Skip to main content

001

1.
ผืนดินปกคลุมไปด้วยต้นหญ้า และเป็นต้นหญ้าชนิดที่มีดอกสีขาว


ฉันชะงักจอบเสียบที่เตรียมมา ด้วยความอาลัยอาวรณ์ต่อดอกหญ้าที่พากันบานสะพรั่งอวดสายลมหนาว ก็มันสวยขนาดนี้ ฉันจะขุด ตัดมันไปได้อย่างไรกัน

วางจอบลง แล้วนั่งยองๆ ฉันคว้ากล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บเอาไว้ นอกจากดอกหญ้าที่บานเต็มที่แล้ว ยังมีต้นกล้าที่เพิ่งถือกำเนิด มันน่ารักดีจัง ฉันยิ้มให้กับต้นหญ้า แม้จะเคาะเขินคนข้างๆ อยู่บ้างที่ทำตัวอ่อนหัดแบบนี้ แต่เขาคงเข้าใจ คนโหยหาผืนดินอย่างฉัน

“หญ้าก็คือหญ้า ถ้าไม่ตัดมันทิ้ง เราจะปลูกผักได้ยังไง”
เธอช่วยเตือนสติ ฉันกลับมาโลกความจริง นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องถางมันทิ้ง
“รกจะตาย” เธอว่า ฉันหัวเราะคิกคัก แค่เดินฝ่าเข้าไปก็ยากแล้ว  

002

2.
ฉันเป็นคนไม่ชอบเหยียบต้นหญ้า  


อย่าว่าแต่สนามกว้างๆ ของใครต่อใครเลย  แม้จะข้างถนน ที่มีทางลัดไปยังที่ต้องการได้ใกล้กว่า ฉันจะเดินอ้อมเสมอ เมื่อครั้งไปเที่ยวในอุทยานแห่งหนึ่ง  มีร้านอาหารอยู่ไกลมาก เขาคงทำทางเดินไว้ให้คนออกกำลังกายกระมัง แต่ยามหิว คนคงไม่อยากคิดอย่างอื่น แค่ลัดต้นหญ้าไปเขายังว่าไกล

มีฉันคนเดียวที่เดินอ้อมก็ยังถูกหาว่าบ้า
“บ้าก็บ้านะ” ฉันยอมรับเสียในตอนนั้น

แล้วก็กลับมาพิจารณาดอกหญ้าสีขาวตรงหน้า ชาวสวนมือใหม่ดึงจอบขึ้นสูง ทิ้งน้ำหนักลงไป ต้นเล็กต้นน้อยถูกตัดขาด บางต้นถูกถากออกมาพร้อมราก นี่คงหนักกว่าการเหยียบดอกหญ้าอีก ก็ฆ่ามันให้ตายอยู่นินะ แต่ก็แปลกดีจัง ความรู้สึกไม่เหมือนกันเลย

เวลาเหยียบสนามหญ้าทีไรรู้สึกผิดกว่านี้เยอะ หรือเพราะมันมีเจ้าของ เพราะมันเติบโตจากความตั้งใจของคนอื่น มันร้องขอการมีชีวิตที่ควรทะนุถนอมจากแรงงานที่ถ่ายเทลงไป

แต่ดอกหญ้าไม่มีสิทธิ์ร้องขอแบบนั้นใช่ไหมนะ
ดูสิ ถางไปเกือบหมดแล้ว!

 

004

3.
“จบศิลป์เกษตรมาเหรอ”

คนข้างๆ แซว ทำเอางงไปชั่วครู่ สมัยมัธยมมีแต่วิชาเลือก ศิลป์-ภาษา และศิลปะ-คำนวณ

ฉันทำหน้าเลิกลั่ก
“มีด้วยเหรอวิชานี้”
“ไม่มีหรอก ก็นึกว่าทำไม่ได้ไง แต่พอหยิบจอบเท่านั้นแหละ ดูสิ นี่มันมืออาชีพชัดๆ ไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะ”

เขาหัวเราะร่วน ฉันหันไปมองรอบๆ ถางหญ้าไปเยอะแล้ว ไล่เก็บก้อนหินออก จากนั้นก็ขุดดินให้ลึกๆ แล้วพรวนให้ดินร่วน พลิกฟื้นดินสีดำด้านล่างให้ขึ้นมาอยู่ด้านบน
“อ๋อ ตอนเด็กๆ เคยทำน่ะ นึกว่าจะทำไม่เป็นแล้วเหมือนกัน วิญญาณแม่เข้าสิง”

ดูคนข้างๆ จะอึ้งยิ่งกว่าเดิม เมื่อฉันเริ่มพลิกดินให้นูน ทำเป็นแปลงๆ วาดดินมากองให้เป็นสามเหลี่ยม จากนั้นก็ทำร่องตรงกลาง เพื่อรดน้ำและใส่ปุ๋ย เป็นไงล่ะ ท่วงท่าไม่น้อยหน้าใครเลยล่ะ

“เรายังไม่ต้องใส่ปุ๋ยดีไหม เป็นการทดสอบดิน เราว่าที่ใกล้น้ำแบบนี้ ปลูกอะไรก็ขึ้น ไม่งั้นดอกหญ้าจะงามขนาดนี้เหรอ ว่าปะ”

เออออ ห่อหมก เอาเอง แล้วก็วางจอบไปคว้าบัวรดน้ำมารดๆ เอาไว้  เพื่อปรับปรุงความชื้นให้ดิน ทิ้งไว้ไม่นาน เราก็คงจะหยอดเมล็ดพืชลงไปได้แล้ว ผักที่ฉันเลือกปลูกมีคะน้า ผักชีลาว และพาสเลย์ ดูเหมือนไม่เข้ากันเลย แต่ทำไงได้ล่ะ อยากปลูกนินา

 

005

4.
ในบรรดาคนชอบกินผักทั้งหลาย ไม่มีใครเกินพี่นก

แฟนสาวของเพื่อน เห็นหน้ากันทีไร เธอชวนทำกับข้าวกินเอง หมูกระทะ เอาหมูน้อยๆ ผักเยอะๆ หรือเวลาไปกินข้าวกัน เธอจะบอกว่า ขอผักเพิ่มอีก 1 จาน เสมอๆ

ดูเธอจะตื่นเต้นกว่าฉันอีก เมื่อฉันบอกว่าเริ่มปลูกผักไว้แล้ว
“ผักบุ้งปลูกเยอะๆ นะ ขึ้นง่าย ผักกาดขาวอีก พี่ชอบกินมากๆ  คะน้าก็กินได้นะ ว่าแต่มันอายุเท่าไหร่เหรอ ถึงจะโตพอ”
“ก็ข้างซองเขาบอกว่า 7 วันก็เห็นต้นแล้วนะ มันโตเร็ว อีก 3  สัปดาห์เราก็น่าจะกินได้”


อย่าให้ได้ยินน้ำเสียงของฉันเลย โอ้อวดเสียยังกับเป็นเจ้าของสวนผักขนาดใหญ่ แถมยังอวดอ้างสรรพคุณไปด้วยว่า
“เป็นผักปลอดสารพิษ เราจะได้กินสบายใจ นี่ถ้ามันขึ้นเยอะๆ กินไม่ทันนะ ก็จะแบ่งให้ชาวบ้านแถวนั้นมาเก็บได้เลย เราจะได้บอกเขาว่าผักนี้มันดียังไง”

“ไม่ขายเหรอ” พี่ผู้หญิงท้วงถาม
“เอ่อ ก็ถ้าเขาจะซื้อก็ได้นะ ก็อาจเก็บเงินนิดหน่อย พอซื้อเมล็ดพืชต่อ”
ฉันมุ่งมาดไว้แบบนั้น ดวงตาคงปิดไม่มิด ใครต่อใครพากันยิ้มแป้น ให้กำลังใจพร้อมนัดแนะว่าอีก 2 สัปดาห์ เราจะมาปาร์ตี้ผักกินกันที่บ้าน

 

006

5.
“เธอว่ามันคือคะน้าไหม”

ไม่รู้ทำไม คนข้างๆ ทำหูทวนลม เวลาที่ฉันถามเรื่องนี้ ต้นกล้าจำนวนหนึ่งขึ้นมาแล้ว บนแปลงผักทั้งหมด แต่หน้าตาของคะน้า ผักชี และพาสเลย์ เหมือนกันไม่มีผิด

“ตอนมันเด็ก ดูยากว่าเป็นต้นอะไร มันคงขึ้นแล้วแหละ”
จากคนที่สบประมาทเอาไว้ ว่าฉันปลูกผักไม่เป็น กลับกลายเป็นคนให้กำลังใจ

ฉันเพียรรดน้ำแปลงผักทั้งเช้า และเย็น เอาไม้จิ้มๆ พรวนดินไปตามประสา จนผ่านไปหลายสัปดาห์ ต้นกล้าเหล่านั้นก็ประจานการไม่ใส่ปุ๋ยด้วยการทำตัวแคระแกรนเสียจนน่าสงสาร
“ก็มันหมักปุ๋ยไม่ทันนินา เราอยากใช้ปุ๋ยชีวภาพ”
“เขาก็มีขายไม่ใช่เหรอ ถุงน้อยๆ คิดว่าอาหารคงไม่พอ ก็โตช้าหน่อย”


ฮื่อ นี่เป็นบทเรียนนินะ แปลงผักทดลองออกผลได้ขนาดนี้ก็ดีใจแล้ว เอาล่ะ รดน้ำเข้าไป ปล่อยไว้อย่างนั้น
จวบจนเช้าวันหนึ่งในเดือนธันวาคม ต้นกล้าก็ออกสะพรั่งเต็มแปลงผัก
“ดูสิๆๆ มันโตแล้ว มากมาย น่ารักจังเลย ใบมันหยักๆ คงเป็นพาสเลย์ ส่วนต้นโตนี่คงคะน้า”

ฉันตื่นเต้น ระหว่างถือบัวรดน้ำที่อยู่ตั้งไกล เดินมารดไปหลายๆ รอบ คนข้างๆ คงสงสาร จึงมีไอเดียว่า เราน่าจะต่อน้ำจากแม่น้ำหลังบ้าน เข้ามารดผัก โดยใช้เครื่องสูบน้ำขนาดเล็ก จะได้ไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้
“ไหนๆ ไปดูท่าน้ำหน่อย ต้องดึงสายมาไกลไหม”

 

008

6.
พากันฝ่าดงหญ้าที่เหลือเข้าไปในสวน ก่อนจะคำนวณระยะสายยาง และราคาเครื่องสูบนั้น


สายตาก็เหลือบไปเห็น ต้นกล้ากะจิดริดที่งอกงามผลิใบอยู่ริมตลิ่ง
“เอ เธอว่าหน้าตามันคุ้นๆ ปะ”

ฉันเอียงคอ นั่งยองๆ ลงใกล้ต้นไม้เหล่านั้น
“ไม่คุ้น แต่เหมือนเลย เหมือนในแปลงผักเลย”
เขาว่า ฉันก็อึ้งๆ ไป
“แสดงว่า ในแปลงผัก มันก็คือต้นนี้สินะ มันคือต้นหญ้า”
ใช่แล้ว มันคือหญ้าทั้งนั้น ที่เติบโตสวยงามท่ามกลางการดูแลของฉันตั้งแต่เช้าจรดเย็น
“อยากปลูกแปลงหญ้าก็ไม่บอก” เขาหัวเราะเบาๆ
ฉันไม่หัวเราะตาม ทำหน้าสลดไปชั่วครู่ ไม่สิ ไม่ได้เสียใจ แต่ก็ยอมรับว่าผิดหวังกับการทดลองของตัวเอง

คนใกล้ชิดเอื้อมมือมาลูบหัว ใบหน้ากลั้นหัวเราะเต็มที
“เคยบอกว่าทุกที่มีครูสอนไม่ใช่เหรอ ปลูกผักแต่ได้ต้นหญ้า แสดงว่ายังไงนะ”
เขาเล่นต่อคำอีกแล้ว ฉันหายใจยาวๆ นิดหน่อย ก่อนจะยืดตัวขึ้นมาอีกครั้ง

“อืม ใช่ เขาสอนเราว่า บางทีปลูกผักก็ได้หญ้า เหมือนอะไรที่หวังผลอีกอย่างแต่ได้อีกอย่าง ก็แบบนี้แหละนะ โลกนี้ใช่มีอะไรตามคาดเสมอไป”
ฉันสรุปเสียอย่างดูดี ได้ยินเขาคนนั้นทวนคำย้ำๆ ไปมา
“ไม่มีอะไรตามคาดเสมอไป อืมมม”...

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
"ได้กินเห็ดถอบหรือยังลูก"คำถามแรกจากหญิงวัยใกล้ชราซึ่งเอื้อนเอ่ยแข่งกับเสียงฝนตกเปาะแปะอยู่นอกชานเรือน เธอเป็นแม่คนที่สองของฉัน ที่รักใคร่เอ็นดูเหมือนแม่แท้ๆ กวักมือเรียกให้ไปช่วยดาขันโตก แม้ฉันจะทำท่าแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไปเยือนบ้านเกิดวันนี้ตั้งใจจะไปกินข้าวมื้อกลางวันกับพ่อ แต่ทำยังไงได้ในเมื่ออาหารการกินสำรับเตรียมไว้เพียบพร้อม ฉันนึกถึงคำของแม่แท้ๆ ที่บอกว่าถ้าผู้ใหญ่ชวนทานข้าว ก็อย่าได้ทำให้เขาเสียใจ
วาดวลี
  1."ผมชอบรถคันนั้นจริงๆ"เพื่อนชายวัย 33 ปีของฉันบอก หลังจากนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่นานหลายชั่วโมง ภาพเวบไซต์แห่งหนึ่งปรากฏภาพรถคันเล็กๆ สีขาวทั้งคัน เป็นรถเฟี๊ยสที่ฉันจำปี พ.ศ.และรุ่นไม่ได้ รู้แต่ว่ามันน่าจะมีอายุเกือบเท่าๆ เขาด้วยซ้ำ
วาดวลี
  ท้องทุ่งแห่งความทรงจำ มีกลิ่นอบอวลด้วยดอกไม้ ทุ่งหญ้า และกลิ่นชื้นของที่ดินริมแม่น้ำ พ่อของฉันตื่นนอนก่อนลูกๆ ในเช้าก่อนวันสงกรานต์ เขาส่งเสียงร้องเอื้อนเอ่ยเป็นทำนองของค่าวซอบนเก้าอี้ไม้ หันหน้าไปหาแม่น้ำและดวงอาทิตย์ ในมือถือกระดาษมีเส้น บรรจุตัวอักษรที่เขาเขียนแต่งขึ้นมาเอง และเนื้อหาในนั้นก็กำลังกล่าวถึงวันคืนของปีเก่าที่ผ่านไปและปีใหม่เมือง ที่กำลังจะมา
วาดวลี
"บนท้องฟ้านั้นมีความจริงอยู่ครึ่งหนึ่ง"  ฉันไม่รู้ว่าจำประโยคนี้มาจากไหน  แล้วก็มีคนเคยเห็นด้วยอย่างปักใจว่าบางทีท้องฟ้าก็โกหกเราได้  สีฟ้าแบบนี้ไม่ควรจะมีฝน  ประกายสีส้มจากดวงตะวันแบบนั้น  มองเผินๆ  คล้ายเตือนว่าพายุจะมา  แต่สุดท้ายก็เหลือแค่อากาศร้อนอบอ้าว
วาดวลี
 
วาดวลี
   ๑.หัวเราะกับความแยบยลของชีวิตที่บางครั้งตกหลุมพรางความหยาบกระด้างเมื่อรู้สึกได้กับความละเอียดอ่อนก็เห็นค่าจนไม่อยากจะสูญเสีย
วาดวลี
 ฉันนั่งมองกลีบดอกไม้สีชมพูที่หน้าตาเหมือนๆ กัน ผ่านทางกระจกรถ ขณะคิดในใจว่า เดือนกุมภาพันธ์ที่ฉันรักได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว เดือนที่อากาศเย็นแสนทรมานจะค่อยๆ คลายตัวลงเป็นเย็นสบายกำลังดี ดอกไม้สีเหลือง สีขาว สีส้ม และสีชมพูจะบานสะพรั่งเต็มต้น เรียงรายตลอดถนน แสงแดดเช้าและบ่ายนั้นสวยงาม เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่โปร่งใส มีก้อนเมฆสีขาวฟูฟ่องลอยไปมาแต่ความเป็นจริงเวลานี้คือวิทยุกำลังประกาศซ้ำๆ เรื่องมลภาวะเป็นพิษเพราะหมอกควัน และเน้นย้ำให้เราป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น
วาดวลี
ชายชรายิ้มหวานให้ฉัน ทันทีที่เขารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว ยิ้มบนริมฝีปากเบี้ยวๆ หนังตากระตุก ใบหน้าเหี่ยวย่น แต่ฉันรู้สึกได้ในตอนนั้นว่าเป็นยิ้มที่แสนหวานกว่าใครๆ ทีเดียว และเชื่อว่าเป็นยิ้มแรกของวันนี้ก่อนหน้านี้หลายนาที เขาพาตาช้ำๆ ย่างก้าวมาอย่างเซๆ ออกจากห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล ตอนที่เจอกันฉันยกมือไหว้ สวมกอดเขาหลวมๆ พาเขาไปนั่งลงตรงระเบียง เขาพยายามสื่อสารทั้งที่อาการไม่หายดีนัก เขาเล่าว่าวันนี้ตื่นแต่เช้ามืดเช่นทุกวัน นึ่งข้าวทิ้งไว้แล้วก็มาบริหารร่างกาย จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ แล้วจบท้ายที่การบริหารอีกรอบ แต่อยู่ๆ แขนขาซีกหนึ่งก็ไม่มีแรง เบานุ่นเหมือนสำลี…
วาดวลี
“จะทำอะไรบ้างคะน้อง...” พี่ช่างผมคนใหม่ยิ้มกริ่ม เมื่อต้อนรับลูกค้าอย่างฉันแล้วพาไปนอนบนเปลสระผมในบ่ายแก่ๆ ของวันหยุด ฉันยิ้มให้เขา หยุดคิดในใจนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบไปเบาๆ ว่า “ช่วยตัดเล็มปลายผมแค่นั้นก็พอค่ะ” “แล้วสระกับไดร์ด้วยไหม” ฉันพยักหน้า เธอตอบรับด้วยท่าทางคล่องแคล่ว จากนั้นก็โน้มศีรษะฉันให้ลงพอดีกับอ่าง เปิดน้ำจากสายยางเย็นเจี๊ยบราดรดลงไปบนศีรษะ เธอจับเส้นผมฉันเบาๆ อย่างเกรงใจ แล้วกระซิบมาข้างๆ หู “ถ้าแรงไปก็บอกนะ พี่มักจะเผลอตัว ถ้าไม่ให้นวดหัวก็บอกได้”
วาดวลี
"ยี่เป็ง” เป็นชื่อแมวของฉันเอง ซึ่งตั้งให้แมวตัวสีขาวลายสีเทา ทรงหน้าเหลี่ยม หางกุด ตัวเท่ากำปั้น ที่กระโดดขึ้นมาอยู่บนตักขณะกินจิ้มจุ่มในวันลอยกระทงเมื่อ 2 ปีก่อน และจากนั้นมาอีก 1 ชั่วโมง ฉันก็ถามตัวเองอีกครั้งว่า เราจะมีลูกแมวเลี้ยงเพิ่มอีกหนึ่งตัวหรือนี่ ทั้งที่การมีแมวแสนไฮเปอร์ชื่อ “พี่แม้ว” แค่ตัวเดียวนั้นยังรับมือแทบจะไม่ไหว แต่นั่นเป็นการถามตัวเองเมื่อกลับมาถึงบ้านโดยมียี่เป็งในอ้อมแขน
วาดวลี
ในฐานะที่ต้นพืชต้นนี้ถูกฉันเรียกว่าเป็น “ถั่ววิเศษ” หากมันพูดได้ มันคงสงสัยในตัวฉันว่า จะคอยจับจ้องมันไปถึงไหน ทั้งเช้าทั้งเย็น นอกจากวนเวียนรดน้ำแล้วก็ยังแอบถ่ายรูป สังเกตสังกา พาเพื่อนมาชมแปลงถั่ว เฝ้าจับจ้องแมลงตัวน้อยนิดที่บินมาเกาะ มากัดกิน พลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กิ่งใบของมันเสียหายก่อนเวลาอันสมควร ถั่ววิเศษอาจกำลังสอนฉันว่า อย่าคาดหวังในตัวมันมากเกินไปกระมัง ในแปลงผักแปลงเดียว เมล็ดพันธุ์ที่หยอดหว่านลงไปนั้น กำลังเติบโตได้อย่างแตกต่างกัน บางต้น อวบอิ่ม สีเขียวสด ยืดลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 10 เซนติเมตรได้ ขยายใบเล็กๆ นั้นกลายเป็นใบกว้าง เติบใหญ่อย่างมีสุขภาพดี
วาดวลี
  ปีนี้ฉันได้ของขวัญปีใหม่เป็นเมล็ดถั่วมันเป็นเมล็ดแห้งๆ ที่นอนเรียงตัวอยู่ในฝักสีน้ำตาล ห่อมาในถุงพลาสติกใช้แล้วยับยู่ยี่ คนที่ยื่นให้บอกฉันว่าด้วยแววตาล้อเลียนว่า "มันเป็นถั่ววิเศษ"