Skip to main content

นานมาแล้วที่ฉันเคยได้ยินประโยคที่ว่า “แค่กระพริบตา โลกก็เปลี่ยน” แล้วเคยคิดเล่นๆ ว่า อะไรก็ตามที่เปลี่ยนไปแบบฉับพลัน หรือ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังนั้น คงไม่ได้เกิดบ่อยนัก และหากจะเกิดขึ้นจริง ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุ มีสัญญาณเตือนมาก่อน อยู่ที่เราจะสังเกตหรือไม่ก็เท่านั้น


แต่สำหรับเรื่องของพี่ชาย พอจะทำให้ฉันเชื่อได้บ้างว่า กับเรื่องบางเรื่องนั้น การเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้มีอะไรมาเตือนล่วงหน้า


23_7_01



หลังจากที่พี่ชายมีความรัก และตกร่องปล่องชิ้นกับหญิงคนรักได้ ปีกว่าแล้ว ไม่กี่สัปดาห์ก่อนนี้เอง ที่ทั้งคู่โทรชวนฉันไปทานข้าวที่ห้องเช่า แม้จะไม่มีครัวทำกับข้าวกินเอง เขาก็อุตส่าห์ไปหยิบยืมเครื่องครัวจากห้องข้างๆ ขออาศัยพื้นที่คนอื่นในการทำโป๊ะแตก ยำวุ้นเส้น เพื่อนที่ไปด้วยหยิบซื้อออกไปหิ้วเบียร์เย็นๆ มา
2 ขวด แกล้มอาหาร ทุกคนมีใบหน้าแจ่มใสดี เราคุยกันเรื่องฝนฟ้าอากาศ ทะเล ภูเขา ชีวิต และจบลงด้วยความฝันเรื่องการมีบ้าน


พี่คิดไว้แล้ว มีที่ดินอยู่ผืนหนึ่ง อยู่ติดกับบ้านญาติ ที่ประมาณ 1 งานถ้าเราแบ่งกันคนละครึ่ง ก็ไม่กี่บาท ปลูกบ้านใกล้กัน อยู่เป็น 2 ครอบครัว ดีไหม จะได้อยู่ใกล้ๆ เพื่อน พี่ก็อยากมีบ้านเหมือนกัน”


ประโยคนั้น “พี่ก็อยากมีบ้านเหมือนกัน” เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่พี่ชายจะพูดออกมา คนรอบวงทำตาโต บ้างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อะไรทำให้ชายพเนจรที่ปลดปลงกับทุกอย่างและไม่เคยมีของสะสม ถึงอยากมีที่ดินและมีบ้านขึ้นมา ถ้าไม่ใช่ความรัก


หญิงสาวผมยาวข้างกายของเขา เอียงหัวเข้าไปพิงไหล่พี่ชายเบาๆ แล้วก็เอื้อมมือไปกอดเอวไว้

ไว้ลองไปดูที่ดินกันก่อนดีกว่า ว่าจะชอบกันหรือเปล่า”

เธอพูดเอาไว้ และเราก็ตกลงตามนัด อีก 3 วันถัดมาคือวันนัดของเรา


23_7_02


ก่อนถึงวันนัดอีกไม่กี่ชั่วโมง คืนนั้นฝนตกปรอยๆ หลังจากข่าวจากกรมอุตุวิทยาแจ้งว่าอาจจะมีพายุถล่มภาคเหนือ เป็นเวลาเดียวกับที่ หญิงสาวคนนั้น เข้าสวมกอดพี่ชาย แล้วบอกว่า ครอบครัวที่เธอหนีจากมานานแสนนานที่กรุงเทพฯ กำลังจะกลับมารับตัวไป


ใช่แล้ว เธอเคยแต่งงาน มีลูก และหนีจากสามีมาพร้อมเงินจำนวน 1 แสนบาท มาโดยไม่บอกใคร และไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน จวบจนผ่านไปนานหลายปี เธอได้รับการติดต่อจากทางบ้านว่า ทุกคนให้อภัยเธอแล้ว ไม่ถือสาเอาความ แต่ขอเพียงคืนเงินก้อนนั้นกลับไปให้พวกเขา

เงินตั้ง 1 แสนบาท ถ้าหาให้เขาไม่ได้ เขาจะมาเอาตัวแฟนพี่ไป”


พี่ชายแจ้งข่าวด้วยน้ำเสียงทั้งเศร้าทั้งทุกข์ รุ่งเช้าวันถัดมา พี่ชายวิ่งวุ่นอยู่กับการหายืมเงินคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเก่า คนที่ทำงาน เจ้านาย รวมไปถึงฉันด้วย ถึงจำนวนเงินก้อนใหญ่ แต่ข่าวร้ายก็คือ ไม่มีใครหาให้เขาได้ทัน ทั้งกะทันหันเกินไปและมากกว่าที่จะมีให้


พี่ชายคิดจะไปกู้เงินด่วนนอกระบบ แต่ถูกเพื่อนอีกคนห้ามปรามเอาไว้ “ลองไปต่อรองเขาหน่อยดีกว่า ยังไงก็คนเป็นพ่อแม่ ไม่น่าจะใจดำกับลูก”


พี่ชายตัดสินใจลางานจากบริษัทครึ่งวัน บอกแฟนสาวว่า ถึงขั้นนี้แล้วเขาจะไปวิงวอนขอร้องกับพ่อแม่เอง ว่าอย่าได้เอาตัวเธอไป เงินที่ยังขาดจะทยอยส่งให้ทีละเล็ก ละน้อย จะได้หรือไม่


ด้วยข้ออ้างสารพัด ทำให้พี่ชายไม่มีโอกาสได้ไปพบหน้าพ่อแม่ของแฟน เมื่อกลับไปทำงานช่วงบ่าย ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง พี่ชายก็พบว่า คนรักของเขากินยาตายอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ห้องนั้น


23_7_03


โชคดีว่าคนแถวนั้นผ่านมาพอดี มีรถกระบะที่พอจะอุ้มร่างไร้สติของแฟนสาวไปยังโรงพยาบาลได้ เธอเข้าสู่ห้องไอซียู เพื่อทำการล้างท้อง ปล่อยให้พี่ชายว้าวุ่นใจอยู่นอกห้อง กับเสียงโทรศัพท์ของแฟนสาวที่ดังไม่ขาดสาย


นับเป็นครั้งที่ 30 กว่า ที่โทรศัพท์แฟนสาวดังขึ้น พี่ชายกล้าๆ กลัวๆ ที่จะรับ นอกจากจะหาเงินไปไถ่ตัวแฟนไม่ได้แล้ว เขาจะตอบพ่อแม่เธออย่างไรดีว่า ลูกสาวของท่านฆ่าตัวตายและอยู่ในการดูแลของหมอ ยังไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจรับโทรศัพท์เหล่านั้น และจึงได้พบกับความจริงที่ว่า ในรายชื่อทั้งหมด ไม่มีใครยืนยันเป็นพ่อแม่ของเธอเลยแม้แต่คนเดียว



น้องเขาเป็นหนี้พี่อยู่ๆ เกือบๆ แสน ราว
5 หมื่นบาท เขานัดมารับเงินที่เซ็นทรัลนะ ยังไม่มาเลย ช่วยบอกเขาหน่อยได้ไหม”

น้องเขายืมเงินพี่ไป  3 หมื่น บอกจะคืนวันนี้ แล้วหายไปเลย”

น้องเขาเลิกงานหรือยังครับ คืนนี้บอกว่าผมจะไปรับช้าหน่อย”

ของที่เอามาจำนำไว้ กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ และสร้อยคอทองคำ จะหลุดแล้ว ช่วยเตือนน้องเขาด้วย”

ฯลฯ


นี่คือข้อความและข่าวสารจากโทรศัพท์เครื่องนั้น โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่หญิงสาวบอกว่าเพื่อนที่ทำงานจับฉลากได้ และนำมาขายต่อในราคาถูกเพราะต้องการเงินด่วน หากแต่ในคืนนั้น พี่ชายก็ได้รู้ความจริงว่า โทรศัพท์เครื่องนั้นเป็นของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ จากหนุ่มใหญ่วัยกลางคนที่เป็นผู้อุปการะหญิงสาวอย่างเงียบๆ มากกว่า 3 ปีแล้ว

ข่าวสารมากมายในหัวทำเอาพี่ชายแยกแยะเกือบไม่ทัน เขาตั้งสติใหม่ แล้วถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของแฟนสาวที่อยู่ๆ ก็เป็นหนี้ร่วม 4 แสนบาท ในระยะเวลา 6 เดือน โดยที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อทั้งคู่ต่างมีเงินเดือน มีรายได้ และเขาเองให้เงินทั้งหมดจากการทำงานแก่เธอไม่เคยขาด กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง สิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อยๆ สะสมเงินซื้อเพื่อใช้ในชีวิต ก็ไม่เคยให้ต้องรู้สึกลำบากหรือน้อยเนื้อต่ำใจ


แต่นอกจากเงินมหาศาลที่ไม่เคยแตะเหล่านั้นแล้ว ผู้ชายอีก 2-3 คนโผล่เข้ามาในชีวิตของเธอ และอ้างว่าเป็นทั้งสามี และแฟนหนุ่ม รวมถึงผู้อุปถัมภ์ ในฐานะที่เธอเคยพบกับชีวิตผิดพลาดในอดีตมาอย่างน่าสงสาร


พี่ชายตัดสินใจหอบโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน และข้าวมันไก่ 1 ห่อ เดินเข้าไปในโรงพยาบาลยามวิกาล ขอรบกวนพยาบาลเพื่อทำการเยี่ยมฉุกเฉิน เมื่อแกะข้าวให้เธอกินบนเตียงแล้ว พี่ชายก็เริ่มต้นบอกกับเธอว่า

พี่ได้คุยโทรศัพท์กับทุกๆ คนที่มีชื่อในนั้นแล้ว ตอนนี้งงมาก เกิดอะไรขึ้น มันจริงหรือเปล่า แล้วเอาเงินทั้งหมดไปไว้ที่ไหน”


เอ่ยได้เท่านี้ หญิงสาวตรงหน้าก็แทบสำลักข้าวมันไก่ หน้าตาเหยเก ทำหน้าอยากร้องไห้และขอตัวอยู่คนเดียวลำพัง พร้อมประโยคที่เอ่ยแผ่วๆ ภายใต้ชุดคนป่วยนั้นว่า  “ไม่มีอะไรจะเถียงหรอก ทำผิดทั้งหมด ฉันรู้ดี ขอโทษด้วยก็แล้วกัน”


เธอเอ่ยแค่นั้นจริงๆ ก่อนที่พยาบาลจะมาขอให้พี่ชายกลับออกไป และคืนนั้น เกือบตี 3 พยาบาลคนเดิมก็ต้องโทรศัพท์ฉุกเฉินมาสอบถามพี่ชายว่า คนไข้หนีออกมาหาเขาหรือไม่ เพราะตอนนี้เธอหายไปจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว


เราคงต้องแจ้งตำรวจ เพราะหมอเป็นห่วงคนไข้อยู่ในภาวะเสี่ยง กลัวจะทำร้ายตัวเองอีกครั้ง”

พยาบาลบอก แล้วขอวางสายไปดำเนินการ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที ก็ต้องส่งข่าวมาอีกครั้งว่า ไม่มีชื่อ นามสกุล ของผู้หญิงคนนี้ในระบบทะเบียนราษฎร์แต่อย่างใด


พี่ชายนิ่งอึ้ง นั่งรื้อสำเนาเอกสารบัตรประชาชนของหญิงคนรักมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทา เขาโทรไปคอนเฟิร์มโรงพยาบาลอีกครั้ง ว่าเขาเคยเห็นทั้งบัตรประชาชน และมีสำเนาติดอยู่ที่ห้อง พี่ชายแทบเป็นลม เมื่อพยาบาลตอบมาว่า

คิดว่าบัตรประชาชนที่เห็น เป็นบัตรปลอมที่ถูกทำขึ้นใหม่ เพราะไม่มีคนชื่อนี้และนามสกุลนี้อยู่ในประเทศไทย”


....................


ถึงตอนนี้ บ้านของญาติที่หญิงสาวเคยพาพี่ชายผ่านไปแว่บๆ ก็ไม่ใครยืนยันว่าเป็นญาติเธอ พ่อแม่ที่ไม่ได้โผล่มาในชีวิตเกือบ 10 ปีแล้ว รวมถึงเพื่อนที่ทำงาน ต่างส่ายหน้าบอกว่าไม่เคยมีใครได้ไปบ้านเธอเลยสักครั้ง มีเพียงชายหนุ่มจากที่ทำงานเพียงคนเดียวที่พอจะยืนยันได้ว่าเธอมีห้องเช่าอยู่อีกแห่งหนึ่ง และนั่นเป็นที่พักของหญิงสาวกับสามีอีกคน


แต่เมื่อออกไปตามหาแล้ว ก็ไม่มีเงาของเธอ และไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน

นี่ไง ที่หายวับไปกับตา ตื่นมาวันนี้ยังนึกว่าตัวเองฝันไป”

บทสรุปของพี่ชายค่อนข้างเศร้า ใช่ มันเป็นเรื่องเศร้ามากมาย เท่าที่ชายคนหนึ่งจะได้รับรู้และกลายเป็นว่า คนที่นอนอยู่ด้วยกันทุกวันมาเกือบ 2 ปีนั้น ไม่รู้แม้แต่ชื่อที่แท้จริง และเขาก็ไม่มีโอกาสได้ถามเธออีก

....

23_7_04


ฝนยังคงตกทุกวัน แมวน้อยสองตัวที่ถูกฝากเลี้ยง นอนหลับปุ๋ยหลังจากกินข้าวคลุกปลาทูเสร็จ ฉันลูบหัวมันเบาๆ แล้วบอกพวกมันว่า ขอให้ชินกับบ้านใหม่เร็วๆ และอย่าเสียใจเลยที่ใครบางคนจะหายไปจากเราตลอดชีวิต เพราะความรักใหม่ที่จับต้องได้ก็ยังมีให้เห็นอยู่อีก ขอเพียงอย่าสิ้นศรัทธาต่อมวลมนุษย์


ฉันพูดไปอย่างนั้น โดยที่รู้ทั้งรู้ว่าแมวฟังภาษาฉันไม่เข้าใจหรอก จะมีก็เพียงแต่พี่ชายเท่านั้น ที่เผลอทำน้ำตาร่วงลงบนหลังแมว ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้าๆ บอกกับฉันว่า

จะพยายามเชื่อแบบนั้นเหมือนกัน”

23_7_05


บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
1.อากาศยามเช้าหนาวไอเย็นแผ่วเบา พัดมาจากภูเขาสูงผ่านทางไกล ใกล้รุ่งฝ่าหมอกคลุ้งสีเทา-เทา
วาดวลี
ฉันกับเพื่อนหย่อนก้นบนเก้าอี้ไม้ริมถนนของเมืองเชียงของ เราสั่งชานม ชามะนาว และกาแฟมากินให้สดชื่นหลังจากนั่งรถมาเป็นชั่วโมง มองดูผู้คนมาเยือนสวนทางกับเจ้าของท้องถิ่นไปมาในวันหยุด"เรากำลังจะไปที่ไหนต่อ"เพื่อนร่วมทางถามฉัน ฉันเหลือบมองเขา ไม่ตอบ แล้วคว้าหนังสืออ่านเล่นในร้านกาแฟมาเปิดอ่าน เราเพิ่งมาถึง แล้วจะไปไหน เธอถามแปลกจัง ฉันอยากตอบเล่นๆ ว่า เดี๋ยวจะพาเธอไปลงว่ายน้ำโขงเล่นก็แล้วกัน"เราต้องไปกินปลาบึกไหม?"เพื่อนถาม ฉันเกือบสำลักชามะนาว “เธออยากกินเหรอ”ฉันถามกลับ เขาทำหน้าไม่ถูก แต่แววตาลังเล “ก็มีคนบอกว่ามาเชียงของต้องกินปลาบึก”ฉันอมยิ้ม ฉันก็ได้ยินแบบนั้นเหมือนกัน แต่เท่าที่รู้…
วาดวลี
กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า กำลังถูกประทับด้วยตราปั๊มสีแดงเพื่อบอก “อนุญาต” ให้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองไปยังพม่า ผู้คนจำนวนนับร้อยนับพัน ต่อแถวกันอยู่ที่ท่าขี้เหล็กในเขตแม่สายด้วยใบหน้ารอคอย ตั้งแต่ขั้นตอนการทำบัตร ชำระเงิน ตรวจเอกสาร จนกระทั่งพวกเขาจะได้ข้ามพ้นประตูด่านของเจ้าหน้าที่เมื่อนั้น ใบหน้าที่บึ้งตึงก็จะเปลี่ยนเป็น “โล่งอก”ฉันและเพื่อนยืนรออยู่ที่ทำบัตรเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ขณะที่เพื่อนกำลังวาดฝันว่าเขาจะซื้ออะไรบ้างจากฝั่งพม่า ไม่ทันที่จะอ้าปากพูดว่า “เกาะกันไว้นะเดี๋ยวหลง” เพราะคนเยอะขนาดจนมีประกาศหาคนตลอดเวลา ไม่ทันไรฉันก็ถูกดันจากคนข้างหลังให้ขยับเข้าไปข้างหน้า ทั้งที่แถวมันเต็มแล้ว…
วาดวลี
1ฤดูหนาวไม่ได้มาเยือนอย่างเงียบเชียบอีกแล้ว มันแสดงตัวตน ชัดเจน ผ่านอากาศ ต้นไม้ใบหญ้า รอยน้ำค้าง ประทับตรงนั้นตรงนี้  แม้กระทั่งบนขนตาของเธอ  หญิงวัยกลางคนที่ตื่นแต่เช้า ปั่นจักรยานไปตลาด กลับมาพร้อมกับข้าวของในมือที่มากจนจักรยานแทบเสียหลัก เธอจอดรถไว้ข้างๆ รั้ว หิ้วของ วางลง และยกมือเช็ดน้ำค้างบนขนตา2“หนาวมากไหม”เธอเอ่ยถามอย่างอาทร ฉันพยักหน้า อดคิดถึงแม่จริงๆ ของตัวเองไม่ได้ ฉันคงต้องใช้เวลาเป็นวันๆ หากจะคิดถึงฤดูหนาวและการอยู่ร่วมกัน  แค่คิดถึงการซุกตัวใน “ผ้าห่มขี้งา” ร่วมกับแม่ แค่นั้นก็เป็นสุขแล้ว หน้าหนาวพ่อจะให้ฉันนอนตรงกลาง เพื่อให้อุ่นมากพอ …
วาดวลี
1. ผืนดินปกคลุมไปด้วยต้นหญ้า และเป็นต้นหญ้าชนิดที่มีดอกสีขาว ฉันชะงักจอบเสียบที่เตรียมมา ด้วยความอาลัยอาวรณ์ต่อดอกหญ้าที่พากันบานสะพรั่งอวดสายลมหนาว ก็มันสวยขนาดนี้ ฉันจะขุด ตัดมันไปได้อย่างไรกันวางจอบลง แล้วนั่งยองๆ ฉันคว้ากล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บเอาไว้ นอกจากดอกหญ้าที่บานเต็มที่แล้ว ยังมีต้นกล้าที่เพิ่งถือกำเนิด มันน่ารักดีจัง ฉันยิ้มให้กับต้นหญ้า แม้จะเคาะเขินคนข้างๆ อยู่บ้างที่ทำตัวอ่อนหัดแบบนี้ แต่เขาคงเข้าใจ คนโหยหาผืนดินอย่างฉัน“หญ้าก็คือหญ้า ถ้าไม่ตัดมันทิ้ง เราจะปลูกผักได้ยังไง”เธอช่วยเตือนสติ ฉันกลับมาโลกความจริง นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องถางมันทิ้ง “รกจะตาย” เธอว่า…
วาดวลี
ฤดูหนาวยามสาย แสงตะวันทอดผ่านเรือนร่างของผู้คนและตกกระทบเป็นผืนเงา อยู่ตรงนั้นตรงนี้บนถนน ชักชวนให้นักท่องเที่ยวบางคนอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเงาตัวเองเอาไว้ดูเล่น ฉันเองก็เช่นกัน ย้ายระดับสายตาไปอยู่บนผืนดิน แสงเงาจากผู้คนมากมาย มุ่งหน้าไปยังพระธาตุดอยสุเทพ นักท่องเที่ยวกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ยิ้มสรวลหยอกล้อ ขอถ่ายรูปคู่กับบันได ประตู ป้าย และร้านค้า ดูเหมือนจะมีแต่เสียงหัวเราะ ตื่นเต้นและความสุข ปนเปื้อนเศษเสี้ยวของความหงุดหงิดรำคาญเล็กน้อย รอยยิ้มกว้างๆ ปรากฏบนใบหน้าของแม่ค้าหลายคน เงินสดถูกเก็บเข้ากระเป๋า ถุงพลาสติกถูกดึงขึ้น ใส่ของ ดึงขึ้นและใส่ของ…
วาดวลี
“หนาวไหมครับ”ชายแปลกหน้าเอ่ยถาม ขณะหย่อนตัวลงนั่งบนแคร่ไม้ เราสองคนอยู่ในที่รกร้างว่างเปล่าของใครสักคนหนึ่ง ฉันอยากเรียกแบบนั้น ทั้งๆ ที่มันคือสถานีรถโดยสารที่จะเดินทางจากตัวเมืองลำปางไปยังแจ้ซ้อนขณะรถเข็นคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาหาเรา ฉันตอบผู้ชายคนนั้นสั้นๆว่า “หนาวนะ” เขาอมยิ้ม กระชับเสื้อให้แน่นขึ้นแล้วหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม ฉันไม่สนใจเขานัก เอาแต่ควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า เพื่อจะหยิบมาดูนาฬิกาว่าตอนนี้คือกี่โมงแล้ว แต่ยังหาโทรศัพท์ไม่เจอ ก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาขนาดใหญ่เกาะติดอยู่บนต้นไม้ ดูเหมือนจะเป็นต้นมะขาม มันสูงใหญ่ให้ร่มเงาเป็นอย่างดีแก่ท่ารถแห่งนี้…
วาดวลี
ท่ามกลางความมืดของผืนฟ้า  พระจันทร์ดวงกลมโตอวดแสงนวลอยู่บนนั้น แม้คืนนี้มองไม่เห็นดาว  แต่พระจันทร์คงไม่เหงา  ก็บนท้องฟ้า เต็มไปด้วยดวงไฟสีส้มนับร้อย นับพันดวง วาววับ จนไม่อาจนับจำนวนได้ โคมไฟ หรือ ว่าวไฟ ในเทศกาลลอยกระทง ต่างลอยขึ้นไปตามแรงลม และความร้อนจากเปลวไฟเล็กๆ ที่ห้อยอยู่ข้างท้าย แม้คนจุดจะมีทั้งชาวเมืองเชียงใหม่ หรือนักท่องเที่ยวจากเมืองอื่น แต่สิ่งที่ฉันได้รู้ในวันนี้ก็คือ สำหรับคนบางคนแล้ว ดาวสีส้มบางดวงนั้นขึ้นไปตามแรงศรัทธาและความเชื่อที่สั่งสมมาตลอดชีวิต“ได้เวลาจุดไฟกันแล้วนะ” ชายชราคนหนึ่งคนตะโกนบอกหลานชาย หลังจากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้…
วาดวลี
“พ่อเคยคิดจะย้ายไปอยู่ที่อื่นไหม?”ฉันเคยเอ่ยถามชายชราไว้นานแล้ว ไม่จริงจังในคำพูด และไม่มีประเด็นอะไรมากนัก ฉันเพียงแต่อยากรู้ว่าเขาคิดอย่างไร ในวันรื้อถอนบ้านเก่าที่ผุพังเพราะน้ำท่วม จำเป็นต้องสร้างหลังใหม่มาแทนที่ ............ที่ดินของเราเป็นผืนยาวติดแม่น้ำเล็กๆ ซื้อมาด้วยเงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของแม่ ราคาไม่กี่พันบาท ฉันย้ายมาอยู่ในตอนที่อายุ 7 ขวบ  เวลาต่อมา คืนหนึ่งแม่ก็เสียชีวิตในบ้านหลังนี้ ตายจากไปเหลือเพียงเถ้าถ่าน ร่างกายถูกเผากลางแดดด้วยฟืนกองโต จำได้ว่าหลังจากคืนเผาศพแม่ไม่นานนัก บ้านทั้งหลังเงียบสงบ…
วาดวลี
ผู้หญิงคนนั้นกำลังฉุน ส่วนหญิงสาวอีกคนในชุดกระโปรงสีชมพู มีท่าทางไม่สบายใจอารมณ์ขุ่นเคืองปะทุในแดดระอุของยามบ่าย  ขณะนั้น  ฉันฝ่าไอร้อนมาจอดรถหน้าร้านค้าของนวลเมื่อวานนี้ฉันขอให้เธอช่วยรื้อลังเก่าๆ ใบใหญ่ๆ ไว้ให้  เพื่อซื้อไปใส่ของขนย้ายบ้านนวลกำลังยุ่ง ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก แต่ก็ยังมีแก่ใจกระซิบบอกด้วยเสียงอ่อนโยนเช่นเคย“รอหน่อยนะ แม่กำลังหาลังใบใหญ่ให้ ไม่ได้ลืม เดี๋ยวคงเอาลงมา”“แม่เหรอ?”ฉันทวนคำ นวลกำลังพูดถึงใครกันนะ ก็เธอจากบ้านมาไกลจากพม่า มาทำงานในร้านขายของชำ ทุกทีนวลเรียกเจ้าของร้านผู้ชายว่า เฮีย และเรียกพี่ผู้หญิงว่า เจ๊ ฉันยังไม่ได้ถาม แต่เธอคงจะดูแววตาออก…
วาดวลี
เพิงผักสดหน้าวัดในตอนเช้า กำลังแปรสภาพเป็นร้านเหล้าในยามค่ำ ตะวันยังไม่แตะดินดี เคาน์เตอร์ไม้เล็กๆ ก็มีลูกค้ามารอแล้วเกือบเต็มร้านชายวัยกลางคนกระดกเหล้าขาวจากแก้วทรงเหลี่ยมอยู่หน้าเพิงป้าแดง  ไม่ยี่หระต่อสายตาเมียที่ยืนค้อนอยู่ด้านหลังเธอยืนเท้าสะเอวเหมือนแม่บ้านในการ์ตูน มองสามีเงียบๆ แล้วก็เอ่ยด้วยเสียงห้วนสั้น“กระดกเข้าไป บอกว่าให้กินข้าวรองท้องก่อน ป้าแดงเอาแกงอ่อมมาถ้วยหนึ่ง”เธอไม่ได้สั่งกลับบ้าน แต่สั่งให้สามี ป้าแดงตักแกงจากหม้อใส่ชาม วางไว้บนเคาน์เตอร์ไม้ แล้วรับเงินจากผู้เป็นภรรยา เธอจากไปพร้อมผักกาดกำใหญ่ในมือ“เดี๋ยวข้ากลับไปกินข้าว” “อือ”สามีภรรยาตอบกันห้วนสั้น…
วาดวลี
๑.ฤดูมาเร็ว ราวกระพริบตารู้สึกดังว่า เพิ่งผ่านเมื่อวานฝนหมาดถนน เพิ่งโดนแดดทักลมหนาวก็พัดมาจุมพิตผ่านแม่น้ำสีเหลืองลำเลียงเศษไม้เผลอมองวูบไหวหัวใจสะท้านฝนพอหรือยัง? หรือคั่งค้างอยู่รอการพรั่งพรู ไหลมาท่วมบ้าน  ๒.ต้นข้าวสีเขียว เคยซีดเซียวยับนิ่งงันสดับ กับทางน้ำผ่านเจ้าชูช่อใหม่ ในตุลาฤดูไม่อาจหยั่งรู้ หรือไม่คิดสะท้าน?ผีเสื้อกลัวไหม ไอหนาวจะมาหอบหมอกห่มฟ้า พัดป่าแห้งกร้านควันคลุ้งคลุมเมือง กลายเป็นเรื่องเล่าไฟฟอนแผดเผา เราไม่อาจต้าน  ๓.ไปหมดแล้วหรือ ที่คือฝันร้ายปัดกวาดบ้านใหม่ ไว้รอเพื่อนบ้านกลางคืนสงบ รอพบวันพรุ่งหวังเห็นสายรุ้ง ลา-วสันต์กาลรอยฝนกันยา ตุลารำลึกลบความคิดนึก…