Skip to main content
คนไม่มีอะไร
ความเงียบได้กลับคืนสูบ้านท่าสูงบนอีกครั้งหลังจากงานสมัชชาประมงพื้นบ้านได้ผ่านไป ก็คงเหมือนลมทะเลที่พัดหอบเอาไอทะเลเข้าสู่ฝั่ง คงเหลือไว้แต่รูปภาพและความทรงจำที่ติดอยู่ในสมองของใครใครหลายคน ผมซึ่งมีโอกาสได้เข้าร่วมงานนี้ตั้งแต่วันที่เตรียมงานจนวันสุดท้าย           ภาพที่เห็นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวกับคำถามมากมายที่ตามมาว่า งานนี้มีไว้เพื่อ.......?           มันเป็นคำถามที่ผมสงสัยเรื่อยมาจนคำตอบของคำถามเหล่านั้นค่อยๆ คลายออกมาทีละนิดทีละนิด เริ่มจากภาพของผู้คนที่เตรียมงานกันอย่างแข็งขัน อดหลับอดนอน ทำงานกันจนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหงื่อของพวกเขาเหล่านั้นพรั่งพรูออกมาเหมือนสายน้ำที่กำลังกัดเซาะตะลิ่งให้พังมิปราน  มือสองข้างยังคงเต็มไปด้วยงานที่ได้รับมอบหมายจนหนักอึ้งราวกับแบกยอดเขาไว้ทั้งลูก           แล้วอะไรที่ทำให้ผู้คนเหล่านั้นยอมทำในสิ่งที่ยากลำบากถึงเพียงนี้  ผมยังคงสงสัยและงุนงงว่า   แต่คำถามเหล่านั้นก็มีคำตอบในตัวมันเอง คำตอบของคำถามเหล่านั้นเริ่มเฉลยมาให้ผมได้เข้าใจทีละนิดๆ            เริ่มตั้งแต่วันแรก ภาพของผู้คนที่ไม่ได้พบเจอกันมานานได้มีโอกาสได้พูดคุยกัน ถามถึงความเป็นอยู่ว่าเป็นยังไงกันบ้าง รอยยิ้มของคนเหล่านั้นได้ตราตรึงหัวใจของผู้ได้พบเห็นมันเป็นรอยยิ้มแห่งความปลื้มปิติและยินดี แต่พออ่านถึงตรงนี้ทุกคนอาจสงสัยว่า เพียงเท่านี้เหรอที่ยอมให้ผู้คนเหล่านั้นยอมเหน็ดเหนื่อย ถึงเพียงนั้นถ้าใช่แล้วมันจะต่างอะไรกับงานเลี้ยงรุ่นพบปะกันธรรมดาที่เราเห็นทั่วไป         และเมื่อถึงวันสุดท้ายของงาน คำตอบทุกอย่างก็เฉลยทุกสิ่งให้ผมใด้เข้าใจทั้งหมด ภาพของผู้คนจำนวนมากมายที่หลั่งไหลมาจากทิศต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลกันชนิดที่ว่าเดินไปหากันคงไหว ได้ออกมาบอกกับทุกคนถึงความเดือดร้อนที่พวกเค้าเหล่านั้นกำลังได้รับ มันคงไม่มากเกินไปที่พวกเค้าเหล่านั้นจะออกมาปกป้องสิ่งที่รักและห่วงแหนเพื่อลูกหลานของพวกเค้าเหล่านั้น            ผมเชื่อว่า "ด้วยหัวใจที่เชื่อมั่นและศรัทธา" ของผู้คนเหล่านั้น จะส่งไปถึงหัวใจของใครหลายๆ คนที่รู้สึกห่วงแหนและรักถิ่นเกิดของตัวเอง รักทรัยากรธรรมชาติ ภาพสุดท้ายที่ผมรู้สึกได้ถึงความเป็นนักสู้ของคนเหล่านั้นคือภาพของคนจำนวนมากที่เดินให้แดดที่ร้อนเหมือนจะกลืนกินผู้คนเหล่านั้นให้หายไปจากโลก ความร้อนที่แผดเผาผิวหนังให้ไหม้เกรียม แต่ถึงอย่างไรความร้อนก็มิอาจเผาไหม้ใจที่เชื่อมั่นของพวกเค้าได้          และนี่ก็คงเพียงพอแล้วกับคำตอบที่ผมได้รับว่าทำไมผู้คนเหล่านั้นต้องยอมเหน็ดเหนื่อยกันถึงเพียงนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่ได้มอบประสบกราณ์ที่ดีแก่ผมและขอเป็นหนึ่งกำลังใจ ที่จะร่วมกันสู้                                                                                                                                                                                                                                 ภาพ : เต้เต้ซัง,ไอ้จี้ด เรื่อง : เด็กวัดไร่ขิง (มวล.) ป้าย : บังบ่าว (อาสาวลัยลักษณ์)
suntornsu
วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ เหตุเกิด ณ วัดวังวิเวการาม อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อเยาวชนต้นกล้าสร้างชุมชนรุกขึ้นมา ร่วมงานกับศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดกาญจนบุรี ในการปกป้องสิทธิผู้บริโภค โดยเฉพาะเรื่องสิทธิของผู้ใช้งานโทรคมนาคม ซึ่งได้รับการสนับสนุน จากสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) เป็นการจัดกิจกรรมบูธให้ความรู้ในงานประจำปีวัดวังวิเวการม จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑๙ จนถึง ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
Number 10.5
Number 10.5  ปกติแล้วเหล่าแฟนบอลหรือผู้ที่คลุกคลีเรื่องบอลมักจะปฏิเสธการมีส่วนร่วมเบื้องหลังของนักการเมืองเสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฟุตบอลไทยก็มิอาจจะหนีกลุ่มคนที่น่ารักน่าชังเหล่านี้ได้ วันนี้มาดูกันว่าเบื้องหลังทีมสโมสรฟุตบอลไทย ทั้งพรีเมียร์ลีก ดิวิชั่น 1 และลีกภูมิภาค มีกลุ่มทุนหรือนักการเมืองที่น่าจับตา กลุ่มใด-คนใดสนับสนุนกันบ้าง   เมืองทองยูไนเต็ด ในอดีตเคยมีไข่มุกดำ วีระ มุสิกพงศ์ เป็นประธานสโมสรมาก่อน ก่อนถูกทุนสยามกีฬาเทคโอเวอร์ รวมถึงยังมีกลุ่มทุนครอบครัวมหากิจศิริ ที่มีสายสัมพันธ์กับทักษิณและพรรคเพื่อไทย ร่วมบริหารทีม   แฟนบอลอยุธยาถิ่นเก่าของทีมสโมสรการไฟฟ้าฯ ประท้วงไม่พอใจที่ทีมถูก เนวิน ชิดชอบเทคโอเวอร์ไป และเริ่มค่อยๆ กลืนสีม่วงประจำทีมให้เป็นสีน้ำเงิน   เชียงใหม่จัดว่าเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง แต่ทีมฟุตบอลเชียงใหม่ เอฟซี กลับมีทุนการเมืองกลุ่มเสื้อน้ำเงินอยู่เบื้องหลัง   พรีเมียร์ลีก   เมืองทอง ยูไนเต็ด ระวิ โหลทอง เป็นประธานสโมสร โดยกลุ่มทุนสยามสปอร์ต กลุ่มเนสกาแฟ ครอบครัวมหากิจศิริ มีสายสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ในอดีตใช้ชื่อเดิมว่า สโมสร ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ มีไข่มุกดำ วีระ มุสิกพงศ์ เป็นประธานสโมสรมาก่อน ชลบุรี เอฟซี วิทยา คุณปลื้ม เป็นประธานสโมสร กลุ่มการเมืองตระกูลคุณปลื้มให้การสนับสนุน บางกอกกล๊าส เอฟซี ปวิณ ภิรมย์ภักดี เป็นประธานสโมสร กลุ่มทุนบุญรอดบริวเวอรี ให้การสนับสนุน ทีโอที เอฟซี พิมล ศรีวิกรม์ เป็นผู้จัดการทีม งบประมาณส่วนหนึ่งมาจาก บมจ.ทีโอที อีกส่วนจะมาจากแคท เทเลคอม มาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจพร้อมทั้งเตรียมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "ทีโอทีแคท เอฟซี" ก่อนหน้านี้มีการเจรจากับนายเนวิน ชิดชอบ กลุ่มการเมืองพรรคภูมิใจไทย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ พัทยา ยูไนเต็ด สนธยา คุณปลื้ม เป็นประธานสโมสร กลุ่มทุนการเมืองตระกูลคุณปลื้ม ให้การสนับสนุน บางกอก ยูไนเต็ด อภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นประธานสโมสร กลุ่มการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุน ศรีสะเกษ เอฟซี ธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.ศรีสะเกษ เป็นประธานสโมสร, สมบัติ เกียรติสุรนนท์ เป็นผู้จัดการทั่วไป กลุ่มการเมืองมุ้งขุนค้อนพรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุน ทีทีเอ็ม เอฟซี-พิจิตร มีประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และมีสุรจิต กัลยาณมิตร เป็นประธานสโมสร เพื่อนตำรวจ ส่วนกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุนได้แก่กองบัญชาการตำรวจนครบาล กลุ่มทุนไมด้าของ กมล เอี้ยวศิริกุล และบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ทหารบก พลตรี เฉลิมเกียรติ โพธิ์ทองนาค เจ้ากรมสวัสดิการทหารบกเป็นประธานสโมสร มีบริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ประกาศตัวเป็นสปอนเซอร์หลักตลอดทั้งฤดูกาลแข่งขันในปี 2553 ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่ามีการเจรจากับกลุ่มทุนคิงพาวเวอร์ ของ วิชัย รักษ์ศรีอักษร (กลุ่มการเมืองพรรคภูมิใจไทย) บุรีรัมย์ พีอีเอ เนวิน ชิดชอบ เป็นประธานสโมสร มีกลุ่มทุนคิงพาวเวอร์และกลุ่มการเมืองพรรคภูมิใจไทยให้การสนับสนุน   ดิวิชั่น 1 และลีกภูมิภาค   เชียงราย ยูไนเต็ด มิตติ ติยะไพรัช เป็นประธานสโมสร มีกลุ่มการเมืองของยงยุทธ ติยะไพรัช ในพรรคเพื่อไทย ให้การสนับสนุน สุโขทัย เอฟซี สมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมาในพรรคภูมิใจเป็นประธานที่ปรึกษาสโมสรฯ, จักริน เปลี่ยนวงษ์ เป็นประธานสโมสร ชัยนาท เอฟซี อนุชา นาคาศัย เป็นประธานสโมสร มีกลุ่มการเมืองพรรคภูมิใจไทยให้การสนับสนุน เชียงใหม่ เอฟซี อุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ เป็นประธานสโมสร โดยอุดรพันธ์มีสายสัมพันธุ์กับเนวิน ชิดชอบ และกลุ่มการเมืองพรรคภูมิใจไทย บางกอก เอฟซี มี ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 10 ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่ปรึกษาทีม     ….. ที่มา: นิตยสาร POSITIONING ฉบับที่ 66 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2552 ด.2 ระอุ 74 ทีมทุ่ม 360 ล. เว็บไซต์สยามกีฬารายวัน (9 ก.พ. 2553) ‘เวิลด์คัพ-ลีกไทย’ สุมไฟตลาด (สยามธุรกิจ ,15 ก.พ. 2553) "ค้างคาวไฟ" สุโขทัย เอฟซี ที่ 2 ชิงแชมป์ภาคทำให้เรามั่นใจขึ้น (เว็บไซต์สยามกีฬารายวัน, 14 ก.พ. 2553) ด.1 เทหน้าตักขอขึ้นไทยลีก สะพัด 209 ล้าน!จันท์มือเติบ30ล., ปราจีนฯขอตาม 27ล.,อาร์แบคจืดแค่ 6 (เว็บไซต์สยามกีฬารายวัน, 11 ก.พ. 2553) บอสทีโอทียัน"ทนงศักดิ์"เดินมาขอร่วมทีม ส.บอลลุ้นเงินรัฐ40ล้านบาทหนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (เว็บไซต์ข่าวสด, 16 ก.พ. 2553)  
แพ็ท โรเจ้อร์
จั่วหัวแบบภาษาเก่าๆ สมัยเรียนปริญญาตรีเมื่อเกือบ30ปีที่แล้ว สมัยนั้น กรุงเทพฯ เพิ่งฉลองครบ 200 ปีใหม่ๆ สมัยนั้น คำว่า สตรอเบอร์รี่ ไม่ได้แปลว่า “สะ-ตอ-แหล” แบบปัจจุบัน เวลาคนไหนมีความรัก มักจะโดนเพื่อนๆแซวว่า กำลังกิน สตรอเบอร์รี่ มาจากคำว่า เลิฟ สตอรี่ Love Story ที่เป็นหนังฮิตในช่วงยุค 40 กว่าปีนั้น ดังนั้นเดี๋ยวนี้เวลาผู้เขียนได้ยินคำว่า สตรอเบอร์รี่ มักนึกถึงความรักมากกว่า ความไม่ดี
Number 10.5
Number 10.5 ได้ยินเสียงวิจารณ์เซ็งแซ่มาจากคอการเมืองทั้งเหลือง-แดง เกี่ยวกับการปรากฏกายของชายร่างโย่ง “เนวิน ชิดชอบ” ที่เริ่มแผ่อิทธิพลไปสู่วงการกีฬา ฆ่าเวลาการโดนแบนเรื่องการเมืองกับอดีตผองเพื่อนบ้านเลขที่ 111 ซึ่งหลายคนวิเคราะห์ไปว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างการครองใจประชาชนในกลุ่มตลาดอื่นบ้าง หลังการใช้ยุทธวิธีสีน้ำเงินแทรกซึมตามหน่วยงานมหาดไทยไปตามหมู่บ้านหรือนโยบายประชานิยมของพรรคภูมิใจไทยที่ไม่มีคนกล่าวถึงเท่าไร เมื่อมองอย่างเป็นธรรมหน่อยจะเห็นว่าคุณเนวินเองนั้นก็ชอบพอกีฬานี้มานมนาน และใครจะไปรู้ว่า “เสื้อน้ำเงิน” สีเสื้อมวลชนจัดตั้งของคุณเนวินนั้นอาจจะไม่ได้มาจากสีน้ำเงินของธงชาติไทย เนื่องจากคุณเนวินเป็นแฟนบอลตัวยงของสโมสรเชลซี “เสื้อน้ำเงิน” นั้นจึงอาจจะมาจากสีเสื้อของทีมเชลซีก็เป็นได้ นอกจากนี้ด้วยกำลังทรัพย์ของเขา ก็ได้เคยดั้นด้นไปดูฟุตบอลยุโรปทั้งที่อังกฤษ อิตาลี และสเปน บ่อยครั้ง ทำให้เมื่อกระแสฟุตบอลไทยมาแรง คุณเนวินก็ขอห้อยโหนไปกับคนส่วนใหญ่ด้วยการปั้นทีม “บุรีรัมย์ -PEA” ฉายา “ปราสาทสายฟ้า” (THUNDER CASTLE) ที่เทคโอเวอร์สโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาเปลี่ยนชื่อ “บุรีรัมย์ -PEA” มีการเปิดตัวไปแล้ว โดยใครที่เป็นแฟนคลับทีมจะเสียเงินค่าสมาชิกแค่ 200 บาท ก็มีสิทธิพิเศษที่มากกว่ามูลค่าเงิน 200 นั้นมากมาย เช่น ได้เสื้อทีมเป็นของที่ระลึก สามารถนำบัตรสมาชิกไปซื้อสินค้าที่ คิง เพาเวอร์ ได้ส่วนลด 10% ใช้บริการในเครือโรงแรมพูลแมน 10% นอกจากนี้ ทุกนัดที่ทีมลงเตะในบ้านทางแอร์เอเชียจะมีเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-บุรีรัมย์ พร้อมจัดรถรับส่งถึงสนามแข่งด้วยราคา 2,500 บาท รวมถึงแผนการสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ “ปราสาทสายฟ้า” ที่คาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท สามารถจุคนได้ถึง 24,000 คนเลยทีเดียว เนวินได้ดึง “วินิจ เลิศรัตนชัย” อดีตผู้คร่ำหวอดในวงการวิทยุมานานกว่า 25 ปี และยังเคยทำงานด้านธุรกิจเกี่ยวกับแวดวงบันเทิงและการจัดอีเวนต์กิจกรรมต่างๆ ให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท Fresh Air จำกัด, บริษัท ทราฟฟิกคอร์เนอร์, บริษัท Dream Media และอื่นๆ มาเป็นฝ่ายการตลาดของสโมสร “บุรีรัมย์ -PEA” อีกด้วย ทั้งนี้เนวินให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าพึ่งเปิดรับสมัครแฟนคลับทีมไม่นานก็มีถึง 2-3 หมื่นคนแล้ว เลยตั้งเป้าให้ถึงแสนคนภายในสิ้นปี 2553 นี้ – ซึ่งยังไม่รู้ว่าจำนวนคนเรือนแสนคนนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นคะแนนเสียงให้พรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งงวดหน้าได้หรือไม่? แต่ทั้งนี้คนที่ปั้นทีมบอลให้ประสบความสำเร็จ และกรุยทางสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองนั้นก็มีมาแล้ว .. ที่อิตาลี ‘แบร์ลุซโคนี’ จากเจ้าของทีมฟุตบอลสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี [1] หากจะมีนักการเมืองคนใดที่คุณเนวินอยากเอาอย่างก็เห็นจะต้องเป็น “ซิลวิโอ แบร์ลุซโคนี” (Silvio Berlusconi) นายกรัฐมนตรีอิตาลี เจ้าของทีมฟุตบอล AC Milan เจ้าพ่อสื่อที่ลุงทุนซื้อทีมมาในยุคตกต่ำ เอามาปั้นใหม่จนยิ่งใหญ่ด้วยศาสตร์การบริหารเชิงธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ก่อนจะกระโดดสู่วงการการเมืองระดับประเทศในฐานะประธานสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของยุโรปและได้เป็นนายกรัฐมนตรีของอิตาลีถึง 3 สมัย   แบร์ลุซโคนี นั้นเริ่มต้นจากการเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และค่อยๆ ขยับขยายมาในธุรกิจสื่อคือเคเบิลทีวี โดยได้ติดตั้งเคเบิลทีวีนี้ให้กับหมูบ้านจัดสรรโครงการของเขาเองในเมืองมิลาน และได้โอกาสเปิดช่องสัญญาณของตัวเองขึ้น เจาะตลาดกลุ่มกว้างๆ มีรายการบันเทิง การ์ตูน กีฬา ลงทุนซื้อกิจการของคู่แข่ง รวมถึงผลักดันให้มีการยกเลิกกฎหมายที่ห้ามไม่ให้เคเบิลทีวีแพร่สัญญาณภาพทั่วประเทศ และได้ลงทุนซื้อกิจการทีม AC Milan ในปี 1986 ซึ่งในเวลานั้นอยู่ในภาวะตกต่ำ เสื่อมเสียชื่อเสียงและถูกลดชั้นเนื่องจากพัวพันกับคดีล้มบอล   แบร์ลุซโคนี ได้ทำการจูนเครื่องทีม AC Milan ใหม่ แต่งตั้งบุคลากรด้านการบริหารจัดการ ลงทุนซื้อนักเตะอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะขุนพลนักเตะเลือดดัตซ์ อย่าง รุด กุลลิท, มาร์โก ฟานบาสเทน และแฟรงค์ ไรจ์การ์ด ทีมมิลานยุคของเขาเล่นฟุตบอลอย่างมีสีสันต่างจากทีมอิตาลีทั่วไป โดยมีปรัชญาการเล่นแบบเอนเตอร์เทนคนดู ในปี 1988 มิลานก็ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์กัลโช่ซีรีย์เอ ปีถัดมา AC Milan ก็ขึ้นเป็นเจ้ายุโรปด้วยการครองแชมป์ถ้วยยูโรเปียนคัพเดิม   AC Milan ประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ พวกเขายังเดินหน้าคว้าแชมป์ยุโรปอีกสมัยใน 2 ปีถัดไป และยังสร้างสถิติไม่แพ้ใครยาวนานที่สุดในลีกของอิตาลี 58 นัด ระหว่างปี 1992 – 1994   ศรัทธาที่แบร์ลุซโคนีสร้างไว้กับวงการฟุตบอลทำให้เขากลายเป็นผู้มีบารมีในอิตาลี กอปรกับช่วงนั้นการเมืองอิตาลีเกิดวิกฤต ทำให้พรรคฝ่ายซ้ายมีโอกาสที่จะเข้าไปบริหารประเทศ แบร์ลุซโคนีจำเป็นต้องโดดเข้าไปเล่นการเมืองระดับชาติเต็มตัว เพราะหากพรรคฝ่ายซ้ายขึ้นเถลิงอำนาจก็อาจจะเป็นภัยต่อธุรกิจของเขา   ในปี 1993 เขาได้ตั้งพรรคการเมือง Forza italia ขึ้น ตามชื่อเพลงเชียร์ทีมชาติอิตาลี พรรคการเมืองใหม่นี้อาศัยสโมสรต่างๆ ที่สนับสนุน AC Milan ทั่วประเทศ รวมทั้งสื่อของแบร์ลุซโคนีเองเป็นช่องทางโฆษณาหาเสียง จนสามารถกวาดคะแนนเสียงได้ถึง 21% ในการเลือกตั้งปี 1994 ด้วยการสร้างแนวร่วมกับพรรคการเมืองใหม่ฝ่ายขวาเพื่อสกัดกั้นพรรคฝ่ายซ้าย   วันที่สมบูรณ์แบบที่สุดของนักการเมืองที่คลั่งไคล้ฟุตบอลเช่นเขา คือวันที่ 18 พฤษภาคม 1994 การลงเสียงในรัฐสภาอิตาลีเขาได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี และคืนเดียวกัน AC Milan ก็ถล่มเอาชนะ Barcelona ไป 4 ประตูต่อ 0 คว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพ     เนวิน สุดยอด!?       “เนวิน ชิดชอบ” กับความสำเร็จสวนกุหลาบวิทยาลัย ที่เข่นเอาชนะกรุงเทพคริสเตียน ไป 1-0 เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา (ที่มาภาพ: matichon.co.th)   บนเส้นทางสายลูกหนังนี้ คุณเนวินเองก็เริ่มประสบความสำเร็จบ้างแล้วในปีนี้ เมื่อนำทัพ "สวนกุหลาบวิทยาลัย" คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียน 18 ปี ประเภท ก.ในรอบ 21 ปี โดยคุณเนวินรับบทเป็นผู้จัดการทีม – แม้ว่า “เหลือง-แดง” ไม่ปลื้มคุณเนวินเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าเขาเองได้ใจ “ชมพู-ฟ้า” ไปเต็มๆ แล้วคราวนี้ ส่วนความสำเร็จของ “บุรีรัมย์ -PEA” นั้นก็คงต้องดูกันยาวๆ อีกหลายปี ถือเป็นก้าวกดดันครั้งสำคัญของคุณเนวิน หากมุ่งมั่นตั้งใจทำดีๆ ก็ไม่แน่อาจได้ใจคอบอลเดินตามรอยแบร์ลุซโคนี ก็เป็นได้ แต่หากเลิกเห่อเมื่อไรก็อาจจะถูกคอบอลยำเสียเละเทะ (ในปริมณฑลทางการเมืองเขาก็ถูกทั้งเหลืองทั้งแดงประณามหยามเหยียดไม่ได้เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว)  เพราะคอบอลชาวไทยมีนิสัยที่ควรสรรเสริญอยู่อย่างหนึ่ง คือถ้าใครทำสิ่งดีๆ ให้ก็ชื่นชมกันจนหูดับตับไหม้ แต่วันไหนพลาดก็โดนสับเละเป็นหมูเป็นหมา ... ไม่เชื่อลองไปถาม ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, วิจิตร เกตุแก้ว หรือ บิ๊กหอย ธวัชชัย สัจจะกุล วีระบุรุษของชาติเหล่านี้ในวันเศร้าๆ พวกเขาก็เสียน้ำตามามากมาย บางคนถึงกับถูกกดดันให้ไปสาบท สาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมาแล้ว!   แต่จะยังไงก็แล้วแต่ ผมเชื่อลึกๆ ว่าคุณเนวินนั้นถือว่าเข้าข่ายเป็นบุรุษอมตะคนหนึ่ง เพราะเขาเป็นคนที่สมควรเน่าไปตั้งแต่กรณี ร้อยยี่สิบ – กล้ายาง - หักหลังทักษิณ และอีกต่างๆ นานา กลับยังคงอยู่ทนลอยหน้าในสังคมมาได้ถึงทุกวันนี้ ขอบอกไว้ว่าแค่เสียงเย้วๆ ของแฟนบอลไทยนั้น … ไม่ระคายผิวแกหรอกครับ! (สัปดาห์หน้าพบกับ “ทุน – การเมือง” เบื้องหลังทีมสโมสรในไทยพรีเมียร์ลีก) ……………….. [1] ข้อมูลเกี่ยวกับ “ซิลวิโอ แบร์ลุซโคนี” นำมาจากหนังสือ “ฟุตบอล… ประเด็นเล็ก สะท้านโลก” สำนักพิมพ์คบไฟ, 2552  
คนไม่มีอะไร
เก็บตกจากเวทีโลกร้อน เมื่อ 3-5 ตุลาคม 2552 บรรยากาศการเดินขบวนรณรงค์เวทีโลกร้อน มันน่าจะบอกอะไรบางอย่างให้กับประเทศที่กำลังจะทำสิ่งเหล่านี้ กำลังพลนับหมื่นคน ณ วันนั้น เพื่อเรียกร้องให้ประเทศต่างๆทบทวนนโยบายการพัฒนาที่ผิดทาง คนนครศรีธรรมราชก็มาด้วย เพราะว่ากำลังจะเจอกับแผนพัฒนาที่สวนทางกับวิถีชีวิตชาวบ้าน โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โรงถลุงเหล็ก อุตสาหกรรมปิโตรเคมี คนนครศรฯ ไม่เอา
องค์ บรรจุน
ป้าขจี (สงวนนามสกุล) เป็นคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในหลายวัฒนธรรม คลุกคลีกับผู้คนตั้งแต่เหนือสุดจนเกือบใต้สุดแดนสยาม อีกทั้งยังมีการผสมผสานหลายชาติพันธุ์ในตัวของป้า กับวัยที่ผ่านสุขทุกข์มาแล้วกว่า ๗๖ ปี จิตใจที่โน้มเอียงเลือกจะอยู่ข้างวัฒนธรรมแบบใดหรือยอมรับการผสมผสานของสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตมากน้อยเพียงใดนั้น คงเกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่หล่อหลอมป้าขจีมาตั้งแต่วัยเด็ก
นายหมูแดงอวกาศ
กฏหมายอุ้มบุญ ทางแพร่งที่ต้องเลือกเดิน เกริ่นนำ  บทความชิ้นนี้เคยเขียนเพื่อเผยแพร่ครั้งหนึ่งแล้วที่ www.prachatai.com และ www.thaingo.org เพื่อเปิดประเด็นกับสังคมเรื่องกฏหมายรับจ้างตั้งท้องแทน เพื่อขยายมุมมองมากขึ้น ผู้เขียนพยายามวิเคราะห์แนวคิดตนเองลงไปในบทความและนี่ยังไม่ใช่คำตอบทั้งหมด เพราะยังมีประเด็นที่มีความแตกต่างหลากหลายอยู่ ภาพจาก http://babyhothit.blogspot.com/2...399.html      "โดยที่เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธ์ในปัจจุบันได้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและได้ช่วยคู่สมรสฝ่ายหญิงซึ่งไม่สามารถตั้งครรภ์ให้สามารถมีบุตรได้ด้วยการให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน แต่การดำเนินการให้มีการรับตั้งครรภ์แทนอาจก่อให้เกิดการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน หรือจากเด็กที่เกิดจากการรับตั้งครรภ์แทน ประกอบกับสถานภาพทางกฎหมายของเด็กที่รับตั้งครรภ์แทนยังขาดความชัดเจน ดังนั้น เพื่อควบคุมมิให้มีการแสวงหาประโยชน์จากการรับตั้งครรภ์แทนโดยมิชอบ และกำหนดสถานภาพทางกฏหมายของเด็กที่เกิดจากการรับตั้งครรภ์แทนให้มีความชัดเจนและเหมาะสมจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้" (ร่างหลักการและเหตุผล พระราชบัญญัติการรับตั้งครรภ์แทน พ.ศ. ....)       ท่ามกลางกระแสสังคมที่เร่งรีบและสับสนสังคมที่มุ่งสู่กระแสแห่งความโดดเดี่ยวที่ต้องทุ่มเทให้ทั้งเวลาการงานการดำรงชีพนั้น บางคู่บางครอบครัวถึงกับไร้ซึ่งเวลาที่จะอยู่ร่วมกันและทำให้สุขภาพทางใจ สุขภาพทางกาย รวมถึงสุขภาพทางเพศ อ่อนแรงและไร้พลังจนยากที่จะมีบุตรหลาน เพื่อยืนยันถึงความเป็นครอบครัวในฝัน ทางออกของบางคู่จึงเป็นต้องใช้กรรมวิธีช่วยการเจริญพันธุ์ (Reproductive) หรือ เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ (Reproductive Technology) เพื่อให้ได้ทายาทสัญลักษณ์ความเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ว่าการที่จะได้ครอบครัวที่สมบูรณ์นั้นได้มาอย่างไร? เป็นคำถามที่น่าคิด เมื่อเกิด "ร่างพระราชบัญญัติการรับตั้งครรภ์แทน พ.ศ ...." อันเป็นเสมือนหนึ่งเครื่องมือที่สร้างเพื่อให้ตอบปัญหาดังกล่าว ในขณะที่ร่างพระราชบัญญัติกำลังเกิดขึ้นประเด็นอีกมุมมองหนึ่งก็เป็นภาพที่ควรถูกหยิบยกมานำเสนอ เพื่อหาช่องว่างและร่วมแก้ไขไปพร้อมกัน เมื่อผู้หญิงเป็นเครื่องมือเพื่อการสืบพันธุ์ ประเด็นดังกล่าวนอกจากเป็นสิทธิทางการอนามัยเจริญพันธุ์แล้ว ยังถือเป็น "สุขภาพทางเพศ (Sexual Right) และ สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ (Reproductive Right)" ซึ่งหมายถึง สิทธิในร่างกาย สิทธิความเป็นบุคคลและสิทธิที่จะตัดสินใจอย่างเป็นอิสระได้ด้วยตัวเอง อันเป็นหลัการที่มีความหมายมหาศาลภายใต้สังคมที่ถือความสำเร็จของครอบครัวคือการมีทายาท ข้อท้าทายในร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวคือ เมื่อการตัดสินใจอุ้มบุญ (อุ้มท้อง) ให้ใครคนหนึ่งมันยากเพียงไร เพราะการที่จะตัดสินใจได้นั้นต้องประกอบด้วยการที่เข้าถึงและการับรู้ข้อมูลอย่างรอบด้าน (Right to Information and Education) ทั้งผลที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ผลที่เกิดขึ้นต่อสถานะทางสังคม หรือเรื่องอื่นๆ หากการรับข้อมูลที่ไม่รอบด้านสิ่งอันตรายที่ตามมาคือ การตัดสินใจที่ผิดพลาด และผลที่ตามมานั้นอาจเป็นทั้งประเด็น การไม่อยากรับตั้งท้องต่อไปหรือแม้กระทั่งการทำแท้งเป็นต้น รวมถึงข้อมูลที่รอบด้านนั้นจำเป็นที่ต้องยังต้องคำนึงถึงหญิงที่รับจะมาตั้งครรภ์ที่ต้องดูสภาวะการตัดสินใจ โดยตัวแปรหนึ่งที่สำคัญมากก็คือ การศึกษา อายุ และวุฒิภาวะทางอารมณ์ เช่น เด็กหญิงที่อยู่ในระดับเยาวชน วันหนึ่งคิดอยากรับตั้งท้องโดยได้ข้อมูลต่างๆ มา แต่อีกวันไม่คิดสิ่งตามมาเป็นอย่างไร และการที่ยังต้องเรียนและยังต้องดำเนินชีวิตในสังคมเด็กหญิงหรือเยาวชนเหล่านั้นจะรับปัญหาได้หรือไม่ เป็นประเด็นที่น่าห่วงและจำเป็นหรือต้องระบุอายุของผู้ที่จะรับตั้งครรภ์แทน โดยร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวระบุไว้เพียง (มาตรา 10 (2) หญิงที่รับตั้งครรภ์แทนมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์) ลูกของเรา (แต่) พ่อแม่เขาเป็นใคร?      ท่ามกลางการตั้งท้องอย่างยากลำบากมานาน 9 เดือนเต็ม ของคุณแม่อุ้มบุญ (คุณแม่จำเป็น) พร้อมกับการยกลูกน้อยให้ พ่อแม่ (เจ้าของไข่และอสุจิ) คำที่ได้มานั้นเป็นเพียงการขอบคุณและสัญญาที่ทำไว้เป็นกระดาษเปล่าแต่เหมือนเครื่องพันธนาการแห่งพันธสัญญา เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าคิดถึงแม้ว่าจะคิดมากยังไง แต่สายสัมพันธุ์ที่หญิงคนหนึ่งต้องอุ้มท้องมา 9 เดือน คงยากมากกับการที่จะยกลูกตนให้ใคร และคงจะยากยิ่งกว่าเมื่อความรู้สึกของคนเป็นแม่นั้นได้เกิดขึ้นแล้ว การกระดาษสัญญาเพียงแผ่นเดียว (สัญญาอุ้มบุญ) เป็นเครื่องมือเพียงไรในการประกันความรู้สึก หรือ แม้กระทั่งกันความสัมพันธ์ของคำว่า "แม่" ให้เหลือแต่เพียงคำว่า "แม่อุ้มบุญ" แม่ที่ผู้ที่เขาได้อาศัยท้องเกิดมาเพื่อการดูโลกและเป็นสิ่งที่เติมเต็มให้กับบางครอบครัว หรือ ชายหญิงคู่หนึ่งเท่านั้น อุ้มบุญเมื่อความรักกลายเป็นธุรกิจ      "อุ้มบุญ" ชื่อที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความห่วงใย แต่เมื่ความรักความห่วงใยภายใต้อุ้มบุญโอบอุ้มแห่งความรัก มีธุรกิจแอบแฝง แต่เมื่อร่างพระราชบัญญัติรับตั้งครรภ์แทน พ.ศ. .... (มาตรา 7 หญิงที่รับตั้งครรภ์แทนมีสิทธิได้รับค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์อื่นที่จำเป็นตามสมควร และไม่มีลักษณะเพื่อความประสงค์แห่งการค้า ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดหรือ มาตรา 10 (6) การรับตั้งครรภ์แทนมิได้เป็นไปดพื่อประสงค์แห่งการค้า) ที่บอกว่าการอุ้มบุญหรือการับจ้างตั้งครรภ์แทนนั้นต้องมิได้เป็นไปเพื่อการค้า หรือแม้กระทั่งการหวังซึ่งผลประโยชน์ อามิสสินจ้าง การกระทำนั้นมีความผิด เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นไปได้อย่างไรกระทั่งว่าระบบการตรวจสอบดังกล่าวจะเป็นแบบไหน เพราะการที่จ้างบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาตั้งท้องนั้น ต้องตรวจสอบเขาก่อนหรือไม่ว่าเขามีเงินเพียงไรก่อนท้อง หรือ กระทั่งขณะ ท้องหลัง เงินทองและทรัพย์สินมีมากขึ้นจนเป็นที่ผิดปกติหรือไม่ ประเด็นมิได้อยู่เพียงคำตอบเดียวเมื่อมันกลายเป็นคำตอบที่เป็นธุรกิจมนุษย์ แล้วผลที่ร้ายแรงตามมาจะเป็นอย่างไร หรือกระทบแบบไหน ทางเลือก (ทางเสี่ยง) ที่ต้องระวัง      ร่าง พระราชบัญญัติการรับตั้งครรภ์แทน พ.ศ. .... เป็นเสมือนหนึ่งเปลวเทียนที่เติมเต็มนิยามของครอบครัวที่หลากหลายคู่ใฝ่ฝัน แต่ท่ามกลางความฝ่ฝันของใครหลายคนก็เป็นความเสียงที่ต้องตามดู ทั้งความหมิ่นเหม่ต่อเรื่องศีลธรรม สายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก หรือแม้กระทั่งอาชีพ "อุ้มบุญ" ที่อาจเป็นอาชีพยอดนิยมที่ทำรายได้งามอนาคตก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นท่ามกลางทางเลือกต้องคำนึงถึงความเสี่ยงอย่างรัดกุมที่ต้องติดตามดูจาก ร่างพระราชบัญญัติการรับตั้งครรภ์แทน พ.ศ. .... หมายเหตุ ภาพประกอบจาก www.thaingo.org
ประสาท มีแต้ม
1. คำนำ เมื่อกลางเดือนธันวาคม ปี 2552 ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุม “สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ” ในงานนี้ได้มีโอกาสฟังปาฐกถาจากประธานศูนย์ศึกษาประเทศภูฎาน คือท่าน Dasho Karma Ura
คนไม่มีอะไร
   ภาคใต้ : อุตสาหกรรมเหล็กครบวงจร   ในปัจจุบันปริมาณการใช้เหล็กในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบป้อนให้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ในแต่ละปีมีความต้องการใช้เหล็กในประเทศสูงถึงประมาณ 12.5 ล้านตัน/ปี และต้องนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศโดยเฉพาะเหล็กคุณภาพสูงประมาณ 4.5 ล้านตัน/ปี   ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีอุตสาหกรรมผลิตเหล็กแบบครบวงจร โดยขาดการผลิตเหล็กต้นน้ำซึ่งเป็นการผลิตเหล็กขั้นต้นเพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมเหล็กขั้นต่อไป จึงไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการใช้เหล็กคุณภาพสูงในประเทศไทยได้ ทำให้ต้องนำเข้าเหล็กจากต่าง ประเทศ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นในการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กไปสู่อุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำอย่างครบวงจร   พื้นที่เป้าหมายของโครงการ 1.        อำเภอบางสะพาน และอีก 4 พื้นที่ทางเลือกอยู่ในพื้นที่อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2.        บริเวณแหลมช่องพระ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร (เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด) 3.        บริเวณบ้านแหลมทวด อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี 4.        บริเวณบ้านบางปอ ตำบลทุ่งใส อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช  เป้าหมายของการพัฒนา               มีการวางแผนจะพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ โดยการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กซึ่งใช้พื้นที่สำหรับก่อสร้างโรงงานประมาณ 5,000-10,000 ไร่ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับอุตสาหกรรม ได้แก่ ท่าเรือน้ำลึกระวางขนาด 200,000 ตัน เพื่อนำเข้าและขนถ่ายสินแร่เหล็ก และวัตถุดิบอื่นๆ ที่ใช้ในการถลุงเหล็กเช่น รวมถึงการพัฒนาระบบน้ำสำหรับใช้ในการผลิต (ประมาณ 30-50 ลบ.ม./ปี) ระบบขนส่งและโลจิสติกส์ ระบบสาธารณูปโภค และระบบกำจัดของเสีย เป็นต้น ทรัพยากรและปัจจัยที่จำเป็นในการพัฒนาโครงการ                  ในการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กต้นจำเป็นต้องมีการนำเข้าวัตถุดิบอย่างสินแร่เหล็ก และถ่านหินเพื่อนำมาผลิตถ่านโค้กใช้ในกระบวนการถลุงเหล็ก นอกจากนี้ยังต้องมีจัดหาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับกับอุตสาหกรรมถลุงเหล็กที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างท่าเทียบเรือเพื่อนำเข้าและขนถ่ายวัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ในการกระบวนการผลิต การพัฒนาระบบแหล่งน้ำเพื่อนำน้ำไปใช้ในโครงการ เช่น การก่อสร้างเขื่อนท่าแซะ เขื่อนท่าทน รวมถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อตอบสนองต่อการใช้ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อย่างโรงถลุงเหล็ก   ข้อห่วงกังวลของพื้น   ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับโครงการพัฒนาเหล็กต้นน้ำ ไม่เห็นด้วยกับโครงการลงทุนเหล็กต้นน้ำที่นักลงทุนญี่ปุ่นต้องการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากพื้นที่ภาคใต้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เกษตรและก็ประมง จึงไม่เหมาะกับการพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โครงการขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยเม็ดเงินลงทุนเป็นแสนๆ ล้าน ย่อมที่ส่งผลกระทบให้กับคนในพื้นที่อย่างมหาศาล กรณี เกิดการแย้งชิงทรัพยากรในพื้นที่  เช่น แหล่งน้ำดิบ ที่อยู่อาศัย   งินลงทุนเป็นแสนล้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็สะลายไปในที่สุด การประมงก็จะสูญหาย การเกษตรผลผลิตน้อยลง ซึ่งเหล่านี้ชาวบ้านได้เห็นผลกระทบจากภาคตะวันออก จึงมีการค้านการสร้างโรงงานถลุงเหล็กและอุตสาหกรรมอื่นๆ มาอย่างต่อเนื่อง ถ้ากากมีหน่วยงานใดที่คิดจะมาลงทุนอุตสาหกรรมในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง จำเป็นอย่างมากที่ต้องคำนึงถึงชุมชนก่อนอื่นใด ก่อนที่คิดผลกำไร่ และเม็ดเงินที่คาดฝันว่าประเทศจะได้  
ประสาท มีแต้ม
1. ความเดิม ในตอนที่ 1 ผมได้นำข้อมูลที่มาจากงานวิจัยของกระทรวงศึกษาธิการที่พบว่า นักเรียนทุกระดับชั้นของประเทศไทย ทั้งระดับ ป.6 , ม.3 และมัธยมปลายมีคะแนนเฉลี่ยไม่ถึงครึ่งทุกวิชา โดยวิชาที่สอบได้คะแนนน้อยที่สุดคือวิชาคณิตศาสตร์ ได้เพียงร้อยละ 29.6 เท่านั้น ในตอนที่ 2 นี้ ผมจะกล่าวถึงปัญหาที่ได้ตั้งไว้ในชื่อบทความ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณภาพการศึกษาเราตกต่ำ นอกจากนี้ ผมได้นำเสนอความคิดเห็นและความพยายามของผู้บริหารระดับสูงสุดของมหาวิทยาลัยด้วย