลมหนาว ก็มันสวยขนาดนี้ ฉันจะขุด ตัดมันไปได้อย่างไรกันวางจอบลง แล้วนั่งยองๆ ฉันคว้ากล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บเอาไว้ นอกจากดอกหญ้าที่บานเต็มที่แล้ว ยังมีต้นกล้าที่เพิ่งถือกำเนิด มันน่ารักดีจัง ฉันยิ้มให้กับต้นหญ้า แม้จะเคาะเขินคนข้างๆ อยู่บ้างที่ทำตัวอ่อนหัดแบบนี้ แต่เขาคงเข้าใจ คนโหยหาผืนดินอย่างฉัน“หญ้าก็คือหญ้า ถ้าไม่ตัดมันทิ้ง เราจะปลูกผักได้ยังไง”เธอช่วยเตือนสติ ฉันกลับมาโลกความจริง นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องถางมันทิ้ง “รกจะตาย” เธอว่า…
วาดวลี
ฤดูหนาวยามสาย แสงตะวันทอดผ่านเรือนร่างของผู้คนและตกกระทบเป็นผืนเงา อยู่ตรงนั้นตรงนี้บนถนน ชักชวนให้นักท่องเที่ยวบางคนอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเงาตัวเองเอาไว้ดูเล่น ฉันเองก็เช่นกัน ย้ายระดับสายตาไปอยู่บนผืนดิน แสงเงาจากผู้คนมากมาย มุ่งหน้าไปยังพระธาตุดอยสุเทพ นักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ยิ้มสรวลหยอกล้อ ขอถ่ายรูปคู่กับบันได ประตู ป้าย และร้านค้า ดูเหมือนจะมีแต่เสียงหัวเราะ ตื่นเต้นและความสุข ปนเปื้อนเศษเสี้ยวของความหงุดหงิดรำคาญเล็กน้อย รอยยิ้มกว้างๆ ปรากฏบนใบหน้าของแม่ค้าหลายคน เงินสดถูกเก็บเข้ากระเป๋า ถุงพลาสติกถูกดึงขึ้น ใส่ของ ดึงขึ้นและใส่ของ…
วาดวลี
“หนาวไหมครับ”ชายแปลกหน้าเอ่ยถาม ขณะหย่อนตัวลงนั่งบนแคร่ไม้ เราสองคนอยู่ในที่รกร้างว่างเปล่าของใครสักคนหนึ่ง ฉันอยากเรียกแบบนั้น ทั้งๆ ที่มันคือสถานีรถโดยสารที่จะเดินทางจากตัวเมืองลำปางไปยังแจ้ซ้อนขณะรถเข็นคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาหาเรา ฉันตอบผู้ชายคนนั้นสั้นๆว่า “หนาวนะ” เขาอมยิ้ม กระชับเสื้อให้แน่นขึ้นแล้วหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม ฉันไม่สนใจเขานัก เอาแต่ควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า เพื่อจะหยิบมาดูนาฬิกาว่าตอนนี้คือกี่โมงแล้ว แต่ยังหาโทรศัพท์ไม่เจอ ก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาขนาดใหญ่เกาะติดอยู่บนต้นไม้ ดูเหมือนจะเป็นต้นมะขาม มันสูงใหญ่ให้ร่มเงาเป็นอย่างดีแก่ท่ารถแห่งนี้…
วาดวลี
ท่ามกลางความมืดของผืนฟ้า  พระจันทร์ดวงกลมโตอวดแสงนวลอยู่บนนั้น แม้คืนนี้มองไม่เห็นดาว  แต่พระจันทร์คงไม่เหงา  ก็บนท้องฟ้า เต็มไปด้วยดวงไฟสีส้มนับร้อย นับพันดวง วาววับ จนไม่อาจนับจำนวนได้ โคมไฟ หรือ ว่าวไฟ ในเทศกาลลอยกระทง ต่างลอยขึ้นไปตามแรงลม และความร้อนจากเปลวไฟเล็กๆ ที่ห้อยอยู่ข้างท้าย แม้คนจุดจะมีทั้งชาวเมืองเชียงใหม่ หรือนักท่องเที่ยวจากเมืองอื่น แต่สิ่งที่ฉันได้รู้ในวันนี้ก็คือ สำหรับคนบางคนแล้ว ดาวสีส้มบางดวงนั้นขึ้นไปตามแรงศรัทธาและความเชื่อที่สั่งสมมาตลอดชีวิต“ได้เวลาจุดไฟกันแล้วนะ” ชายชราคนหนึ่งคนตะโกนบอกหลานชาย หลังจากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้…
วาดวลี
“พ่อเคยคิดจะย้ายไปอยู่ที่อื่นไหม?”ฉันเคยเอ่ยถามชายชราไว้นานแล้ว ไม่จริงจังในคำพูด และไม่มีประเด็นอะไรมากนัก ฉันเพียงแต่อยากรู้ว่าเขาคิดอย่างไร ในวันรื้อถอนบ้านเก่าที่ผุพังเพราะน้ำท่วม จำเป็นต้องสร้างหลังใหม่มาแทนที่ ............ที่ดินของเราเป็นผืนยาวติดแม่น้ำเล็กๆ ซื้อมาด้วยเงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของแม่ ราคาไม่กี่พันบาท ฉันย้ายมาอยู่ในตอนที่อายุ 7 ขวบ  เวลาต่อมา คืนหนึ่งแม่ก็เสียชีวิตในบ้านหลังนี้ ตายจากไปเหลือเพียงเถ้าถ่าน ร่างกายถูกเผากลางแดดด้วยฟืนกองโต จำได้ว่าหลังจากคืนเผาศพแม่ไม่นานนัก บ้านทั้งหลังเงียบสงบ…
วาดวลี
ผู้หญิงคนนั้นกำลังฉุน ส่วนหญิงสาวอีกคนในชุดกระโปรงสีชมพู มีท่าทางไม่สบายใจอารมณ์ขุ่นเคืองปะทุในแดดระอุของยามบ่าย  ขณะนั้น  ฉันฝ่าไอร้อนมาจอดรถหน้าร้านค้าของนวลเมื่อวานนี้ฉันขอให้เธอช่วยรื้อลังเก่าๆ ใบใหญ่ๆ ไว้ให้  เพื่อซื้อไปใส่ของขนย้ายบ้านนวลกำลังยุ่ง ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก แต่ก็ยังมีแก่ใจกระซิบบอกด้วยเสียงอ่อนโยนเช่นเคย“รอหน่อยนะ แม่กำลังหาลังใบใหญ่ให้ ไม่ได้ลืม เดี๋ยวคงเอาลงมา”“แม่เหรอ?”ฉันทวนคำ นวลกำลังพูดถึงใครกันนะ ก็เธอจากบ้านมาไกลจากพม่า มาทำงานในร้านขายของชำ ทุกทีนวลเรียกเจ้าของร้านผู้ชายว่า เฮีย และเรียกพี่ผู้หญิงว่า เจ๊ ฉันยังไม่ได้ถาม แต่เธอคงจะดูแววตาออก…
วาดวลี
เพิงผักสดหน้าวัดในตอนเช้า กำลังแปรสภาพเป็นร้านเหล้าในยามค่ำ ตะวันยังไม่แตะดินดี เคาน์เตอร์ไม้เล็กๆ ก็มีลูกค้ามารอแล้วเกือบเต็มร้านชายวัยกลางคนกระดกเหล้าขาวจากแก้วทรงเหลี่ยมอยู่หน้าเพิงป้าแดง  ไม่ยี่หระต่อสายตาเมียที่ยืนค้อนอยู่ด้านหลังเธอยืนเท้าสะเอวเหมือนแม่บ้านในการ์ตูน มองสามีเงียบๆ แล้วก็เอ่ยด้วยเสียงห้วนสั้น“กระดกเข้าไป บอกว่าให้กินข้าวรองท้องก่อน ป้าแดงเอาแกงอ่อมมาถ้วยหนึ่ง”เธอไม่ได้สั่งกลับบ้าน แต่สั่งให้สามี ป้าแดงตักแกงจากหม้อใส่ชาม วางไว้บนเคาน์เตอร์ไม้ แล้วรับเงินจากผู้เป็นภรรยา เธอจากไปพร้อมผักกาดกำใหญ่ในมือ“เดี๋ยวข้ากลับไปกินข้าว” “อือ”สามีภรรยาตอบกันห้วนสั้น…
วาดวลี
๑.ฤดูมาเร็ว ราวกระพริบตารู้สึกดังว่า เพิ่งผ่านเมื่อวานฝนหมาดถนน เพิ่งโดนแดดทักลมหนาวก็พัดมาจุมพิตผ่านแม่น้ำสีเหลืองลำเลียงเศษไม้เผลอมองวูบไหวหัวใจสะท้านฝนพอหรือยัง? หรือคั่งค้างอยู่รอการพรั่งพรู ไหลมาท่วมบ้าน  ๒.ต้นข้าวสีเขียว เคยซีดเซียวยับนิ่งงันสดับ กับทางน้ำผ่านเจ้าชูช่อใหม่ ในตุลาฤดูไม่อาจหยั่งรู้ หรือไม่คิดสะท้าน?ผีเสื้อกลัวไหม ไอหนาวจะมาหอบหมอกห่มฟ้า พัดป่าแห้งกร้านควันคลุ้งคลุมเมือง กลายเป็นเรื่องเล่าไฟฟอนแผดเผา เราไม่อาจต้าน  ๓.ไปหมดแล้วหรือ ที่คือฝันร้ายปัดกวาดบ้านใหม่ ไว้รอเพื่อนบ้านกลางคืนสงบ รอพบวันพรุ่งหวังเห็นสายรุ้ง ลา-วสันต์กาลรอยฝนกันยา ตุลารำลึกลบความคิดนึก…