Skip to main content

เห็นท่านผู้นำไม่นิยมผู้หญิง เพราะในคณะรัฐบาลท่านมีผู้หญิงเพียง 2 คน ผมก็เลยขอแนะนำท่านว่า ผู้หญิงทำงานความคิดเก่งๆ มีมากมาย ไม่ใช่ให้ลูกน้องเอาผู้หญิงมาเต้นโป๊เปลือยดูกันในค่ายทหารเท่านั้น แต่ก็เอาล่ะ ขอแนะนำนักมานุษยวิทยาสตรีที่ผมชื่นชอบสัก 10 คนก็แล้วกัน

1. Margaret Mead (1901-1978) คนนี้เป็นยอดหญิงมานุษยวิทยาอเมริกันเลย เป็นลูกศิษย์ Franz Boas บิดามานุษยวิทยาอเมริกัน เป็นแฟนเขียนจดหมายกันหวานแหวกับ Ruth Benedict นักมานุษยวิทยาหญิงคนสำคัญอีกคนหนึ่ง มิ้ดเขียนหนังสืออ่านสนุก ท้าทายความคิดฟรอยด์ที่บอกว่าเด็กมีปมฆ่าพ่อหลงรักแม่กันทุกคน มิ้ดไปศึกษาในซามัว แล้วแย้งว่า ไม่จริง เพราะการเลี้ยงดูในสังคมอื่นต่างกัน เด็กที่เติบโตมาในซามัวไม่ได้เกลียดพ่อเหมือนเด็กฝรั่ง งานของมิ้ดโด่งดังมากหลายเล่ม ทำวิจัยหลายพื้นที่ มักเอาสังคมอื่นๆ ทั่วโลกมาวิจารณ์สังคมอเมริกัน คนทั่วไปรู้จักมิ้ดมาก แต่อาภัพไม่เคยได้ตำแหน่งในมหาวิทยาลัย

2. Mary Douglas (1921-2007) เป็นยอดหญิงของฝั่งอังกฤษ เขียนหนังสือหลายเล่มวนเวียนอยู่กับการศึกษาระบบสัญลักษณ์ในสังคมต่างๆ ดักลาสสร้างข้อสรุปสากลว่าด้วยความสะอาดและความสกปรกในทางวัฒนธรรม ว่าไม่ได้มีที่มาจากความสะอาดในทางกายภาพของสิ่งของหรอก แต่มาจากระบบคิดของคนเราเอง ความสะอาดกับความสกปรกยังเกี่ยวข้องกับอำนาจ ยิ่งสกปรกหรือยิ่งผิดจากภาวะปกติ ก็ยิ่งน่ากลัวยิ่งมีอำนาจ ดักลาสนับเป็นนักมานุษยวิทยาอังกฤษผู้หญิงคนแรกๆ ที่ได้รับการยอมรับสูงมาก เมื่อเทียบกับว่าในสมัยเดียวกันและก่อนหน้านั้นแทบไม่มีนักมานุษยวิทยาหญิงในอังกฤษเลย 

3. Emiko Ohnuki-Tierney (1934--) นักมานุษยวิทยาหญิงญี่ปุ่นที่มาสอนหนังสืออยู่ที่อเมริกานานหลายปี มีผลงานต่อเนื่องมากมาย เริ่มจากการวิจัยชาวไอนุ ภายหลังมาเขียนงานเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาตลอด เป็นผู้ที่ใช้การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ ใช้เอกสาร แต่วิธีการศึกษาอดีตของโอนูกิ-เทียร์นีย์แตกต่างจากนักประวัติศาสตร์ตรงที่เธออาศัยการวิเคราะห์สัญลักษณ์เป็นหลัก อย่างข้าวบ้าง ลิงบ้าง ในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นญี่ปุ่น เมื่อสองวันก่อนเพิ่งสนทนากับเธอ เธอเริ่มสนใจว่าข้าวในสังคมอื่นอย่างในไทยเป็นอย่างไรบ้าง โอนูกิ-เทียร์นี่ย์น่าจะเป็นนักมานุษยวิทยาหญิงที่ไม่ใช่ชาวอังกฤษและอเมริกันคนแรกๆ ที่ได้รับการยอมรับสูงมากจนกระทั่งปัจจุบัน 

4. Barbara Myerhoff (1935-1985) มายเยอร์ฮอฟเป็นนักมานุษยวิทยาที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก เพราะเธออายุสั้น เสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งอย่างรวดเร็ว งานของมายเยอร์ฮอฟชิ้นสำคัญคือ Numer Our Days (1976) ที่เขียนถึงสังคมคนชราในที่พักคนชราชาวยิวที่แคลิฟอร์เนียนั้น โด่งดังอ่านกันอยู่จนทุกวันนี้ และยังถือว่าเป็นงานเขียนแนวทดลองที่ลองใช้วิธีการเล่าแบบปลกๆ เช่น มีการจินตนาการถึงบทสนทนาระหว่างนักมานุษยวิทยากับคนที่ตายไปแล้ว และมีการเล่าให้เห็นลักษณะเฉพาะตัวของคนในสังคมอย่างเด่นชัดแตกต่างกันในสังคมเดียวกัน มายเยอร์ฮอฟยังนับเป็นผู้บุกเบิกภาพยนตร์ชาติพันธ์ุวรรณนา ก่อนเสียชีวิตเธอทำภาพยนตร์เกี่ยวกับความเจ็บป่วยกับความเชื่อทางศาสนาของตัวเธอเอง 

5. Sherry Ortner (1941--) ออร์ตเนอร์เป็นนักมานุษยวิทยาหญิงอเมริกันที่ถือได้ว่าร้อนแรงที่สุดคนหนึ่งทีเดียว แม้ว่าจะมีคนหลายๆ คนสร้างแนวคิดที่เธอเรียกว่า "ทฤษฎีปฏิบัติการ" แล้ว ต้องเรียกว่าออร์ตเนอร์นี่แหละที่เป็นคนปลุกปั้นกระแสการศึกษาแนวนี้ขึ้นมา ถ้าจะถามว่ามานุษยวิทยาหลังการวิพากษ์ของพวกโพสต์โมเดิร์นแล้วทำอะไรกัน แนวทางที่เป็นหลักเป็นฐานแน่นหนาที่สุดก็คือแนวทางที่ออร์ตเนอร์สร้างขึ้นมานี่แหละ ออร์ตเนอร์ทำวิจัยสังคมชาวเชอร์ปา ที่ทิเบต ปัจจุบันหันมาศึกษาสังคมอเมริกันมากขึ้น และยังผลิตงานต่อเนื่อง 

6. Aihwa Ong (195?--) อองนับเป็นนักมานุษยวิทยาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือจากมาเลเซีย คนแรกๆ ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับโลก งานที่โด่งดังของอองเริ่มจากการศึกษาสาวโรงงานในโรงงานญี่ปุ่นที่ตั้งในประเทศมาเลเซีย คนงานเป็นหญิงมุสลิมที่ย้ายถิ่นจากชนบทมาอยู่ในเมือง เมืองมาแล้วก็พบตัวตนใหม่ๆ ของตนเอง พร้อมๆ กันกับต้องตกอยู่ใตการควบคุมในฐานะตัวตนใหม่ระบบโรงงานอุตสาหกรรม หลังจากนั้นอองก็ผลิตงานที่โด่งดังอีกหลายชิ้น ที่สำคัญคือที่ว่าด้วยคนจีนย้ายถิ่นที่มาอาศัยในอเมริกา งานนี้เป็นการสะท้อนตัวเธอเองที่เป็นคนจีนจากปีนังด้วย อองเป็นนักมานุษยวิทยาที่เขียนหนังสือน่าอ่าน ผสมทฤษฎีกับรายละเอียดชีวิตคนได้ดี งานเธอเป็นตัวอย่างของการเขียนงานสมัยนี้ได้ดีมาก 

7. Ruth Behar (1956--) เบฮาร์เป็นนักมานุษยวิทยาอเมริกันเชื้อสายคิวบัน พ่อแม่อพยพมาจากคิวบา เบฮาร์โด่งดังมาจากการศึกษาผู้หญิงชาวแม็กซิกัน ที่ย้ายถิ่นข้ามไปมาระหว่างสหรัฐอมเริกากับแม็กซิโก งานของเธอนับเป็นการบุกเบิกการศึกษาข้ามพรมแดน และยังบุกเบิกงานแนวอัตชาติพันธ์ุนิพนธ์ คือเขียนวิเคราะห์ชีวิตของนักมานุษยวิทยาเองเข้าไปในการวิเคราะห์ชีวิตผู้คนที่ศึกษา งานของเบฮาร์มีลีลาการเขียนที่ชวนอ่านมาก บทสัมภาษณ์ที่ถ่ายทอดมาเป็นงานเขียนของเธอมีทั้งอารมณ์ขัน ความเศร้า และรายละเอียดที่ทำให้อ่านแล้วเห็นใจชีวิตผู้คน เบฮาร์เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญร่วมกับอีกหลายคนในการเปิดศักราชของงานเขียนของนักมานุษยวิทยาหญิงสืบต่อจากรุ่นที่ Michelle Rosaldo, Louise Lamphere และ Sherry Ortner เคยบุกเบิกไว้ 

8. Kirin Narayan (1959--) นารายันคือนักมานุษยวิทยาเชื้อสายอินเดียที่มาเติบโตทางวิชาการในอเมริกา นารายันอยู่ในแนวหน้าของการเขียนงานทางมานุษยวิทยาในปัจจุบัน งานของเธอตั้งแต่ชิ้นแรกที่ว่าด้วยการเทศนาของนักบวชอินเดีย นารายันได้นำเอาแนวทางใหม่ของการเขียนที่ให้ความหมายและเสียงที่หลากหลายแสดงตัวออกมาในการใช้นิทานเพื่อเทศนา นี่จึงเป็นการศึกษานิทานจากภาคสนามที่ไม่จำกัดความหมายตายตัวของนิทานไปด้วยในตัว นารายันเป็นคนหนึ่งที่นำเอาประวัติชีวิตครอบครัวตนเองมาวิเคราะห์แล้วเขียนเป็นนิยายทางชาติพันธ์ุวรรณนา นอกจากงานวิชาการแล้ว เธอยังเขียนนิยายอย่างจริงจังด้วย ล่าสุดเธออกหนังสือว่าด้วยการเขียนงานทางมานุษยวิทยา

 

9. Saba Mahmood (1962--) มาฮ์มุดถือเป็นดาวรุ่งคนสำคัญคนหนึ่งในวงการมานุษยวิทยาปัจจุบัน เธอเป็นมุสลิมชาวปากีสถาน ปัจจุบันมาทำงานที่อเมริกา งานที่โด่งดังของเธอชื่อ Politics of Peity (2004) ศึกษาบทบาททางศาสนาของผู้หญิงมุสลิมอียิปต์ ประเด็นสำคัญคือการเข้ารีตและมีศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อศาสนานั้น หาใช่การจำยอมและสูญเสียอำนาจไม่ หากแต่เป็นการช่วยให้ผูหญิงเหล่านี้มีที่ยืนอย่างมีอำนาจในสังคมมุสลิมอย่างทัดเทียมหรืออาจเหนือกว่าชาย  

10.ที่จริงถ้านับ Nancy Scheper-Hughes ที่ได้แนะนำไปแล้วในลิสต์ก่อนหน้า (ดูที่นี่) ก็ครบสิบแล้ว แต่จะขอแนะนำชุดงานมานุษยวิทยาที่ศึกษาประเทศไทยสักหน่อย แนะนำรวมๆ กันทีเดียวหลายๆ คนเลยก็แล้วกัน นักมานุษยวิทยาที่ได้อ่านงานมาแล้วชอบๆ ก็ได้แก่ Katherine Bowie ไม่ใช่เพราะเธอเป็นอาจารย์ผม แต่เพราะงานของเธอให้ความเข้าใจสังคมไทยจากข้อมูลหลักฐานได้ชัดเจนดีมาก ข้อมูลและการตีความของเธอตั้งแต่เรื่องทาสในสยาม เศรษฐกิจการค้าและการเกษตรในศตวรรษที่ 19 เรื่องการสร้างมวลชนลูกเสือชาวบ้านยุค 6 ตุลาคม 1976 จนถึงเรื่องการเลือกตั้ง และล่าสุดกำลังจะออกหนังสือเรื่องพระเวสสันดร ล้วนเสนอภาพสังคมไทยที่หลากหลายและแตกต่างไปจากที่คนไทยถูกสอนม

 

วงการไทยศึกษายังมีนักมานุษยวิทยาหญิงที่สำคัญๆ อีกหลายคน เช่น Penny Van Esterik ที่บุกเบิกสตรีศึกษาในไทย เป็นผู้ชี้ว่าผู้หญิงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีสถานภาพสูงเป็นพิเศษ Mary Beth Mills ที่ศึกษาสาวโรงงานไทยคนแรกๆ Deborah Wong ศึกษาละครและดนตรีไทย ภายหลังทำงานในสหรัฐอเมริกา ศึกษาการแสดงและดนตรีของชาวเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ในอเมริกา Yoko Hayami ศึกษาชาวกะเหรี่ยงทั้งในไทยและพม่า ส่วนนักมานุษยวิทยาหญิงสัญชาติไทย ที่จริงผมก็ประทับในผลงานของหลายๆ ท่าน แต่ขอไม่เอ่ยถึง เพราะไม่อยากตกหล่นใครไป 

ร่ายมาเสียยาว คงพอให้ท่านผู้นำพอเห็นได้บ้างว่าทำไมจึงควรมีผู้หญิงในคณะรัฐมนตรีให้มากขึ้น จะรอดูว่าปรับครม.คราวหน้าแล้วท่านจะให้ที่นั่งผู้หญิงมากขึ้นหรือเปล่า ถ้าท่านยังไม่ถูกประชาชนไล่ออกไปก่อนน่ะนะ

บล็อกของ ยุกติ มุกดาวิจิตร

ยุกติ มุกดาวิจิตร
มาเกียวโตเที่ยวนี้หนาวที่สุดเท่าที่เคยมา (สัก 6 ครั้งได้แล้ว) อุณหภูมิอยู่ราวๆ 0-5 องศาเซลเซียสตลอด แต่นี่ยังไม่เท่าเมืองที่เคยอยู่ คือวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ซึ่งขณะนี้อยู่ราวๆ -20 องศาเซลเซียส และเคยหนาวได้ถึง -40 องศาเซลเซียส หนาวขนาดนั้นมีแต่นกกากับกระรอก ที่อึดพอจะอยู่นอกอาคารได้นานๆ แต่ที่เกียวโต คนยังสามารถเดินไปเดินมา หรือกระทั่งเดินเล่นกันได้เป็นชั่วโมงๆ หากมีเครื่องกันหนาวที่เหมาะสม
ยุกติ มุกดาวิจิตร
การสัมมนาที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เมื่อวันที่ 23-24 มค. ยังความรื่นรมย์มสู่แวดวงวิชาการสังคมศาสตร์อีกครั้ง ถูกต้องแล้วครับ งานนี้เป็นงาน "เวทีวิจัยมนุษยศาสตร์ไทย ครั้งที่ 7" หากแต่อุดมคับคั่งไปด้วยนักสังคมศาสตร์ (ฮ่าๆๆๆ) น่ายินดีที่ได้พบเจอเพื่อนฝูงทั้งเก่าทั้งใหม่มากหน้าหลายตา แต่ที่น่ายินดียิ่งกว่านั้นคือการได้สนทนาทั้งอย่างเป็นทางการ ผ่านงานเขียนและการคิดอ่านกันอย่างจริงจัง บนเวทีวิชาการ กับเพื่อนๆ นักวิชาการรุ่นใหม่
ยุกติ มุกดาวิจิตร
เมื่อเช้า (26 มค.) ผมไปเลือกตั้งล่วงหน้าที่เขตจอมทอง ด้วยเหตุจำเป็นไม่สามารถไปเลือกตั้งวันที่ 2 กพ. ได้ ก่อนไป สังหรณ์ใจอยู่ก่อนแล้วว่าจะเกิดเหตุไม่ดี ผมไปถึงเขตเลือกตั้งเวลาประมาณ 9:00 น. สวนทางกับผู้ชุมนุมนกหวีดที่กำลังออกมาจากสำนักงานเขต นึกได้ทันทีว่ามีการปิดหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า มวลชนหลักร้อย ดูฮึกเหิม ท่าทางจะไปปิดหน่วยเลือกตั้งอื่นต่อไป ผมถ่ายรูปคนจำนวนหนึ่งไว้
ยุกติ มุกดาวิจิตร
หนังสือ ประวัติศาสตร์ไทดำ : รากเหง้าวัฒนธรรม-สังคมไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (2557) เล่มนี้เป็นผลจากการวิจัยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมทำวิจัยชิ้นนั้นก็เพื่อให้เข้าใจงานเขียนทางประวัติศาสตร์ของชาวไทในเวียดนามสำหรับทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก แต่เนื้อหาของหนังสือนี้แทบไม่ได้ถูกนำเสนอในวิทยานิพนธ์
ยุกติ มุกดาวิจิตร
เดือนที่แล้ว หลังเสร็จงานเขียนใหญ่ชิ้นหนึ่ง ผมกะจะหลบไปไหนสัก 4-5 วัน ระยะนั้นประเด็นวันเลือกตั้งยังไม่เข้มข้นขนาดทุกวันนี้ ลืมนึกไปจนกลายเป็นว่า ตัวเองกำหนดวันเดินทางในช่วงวันเลือกตั้ง 2 กพ. 57 พอดี เมื่อมาคิดได้ เมื่อวันที่ 14 มค. ก็เลยถือโอกาสที่ที่ทำงานให้หยุดงานไปลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตตนเอง ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีก็ได้เอกสารมาเก็บไว้ รอไปเลือกตั้งล่วงหน้าวันอาทิตย์ที่ 26 มค.
ยุกติ มุกดาวิจิตร
เหตุที่ประโยค Respect My Vote. กลายเป็นประโยคที่นำไปใช้ต่อ ๆ กันแพร่หลายกินใจผู้รักประชาธิปไตยในขณะนี้ ไม่เพียงเพราะประโยคนี้มีความหมายตามตัวอักษร แต่เพราะประโยคนี้ยังเป็นถ้อยแถลงทางการเมืองของประชาชน ที่ประกาศว่า อำนาจสูงสุดของประเทศนี้เป็นของประชาชน
ยุกติ มุกดาวิจิตร
วันที่ 9 มกราคม 2557 เวทีเสวนาประชาธิปไตยภาคใต้ ได้จัดอภิปรายเรื่อง "ปฏิรูปประเทศไทย : ปาตานีในระยะเปลี่ยนผ่าน" ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ผมกับอาจารย์เอกชัย ไชยนุวัติ ได้รับเชิญในฐานะตัวแทนจากสมัชชาปกป้องประชาธิปไตยไปร่วมบรรยายกับวิทยากรชาวปัตตานีและชาวสงขลา
ยุกติ มุกดาวิจิตร
 ผมอยู่ในแวดวงวิชาการ พร้อม ๆ กับทำกิจกรรมบริการทางสังคมด้านสิทธิ-เสรีภาพ การบริการทางสังคมเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานทางวิชาการ นอกเหนือจากการสอน การทำวิจัย และการเขียนงานวิชาการ แต่ในโลกทางวิชาการไทยปัจจุบัน เมื่อคุณก้าวออกมานอกรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว คุณจะกลายเป็น "คนมีสีเสื้อ" ไม่ว่าปกติคุณจะใส่เสื้อสีอะไร จะมีสติ๊กเกอร์ติดเสื้อคุณอยู่เสมอว่า "เสื้อตัวนี้สี..." เพียงแต่เสื้อบางสีเท่านั้นที่ถูกกีดกัน
ยุกติ มุกดาวิจิตร
การปฏิรูปก่อนเลือกตั้งคือการยึดอำนาจของ กปปส. เพื่อจัดตั้งสภาประชาชน ไม่มีทางที่การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งจะเป็นการปฏิรูปที่ปวงชนชาวไทยจะมีส่วนร่วม เนื่องจาก...
ยุกติ มุกดาวิจิตร
 ผมเก็บข้อมูลการวิจัยเมื่อปี 2553-2554 จนถึงหลังการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ผมมีโอกาสได้สัมภาษ์นักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. เขตของพรรคหนึ่ง ไม่ใช่เพื่อไทย ไม่ใช่ประชาธิปัตย์ ในจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน ไม่ใช่จังหวัดเสื้อแดงแจ๋อย่างอุดรธานีหรือขอนแก่น เขตเลือกตั้งนี้เป็นเขตเลือกตั้งในชนบท เป็นพื้นที่ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีฐานเสียงอยู่่พอสมควร แต่ไม่เด็ดขาด ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจอันเนื่องมาจากโยงใยที่ใกล้ชิดกับผู้ที่แนะนำให้ผมติดต่อไปสัมภาษณ์ ผู้สมัคร สส. คนนี้เล่าวิธีการซื้อเสียงของเขาให้ผมฟังโดยละเอียด
ยุกติ มุกดาวิจิตร
 ข้อเสนอว่าด้วยการปฏิวัติประชาชนของอาจารย์ธีรยุทธไม่ได้วางอยู่บนข้อเท็จจริงของสังคมไทยปัจจุบัน การปฏิวัติประชาชนตามข้ออ้างจากประวัติศาสตร์ประเทศต่างๆ ของอาจารย์ ล้วนแสดงให้เห็นถึงการปฏิวัติของประชาชนเพื่อโค่นล้มผู้กุมอำนาจรัฐที่ไม่ชอบธรรมเพราะผูกขาดอำนาจเป็นของตนเอง ตลอดจนเป็นการโค่นอำนาจรัฐที่ไม่เหมาะสมกับยุคสมัยที่ประชาชนเป็นใหญ่มากขึ้น หากแต่เราจะถือว่า “มวลมหาประชาชน” หนึ่งล้านห้าแสนคน หรือต่อให้สองล้านคนในมวลชนนกหวีดเป็น “ประชาชน” ในความหมายนั้นได้หรือไม่ 
ยุกติ มุกดาวิจิตร
อาจารย์ชัยวัฒน์ครับ ผมยินดีที่อาจารย์ออกมาแสดงความเห็นในสถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้ นี่ย่อมต้องเป็นสถานการณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดจริงๆ ไม่เช่นนั้นอาจารย์ก็จะไม่แสดงความเห็นอย่างแน่นอน ดังเช่นเมื่อปี 2553 เหตุการณ์การสลายการชุมนุมที่มีผู้เสียชีวิต 90 กว่าคน บาดเจ็บเกือบ 2,000 คน อาจารย์ก็ยังเงียบงันจนผมสงสัยและได้เคยตั้งคำถามอาจารย์ไปแล้วว่า "นักสันติวิธีหายไปไหนในภาวะสงคราม"