Skip to main content

"เธอว่าเราจะไปไหน ?"
ฉันถาม แล้วก็ก้าวขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ โดยไม่รอคำตอบมาถึง เสียงติดเครื่องของรถคันเก่าดั่งกระหึ่ม ยามบ่ายๆ ของวันหยุดที่เราควรจะได้เดินทางบ้าง แม้จะเป็นระยะทางสั้นๆ หรือยามว่างอันน้อยนิด ฉันอยากออกไปสูดอากาศ ส่วนเธออยากขี่รถเล่น

เงยหน้ามองท้องฟ้า วันนี้ไม่มีฝน แม้จะไม่มีแดด แต่ก้อนเมฆยามบ่ายขับเคลื่อนราวว่า อีกนานกว่าพายุจะคลุมเมืองไว้อีกครั้ง

20080604 01

"นั่นสิ จุดหมายอาจจะรออยู่ข้างหน้าก็ได้"
เธอพูดชวนคิด ฉันเออออพยักหน้า จากนั้น เราลัดเลาะไปตามเส้นทางหลังหมู่บ้าน ข้ามสะพานแม่น้ำปิงของเมืองเรา เพื่อไปยังน้ำปิงของเมืองเพื่อนบ้าน เราเลียบไปทางทิศใต้ ไม่นานนักก็เข้าเขตเทศบาลตำบลริมปิงของลำพูน

บ้านเรือนและชีวิตรอบๆ ริมน้ำปิงเส้นเล็กๆ ของที่นี่ ยังคงใช้ชีวิตร่วมกันกับแม่น้ำได้อย่างกลมกลืน ตลิ่งสองฝั่งน้ำเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า พืชน้ำ และการปลูกพืชผักสวนครัวที่งอกงามออกดอกออกผล ชาวบ้านริมสองฝั่งน้ำ ทำสะพานไม้เล็กๆ ข้ามฝั่งไปหากัน บ้านบางหลังทำซุ้มนั่งเล่นอยู่ริมน้ำ มีทั้งเด็กและคนแก่มานั่งพูดคุยสนทนากันยามเย็น บางคนลงไปจับปลา มีกองเชียร์ยืนรออยู่บนฝั่ง

20080604 02

20080604 03

ฉันได้ยินเสียงตะโกนผสมเสียงหัวเราะดังแว่วมาเป็นระยะๆ จนไม่อยากคิดเลย แค่ 15 นาทีที่ออกจากเชียงใหม่มา เหมือนกับได้ย้อนชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน
ฉันอดจินตนาการไม่ได้ว่า นี่เป็นเหมือนภาพชีวิตของเชียงใหม่ในอดีตหรือเปล่า

“เธอว่าเขาจะไปไหน?”

ฉันถามเพื่อน เมื่อเห็นลุงคนหนึ่งถือไม้ลักษณะเหมือนมีดกึ่งเคียวด้ามยาวๆ พาดอยู่บนบ่า ในขณะที่เขาขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วย

20080604 04

20080604 05

เราค่อยๆ แซงลุงไป แอบกดภาพเอาไว้อย่างเห็นขำ ลุงคงขับรถเก่งมาก ถึงสามารถแบกมีดไปไหนมาไหนบนท้องถนนได้อย่างสบายใจ เราเสียอีก ที่เว้นระยะออกห่างจากลุงเสียไกล ด้วยเกรงกลัวความคมของมีดยาวๆ อันนั้น
“เดาว่าน่าจะไปสอยอะไรสักอย่างแถวบ้านเพื่อน”
คนข้างหน้าตอบ จุดหมายของลุงคงอยู่ไม่ไกลนัก และเครื่องมือชนิดนี้ก็คงไม่ได้มีอยู่ทุกหลังคาบ้าน

20080604 06

“แล้วป้าคนนี้ล่ะ เธอว่าเขาจะไปไหน”
ฉันเริ่มสนุกกับการถามเล่นๆ ถึงเพื่อนร่วมทาง ป้าคนนี้คงไปไกลกว่าลุงคนตะกี้เป็นแน่แท้ เพราะเธอมีหมวกติดรถมาด้วย หมวกที่เห็นแว่บๆ ว่าทำมาจากไม้ไผ่ กันแดดและฝนได้นิดหน่อย เพียงพอที่จะให้อุ่นใจกับการเดินทางแถวบ้าน จากนั้นฉันก็เหลือบสายตาไปดูพี่สาวอีกคน ที่เดินทางพร้อมหมวกชนิดเดียวกัน แต่ใบของเธอดูใหม่กว่าและแข็งแรงกว่า คนขับของฉันชะลอรถให้แล่นตามหลังเขาอย่างช้าๆ แล้วก็พบว่า พี่สาวเดินทางมาเก็บผลผลิตที่เพาะปลูกไว้บนที่สาธารณะริมน้ำ ใจกลางหมู่บ้านนั่นเอง

ชื่นชมแทนเธอนัก กับต้นถั่วฝักยาวที่กำลังออกผล ตะไคร้พุ่มใหญ่ๆ ต้นหอม ผักชี แม้จะไม่มากพอให้เอาไปขายที่ตลาด แต่ก็มากพอสำหรับอาหารหลายๆ มื้อ

20080604 07

เมื่อรถของเราแล่นออกไปอีกครั้ง เรามีเพื่อนร่วมทางอีกคนเป็นคุณลุงกับรถที่เก่ากว่าเรา เสียงของมันดังมาแต่ไกลตั้งแต่ยังไม่เห็นตัวของลุงด้วยซ้ำ

คิดว่าเขาจะไปไหน ? คำนี้แล่นเข้ามาอีกแล้วในห้วงคิด รถของลุงไม่มีป้ายทะเบียน แต่ผูกไว้ด้วยแผ่นซีดีเพื่อให้สะท้อนแสง รวมถึงใส่หมวกกันน็อคอย่างปลอดภัย

“ลุงคงเดินทางไกล” ฉันคิด ขณะที่รถของเราแล่นเข้าใกล้ลุงเรื่อยๆ ลุงมีน้ำใจให้รถคันอื่นแล่นแซงไปหมด ด้วยการหลบไปชิดขอบในให้มากที่สุด และแม้ว่าเราจะขับรถช้าเพียงใด เราก็ต้องแซงลุงไปอยู่ดี วูบนั้นฉันหันหลังกลับมา พบว่าลุงยิ้มให้พลางขยับถุงกับข้าวหน้ารถที่พลาสติกปลิวตามแรงลม เขาพยักหน้าน้อยๆ เป็นการทักทายแบบมีไมตรีสำหรับคนแปลกหน้าให้กับฉัน

เลยเขตริมแม่น้ำมาแล้ว ถนนสายนั้นยังคงร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ริมทาง ถนนที่เรียบลื่นชวนให้คนอยากขับรถเร็ว แต่แล้วก็พบเพื่อนร่วมทางบนจักรยานสีชมพูสดใส

20080604 08

พี่สาวคนนี้สวมหมวกผ้าน่ารัก มีลายดอกไม้เล็กๆ นอกนั้นยังมีถุงผ้าสะพายเอาไว้อย่างมั่นคง จุดหมายของเขาคงไม่ไกลนัก และคงไม่มีอะไรต้องเร่งด่วน ฉันยิ้มอย่างดีใจ ที่ถนนเส้นนี้มีรถจักรยานผ่านไปมาหลายคัน บางคนจอดทิ้งไว้เดินไปทักทายเพื่อนบ้าน โดยที่ไม่ต้องกลัวรถจักรยานจะหาย

20080604 09

ตะวันบอกเวลาใกล้ค่ำแล้ว พี่ผู้หญิงผู้ชายหลายคนแซงเราไปด้วยความเร็ว บางคนที่ต้องทำงานในวันหยุด คงคิดถึงบ้านเหลือเกินแล้ว สุนัขหลายๆ ตัว นอนเล่นริมถนนเมื่อเราเริ่มเข้าสู่เขตเมือง มันหันซ้ายมองไปมา ไม่อาจรู้ได้ว่ามันมีจุดหมายที่จะไปบ้างไหม ฉันและเพื่อนเลี้ยวรถแยกเข้าไปในย่านตลาด

“หาอะไรกินไหม?”

คนข้างกายถาม ฉันหัวเราะเบาๆ
“ตกลงนี่เป็นจุดหมายของเราหรอกหรือ”

เขาตอบว่าไม่ใช่ เราไม่ได้มาเพื่อกินหรอก ก็แค่เป็นเวลาของมื้ออาหารเท่านั้นเอง ฉันจึงอิดออดด้วยการชวนขับรถรอบเมืองดูก่อน แต่แล้วไม่ทันที่เราจะได้แวะจอดอีกสักครั้ง บนท้องฟ้านั้น เมฆฝนก็เคลื่อนตัวมาอย่างรวดเร็ว

คนขับทำหน้านิ่งๆ คำนวณทิศทางลมและฝน
“ถ้าแวะมีหวังติดอยู่นานแน่ ฝนแบบนี้มาหนักและยาวนาน ทางที่ดีรีบกลับกันดีกว่า”
ฉันเคารพในน้ำเสียงนั้น จึงรีบพยักหน้า เก็บกล้องใส่กระเป๋าแล้วกอดไว้กับตัว คิดถึงถุงพสาสติกที่เหน็บไว้ใต้เบาะ ยามฉุกเฉินก็คงช่วยป้องกันสิ่งของของเราได้

20080604 10

แล้ววันนั้น จุดหมายปลายทางของเราก็คือการกลับที่เดิมให้เร็วที่สุดนั่นเอง

“สรุปว่าไปมาแบบไม่มีจุดหมายไงล่ะ” อีกคนแซวเล่นแล้วหัวเราะ ส่วนฉันยิ้มแป้น แล้วตอบด้วยรอยยิ้มขณะที่ฝนเทลงมาอย่างพอดิบพอดีว่า
“การไม่มีจุดหมายของเรานั่นแหละ อาจเป็นจุดหมายอย่างหนึ่ง”
ฉันตอบไปอย่างนั้นจริงๆ เหมือนที่ใครเคยว่าไว้ว่าระหว่างทางบางครั้งสำคัญกว่าที่จะไปถึง ขณะที่ยังคิดถึงผู้คนมากมายกับจุดหมายของพวกเขาบนถนนเส้นนั้น

ที่ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้ ว่าจะมีใครที่มีจุดหมาย คล้ายกันบ้างหรือเปล่า.

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
ความชื้นแฉะเหล่านั้นคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง หยดน้ำที่ทำให้พื้นดินที่สีดำขึ้นมากกว่าปกติ ดินที่นุ่มลง หญ้าที่ปกคลุมไปถ้วนทั่ว ฉันว่ามันชุ่มฉ่ำดีเหมือนกัน เมื่อฤดูฝนยาวกว่าที่เราคิด และปีนี้ ฝนก็ตกบ่อยกว่าปีที่ผ่านมา
วาดวลี
ท้องฟ้าอ้อยสร้อยแบบนั้นแหละ ที่คนแถวบ้านฉันรำพึงกันว่า เป็นความชุ่มฉ่ำต้อนรับเทศกาลเข้าพรรษา ฝนตกเอื่อยๆ พรมความชื้นไปทั่วถนนเล็กๆ ของหมู่บ้านเรา แต่ก็ไม่มีใครย่อท้อที่จะออกไปทำบุญ ดอกไม้ธูปเทียน อาหารคาวหวาน ข้าวตอกดอกไม้ คนข้างบ้านของฉันซึ่งเป็นครอบครัวที่ขยันทำงานไม่มีวันหยุด ก็ยังเอ่ยปากบอกว่า หยุดงานสักวันสองวันดีกว่า นอกจากไปทำบุญแล้ว ก็ยังได้หยุดอยู่บ้านกับครอบครัวอีกด้วย
วาดวลี
นานมาแล้วที่ฉันเคยได้ยินประโยคที่ว่า “แค่กระพริบตา โลกก็เปลี่ยน” แล้วเคยคิดเล่นๆ ว่า อะไรก็ตามที่เปลี่ยนไปแบบฉับพลัน หรือ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังนั้น คงไม่ได้เกิดบ่อยนัก และหากจะเกิดขึ้นจริง ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุ มีสัญญาณเตือนมาก่อน อยู่ที่เราจะสังเกตหรือไม่ก็เท่านั้น แต่สำหรับเรื่องของพี่ชาย พอจะทำให้ฉันเชื่อได้บ้างว่า กับเรื่องบางเรื่องนั้น การเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้มีอะไรมาเตือนล่วงหน้า
วาดวลี
 “รักของพี่กับเขาเริ่มตรงนี้”ตรงที่พี่ชายพูด มันคือถนนเส้นหนึ่ง ที่ตัดผ่านกลางระหว่างคูเมืองด้านในของเชียงใหม่ ไปยังชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่ง รอบๆ ถนนมีอาหารพื้นเมืองขาย มีส้มตำ ไก่ย่าง ร้านรวง บริษัท รวมทั้งวัดเก่าแก่สวยงาม   ฉันก้มลงไปมองตามนิ้วชี้ของเขา ที่ตรงนั้น คือฝาท่อกลมๆ เก่าๆ ปิดรอยโหว่ขี้เหร่ของถนนเอาไว้“ตรงนี้น่ะหรือ จุดเริ่มต้นของความรัก”ฉันทำหน้าไม่อยากเชื่อ พี่ชายยิ้มที่มุมปาก แล้วพยักหน้า “มีอยู่วันหนึ่ง พี่มาก้มๆ เงยๆ ผูกเชือกรองเท้าตรงนี้ ว่าจะเดินไปเยี่ยมเพื่อนที่ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าข้างหน้านั่น ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินมา ผมยาว ผิวขาว หน้าตาก็ไม่สวยมาก…
วาดวลี
“บ้านพอมีที่เหลือว่างไหม” คนถามฉันเป็นชายหนุ่ม ที่นับนามว่าเป็น “เพื่อน” กัน มาได้ 4 ปีแล้ว ความจริง เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน เมื่อรู้จักกันได้นับปี ก็ตัดสินใจได้ว่าเขาน่าจะเป็น “คนดี” พอในแบบที่ร้องขออะไร แล้วเราไม่กล้าที่จะไม่ให้ หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หรือลำบากใจกันจริงๆ มาครั้งนี้ บนถ้อยคำอาวรณ์ น้ำเสียงเขาหม่นเศร้า แววตาก็หม่นเศร้า เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือ เช้าวันอาทิตย์ที่แสงแดดสายสาดส่องให้อบอุ่น บนฟ้ามีก้อนเมฆปุกปุยสีขาว ไหลไปมาบนพื้นสีคราม สวยยิ่งกว่าสวย แต่เขาคนนี้มีแววเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา
วาดวลี
 ๑. จะมี อะไรบ้าง ยั่งยืน ? กลางวัน กลางคืน แดด ฝน ลม หนาว มนุษย์ สมมุติ ชั่วคราว ว่าเรา ครอบครอง เพื่อ "ของเรา" ๒. ไยแย่งโอบกอดอนาคต แล้วเอ่ยกล่าวโทษวันเก่า ไยถก ไยเถียง เรื่องเงา ที่ลาลับ ล่วงกับ ดวงตะวัน 
วาดวลี
เชียงใหม่ในวันที่ฝนซา เพื่อนที่แวะมาเยี่ยมต่อสายบอกว่ากลับถึงบางกอกเรียบร้อยดีแล้ว เสียงอึกทึกครึกโครมที่รายล้อมตัวเธอบอกฉันว่า เธอไม่ได้อยู่ลำพังขณะคุยโทรศัพท์ ฉันแซวเธอเล่นๆ ว่ากำลังอยู่ในถิ่นอโคจรหรือเปล่านะ ก็เราคุยกันแทบจะไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงเพลง เสียงรถ และเสียงคนมากมายเธอหัวเราะชอบใจ แล้วตอบว่า "ใช่ ฉันอยู่ในถิ่นอะโคจร" แล้วย้อนสวนมาว่า"ก็ดีกว่าอยู่ในแดนสนธยาเหมือนเธอ"ดอกหญ้าในสวนหลังบ้าน รกร้าง แต่ก็สวยงามในความรู้สึก 
วาดวลี
ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปประเทศจีน เดินทางโดยยังไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้านเสียด้วยซ้ำ มันเป็นการเดินทางด้วยจิตใจและจินตนาการ เมื่อน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่งของฉัน เธอเดินทางไปเป็นครูสอนภาษาไทยอยู่ที่เมืองหนานหนิง มณฑลกวางสีตั้งแต่ 1 ปีที่แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะย่างครบ 1 ปี เธอบอกว่าคิดถึงเมืองไทยเป็นที่สุด และนับจากวันนี้ไปอีกแค่ 8 วันเท่านั้นเธอก็จะได้กลับมาเหยียบผืนดินไทยอีกครั้งแล้ว“ดีใจนะที่ปลอดภัย”จำได้ว่าเอ่ยกับเธอด้วยประโยคนี้ หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศจีนไม่นาน ฉันนึกถึงใบหน้าของเธอ แก้มยุ้ยๆ  และแววตาวาบวับที่ระยิบระยับเสมอ…
วาดวลี
"เธอว่าเราจะไปไหน ?"ฉันถาม แล้วก็ก้าวขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ โดยไม่รอคำตอบมาถึง เสียงติดเครื่องของรถคันเก่าดั่งกระหึ่ม ยามบ่ายๆ ของวันหยุดที่เราควรจะได้เดินทางบ้าง แม้จะเป็นระยะทางสั้นๆ หรือยามว่างอันน้อยนิด ฉันอยากออกไปสูดอากาศ ส่วนเธออยากขี่รถเล่นเงยหน้ามองท้องฟ้า วันนี้ไม่มีฝน แม้จะไม่มีแดด แต่ก้อนเมฆยามบ่ายขับเคลื่อนราวว่า อีกนานกว่าพายุจะคลุมเมืองไว้อีกครั้ง
วาดวลี
ท้องฟ้าในเมืองของเรายังสวยเสมอ โดยเฉพาะยามที่เพื่อนเก่าของฉันรีบจอดจักรยานไว้ข้างตลาด แล้วเดินเข้ามาจับมือ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางทิศตะวันตก ก้อนเมฆพวกนั้นเลื้อยตัวมากอดภูเขาเอาไว้ มองไกลๆ เหมือนใครเอาผ้าขนหนูสีขาวนุ่มๆ ไปพันทิ้งไว้(เมืองเล็กๆ ของเราหลังฝนตก)
วาดวลี
ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ฉันและแม่มีกฎร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งว่า หากไปเยี่ยมบ้านใครแล้วเขาให้ขนมกิน ก็ให้ยกมือไหว้ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นต้องรับไปเสียทั้งหมด แม่เคยเปรยๆ ว่า ถึงครอบครัวเราจะยากจนแต่แม่สามารถทำอาหารอร่อยๆ ให้กินได้ทุกมื้อ อีกอย่างก็คือบางคนเขาไม่ได้ตั้งใจทำเผื่อเราหรอก แต่เป็นการให้โดยมารยาทเท่านั้น หากรับไว้เสียหมดก็กลายเป็นการรบกวนเขาไปก็เป็นได้แม้แม่จะบอกแบบนี้ แต่ฉันและแม่ก็รู้ดีว่า ผู้คนรอบตัวที่ใจดีมีน้ำใจกับเรานั้นมีมากมายเพียงใด พ่อเล่าว่าฉันเป็นเด็กอ้วนแก้มยุ้ย ใครเห็นก็เอ็นดู มักเรียกให้ไปกินขนมอยู่ร่ำไป ดังนั้นข้อตกลงของฉันกับแม่ จึงกลายเป็นว่า หากมีคนยื่นให้…
วาดวลี
ฝนยังโปรยลงมาไม่ขาดสาย แม้จะเพิ่งผ่านเดือนเมษายนมาได้ไม่เท่าไหร่  ท้องทุ่งฉ่ำไปด้วยฝนและดูจะมากไปจนน่าวิตก ลานกว้างหน้าบ้านของยายปลีวันนี้จึงไม่มีเด็กๆ มาวิ่งเล่น แต่หลบฝนกันไปวาดรูปเล่นอยู่ตรงชานเรือน หลานอีกคนทำหน้าตาเบื่อเพราะอยากออกไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อน นี่เป็นวันธรรมดาที่อาจมีทั้งความหมายหรือไม่มี สำหรับยายปลี เพราะหลังจากแกเก็บผ้าเข้าไปตากใต้ยุ้งข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมานั่งอยู่ประจำที่ อยู่กับเครื่องทอด้ายแบบสมัยโบราณ มันทำจากไม้ และไม่รู้ว่ามันมีอายุมาแล้วเท่าไหร่