เขาพูดกันว่า....“ใครที่ไม่เอาการรับน้อง ก็ออกไปจากมหาลัยนี้ซะ(ออกไปจากคณะนี้ซะ)”
“ใครที่ไม่รักพ่อ ก็ออกไปจากประเทศนี้ซะ”
เราเห็นอะไรในฐานคิดนี้ หนูเห็นการสร้าง “ความเป็นอื่น”กับคนที่คิดไม่เหมือนตัวเอง และก็ยังไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้มีพื้นที่แสดงความคิดเห็น
นักศึกษาพูดกันว่า....“การรับน้องเป็นประชาธิปไตย เพราะคุณมีสิทธิ์ที่จะเอารุ่นก็ได้ หรือไม่เอารุ่นก็ได้”
การรับน้องของบางแห่งมีการแบนคนที่ไม่เอารุ่น และยังปฏิบัติต่อคนที่เอารุ่นกับไม่เอารุ่นอย่างไม่เป็นธรรม ภายในการรับน้องมีอำนาจนิยมและเผด็จการ แต่เราก็ยังมองว่าเป็นประชาธิปไตย โคตรหลอกลวงตัวเองเลย เหมือนประเทศไทยชอบหลอกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย ทั้งๆที่มันมีอำนาจใหญ่คับฟ้าแฝงอยู่ แต่เราเลือกที่จะหลอกตัวเองกัน
นักศึกษายังพูดอีกว่า .... “การรับน้องเป็นวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่สืบทอดต่อๆกันมา”
เห็นอะไรในคำพูดนี้..... เราไม่มีความเข้าใจประวัติศาสตร์ของการรับน้อง
ความเข้าใจประวัติศาสตร์การรับน้องถูกบิดเบือนและสร้างความหมายใหม่อย่างงมงาย
บางแห่งการรับน้องถูกสถาปนาให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ด่าไม่ได้
ก็คงเหมือนประเทศไทยที่ประวัติศาสตร์ถูกบิดจนเบี้ยว
แล้วคนไทยก็งมงายปักใจเชื่อกับประวัติศาสตร์(ที่พึ่งถูกสร้าง)