Skip to main content

ฉันกับเพื่อนหย่อนก้นบนเก้าอี้ไม้ริมถนนของเมืองเชียงของ เราสั่งชานม ชามะนาว และกาแฟมากินให้สดชื่นหลังจากนั่งรถมาเป็นชั่วโมง มองดูผู้คนมาเยือนสวนทางกับเจ้าของท้องถิ่นไปมาในวันหยุด

20080109 1

"เรากำลังจะไปที่ไหนต่อ"
เพื่อนร่วมทางถามฉัน ฉันเหลือบมองเขา ไม่ตอบ แล้วคว้าหนังสืออ่านเล่นในร้านกาแฟมาเปิดอ่าน เราเพิ่งมาถึง แล้วจะไปไหน เธอถามแปลกจัง ฉันอยากตอบเล่นๆ ว่า เดี๋ยวจะพาเธอไปลงว่ายน้ำโขงเล่นก็แล้วกัน

"เราต้องไปกินปลาบึกไหม?"
เพื่อนถาม ฉันเกือบสำลักชามะนาว
“เธออยากกินเหรอ”
ฉันถามกลับ เขาทำหน้าไม่ถูก แต่แววตาลังเล
“ก็มีคนบอกว่ามาเชียงของต้องกินปลาบึก”

ฉันอมยิ้ม ฉันก็ได้ยินแบบนั้นเหมือนกัน แต่เท่าที่รู้ ปลาบึกไม่มีในฤดูนี้หรอก น่าจะราวๆ เดือนเมษา พฤษภา แต่ถึงเวลานั้นจริงๆ เราก็อาจจะไม่มีปลาบึกกินหรอก มันหาง่ายที่ไหนล่ะ ฉันคิดของฉันแบบนี้

ปลาบึกที่เคยเห็นในรูปตัวโตมากๆ โตเท่าตัวเรา แล้วต้องใช้เวลาแค่ไหนกว่ามันจะโตขนาดนี้ ถ้าจับมันกินทุกปี มันจะแพร่พันธุ์ได้ทันหรือ

 

20080109 2

“พอดีหลายปีก่อน เคยมีเพื่อนเป็นคนที่นี่ เขาบอกว่าไปจับปลาบึกกันทุกปี มีชมรมจับปลาบึกด้วยนะ แล้วคนทีนี่ก็เหมือนจะกินปลาบึกกันเยอะมากๆ”
“ก็เห็นว่าเขาจะเลิกจับกันแล้วนะ ถ้าจับมาก็จะปล่อยคืนไป”

ฉันรำพึงไปอย่างประสาคนรู้น้อย หลายปีที่มาอยู่เมืองเหนือนี้ ได้ยินชื่อของ “ปลาบึก” กระจายไปทั่ว จากที่เคยคิดว่ามันหากินยาก มีเฉพาะจังหวัดติดฝั่งโขง แต่อยู่เชียงใหม่ก็ยังมีห่อนึ่งปลาบึกขาย ต้มยำปลาบึก และเมนูมากมายในร้านขนาดใหญ่ ไปเชียงราย ลำพูน แพร่ น่าน ทุกที่ล้วนมีเมนูปลาบึก จนบางครั้งคิดไปว่า ปลาบึกมันเดินทางไปอยู่ในแม่น้ำปิง แม่น้ำน่าน ออกลูกแพร่พันธุ์จนกินกันไม่หวาดไม่ไหว

คิดสนุกไปแค่นั้นแหละ  จริงๆ เจ้าปลาหัวเหลี่ยมนั้นมันน่ารักดีออก แม้ฉันจะเป็นคนชอบกินปลา แต่ถ้าเห็นเป็นตัวๆ ฆ่ากันสดๆ ก็กินไม่ค่อยลง อีกทั้งมีความรู้สึกว่า ปลาบึก น่าจะเป็นปลาที่ควรต้องอนุรักษ์ เช่นเดียวกับสัตว์หายากอื่นๆ เพราะเรายังมีปลาให้เลือกกินได้อีกมาก ในแบบที่เลี้ยงได้ไม่จำกัด

20080109 3

ดังนั้น การมาเชียงของครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่มาเยี่ยมชมเมืองเท่านั้น แต่เราต้องต่อสู้กับเมนูปลาบึกแทบทุกมื้อ ไม่ว่าจะหย่อนก้นลงที่ไหน ถ้อยคำแรกที่ได้ยินก็คือ
“ทานต้มยำปลาบึกไหมคะ”

“กินไหมเธอ”
เพื่อนคนเดิมคอยถามเรื่อยๆ ฉันคอยพิจารณาแววตาของเขาว่าเขาอยากกินมันจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าเขากำลังจะพ่ายแพ้ต่อการต่อสู้ของเรา

บ่ายวันนี้ เราเลือกร้านอาหารติดริมน้ำโขง คนช่างเลือกที่ใช้เวลานานแบบเราๆ ถูกพนักงานเดินสวนกันเข้าออก เพื่อแนะนำเมนูเด็ด เมื่อเอ่ยขอเวลาเลือกอาหาร พลิกเมนูเล่นสักพัก ประเภทที่ถูกแบ่งในหน้ากระดาษ ไม่มีหน้าไหนจะไม่มีคำว่าปลาบึก

เรานั่งนิ่งๆ ทบทวนการมีชีวิตของปลาบึก สุดท้าย เราเรียกพนักงานให้เธอรับรายการเป็นผัดผัก ไข่เจียว และผัดกระเพรา อาหารแสนธรรมดาน่าขัน เธอรับรายการแล้วก็เดินย่องออกไปหลังครัวอย่างเงียบๆ

20080109 4

กินอาหารกันเสร็จแล้ว ก่อนที่จะหาที่สงบสำหรับพักผ่อนและนั่งมองชีวิตริมน้ำโขง เราพากันเดินย่อยอาหาร ถ่ายรูป จนไปหยุดอยู่หน้าร้านขายขนม

เพื่อนปราดเข้าไปซื้อ หน้าตาไม่เหมือนคนเพิ่งกินข้าวมาเลย หรือว่าเขาประชดที่ไม่ได้กินปลาบึก
“กินข้าวไม่อิ่มเหรอ”
ฉันถาม
“เปล่า หาอะไรตบปาก”
“อ่า ไม่บอกนะจะได้ให้ยืม....”
อีกคนกำลังยิงมุก คนรู้ทันโบกมือ
“อย่าๆ รองเท้าไม่เอา”

แม่ค้าหัวเราะขบขันไปด้วย ทักทายว่าเราเพิ่งมาถึงเหรอ และก็ทิ้งคำถามสุดท้ายเอาไว้ว่า
“ได้ลองกินปลาบึกหรือยัง”
ฉันได้ทีเลยเขยิบเข้าไปใกล้ๆ แล้วถามไปตรงๆ
“ป้าคะ ปลาบึกมันไม่ได้หายากเหรอคะ”
“ยากสิหนู มาหน้านี้หากินยาก ต้องหลังสงกรานต์ไปแล้ว เขาถึงจะไปจับกัน”
“อ๋อเหรอคะ แล้วบางร้านที่เห็นมีขายอยู่ล่ะ”
“บางร้านเหรอ เขาใช้ปลาสวายแทนจ้ะ เป็นปลาเพาะเลี้ยง รู้จักไหม”
“ปลาสวาย รู้จักค่ะป้า”
“อืม นั่นแหละ มันคล้ายกัน แต่เขาจะเลี้ยงให้ตัวโตๆ คนไม่เคยกินปลาบึกจะแยกไม่ออกหรอก เหมือนๆกัน”

ป้าเล่าพร้อมรอยยิ้ม ฉันนึกขอบคุณในข้อมูลที่ป้าให้มา หันกลับไปดูเพื่อน เขายืนนิ่ง ทำหน้ายากเกินจะคาดเดาความรู้สึก

“คิดไรอยู่เหรอ”
ฉันถาม ขณะเหลือบไปมองเห็นรูปจำลองปลาบึกที่ติดแหมะอยู่กับป้ายเข้าซอย ตลอดแถวของถนน
“คิดว่าดีใจที่เขาไม่ได้ล่าปลาบึกจนมันหมดแล้ว แต่กำลังคิดว่า เราจะแยกได้ไหม อันไหนปลาบึกจริงหรืออันไหนปลาสวาย”
“ก็ต้องลองชิมล่ะมั้ง”

20080109 5

ฉันบอกทิ้งท้ายทีเล่นทีจริง ก่อนจะวิ่งไปถ่ายรูปปั้นปลาบึกที่น่ารักน่าชังบนเสาป้าย หันไปมองเพื่อน สลับกันไปมา
พร้อมกับเอ่ยกับรูปปั้นนั้นอย่างเงียบๆ ว่า
ยังไงเสียฉันก็ไม่ชอบกินปลาสวายอยู่ดี ขอให้มีปลาบึกอยูในน้ำโขงไปนานๆ ก็แล้วกันนะจ้ะ.

 

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
ความชื้นแฉะเหล่านั้นคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง หยดน้ำที่ทำให้พื้นดินที่สีดำขึ้นมากกว่าปกติ ดินที่นุ่มลง หญ้าที่ปกคลุมไปถ้วนทั่ว ฉันว่ามันชุ่มฉ่ำดีเหมือนกัน เมื่อฤดูฝนยาวกว่าที่เราคิด และปีนี้ ฝนก็ตกบ่อยกว่าปีที่ผ่านมา
วาดวลี
ท้องฟ้าอ้อยสร้อยแบบนั้นแหละ ที่คนแถวบ้านฉันรำพึงกันว่า เป็นความชุ่มฉ่ำต้อนรับเทศกาลเข้าพรรษา ฝนตกเอื่อยๆ พรมความชื้นไปทั่วถนนเล็กๆ ของหมู่บ้านเรา แต่ก็ไม่มีใครย่อท้อที่จะออกไปทำบุญ ดอกไม้ธูปเทียน อาหารคาวหวาน ข้าวตอกดอกไม้ คนข้างบ้านของฉันซึ่งเป็นครอบครัวที่ขยันทำงานไม่มีวันหยุด ก็ยังเอ่ยปากบอกว่า หยุดงานสักวันสองวันดีกว่า นอกจากไปทำบุญแล้ว ก็ยังได้หยุดอยู่บ้านกับครอบครัวอีกด้วย
วาดวลี
นานมาแล้วที่ฉันเคยได้ยินประโยคที่ว่า “แค่กระพริบตา โลกก็เปลี่ยน” แล้วเคยคิดเล่นๆ ว่า อะไรก็ตามที่เปลี่ยนไปแบบฉับพลัน หรือ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังนั้น คงไม่ได้เกิดบ่อยนัก และหากจะเกิดขึ้นจริง ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุ มีสัญญาณเตือนมาก่อน อยู่ที่เราจะสังเกตหรือไม่ก็เท่านั้น แต่สำหรับเรื่องของพี่ชาย พอจะทำให้ฉันเชื่อได้บ้างว่า กับเรื่องบางเรื่องนั้น การเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้มีอะไรมาเตือนล่วงหน้า
วาดวลี
 “รักของพี่กับเขาเริ่มตรงนี้”ตรงที่พี่ชายพูด มันคือถนนเส้นหนึ่ง ที่ตัดผ่านกลางระหว่างคูเมืองด้านในของเชียงใหม่ ไปยังชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่ง รอบๆ ถนนมีอาหารพื้นเมืองขาย มีส้มตำ ไก่ย่าง ร้านรวง บริษัท รวมทั้งวัดเก่าแก่สวยงาม   ฉันก้มลงไปมองตามนิ้วชี้ของเขา ที่ตรงนั้น คือฝาท่อกลมๆ เก่าๆ ปิดรอยโหว่ขี้เหร่ของถนนเอาไว้“ตรงนี้น่ะหรือ จุดเริ่มต้นของความรัก”ฉันทำหน้าไม่อยากเชื่อ พี่ชายยิ้มที่มุมปาก แล้วพยักหน้า “มีอยู่วันหนึ่ง พี่มาก้มๆ เงยๆ ผูกเชือกรองเท้าตรงนี้ ว่าจะเดินไปเยี่ยมเพื่อนที่ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าข้างหน้านั่น ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินมา ผมยาว ผิวขาว หน้าตาก็ไม่สวยมาก…
วาดวลี
“บ้านพอมีที่เหลือว่างไหม” คนถามฉันเป็นชายหนุ่ม ที่นับนามว่าเป็น “เพื่อน” กัน มาได้ 4 ปีแล้ว ความจริง เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เมื่อรู้จักกันได้นับปี ก็ตัดสินใจได้ว่าเขาน่าจะเป็น “คนดี” พอในแบบที่ร้องขออะไร แล้วเราไม่กล้าที่จะไม่ให้ หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือลำบากใจกันจริงๆ มาครั้งนี้ บนถ้อยคำอาวรณ์ น้ำเสียงเขาหม่นเศร้า แววตาก็หม่นเศร้า เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ เช้าวันอาทิตย์ที่แสงแดดสายสาดส่องให้อบอุ่น บนฟ้ามีก้อนเมฆปุกปุยสีขาว ไหลไปมาบนพื้นสีคราม สวยยิ่งกว่าสวย แต่เขาคนนี้มีแววเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา
วาดวลี
 ๑. จะมี อะไรบ้าง ยั่งยืน ? กลางวัน กลางคืน แดด ฝน ลม หนาว มนุษย์ สมมุติ ชั่วคราว ว่าเรา ครอบครอง เพื่อ "ของเรา" ๒. ไยแย่งโอบกอดอนาคต แล้วเอ่ยกล่าวโทษวันเก่า ไยถก ไยเถียง เรื่องเงา ที่ลาลับ ล่วงกับ ดวงตะวัน 
วาดวลี
เชียงใหม่ในวันที่ฝนซา เพื่อนที่แวะมาเยี่ยมต่อสายบอกว่ากลับถึงบางกอกเรียบร้อยดีแล้ว เสียงอึกทึกครึกโครมที่รายล้อมตัวเธอบอกฉันว่า เธอไม่ได้อยู่ลำพังขณะคุยโทรศัพท์ ฉันแซวเธอเล่นๆ ว่ากำลังอยู่ในถิ่นอโคจรหรือเปล่านะ ก็เราคุยกันแทบจะไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงเพลง เสียงรถ และเสียงคนมากมายเธอหัวเราะชอบใจ แล้วตอบว่า "ใช่ ฉันอยู่ในถิ่นอะโคจร" แล้วย้อนสวนมาว่า"ก็ดีกว่าอยู่ในแดนสนธยาเหมือนเธอ"ดอกหญ้าในสวนหลังบ้าน รกร้าง แต่ก็สวยงามในความรู้สึก 
วาดวลี
ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปประเทศจีน เดินทางโดยยังไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้านเสียด้วยซ้ำ มันเป็นการเดินทางด้วยจิตใจและจินตนาการ เมื่อน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่งของฉัน เธอเดินทางไปเป็นครูสอนภาษาไทยอยู่ที่เมืองหนานหนิง มณฑลกวางสีตั้งแต่ 1 ปีที่แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะย่างครบ 1 ปี เธอบอกว่าคิดถึงเมืองไทยเป็นที่สุด และนับจากวันนี้ไปอีกแค่ 8 วันเท่านั้นเธอก็จะได้กลับมาเหยียบผืนดินไทยอีกครั้งแล้ว“ดีใจนะที่ปลอดภัย”จำได้ว่าเอ่ยกับเธอด้วยประโยคนี้ หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศจีนไม่นาน ฉันนึกถึงใบหน้าของเธอ แก้มยุ้ยๆ  และแววตาวาบวับที่ระยิบระยับเสมอ…
วาดวลี
"เธอว่าเราจะไปไหน ?"ฉันถาม แล้วก็ก้าวขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ โดยไม่รอคำตอบมาถึง เสียงติดเครื่องของรถคันเก่าดั่งกระหึ่ม ยามบ่ายๆ ของวันหยุดที่เราควรจะได้เดินทางบ้าง แม้จะเป็นระยะทางสั้นๆ หรือยามว่างอันน้อยนิด ฉันอยากออกไปสูดอากาศ ส่วนเธออยากขี่รถเล่นเงยหน้ามองท้องฟ้า วันนี้ไม่มีฝน แม้จะไม่มีแดด แต่ก้อนเมฆยามบ่ายขับเคลื่อนราวว่า อีกนานกว่าพายุจะคลุมเมืองไว้อีกครั้ง
วาดวลี
ท้องฟ้าในเมืองของเรายังสวยเสมอ โดยเฉพาะยามที่เพื่อนเก่าของฉันรีบจอดจักรยานไว้ข้างตลาด แล้วเดินเข้ามาจับมือ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางทิศตะวันตก ก้อนเมฆพวกนั้นเลื้อยตัวมากอดภูเขาเอาไว้ มองไกลๆ เหมือนใครเอาผ้าขนหนูสีขาวนุ่มๆ ไปพันทิ้งไว้(เมืองเล็กๆ ของเราหลังฝนตก)
วาดวลี
ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ฉันและแม่มีกฎร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งว่า หากไปเยี่ยมบ้านใครแล้วเขาให้ขนมกิน ก็ให้ยกมือไหว้ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นต้องรับไปเสียทั้งหมด แม่เคยเปรยๆ ว่า ถึงครอบครัวเราจะยากจนแต่แม่สามารถทำอาหารอร่อยๆ ให้กินได้ทุกมื้อ อีกอย่างก็คือบางคนเขาไม่ได้ตั้งใจทำเผื่อเราหรอก แต่เป็นการให้โดยมารยาทเท่านั้น หากรับไว้เสียหมดก็กลายเป็นการรบกวนเขาไปก็เป็นได้แม้แม่จะบอกแบบนี้ แต่ฉันและแม่ก็รู้ดีว่า ผู้คนรอบตัวที่ใจดีมีน้ำใจกับเรานั้นมีมากมายเพียงใด พ่อเล่าว่าฉันเป็นเด็กอ้วนแก้มยุ้ย ใครเห็นก็เอ็นดู มักเรียกให้ไปกินขนมอยู่ร่ำไป ดังนั้นข้อตกลงของฉันกับแม่ จึงกลายเป็นว่า หากมีคนยื่นให้…
วาดวลี
ฝนยังโปรยลงมาไม่ขาดสาย แม้จะเพิ่งผ่านเดือนเมษายนมาได้ไม่เท่าไหร่  ท้องทุ่งฉ่ำไปด้วยฝนและดูจะมากไปจนน่าวิตก ลานกว้างหน้าบ้านของยายปลีวันนี้จึงไม่มีเด็กๆ มาวิ่งเล่น แต่หลบฝนกันไปวาดรูปเล่นอยู่ตรงชานเรือน หลานอีกคนทำหน้าตาเบื่อเพราะอยากออกไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อน นี่เป็นวันธรรมดาที่อาจมีทั้งความหมายหรือไม่มี สำหรับยายปลี เพราะหลังจากแกเก็บผ้าเข้าไปตากใต้ยุ้งข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมานั่งอยู่ประจำที่ อยู่กับเครื่องทอด้ายแบบสมัยโบราณ มันทำจากไม้ และไม่รู้ว่ามันมีอายุมาแล้วเท่าไหร่