Skip to main content

 

คงเป็นอีกวันที่ทำผลงานให้กับองคฺ์กรไม่ได้เลย     ชีวิตของเด็กปริญญาตรีจบใหม่ต่างต้องเผชิญกับอุปสรรคนาๆประการ  ทีแรก ฉันก็นึกว่าฉันเป็นคนเดียวที่เป็นเด็กปริญญาตรีที่จบมาก็ลำบาก  เพราะชีวิตในมหาลัยมัวแต่สะดวกสบาย  

แต่พอได้เจอเพื่อคนอื่นที่เป็นเด็ก ป.ตรีจบใหม่  ก็รู้ว่า  ยังมีเพื่อนหลายคนที่เผชิญสภาวะหางานทำยาก  ไอ้ที่เรียนๆมาก็ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด   หางานที่ใช่ยาก

เรียนจบใหม่มันเจ็บจัง   เรียนจบเก่าก็เจ็บเหมือนกัน

เพื่อนเด็กปริญญาตรีจบใหม่หลายคน  โดยเฉพาะคนที่เรียนในมหาลัยตกเกรด   หรือเรียนในมหาลัยดังแต่เรียนคณะตกเกรด   คนเหล่านี้จบออกมาต้องลำบากจริงๆ   เราไม่สามารถหางานตรงกับที่เรียนมา   ในสังคมที่เราอยู่มันเต็มไปด้วยการแข่งขันภายใต้เศรษฐกิจย่ำแย่  เส้นสายและการฝาก     ช่วงชิงเอาตัวรอด    การตลาดกลายเป็นเรื่องเห็นแก่ตัว   การค้าโฆษณาเต็มไปด้วยการโกหกขี้โกง    เราอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยการตลาด    งานที่รองรับเด็กจบปริญญาตรีทางเลือกน้อยอย่างพวกเรา ก็คือ  งานขายประกัน  งานขายตรง  งานในห้างสรรพสินค้า  งานออฟฟิศซึ่งเป็นได้แค่ลูกจ้างต๊อกต๋อยเท่านั้น   ต้องไปเจอวัฒนธรรมออฟฟิศแบบแปลกๆด้วย

ยกเว้นแต่   เด็กจบป.ตรีที่มีสถานะทางสังคมดี  คนมีตังค์ก็ทำธุรกิจส่วนตัว  หรือจบสายวิทย์สุขภาพก็มีงานทำ  หรือคนมีเส้นก็สบายไปอีกแบบ   

หลายคนรังเกียจเส้นสาย  แต่พอไปสมัครงานจริงๆจะได้รู้ว่า  ใช้เส้นสายกันกระจุยกระจายไปเลย  วางเงินมั่ง รู้จักมักจี่มั่ง   สารพัดวิธี

แต่ถ้ามองดีๆ  ก็จะรู้ว่า  เด็กจบปริญญาตรีสมัยนี้คงไร้ความสามารถมั้ง  จะหาคนที่เก่งจริงๆนะยาก  อันที่จริง  เราน่าจะฝึกให้เด็กมัธยม เด็กเทคนิค และเด็กป.ตรี พัฒนาความสามารถซักอย่างโดดเด่นออกมา  แล้วพัฒนาความสามารถให้เป็นสิ่งเลี้ยงชีพ   แต่เอาเข้าจริง  เราเรียนอะไรกันก็ไม่รู้    พอจบออกมา เราก็งงตัวเอง  ว่าที่เรียนมา เราได้อะไร

แล้วจะทำยังไงดีล่ะ  ฉันก็เป็นเด็กปริืญญาตรีจบใหม่ที่ไร้ความสามารถเหมือนกัน   ฉันและเพื่อนจบป.ตรี ไม่เห็นจะได้รับเงินเดือนหมื่นห้าเลยนี่นา   อย่างเฉลี่ยก็ได้ซักเก้าพันถึงหนึ่งหมื่นนะ

บล็อกของ ยุภาวดี ฑีฆะ

ยุภาวดี ฑีฆะ
คนเราควรเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้อื่น  และสิ่งที่คนไทยขาดโคตรๆก็คือ  การเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้อื่น 
ยุภาวดี ฑีฆะ
 คงเป็นอีกวันที่ทำผลงานให้กับองคฺ์กรไม่ได้เลย     ชีวิตของเด็กปริญญาตรีจบใหม่ต่างต้องเผชิญกับอุปสรรคนาๆประการ  ทีแรก ฉันก็นึกว่าฉันเป็นคนเดียวที่เป็นเด็กปริญญาตรีที่จบมาก็ลำบาก  เพราะชีวิตในมหาลัยมัวแต่สะดวกสบาย  
ยุภาวดี ฑีฆะ
 วันทำงานโรงงานวันแรกนั่งอบรมไปค่อนวัน ศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎี เขาคงปรับความรู้ผู้ใช้แรงงานอย่างพวกเราให้เป็นผู้ใช้แรงงานที่มีความรู้ เพราะมาตรฐานมันเป็นเครือข่ายที่มีหลายประเทศทั่วโลก พวกดิวิชั่นใหญ่ๆมีแต่ชาวต่างประเทศ
ยุภาวดี ฑีฆะ
มิตรสหายท่านหนึ่ง เคยกล่าวกับข้าพเจ้าไว้ว่า พวกที่กบฏอย่างพวกเรานี้ มักมีนิสัยมาตั้งแต่เด็กที่เป็น
ยุภาวดี ฑีฆะ
ในนาม "พรรคสามัญชน" ขอเชิญชวนทุกท่านที่รักแม่น้ำ รักสิ่งแวดล้อม รักทรัพยากรทางทะเล พวกเรามาร่วมใจกันทำแคมเปญ ลอยกระทงอธิษฐานการคัดค้านเขื่อนหลายแห่งเช่น หยุดการสร้างเขื่อนไซยะบุรี เขื่อนแม่ว
ยุภาวดี ฑีฆะ
หนู    ไม่เอาเขื่อน เพื่อนหนู   ไม่เอาเขื่อน พี่น้องของหนู   ไม่เอาเขื่อน รักสิ่งแวดล้อม   ไม่เอาเขื่อน   เขื่อนจ๋า    ทำไมนะต้องทำลายชุมชน
ยุภาวดี ฑีฆะ
  ฉันมีสก็อตเทป ไว้ในมืออยู่เสมอ แปะติดจนตัวเบลอ เดินเกลื่อนกลาดทั่วมอชอ                     
ยุภาวดี ฑีฆะ
เขาพูดกันว่า....“ใครที่ไม่เอาการรับน้อง ก็ออกไปจากมหาลัยนี้ซะ(ออกไปจากคณะนี้ซะ)” “ใครที่ไม่รักพ่อ ก็ออกไปจากประเทศนี้ซะ” เราเห็นอะไรในฐานคิดนี้ หนูเห็นการสร้าง “ความเป็นอื่น”กับคนที่คิดไม่เหมือนตัวเอง และก็ยังไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้มีพื้นที่แสดงความคิดเห็น
ยุภาวดี ฑีฆะ
 "อาจารย์ขา หนูกำลังต่อต้านระบบว้ากน้อง แต่หนูทำยังไงหนูก็แพ้" "ก็คุณมันเสียงส่วนน้อย คุณสู้เสียงส่วนใหญ่ทั้งมหาวิทยาลัยนี้ไม่ได้หรอก""คุณควรวางเฉย หรือไม่ก็บอกให้เพื่อนคุณเปลี่ยนทีละเล็กทีละน้อย"
ยุภาวดี ฑีฆะ
วันนี้หนูมาศาลจังหวัดลำพูน จริงอย่างที่เพื่อนหนูบอกจริงๆด้วยค่ะ ในขณะที่เด็กมหาวิทยาลัยตีกลองกันดังตุ๊มต๊ามๆ รับน้องกันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน และหาได้มีสาระแก่นสารอันใดไม่นอกจากความสนุกเท่านั้น นอกจากสนุกแล้วก็ยังแหกปากด่ากัน รุ่นพี่ด่ารุ่นน้องแ