Skip to main content

บ้านพอมีที่เหลือว่างไหม”

คนถามฉันเป็นชายหนุ่ม ที่นับนามว่าเป็น “เพื่อน” กัน มาได้ 4 ปีแล้ว


ความจริง เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เมื่อรู้จักกันได้นับปี ก็ตัดสินใจได้ว่าเขาน่าจะเป็น “คนดี” พอในแบบที่ร้องขออะไร แล้วเราไม่กล้าที่จะไม่ให้ หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือลำบากใจกันจริงๆ


มาครั้งนี้ บนถ้อยคำอาวรณ์ น้ำเสียงเขาหม่นเศร้า แววตาก็หม่นเศร้า เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ เช้าวันอาทิตย์ที่แสงแดดสายสาดส่องให้อบอุ่น บนฟ้ามีก้อนเมฆปุกปุยสีขาว ไหลไปมาบนพื้นสีคราม สวยยิ่งกว่าสวย แต่เขาคนนี้มีแววเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา

11_7_01


บ้านเช่าอยู่ ก็ไม่กว้างมาก แต่ก็ไม่คับแคบ ต้องย้ายบ้านหรืออะไรหรือเปล่า”

ฉันหมายถึงเขา เขาพยักหน้า แต่แล้วก็ส่ายหัว


ใช่ต้องย้าย แต่พี่ไม่ได้จะไปอยู่ด้วย แต่ขอฝากแมวไว้สัก 2 ตัวได้ไหม”

หือ แมวใคร”

แมวพี่เอง น้องฟลุกกับเจ้าเหมียว สองแม่ลูกกำพร้าที่แอบเลี้ยงไว้หลังอพาร์ทเมนต์น่ะ มันโตแล้วนะ จำได้ไหม”

อ้อ...”

ฉันอุทาน ความจำเลือนรางนั้นบอกว่า เมื่อหลายเดือนก่อน แมวตัวเท่าลูกกำปั้นพลัดหลงมายังห้องพักของชายผู้รักแมว เขาคนนี้โอบอุ้มเลี้ยงดูเอาไว้ ทดแทนแมวในอดีตที่เลี้ยงไว้ถึง 12 ตัว กิน นอนด้วยกันมาตลอด กระทั่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ จึงต้องจากพรากพวกมันไป


และเท่าที่จำได้ “หญิงสาว” หรือแฟน ผู้อยู่ในชีวิตของเขา คบหากันมาได้เกือบ 2 ปีแล้วนั้น จากที่มีท่าทีหวาดกลัวแมว ไม่ชอบใจ ก็เริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม เห็นดีเห็นงามที่จะดูแลแมวไปกับเขาด้วย


11_7_02


ทำไมจะเอามาฝากเราไว้ล่ะ มีอะไรหรือ”

ชายหนุ่มกระพริบตา รอยหยดน้ำเอ่อคลอ แม้พยายามปิดแต่ก็ปิดไม่มิด ก่อนจะตอบมาว่า

ต้องคืนห้องให้เขาแล้ว ของในห้องไม่มีอะไรเหลือแล้วนะ นอกจากพรินเตอร์เก่าๆ ที่เคยให้เอาไว้ฝึกซ่อมน่ะ”

หา แล้วมันหายไปไหนหมด”

มีคนมาขอยึดไปหมดแล้ว ทดแทนหนี้ที่ไม่มีใช้เขา”

อ้าว เหรอ แล้วหนี้เยอะไหม ใครเป็นหนี้”

แฟนพี่เขาไปก่อหนี้ไว้ ตั้งหลายแสน ไม่เคยบอกเลย อยู่ๆ เขาก็มาทวงหนี้ เราไม่มีให้หรอก เลยบอกว่าเอาของไปก็แล้วกัน”

อา”

ฉันอุทาน ก่อนจะจินตนาการตามว่าในห้องสี่เหลี่ยมของชีวิตคู่นี้มีอะไรบ้าง


เท่าที่จำได้มีตู้เย็น เครื่องซักผ้า โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องครัวบางส่วน ส่วนที่นอนเป็นแบบง่ายๆ มีผ้าห่มนวม ปลอกหมอน เตียงเล็กๆ ซึ่งพี่ชายคนนี้เก็บเงินอยู่หลายปีทีเดียว กว่าจะมีเครื่องอำนวยความสะดวกแน่นห้องเช่า

แล้วจินตนาการว่ามันหายวับไปกับตา ทั้งหมดทั้งมวลที่สะสมมา



11_7_03


เช้าวันต่อมา ฉันจึงเดินทางไปหาเขา พร้อมกรงแมวขนาดใหญ่


กรงของฉันเป็นสีฟ้า สามารถใส่แมวได้ประมาณ 2-3 ตัว ซื้อมาด้วยราคาหลายร้อยบาท เอาไว้ใส่แมวที่บ้านเวลาไปหาหมอ หรือ ต้องย้ายบ้าน ในที่สุดมันก็มีโอกาสได้ใช้ใส่เพื่อนๆ เพื่อนำไปรวมกันไว้อยู่ชั่วคราว


แมว 4 ตัว ในถ้ำเดียวกัน จะอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า ก็ยังไม่รู้ รู้แต่ว่ามีเจ้าของหอพัก คนข้างห้อง มาช่วยกันยืนส่งแมวด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ คนหนึ่งถือกล่องน้ำ คนหนึ่งถือกล่องอาหาร อีกคนถือผ่าห่ม กำชับนักหนาว่า

ผ้านี้ของฟลุกนะถ้ามันไม่ได้นอนซุก มันจะนอนไม่หลับ”

คนรักแมวเยอะซะจริง แต่มองไปมาก็ไม่เห็น “แม่ของแมว” ซะที

หันไปหาพี่ชายที่ยังอยู่ในท่าทางโศกเศร้า


แล้วตอนนี้แฟนพี่อยู่ไหน” ฉันถาม

ชายผู้รักแมวตอบว่า

ก็หายไปด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ที่ไหน”

อ้าว เขาหนีไปเหรอ”

อือ หนีไปแล้วกับชายคนอื่น แล้วทิ้งหนี้สินที่ไม่เคยบอกเอาไว้ เจ้าหนี้เลยมาขนของไปด้วย”

11_7_04



ฉันกวาดสายตาไปยัง “ห้องที่ว่างเปล่า” นั้น ผนังยังเป็นสีขาว เหลือกล่อง ขยะ ลัง แก้วน้ำ ข้าวของที่เป็นร่องรอยเศษส่วนความทรงจำ เสียงแมวร้องดัง เมี๊ยว
...เมี๊ยว ระงมอยู่ในกรงข้างๆ


ห้องดูกว้างขึ้นเมื่อไม่มีสิ่งของมากนัก เช่นเดียวกับความเหงา อ้างว้าง ที่ก่อตัวขึ้นอย่างประหลาด

ชายคนนั้นยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ยังไหลออกมาเป็นระยะๆ

ใจเย็นๆนะ ค่อยๆ แก้ไขปัญหาไป ยังไงก็คิดซะว่า ของนอกกาย ยังไงก็หาใหม่ได้”

ฉันพูดพร้อมตบไหล่เขาเบาๆ อย่างปลอบใจ



ชายคนนั้นน้ำตาไหลพรู หันมามองแล้วตอบว่า

ชีวิตพี่ช่างเหมือนฝัน นี่เป็นฝันครั้งที่ 3 แล้ว ที่ตื่นมาแล้วทุกอย่างมันช่างเหมือนฝัน....ต่างตรงที่ครั้งนี้ แม้แต่ฝัน ก็หายวับไปกับตา”


ช่างเป็นบทรำพึงที่แสนโศก แต่ก็เป็นความจริงของชีวิตที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หรือบางทีโลกมีเรื่องเล่าที่เตรียมเอาไว้อยู่แล้ว ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน รอเวลาแสดง และปล่อยให้มนุษย์หาเหตุผลมาอธิบาย

แต่ยังไงพี่ก็ดีใจ ที่แมวมีที่อยู่แล้ว ขอบคุณมากนะ ทำบุญกับแมวก็เหมือนทำกับพี่”


ฉันพยักหน้า เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ถึงสถานการณ์ แต่พอจะนึกออกถึงความเจ็บปวดและบาดแผลที่คนและแมวต่างได้เรียนรู้

เดี๋ยวจะเอามันไปฉีดวัคซีนกับทำแผลก่อน ดูสิ เหวอะหวะเชียว” ฉันรับคำ ก่อนค่อยๆ หิ้วกรงไปขึ้นใส่รถเอาไว้

คนข้างๆ บางคนเดินตามมาส่งอีก คืนนี้พวกเขาคงจะอยู่ช่วยกันขนของจนดึก ท่ามกลางคำถามอีกมากมายที่หลายคนอยากรู้ แต่พี่ชายคนนี้ก็ยังไม่ได้ตอบ



ก่อนจากกัน เขาหันมาถามว่า

อยากเอาเรื่องพี่ไปเขียนไหม ทั้งหมดเลย อยากให้เขียนถึงนะ”

อืม เอางั้นก็ได้ ว่าแต่จะเริ่มตรงไหนดีล่ะ”

ก็ตรงวันนี้แหละ ตรงที่ทุกอย่างมันหายวับไปกับตานี่แหละ เอาแมวไปแล้วก่อน...แล้วรอบหน้ามานั่งคุยกันใหม่นะ แล้วพี่จะเล่าให้ฟังว่า มีอะไรบ้างที่หายไปจากชีวิตคนอย่างพี่”


11_7_05

ภาพของฟลุ๊ก(ขาวดำ) และเหมียว (สีเทา) ทานข้าวก่อนจะย้ายไปบ้านใหม่


บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
เมื่อหลายสิบปีก่อน เมื่อชายวัยกลางคนคนหนึ่งมาปลูกบ้านอยู่ริมแม่น้ำ เขายิ้มให้กับชีวิตพลางบอกลูกเมียว่า อยากกินปลามื้อไหนขอให้บอก จะเอาตัวเล็กตัวใหญ่ แค่คว้าแห คว้าไซ เบ็ดตกปลา หรือเดินดุ่มลงไปยกยอ ไม่เกิน 15 เท่านั้น ก็จะมีปลามาแกงได้ทั้งหม้อน้ำแม่โก๋นข้างบ้านพ่อชุม
วาดวลี
๑.นอนพักเถิด มวลมิตร ที่ชิดใกล้เก็บแรงไว้คุ้ยหาเศษอาหารฟ้าสวยสวย พื้นที่กว้าง ที่กลางลานคือสวรรค์สถาน ของผองเราอย่าไปเครียด จริงจัง เลยวันพรุ่งเดี๋ยวก็รุ่ง เดี๋ยวก็ค่ำ เหมือนวันเก่ารู้วิถี ตัวตน บนทางเราอย่าเกะกะใครเขาก็เท่านั้นเราเป็นชนกลุ่มน้อยด้อยในโลกจะส่งซึ่ง ภาษาโศก ภาษาขันก็หามีใครฟังเจ้าทั้งนั้นคนอื่นล้วน สื่อสารกัน ภาษาเขา
วาดวลี
“เขาขนทรายกันตรงไหนคะ”ฉันเอ่ยถามเสียงเบาๆ หากจะให้เดาก็คงเป็นที่วัด แต่วัดในบริเวณนี้มีตั้งหลายแห่ง และก็ไม่ได้อยู่ติดกับแม่น้ำแบบวัดใหญ่ของอีกฝั่งฟากถนน วัดใหญ่นั้น ตีเขตไปเป็นอีกตำบล อีกอำเภอหนึ่ง ซึ่งเดาได้ว่า คนในหมู่บ้านฉัน คงไม่ได้ไปทำบุญกันที่นั่น พี่สาวใจดีข้างบ้าน บอกฉันทุกเรื่อง ในสิ่งที่ฉันสงสัย จะว่าไป มีเพียงครอบครัวเดียวที่ฉันรู้จักมักคุ้น แม้จะย้ายบ้านมาได้หลายเดือนแล้ว คนอื่นๆ ส่วนใหญ่ ออกไปใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้าน เราเจอกันยามค่ำ ก็ยิ้มให้กันไปมา แล้วต่างแยกย้ายกันไป แค่เวลา 2 ทุ่มกว่า ทั้งหมู่บ้านก็เงียบสนิท มีเพียงฉันที่เปิดไฟทำงานจนถึงดึกดื่นจะสงกรานต์แล้ว…
วาดวลี
“ฝนกำลังตกซิๆ”เสียงตามสายโทรศัพท์จากเพื่อนหนุ่มที่ฉันเคยเขียนถึงเมื่อตอนที่แล้ว เอ่ยบอกเล่าเบาๆ ถึงสิ่งที่กำลังอยู่ในชีวิตเขาของในเช้าวันนี้คนทางนี้เรียกสายฝนด้วยคำนั้น “ฝนตกซิๆ” บางครั้ง ฉันก็ชอบลักษณะฝนอย่างว่า ด้วยเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน จะมีอะไรสุขใจไปกว่าการได้นั่งดูสายฝนที่ไม่มีลมแรงๆ ให้ต้องหวาดกลัว อากาศเย็นสบาย จิบชาอุ่นๆ แล้วนั่งทำงาน แต่ก็อดเห็นใจไม่ได้ ถึงคนที่กำลังเดินทาง หรือคนทำมาค้าขาย  อาการฝนตกซิๆ นั่นคือเรื่องรำคาญใจ และรบกวนการทำงานอย่างยิ่ง วูบนั้น ฉันก็นึกไปถึง ป้ายสุภาษิตหน้าวัดต้นปิน ซึ่งเขียนไว้บนแผ่นไม้ติดผนังวัดว่า “ฝนตกซิๆ นานเอื้อน หมาขี้เรื้อน นานต๋าย”…
วาดวลี
“ผมจะย้ายกลับบ้านเกิดแล้วนะ” อีกครั้ง ที่เพื่อนชายคนเดิม คนที่ฉันเคยช่วยเก็บข้าวของเมื่อปีก่อน บอกกับฉันในต้นปลายเดือนมีนาคมของปีนี้ถึงเรื่องการย้ายกลับภูมิลำเนาเกิดไปยังอำเภอฝาง บ่ายที่แดดจัดจ้านนั้น ฉันจำได้ดีถึงประกายนัยน์ตามุ่งมั่นของเขา เมื่อหกเดือนที่แล้ว ................  
วาดวลี
อาจด้วยความเมตตาของผืนฟ้า และความปราณีของผืนดิน ที่ยังคงให้เราได้หายใจหายคอได้อยู่  ทั้งที่ “อะไรที่มองไม่เห็นในอากาศ” นั้น กำลังมาบอกอย่างโต้งๆ ว่า โลกไม่ใช่แค่กำลังร้อน แต่มันกำลังเสื่อมสลายและผุกร่อน“ขี่รถไปไหนแสบตามากเลย หายใจไม่ค่อยออก”คนรู้จักของฉันเล่าให้ฟัง ฉันได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย เพราะอาการก็ไม่ต่างกัน เมื่อวานนี้ ฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์คนที่บ้านขี่เลียบน้ำปิงไปยังเขตเมือง ใบไม้ร่วงกราวจากพายุที่ก่อตัวตั้งเค้ามาในช่วงบ่าย ใบไม้แห้งสีน้ำตาลกรอบกระจายไปถ้วนทั่วท้องถนนและผืนหญ้าบนสวนสาธารณะ บางแห่งพัดปลิวเอาเศษกระดาษ ถุงพลาสติก วนอยู่ในอากาศ ก่อนจะร่วงไปตกลงในลำน้ำปิง…
วาดวลี
หลายปีก่อน หญิงสาวรูปร่างบางตาคมคนหนึ่ง ซึ่งเป็นรุ่นน้อง เอ่ยกับฉันว่าการหอบสัมภาระเพื่อย้ายจาก “บ้านเช่า” ไป “บ้านใหม่” ที่เธอเป็นเจ้าของนั้น ต้องเก็บไปให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้กลายเป็นภาระของคนมาทีหลัง “อะไรเอาไปได้ก็เอาไป ยกเว้นก็แต่ต้นไม้ มันโตจนเกินกว่าที่จะขุดขึ้นมา”ฉันไม่มีโอกาสไปเยี่ยมเธอเลยในหลายปีมานี้ แต่พอจะรับรู้ได้ว่า คนรักต้นไม้แบบเธอนั้นเพียรพยายามปลูกสารพัดต้นไม้เท่าที่ผืนดินจะอำนวย นอกจากต้นโมก ดอกแก้ว หรือพลูด่างแล้วเธอยังมีพืชสวนครัว เช่น ตะไคร้ พริก โหระพา เพื่อเอาไว้ทำกับข้าว แต่ฉันเดาเอาว่าเธอคงปลูกทั้งต้นมะม่วง จำปี กระทั่งฝรั่งหรือขนุน…
วาดวลี
"มีลูกแมวเพิ่งออกลูกตั้งหลายตัวแน่ะ""มันอยู่ตรงไหนคะ" "นั่นไง หลบอยู่หลังป้ายหาเสียงน่ะ"คนบอกชี้นิ้วไปยังบริเวณริมรั้วที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ฉันอดไม่ได้ ที่จะจำใจมองไปยังป้ายโฆษณาหาเสียงขนาดใหญ่ สูงท่วมหัวตั้งโด่เด่อยู่เพียงอันเดียวในหมู่บ้าน  ป้ายอันนั้นทำด้วยไม้อัดเรียงต่อกัน แปะทับเข้าไปด้วยไวนิลพิมพ์ภาพ 4 สีสดใส ใบหน้าผุดผ่อง ขาวนวลและริมฝีปากแดงระเรื่อ ดูมีอำนาจวาสนาและความรู้ แต่ในเมื่อไม่มีป้ายหาเสียงของใครอื่นมาเทียบเคียงอีกเลย ฉันจึงคิดเล่นๆว่า  ดูท่าทางเขาไม่ใช่ผู้ลงสมัครระดับธรรมดา และบ้านหลังนั้นที่มีรถหาเสียงหลายๆ คันทยอยกันมาจอดชุมนุม…
วาดวลี
“เธอดูโน่นสิ แดดออกแล้ว แต่ฝนยังตกอยู่เลย”ฉันเอ่ยเสียงดัง แล้วละสายตาจากคอมพิวเตอร์ ออกมายืนยังประตูบ้าน กลิ่นไอฝนกระทบกับผืนดินแตะปลายจมูก  สูดกลิ่นเข้าไปเต็มปอด พลางพิจารณาแสงแดดที่ค่อยๆ มาแทนที่อย่างเชื่องช้าคนข้างกายลุกขึ้นบ้าง เราสองคนออกมายืนดูสายฝน ที่มีเม็ดเล็กลงเรื่อยๆ ตกช้าลง ช้าลง จนกระทั่งหยุดตก เหลือไว้เพียงก็รอยหมาดฝนบนผืนดิน ใบไม้ และทางเดิน “แบบนี้ต้องมีรุ้งกินน้ำแน่ๆ หิวข้าวหรือยัง”
“อ้าว เกี่ยวกันยังไง” ฉันทำหน้าเบ๋อ พุ่งตัวเข้าไปใกล้เธอในระยะประชิด“แปลว่าเราออกไปหาอะไรกิน แล้วไปดูรุ้งกินน้ำด้วยไง”ฉันยิ้มกริ่ม ถ้าเธอมีเวลาอยู่กับฉันทุกวันก็คงจะดี นานๆ หน…
วาดวลี
ก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์แล้วล่ะ  ที่ฉันไปยืนอยู่ตรงนั้นแล้วพยายามจะนับดูว่า ดอกทิวลิปที่ก้านอวบ กลีบสวย ในสวนตรงนี้ มีจำนวนกี่สีกันแน่มวลหมู่ไม้มากมาย พืชพันธุ์ทั้งไทยและฝรั่ง ผลิบานแสดงความแข็งแรงต่ออากาศหนาวยามเช้า และแดดจัดยามบ่ายในบริเวณสวนสาธารณะของหาดเชียงราย แม้มันจะไม่ได้เกิดและเติบโตที่นั่น แต่ถูกเพาะปลูกเลี้ยงดูด้วยการทดลอง กระทั่งเมื่อสำเร็จผล ก็ถูกขนย้าย มาลงบนผืนดินชั่วคราวเพื่อแสดงงานดอกไม้ดอกทิวลิป ลิลลี่ บานชื่อพันธุ์ใหม่ และดอกไม้ชื่อแปลกหูอีกหลายชนิด เบ่งบานอวดสีสันอยู่ไม่ไกลนักจากลำน้ำกกที่พากันไหลอ้อยสร้อย เชื่องช้าไม่เพียงแต่ทดสอบความทนทานของดอกไม้ต่ออากาศเท่านั้น…
วาดวลี
อากาศขมุกขมัว เริ่มต้นมาได้หลายวันแล้ว ขณะที่หมอกบางเพิ่งจางลงไปในตอนเช้า ตอนสายๆ ของฤดูหนาวกลับมีเม็ดฝนมาเยือน คนในครอบครัวต้องปรับตัวในการออกไปทำงาน  ด้วยการใส่ทั้งเสื้อกันหนาวและเสื้อกันฝน ส่วนฉัน ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปติดอยู่ที่แผงขายผักเล็กๆ ในหมู่บ้าน คุณยายมองดูสายฝนที่หนาหนักลงมา แล้วก็ถอนหายใจ"อย่าเพิ่งกลับเลยหนู รอให้ฝนซาก่อน"เขาบอกฉันอย่างมีไมตรี แล้วชวนให้เข้าไปหลบฝนด้านในร้าน เหลือบไปมองถนน บางคนฝ่าเม็ดฝนไปไม่กลัวเปียก บางคนทำท่าเก้ๆ กังๆแล้วบทสนทนาของฝนหลงฤดูก็เกิดขึ้น"มันแปลกจริงๆ ฝนจะมาช่วงนี้ได้ยังไง""อากาศวิปริต""จะเข้าหน้าร้อนแล้วก็แบบนี้แหละ ฝนหัวปี""เฮ้ย ยังไม่ถึง"…
วาดวลี
ผู้ชายคนนั้นเหมือนไม่สนใจใครเลยเขาย่ำเท้าหนักๆ ลงบนผืนทราย บุ๋มเป็นรอยเท้าทับซ้อนกันไปมา เขาง่วนอยู่กับข้าวของบางอย่างตรงหน้า แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะลืม ว่าเวลาที่ตะวันยามเช้าสะท้อนแม่น้ำจนเป็นสีเหลืองนวลนั้นสวยงามเพียงใดหาดทรายริมแม่น้ำโขงที่ฉันมาเยือน อยู่ในความสนใจของนักเดินทาง โลกนัดเวลาให้เราไว้แล้ว สำหรับการตื่นในที่แปลกถิ่นและออกมาสูดอากาศ หากตื่นเช้ากว่าใครเพื่อน เราจะมองเห็น ผู้คนทยอยโผล่หน้าออกจากเกสเฮาส์ที่เรียงรายกันตลอดริมฝั่ง บ้างก็ลงมาเดินเล่น บ้างก็กางขาตั้งกล้องรอเอาไว้ เพื่อจะได้กดชัตเตอร์เมื่อดวงตะวันกลมโตสีแดงโผล่พ้นทิวเขาหลังแม่น้ำขึ้นมา…