Skip to main content

นานมาแล้วที่ฉันเคยได้ยินประโยคที่ว่า “แค่กระพริบตา โลกก็เปลี่ยน” แล้วเคยคิดเล่นๆ ว่า อะไรก็ตามที่เปลี่ยนไปแบบฉับพลัน หรือ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังนั้น คงไม่ได้เกิดบ่อยนัก และหากจะเกิดขึ้นจริง ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุ มีสัญญาณเตือนมาก่อน อยู่ที่เราจะสังเกตหรือไม่ก็เท่านั้น


แต่สำหรับเรื่องของพี่ชาย พอจะทำให้ฉันเชื่อได้บ้างว่า กับเรื่องบางเรื่องนั้น การเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้มีอะไรมาเตือนล่วงหน้า


23_7_01



หลังจากที่พี่ชายมีความรัก และตกร่องปล่องชิ้นกับหญิงคนรักได้ ปีกว่าแล้ว ไม่กี่สัปดาห์ก่อนนี้เอง ที่ทั้งคู่โทรชวนฉันไปทานข้าวที่ห้องเช่า แม้จะไม่มีครัวทำกับข้าวกินเอง เขาก็อุตส่าห์ไปหยิบยืมเครื่องครัวจากห้องข้างๆ ขออาศัยพื้นที่คนอื่นในการทำโป๊ะแตก ยำวุ้นเส้น เพื่อนที่ไปด้วยหยิบซื้อออกไปหิ้วเบียร์เย็นๆ มา
2 ขวด แกล้มอาหาร ทุกคนมีใบหน้าแจ่มใสดี เราคุยกันเรื่องฝนฟ้าอากาศ ทะเล ภูเขา ชีวิต และจบลงด้วยความฝันเรื่องการมีบ้าน


พี่คิดไว้แล้ว มีที่ดินอยู่ผืนหนึ่ง อยู่ติดกับบ้านญาติ ที่ประมาณ 1 งานถ้าเราแบ่งกันคนละครึ่ง ก็ไม่กี่บาท ปลูกบ้านใกล้กัน อยู่เป็น 2 ครอบครัว ดีไหม จะได้อยู่ใกล้ๆ เพื่อน พี่ก็อยากมีบ้านเหมือนกัน”


ประโยคนั้น “พี่ก็อยากมีบ้านเหมือนกัน” เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พี่ชายจะพูดออกมา คนรอบวงทำตาโต บ้างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อะไรทำให้ชายพเนจรที่ปลดปลงกับทุกอย่างและไม่เคยมีของสะสม ถึงอยากมีที่ดินและมีบ้านขึ้นมา ถ้าไม่ใช่ความรัก


หญิงสาวผมยาวข้างกายของเขา เอียงหัวเข้าไปพิงไหล่พี่ชายเบาๆ แล้วก็เอื้อมมือไปกอดเอวไว้

ไว้ลองไปดูที่ดินกันก่อนดีกว่า ว่าจะชอบกันหรือเปล่า”

เธอพูดเอาไว้ และเราก็ตกลงตามนัด อีก 3 วันถัดมาคือวันนัดของเรา


23_7_02


ก่อนถึงวันนัดอีกไม่กี่ชั่วโมง คืนนั้นฝนตกปรอยๆ หลังจากข่าวจากกรมอุตุวิทยาแจ้งว่าอาจจะมีพายุถล่มภาคเหนือ เป็นเวลาเดียวกับที่ หญิงสาวคนนั้น เข้าสวมกอดพี่ชาย แล้วบอกว่า ครอบครัวที่เธอหนีจากมานานแสนนานที่กรุงเทพฯ กำลังจะกลับมารับตัวไป


ใช่แล้ว เธอเคยแต่งงาน มีลูก และหนีจากสามีมาพร้อมเงินจำนวน 1 แสนบาท มาโดยไม่บอกใคร และไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน จวบจนผ่านไปนานหลายปี เธอได้รับการติดต่อจากทางบ้านว่า ทุกคนให้อภัยเธอแล้ว ไม่ถือสาเอาความ แต่ขอเพียงคืนเงินก้อนนั้นกลับไปให้พวกเขา

เงินตั้ง 1 แสนบาท ถ้าหาให้เขาไม่ได้ เขาจะมาเอาตัวแฟนพี่ไป”


พี่ชายแจ้งข่าวด้วยน้ำเสียงทั้งเศร้าทั้งทุกข์ รุ่งเช้าวันถัดมา พี่ชายวิ่งวุ่นอยู่กับการหายืมเงินคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเก่า คนที่ทำงาน เจ้านาย รวมไปถึงฉันด้วย ถึงจำนวนเงินก้อนใหญ่ แต่ข่าวร้ายก็คือ ไม่มีใครหาให้เขาได้ทัน ทั้งกะทันหันเกินไปและมากกว่าที่จะมีให้


พี่ชายคิดจะไปกู้เงินด่วนนอกระบบ แต่ถูกเพื่อนอีกคนห้ามปรามเอาไว้ “ลองไปต่อรองเขาหน่อยดีกว่า ยังไงก็คนเป็นพ่อแม่ ไม่น่าจะใจดำกับลูก”


พี่ชายตัดสินใจลางานจากบริษัทครึ่งวัน บอกแฟนสาวว่า ถึงขั้นนี้แล้วเขาจะไปวิงวอนขอร้องกับพ่อแม่เอง ว่าอย่าได้เอาตัวเธอไป เงินที่ยังขาดจะทยอยส่งให้ทีละเล็ก ละน้อย จะได้หรือไม่


ด้วยข้ออ้างสารพัด ทำให้พี่ชายไม่มีโอกาสได้ไปพบหน้าพ่อแม่ของแฟน เมื่อกลับไปทำงานช่วงบ่าย ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง พี่ชายก็พบว่า คนรักของเขากินยาตายอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ห้องนั้น


23_7_03


โชคดีว่าคนแถวนั้นผ่านมาพอดี มีรถกระบะที่พอจะอุ้มร่างไร้สติของแฟนสาวไปยังโรงพยาบาลได้ เธอเข้าสู่ห้องไอซียู เพื่อทำการล้างท้อง ปล่อยให้พี่ชายว้าวุ่นใจอยู่นอกห้อง กับเสียงโทรศัพท์ของแฟนสาวที่ดังไม่ขาดสาย


นับเป็นครั้งที่ 30 กว่า ที่โทรศัพท์แฟนสาวดังขึ้น พี่ชายกล้าๆ กลัวๆ ที่จะรับ นอกจากจะหาเงินไปไถ่ตัวแฟนไม่ได้แล้ว เขาจะตอบพ่อแม่เธออย่างไรดีว่า ลูกสาวของท่านฆ่าตัวตายและอยู่ในการดูแลของหมอ ยังไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจรับโทรศัพท์เหล่านั้น และจึงได้พบกับความจริงที่ว่า ในรายชื่อทั้งหมด ไม่มีใครยืนยันเป็นพ่อแม่ของเธอเลยแม้แต่คนเดียว



น้องเขาเป็นหนี้พี่อยู่ๆ เกือบๆ แสน ราว
5 หมื่นบาท เขานัดมารับเงินที่เซ็นทรัลนะ ยังไม่มาเลย ช่วยบอกเขาหน่อยได้ไหม”

น้องเขายืมเงินพี่ไป  3 หมื่น บอกจะคืนวันนี้ แล้วหายไปเลย”

น้องเขาเลิกงานหรือยังครับ คืนนี้บอกว่าผมจะไปรับช้าหน่อย”

ของที่เอามาจำนำไว้ กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ และสร้อยคอทองคำ จะหลุดแล้ว ช่วยเตือนน้องเขาด้วย”

ฯลฯ


นี่คือข้อความและข่าวสารจากโทรศัพท์เครื่องนั้น โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่หญิงสาวบอกว่าเพื่อนที่ทำงานจับฉลากได้ และนำมาขายต่อในราคาถูกเพราะต้องการเงินด่วน หากแต่ในคืนนั้น พี่ชายก็ได้รู้ความจริงว่า โทรศัพท์เครื่องนั้นเป็นของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ จากหนุ่มใหญ่วัยกลางคนที่เป็นผู้อุปการะหญิงสาวอย่างเงียบๆ มากกว่า 3 ปีแล้ว

ข่าวสารมากมายในหัวทำเอาพี่ชายแยกแยะเกือบไม่ทัน เขาตั้งสติใหม่ แล้วถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของแฟนสาวที่อยู่ๆ ก็เป็นหนี้ร่วม 4 แสนบาท ในระยะเวลา 6 เดือน โดยที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อทั้งคู่ต่างมีเงินเดือน มีรายได้ และเขาเองให้เงินทั้งหมดจากการทำงานแก่เธอไม่เคยขาด กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง สิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อยๆ สะสมเงินซื้อเพื่อใช้ในชีวิต ก็ไม่เคยให้ต้องรู้สึกลำบากหรือน้อยเนื้อต่ำใจ


แต่นอกจากเงินมหาศาลที่ไม่เคยแตะเหล่านั้นแล้ว ผู้ชายอีก 2-3 คนโผล่เข้ามาในชีวิตของเธอ และอ้างว่าเป็นทั้งสามี และแฟนหนุ่ม รวมถึงผู้อุปถัมภ์ ในฐานะที่เธอเคยพบกับชีวิตผิดพลาดในอดีตมาอย่างน่าสงสาร


พี่ชายตัดสินใจหอบโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน และข้าวมันไก่ 1 ห่อ เดินเข้าไปในโรงพยาบาลยามวิกาล ขอรบกวนพยาบาลเพื่อทำการเยี่ยมฉุกเฉิน เมื่อแกะข้าวให้เธอกินบนเตียงแล้ว พี่ชายก็เริ่มต้นบอกกับเธอว่า

พี่ได้คุยโทรศัพท์กับทุกๆ คนที่มีชื่อในนั้นแล้ว ตอนนี้งงมาก เกิดอะไรขึ้น มันจริงหรือเปล่า แล้วเอาเงินทั้งหมดไปไว้ที่ไหน”


เอ่ยได้เท่านี้ หญิงสาวตรงหน้าก็แทบสำลักข้าวมันไก่ หน้าตาเหยเก ทำหน้าอยากร้องไห้และขอตัวอยู่คนเดียวลำพัง พร้อมประโยคที่เอ่ยแผ่วๆ ภายใต้ชุดคนป่วยนั้นว่า  “ไม่มีอะไรจะเถียงหรอก ทำผิดทั้งหมด ฉันรู้ดี ขอโทษด้วยก็แล้วกัน”


เธอเอ่ยแค่นั้นจริงๆ ก่อนที่พยาบาลจะมาขอให้พี่ชายกลับออกไป และคืนนั้น เกือบตี 3 พยาบาลคนเดิมก็ต้องโทรศัพท์ฉุกเฉินมาสอบถามพี่ชายว่า คนไข้หนีออกมาหาเขาหรือไม่ เพราะตอนนี้เธอหายไปจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว


เราคงต้องแจ้งตำรวจ เพราะหมอเป็นห่วงคนไข้อยู่ในภาวะเสี่ยง กลัวจะทำร้ายตัวเองอีกครั้ง”

พยาบาลบอก แล้วขอวางสายไปดำเนินการ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที ก็ต้องส่งข่าวมาอีกครั้งว่า ไม่มีชื่อ นามสกุล ของผู้หญิงคนนี้ในระบบทะเบียนราษฎร์แต่อย่างใด


พี่ชายนิ่งอึ้ง นั่งรื้อสำเนาเอกสารบัตรประชาชนของหญิงคนรักมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทา เขาโทรไปคอนเฟิร์มโรงพยาบาลอีกครั้ง ว่าเขาเคยเห็นทั้งบัตรประชาชน และมีสำเนาติดอยู่ที่ห้อง พี่ชายแทบเป็นลม เมื่อพยาบาลตอบมาว่า

คิดว่าบัตรประชาชนที่เห็น เป็นบัตรปลอมที่ถูกทำขึ้นใหม่ เพราะไม่มีคนชื่อนี้และนามสกุลนี้อยู่ในประเทศไทย”


....................


ถึงตอนนี้ บ้านของญาติที่หญิงสาวเคยพาพี่ชายผ่านไปแว่บๆ ก็ไม่ใครยืนยันว่าเป็นญาติเธอ พ่อแม่ที่ไม่ได้โผล่มาในชีวิตเกือบ 10 ปีแล้ว รวมถึงเพื่อนที่ทำงาน ต่างส่ายหน้าบอกว่าไม่เคยมีใครได้ไปบ้านเธอเลยสักครั้ง มีเพียงชายหนุ่มจากที่ทำงานเพียงคนเดียวที่พอจะยืนยันได้ว่าเธอมีห้องเช่าอยู่อีกแห่งหนึ่ง และนั่นเป็นที่พักของหญิงสาวกับสามีอีกคน


แต่เมื่อออกไปตามหาแล้ว ก็ไม่มีเงาของเธอ และไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน

นี่ไง ที่หายวับไปกับตา ตื่นมาวันนี้ยังนึกว่าตัวเองฝันไป”

บทสรุปของพี่ชายค่อนข้างเศร้า ใช่ มันเป็นเรื่องเศร้ามากมาย เท่าที่ชายคนหนึ่งจะได้รับรู้และกลายเป็นว่า คนที่นอนอยู่ด้วยกันทุกวันมาเกือบ 2 ปีนั้น ไม่รู้แม้แต่ชื่อที่แท้จริง และเขาก็ไม่มีโอกาสได้ถามเธออีก

....

23_7_04


ฝนยังคงตกทุกวัน แมวน้อยสองตัวที่ถูกฝากเลี้ยง นอนหลับปุ๋ยหลังจากกินข้าวคลุกปลาทูเสร็จ ฉันลูบหัวมันเบาๆ แล้วบอกพวกมันว่า ขอให้ชินกับบ้านใหม่เร็วๆ และอย่าเสียใจเลยที่ใครบางคนจะหายไปจากเราตลอดชีวิต เพราะความรักใหม่ที่จับต้องได้ก็ยังมีให้เห็นอยู่อีก ขอเพียงอย่าสิ้นศรัทธาต่อมวลมนุษย์


ฉันพูดไปอย่างนั้น โดยที่รู้ทั้งรู้ว่าแมวฟังภาษาฉันไม่เข้าใจหรอก จะมีก็เพียงแต่พี่ชายเท่านั้น ที่เผลอทำน้ำตาร่วงลงบนหลังแมว ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้าๆ บอกกับฉันว่า

จะพยายามเชื่อแบบนั้นเหมือนกัน”

23_7_05


บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
ความชื้นแฉะเหล่านั้นคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง หยดน้ำที่ทำให้พื้นดินที่สีดำขึ้นมากกว่าปกติ ดินที่นุ่มลง หญ้าที่ปกคลุมไปถ้วนทั่ว ฉันว่ามันชุ่มฉ่ำดีเหมือนกัน เมื่อฤดูฝนยาวกว่าที่เราคิด และปีนี้ ฝนก็ตกบ่อยกว่าปีที่ผ่านมา
วาดวลี
ท้องฟ้าอ้อยสร้อยแบบนั้นแหละ ที่คนแถวบ้านฉันรำพึงกันว่า เป็นความชุ่มฉ่ำต้อนรับเทศกาลเข้าพรรษา ฝนตกเอื่อยๆ พรมความชื้นไปทั่วถนนเล็กๆ ของหมู่บ้านเรา แต่ก็ไม่มีใครย่อท้อที่จะออกไปทำบุญ ดอกไม้ธูปเทียน อาหารคาวหวาน ข้าวตอกดอกไม้ คนข้างบ้านของฉันซึ่งเป็นครอบครัวที่ขยันทำงานไม่มีวันหยุด ก็ยังเอ่ยปากบอกว่า หยุดงานสักวันสองวันดีกว่า นอกจากไปทำบุญแล้ว ก็ยังได้หยุดอยู่บ้านกับครอบครัวอีกด้วย
วาดวลี
นานมาแล้วที่ฉันเคยได้ยินประโยคที่ว่า “แค่กระพริบตา โลกก็เปลี่ยน” แล้วเคยคิดเล่นๆ ว่า อะไรก็ตามที่เปลี่ยนไปแบบฉับพลัน หรือ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังนั้น คงไม่ได้เกิดบ่อยนัก และหากจะเกิดขึ้นจริง ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุ มีสัญญาณเตือนมาก่อน อยู่ที่เราจะสังเกตหรือไม่ก็เท่านั้น แต่สำหรับเรื่องของพี่ชาย พอจะทำให้ฉันเชื่อได้บ้างว่า กับเรื่องบางเรื่องนั้น การเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้มีอะไรมาเตือนล่วงหน้า
วาดวลี
 “รักของพี่กับเขาเริ่มตรงนี้”ตรงที่พี่ชายพูด มันคือถนนเส้นหนึ่ง ที่ตัดผ่านกลางระหว่างคูเมืองด้านในของเชียงใหม่ ไปยังชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่ง รอบๆ ถนนมีอาหารพื้นเมืองขาย มีส้มตำ ไก่ย่าง ร้านรวง บริษัท รวมทั้งวัดเก่าแก่สวยงาม   ฉันก้มลงไปมองตามนิ้วชี้ของเขา ที่ตรงนั้น คือฝาท่อกลมๆ เก่าๆ ปิดรอยโหว่ขี้เหร่ของถนนเอาไว้“ตรงนี้น่ะหรือ จุดเริ่มต้นของความรัก”ฉันทำหน้าไม่อยากเชื่อ พี่ชายยิ้มที่มุมปาก แล้วพยักหน้า “มีอยู่วันหนึ่ง พี่มาก้มๆ เงยๆ ผูกเชือกรองเท้าตรงนี้ ว่าจะเดินไปเยี่ยมเพื่อนที่ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าข้างหน้านั่น ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินมา ผมยาว ผิวขาว หน้าตาก็ไม่สวยมาก…
วาดวลี
“บ้านพอมีที่เหลือว่างไหม” คนถามฉันเป็นชายหนุ่ม ที่นับนามว่าเป็น “เพื่อน” กัน มาได้ 4 ปีแล้ว ความจริง เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เมื่อรู้จักกันได้นับปี ก็ตัดสินใจได้ว่าเขาน่าจะเป็น “คนดี” พอในแบบที่ร้องขออะไร แล้วเราไม่กล้าที่จะไม่ให้ หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือลำบากใจกันจริงๆ มาครั้งนี้ บนถ้อยคำอาวรณ์ น้ำเสียงเขาหม่นเศร้า แววตาก็หม่นเศร้า เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ เช้าวันอาทิตย์ที่แสงแดดสายสาดส่องให้อบอุ่น บนฟ้ามีก้อนเมฆปุกปุยสีขาว ไหลไปมาบนพื้นสีคราม สวยยิ่งกว่าสวย แต่เขาคนนี้มีแววเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา
วาดวลี
 ๑. จะมี อะไรบ้าง ยั่งยืน ? กลางวัน กลางคืน แดด ฝน ลม หนาว มนุษย์ สมมุติ ชั่วคราว ว่าเรา ครอบครอง เพื่อ "ของเรา" ๒. ไยแย่งโอบกอดอนาคต แล้วเอ่ยกล่าวโทษวันเก่า ไยถก ไยเถียง เรื่องเงา ที่ลาลับ ล่วงกับ ดวงตะวัน 
วาดวลี
เชียงใหม่ในวันที่ฝนซา เพื่อนที่แวะมาเยี่ยมต่อสายบอกว่ากลับถึงบางกอกเรียบร้อยดีแล้ว เสียงอึกทึกครึกโครมที่รายล้อมตัวเธอบอกฉันว่า เธอไม่ได้อยู่ลำพังขณะคุยโทรศัพท์ ฉันแซวเธอเล่นๆ ว่ากำลังอยู่ในถิ่นอโคจรหรือเปล่านะ ก็เราคุยกันแทบจะไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงเพลง เสียงรถ และเสียงคนมากมายเธอหัวเราะชอบใจ แล้วตอบว่า "ใช่ ฉันอยู่ในถิ่นอะโคจร" แล้วย้อนสวนมาว่า"ก็ดีกว่าอยู่ในแดนสนธยาเหมือนเธอ"ดอกหญ้าในสวนหลังบ้าน รกร้าง แต่ก็สวยงามในความรู้สึก 
วาดวลี
ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปประเทศจีน เดินทางโดยยังไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้านเสียด้วยซ้ำ มันเป็นการเดินทางด้วยจิตใจและจินตนาการ เมื่อน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่งของฉัน เธอเดินทางไปเป็นครูสอนภาษาไทยอยู่ที่เมืองหนานหนิง มณฑลกวางสีตั้งแต่ 1 ปีที่แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะย่างครบ 1 ปี เธอบอกว่าคิดถึงเมืองไทยเป็นที่สุด และนับจากวันนี้ไปอีกแค่ 8 วันเท่านั้นเธอก็จะได้กลับมาเหยียบผืนดินไทยอีกครั้งแล้ว“ดีใจนะที่ปลอดภัย”จำได้ว่าเอ่ยกับเธอด้วยประโยคนี้ หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศจีนไม่นาน ฉันนึกถึงใบหน้าของเธอ แก้มยุ้ยๆ  และแววตาวาบวับที่ระยิบระยับเสมอ…
วาดวลี
"เธอว่าเราจะไปไหน ?"ฉันถาม แล้วก็ก้าวขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ โดยไม่รอคำตอบมาถึง เสียงติดเครื่องของรถคันเก่าดั่งกระหึ่ม ยามบ่ายๆ ของวันหยุดที่เราควรจะได้เดินทางบ้าง แม้จะเป็นระยะทางสั้นๆ หรือยามว่างอันน้อยนิด ฉันอยากออกไปสูดอากาศ ส่วนเธออยากขี่รถเล่นเงยหน้ามองท้องฟ้า วันนี้ไม่มีฝน แม้จะไม่มีแดด แต่ก้อนเมฆยามบ่ายขับเคลื่อนราวว่า อีกนานกว่าพายุจะคลุมเมืองไว้อีกครั้ง
วาดวลี
ท้องฟ้าในเมืองของเรายังสวยเสมอ โดยเฉพาะยามที่เพื่อนเก่าของฉันรีบจอดจักรยานไว้ข้างตลาด แล้วเดินเข้ามาจับมือ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางทิศตะวันตก ก้อนเมฆพวกนั้นเลื้อยตัวมากอดภูเขาเอาไว้ มองไกลๆ เหมือนใครเอาผ้าขนหนูสีขาวนุ่มๆ ไปพันทิ้งไว้(เมืองเล็กๆ ของเราหลังฝนตก)
วาดวลี
ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ฉันและแม่มีกฎร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งว่า หากไปเยี่ยมบ้านใครแล้วเขาให้ขนมกิน ก็ให้ยกมือไหว้ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นต้องรับไปเสียทั้งหมด แม่เคยเปรยๆ ว่า ถึงครอบครัวเราจะยากจนแต่แม่สามารถทำอาหารอร่อยๆ ให้กินได้ทุกมื้อ อีกอย่างก็คือบางคนเขาไม่ได้ตั้งใจทำเผื่อเราหรอก แต่เป็นการให้โดยมารยาทเท่านั้น หากรับไว้เสียหมดก็กลายเป็นการรบกวนเขาไปก็เป็นได้แม้แม่จะบอกแบบนี้ แต่ฉันและแม่ก็รู้ดีว่า ผู้คนรอบตัวที่ใจดีมีน้ำใจกับเรานั้นมีมากมายเพียงใด พ่อเล่าว่าฉันเป็นเด็กอ้วนแก้มยุ้ย ใครเห็นก็เอ็นดู มักเรียกให้ไปกินขนมอยู่ร่ำไป ดังนั้นข้อตกลงของฉันกับแม่ จึงกลายเป็นว่า หากมีคนยื่นให้…
วาดวลี
ฝนยังโปรยลงมาไม่ขาดสาย แม้จะเพิ่งผ่านเดือนเมษายนมาได้ไม่เท่าไหร่  ท้องทุ่งฉ่ำไปด้วยฝนและดูจะมากไปจนน่าวิตก ลานกว้างหน้าบ้านของยายปลีวันนี้จึงไม่มีเด็กๆ มาวิ่งเล่น แต่หลบฝนกันไปวาดรูปเล่นอยู่ตรงชานเรือน หลานอีกคนทำหน้าตาเบื่อเพราะอยากออกไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อน นี่เป็นวันธรรมดาที่อาจมีทั้งความหมายหรือไม่มี สำหรับยายปลี เพราะหลังจากแกเก็บผ้าเข้าไปตากใต้ยุ้งข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมานั่งอยู่ประจำที่ อยู่กับเครื่องทอด้ายแบบสมัยโบราณ มันทำจากไม้ และไม่รู้ว่ามันมีอายุมาแล้วเท่าไหร่