“บ้านพอมีที่เหลือว่างไหม”
คนถามฉันเป็นชายหนุ่ม ที่นับนามว่าเป็น “เพื่อน” กัน มาได้ 4 ปีแล้ว
ความจริง เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เมื่อรู้จักกันได้นับปี ก็ตัดสินใจได้ว่าเขาน่าจะเป็น “คนดี” พอในแบบที่ร้องขออะไร แล้วเราไม่กล้าที่จะไม่ให้ หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือลำบากใจกันจริงๆ
มาครั้งนี้ บนถ้อยคำอาวรณ์ น้ำเสียงเขาหม่นเศร้า แววตาก็หม่นเศร้า เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ เช้าวันอาทิตย์ที่แสงแดดสายสาดส่องให้อบอุ่น บนฟ้ามีก้อนเมฆปุกปุยสีขาว ไหลไปมาบนพื้นสีคราม สวยยิ่งกว่าสวย แต่เขาคนนี้มีแววเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา
“บ้านเช่าอยู่ ก็ไม่กว้างมาก แต่ก็ไม่คับแคบ ต้องย้ายบ้านหรืออะไรหรือเปล่า”
ฉันหมายถึงเขา เขาพยักหน้า แต่แล้วก็ส่ายหัว
“ใช่ต้องย้าย แต่พี่ไม่ได้จะไปอยู่ด้วย แต่ขอฝากแมวไว้สัก 2 ตัวได้ไหม”
“หือ แมวใคร”
“แมวพี่เอง น้องฟลุกกับเจ้าเหมียว สองแม่ลูกกำพร้าที่แอบเลี้ยงไว้หลังอพาร์ทเมนต์น่ะ มันโตแล้วนะ จำได้ไหม”
“อ้อ...”
ฉันอุทาน ความจำเลือนรางนั้นบอกว่า เมื่อหลายเดือนก่อน แมวตัวเท่าลูกกำปั้นพลัดหลงมายังห้องพักของชายผู้รักแมว เขาคนนี้โอบอุ้มเลี้ยงดูเอาไว้ ทดแทนแมวในอดีตที่เลี้ยงไว้ถึง 12 ตัว กิน นอนด้วยกันมาตลอด กระทั่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ จึงต้องจากพรากพวกมันไป
และเท่าที่จำได้ “หญิงสาว” หรือแฟน ผู้อยู่ในชีวิตของเขา คบหากันมาได้เกือบ 2 ปีแล้วนั้น จากที่มีท่าทีหวาดกลัวแมว ไม่ชอบใจ ก็เริ่มโอนอ่อนผ่อนตาม เห็นดีเห็นงามที่จะดูแลแมวไปกับเขาด้วย
“ทำไมจะเอามาฝากเราไว้ล่ะ มีอะไรหรือ”
ชายหนุ่มกระพริบตา รอยหยดน้ำเอ่อคลอ แม้พยายามปิดแต่ก็ปิดไม่มิด ก่อนจะตอบมาว่า
“ต้องคืนห้องให้เขาแล้ว ของในห้องไม่มีอะไรเหลือแล้วนะ นอกจากพรินเตอร์เก่าๆ ที่เคยให้เอาไว้ฝึกซ่อมน่ะ”
“หา แล้วมันหายไปไหนหมด”
“มีคนมาขอยึดไปหมดแล้ว ทดแทนหนี้ที่ไม่มีใช้เขา”
“อ้าว เหรอ แล้วหนี้เยอะไหม ใครเป็นหนี้”
“แฟนพี่เขาไปก่อหนี้ไว้ ตั้งหลายแสน ไม่เคยบอกเลย อยู่ๆ เขาก็มาทวงหนี้ เราไม่มีให้หรอก เลยบอกว่าเอาของไปก็แล้วกัน”
“อา”
ฉันอุทาน ก่อนจะจินตนาการตามว่าในห้องสี่เหลี่ยมของชีวิตคู่นี้มีอะไรบ้าง
เท่าที่จำได้มีตู้เย็น เครื่องซักผ้า โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องครัวบางส่วน ส่วนที่นอนเป็นแบบง่ายๆ มีผ้าห่มนวม ปลอกหมอน เตียงเล็กๆ ซึ่งพี่ชายคนนี้เก็บเงินอยู่หลายปีทีเดียว กว่าจะมีเครื่องอำนวยความสะดวกแน่นห้องเช่า
แล้วจินตนาการว่ามันหายวับไปกับตา ทั้งหมดทั้งมวลที่สะสมมา
เช้าวันต่อมา ฉันจึงเดินทางไปหาเขา พร้อมกรงแมวขนาดใหญ่
กรงของฉันเป็นสีฟ้า สามารถใส่แมวได้ประมาณ 2-3 ตัว ซื้อมาด้วยราคาหลายร้อยบาท เอาไว้ใส่แมวที่บ้านเวลาไปหาหมอ หรือ ต้องย้ายบ้าน ในที่สุดมันก็มีโอกาสได้ใช้ใส่เพื่อนๆ เพื่อนำไปรวมกันไว้อยู่ชั่วคราว
แมว 4 ตัว ในถ้ำเดียวกัน จะอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า ก็ยังไม่รู้ รู้แต่ว่ามีเจ้าของหอพัก คนข้างห้อง มาช่วยกันยืนส่งแมวด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ คนหนึ่งถือกล่องน้ำ คนหนึ่งถือกล่องอาหาร อีกคนถือผ่าห่ม กำชับนักหนาว่า
“ผ้านี้ของฟลุกนะถ้ามันไม่ได้นอนซุก มันจะนอนไม่หลับ”
คนรักแมวเยอะซะจริง แต่มองไปมาก็ไม่เห็น “แม่ของแมว” ซะที
หันไปหาพี่ชายที่ยังอยู่ในท่าทางโศกเศร้า
“แล้วตอนนี้แฟนพี่อยู่ไหน” ฉันถาม
ชายผู้รักแมวตอบว่า
“ก็หายไปด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ที่ไหน”
“อ้าว เขาหนีไปเหรอ”
“อือ หนีไปแล้วกับชายคนอื่น แล้วทิ้งหนี้สินที่ไม่เคยบอกเอาไว้ เจ้าหนี้เลยมาขนของไปด้วย”
ฉันกวาดสายตาไปยัง “ห้องที่ว่างเปล่า” นั้น ผนังยังเป็นสีขาว เหลือกล่อง ขยะ ลัง แก้วน้ำ ข้าวของที่เป็นร่องรอยเศษส่วนความทรงจำ เสียงแมวร้องดัง เมี๊ยว...เมี๊ยว ระงมอยู่ในกรงข้างๆ
ห้องดูกว้างขึ้นเมื่อไม่มีสิ่งของมากนัก เช่นเดียวกับความเหงา อ้างว้าง ที่ก่อตัวขึ้นอย่างประหลาด
ชายคนนั้นยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ยังไหลออกมาเป็นระยะๆ
“ใจเย็นๆนะ ค่อยๆ แก้ไขปัญหาไป ยังไงก็คิดซะว่า ของนอกกาย ยังไงก็หาใหม่ได้”
ฉันพูดพร้อมตบไหล่เขาเบาๆ อย่างปลอบใจ
ชายคนนั้นน้ำตาไหลพรู หันมามองแล้วตอบว่า
“ชีวิตพี่ช่างเหมือนฝัน นี่เป็นฝันครั้งที่ 3 แล้ว ที่ตื่นมาแล้วทุกอย่างมันช่างเหมือนฝัน....ต่างตรงที่ครั้งนี้ แม้แต่ฝัน ก็หายวับไปกับตา”
ช่างเป็นบทรำพึงที่แสนโศก แต่ก็เป็นความจริงของชีวิตที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หรือบางทีโลกมีเรื่องเล่าที่เตรียมเอาไว้อยู่แล้ว ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน รอเวลาแสดง และปล่อยให้มนุษย์หาเหตุผลมาอธิบาย
“แต่ยังไงพี่ก็ดีใจ ที่แมวมีที่อยู่แล้ว ขอบคุณมากนะ ทำบุญกับแมวก็เหมือนทำกับพี่”
ฉันพยักหน้า เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ถึงสถานการณ์ แต่พอจะนึกออกถึงความเจ็บปวดและบาดแผลที่คนและแมวต่างได้เรียนรู้
“เดี๋ยวจะเอามันไปฉีดวัคซีนกับทำแผลก่อน ดูสิ เหวอะหวะเชียว” ฉันรับคำ ก่อนค่อยๆ หิ้วกรงไปขึ้นใส่รถเอาไว้
คนข้างๆ บางคนเดินตามมาส่งอีก คืนนี้พวกเขาคงจะอยู่ช่วยกันขนของจนดึก ท่ามกลางคำถามอีกมากมายที่หลายคนอยากรู้ แต่พี่ชายคนนี้ก็ยังไม่ได้ตอบ
ก่อนจากกัน เขาหันมาถามว่า
“อยากเอาเรื่องพี่ไปเขียนไหม ทั้งหมดเลย อยากให้เขียนถึงนะ”
“อืม เอางั้นก็ได้ ว่าแต่จะเริ่มตรงไหนดีล่ะ”
“ก็ตรงวันนี้แหละ ตรงที่ทุกอย่างมันหายวับไปกับตานี่แหละ เอาแมวไปแล้วก่อน...แล้วรอบหน้ามานั่งคุยกันใหม่นะ แล้วพี่จะเล่าให้ฟังว่า มีอะไรบ้างที่หายไปจากชีวิตคนอย่างพี่”
ภาพของฟลุ๊ก(ขาวดำ) และเหมียว (สีเทา) ทานข้าวก่อนจะย้ายไปบ้านใหม่