Skip to main content

จั่วหัวแบบภาษาเก่าๆ สมัยเรียนปริญญาตรีเมื่อเกือบ30ปีที่แล้ว สมัยนั้น กรุงเทพฯ เพิ่งฉลองครบ 200 ปีใหม่ๆ สมัยนั้น คำว่า สตรอเบอร์รี่ ไม่ได้แปลว่า “สะ-ตอ-แหล” แบบปัจจุบัน เวลาคนไหนมีความรัก มักจะโดนเพื่อนๆแซวว่า กำลังกิน สตรอเบอร์รี่ มาจากคำว่า เลิฟ สตอรี่ Love Story ที่เป็นหนังฮิตในช่วงยุค 40 กว่าปีนั้น ดังนั้นเดี๋ยวนี้เวลาผู้เขียนได้ยินคำว่า สตรอเบอร์รี่ มักนึกถึงความรักมากกว่า ความไม่ดี

\\/--break--\>
ว่าไปแล้วการเกิดมาเป็นชาวไทยวัยใกล้ 50 ช่วยให้เรามองโลกได้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา แล้วก็ทำให้เราปลงและหนืดกว่าเดิม คิดถึงตนเองน้อยกว่าเดิม อีกทั้งมองคนที่เด็กกว่ารอบๆตัวว่าไฟแรงกันเหลือเกิน แต่ไร้ประสบการณ์ อีกทั้งมองคนที่แก่กว่าว่าทำไมถึงได้เพิกเฉยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้สังคมมันจึงเป็นแบบนี้ แล้วมองดูตนเองว่า เป็นแค่เศษผงในสังคม ไม่ได้มีอำนาจในการปรับแปลงอะไรในสังคม ความหยิ่งผยองหมดไป เหลือแต่คิดว่าทำดีที่สุดในแต่ละวัน


ทุกวันนี้ ผู้เขียนจึงมีงานเขียนออกมาน้อยกว่าเดิมมาก เพราะมัวแต่ยุ่งกับงานประจำที่ไร้อำนาจ แต่มีหัวโขนสวยหรู ทำงานเหมือนหนูถีบจักรไปวันๆ ระมัดระวังแต่การเมืองในหน่วยงานจนงานออกมานั้นไม่เต็มที่ เพราะมัวแต่ต้องคอยหลบเลี่ยงปัญหาทางการเมือง แต่นี่คือความจริงของชีวิต


ปรัชญาในการดำเนินชีวิตของคนในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปเหมือนกับมุมมองของผู้เขียนด้วยเช่นกัน คำว่า สตรอเบอร์รี่ ไม่ได้แปลว่าของดี ของน่าชื่นชม แต่กลายเป็นของน่ารังเกียจ อะไรๆ ที่เป็นบวก ก็ไม่ได้บวกเหมือนเดิม ลบก็ไม่ลบเหมือนเดิม ว่าไปแล้วนี่คงเป็นเรื่องปกติของโลกที่เปลี่ยนตลอดเวลา


ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมีแต่เพลงจีน ยัดเยียดให้ผู้คนได้ยิน ลูกค้าส่วนมากก็ต้องทนฟัง ทั้งที่ไม่รู้จะฟังไปทำไม ไม่รู้เรื่อง เพราะฟังเพลงจีนไม่ออก เกิดมาในเมืองไทยแต่มีก๋ง ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นจีน ชอบจีน เหมือนกับเวลาเดินไปที่ไหนๆช่วงตรุษฝรั่ง ก็มีแต่เพลงฉลองตรุษฝรั่งทั่วไปหมด ทั้งที่ไปอยู่ตะวันตกมาเสียก็นานเท่าๆกับ1/2 ของชีวิต ไม่ได้ปลาบปลื้มกับเพลงพวกนี้ อาจเป็นเพราะรู้ว่า เพลงพวกนี้อิงแอบศาสนาที่กดขี่คนบางกลุ่ม และยกย่องคนบางกลุ่ม โชคดีหน่อยที่ฝรั่งสมัยใหม่ยังฟังคนที่แตกต่าง บางห้างก็ไม่เปิดเพลงอะไร เพียงแต่มีมุมขายของเทศกาล แล้วก็จบ เรียกว่าไม่เห็นแก่ตัว และเคารพความแตกต่าง


ในเมืองไทย คนไทยฟังเพลงฉลองตรุษฝรั่งด้วยความหฤหรรษ์ มองว่าเป็นความหรู รสนิยมวิไล แสดงว่าไม่ไทย เป็นสากล เป็นเพราะคนพวกนี้ไม่ได้มีการศึกษาอย่างถ่องแท้ว่าการเปิดเพลงพวกนี้คือการเรียกลูกค้า เป็นอุบายหาเงินแบบตื้นๆของพ่อค้าที่รู้ว่าลูกค้าบางกลุ่มฉลาดแบบต้องเคี้ยวเอื้อง ถูกจูงจมูกได้อย่างง่ายดาย การที่คนโดนด่าว่าเป็นควายไม่ได้หมายความว่าเลว แต่หมายถึงถูกชักจูงได้ง่าย ไม่มีความคิดที่จะพิจารณานั่นเอง


ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทย ทำให้ยากต่อการพัฒนาในทุกๆด้าน จำได้ว่าได้เคยอ่านงานฝรั่งมากมาย ยิ่งเป็นเรื่องบันทึกโบราณที่กล่าวถึงคนไทยหรือเรียกรวมๆ ก้ได้ว่า แถวๆ ดินแดนอุษาคเนย์นี่แหละ ไม่ได้ต่างกับคนป่าคนบ้าใบ้ เพราะฝรั่งเองมองว่าคิดไม่เป็น คิดไม่ได้ มีบางส่วนที่เป็นอคติของฝรั่ง แต่ก็นับว่ามีพื้นฐานของความเป็นจริงอยู่เหมือนกัน


อีกตัวอย่างของความฉลาดของสังคมไทย ก็น่าจะเป็นการพิสูจน์ประสิทธิภาพของเครื่องตรวจจับระเบิดหรือวัตถุต่างๆ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามผ่าออกดู ห้ามโน่นนี่ สุดท้ายโชคดีที่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจนในระดับหนึ่ง เลยระงับภาวะความเขลาในเรื่องนี้ได้ การที่มีเครื่องนี้ได้ในหน่วยงานไทยมีพื้นฐานจากความเขลาและเงื่อนไขในเรื่องผลประโยชน์ที่แยบยล เชื่อว่าต่อไปในอนาคตคงมีกระแสการตรวจสอบแบบนี้อีกเรื่อยๆ จริงๆแล้วการผ่าออกดูจะช่วยได้แยะที่สุด


ผู้เขียนได้ทำงานในแวดวงของระบบแบบไทยๆ หลายครั้งรู้สึกฉงนกับความเขลาของบุคคลรอบข้าง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หลายครั้งนึกเจ็บใจ ท้อถอย แต่ก็ต้องอดทนเพราะเชื่อว่าวันหนึ่งความจริงบางอย่างก็จะพิสูจน์ตัวมันเอง เหมือนอย่างความเปลี่ยนแปลงที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบ เพียงแต่ว่าเราจะอยู่จนถึงวันที่ความจริงนั้นจะเผยออกมาหรือไม่


วันนี้ สตรอเบอร์รี่ ในความหมายใหม่ไม่เหมือนเมื่อก่อน ห่างไกลกันลิบลับ วันต่อไปอีก 10 ปี ความหมายก็เปลี่ยนไปอีก และผู้เขียนก็จะเปลี่ยนไปด้วย หลายครั้งการมองโลกอย่างเข้าใจการเปลี่ยนแปลงและพินิจพิจารณาอย่างถ้วนถี่จะช่วยให้มีสติและสร้างปัญญาไตร่ตรองได้


บทความนี้เป็นบทความแรกแห่งปี 2010 ของผู้เขียน หวังแต่ว่า ปีนี้จะมีเวลาเขียนมากขึ้น ไม่ใช่เขียนปีละ 1 เรื่อง 2 เรื่อง แบบที่ผ่านมา คิดถึงผู้อ่านที่ติดตามอยู่ตลอด รสชาติของบทความอาจต่างออกไป คงเป็นเพราะวัยที่เปลี่ยนไป อย่างที่บอกมานั่นเอง

 

 

บล็อกของ แพ็ท โรเจ้อร์

แพ็ท โรเจ้อร์
ช่วงนี้ได้พักบ้างหลังจากที่ไม่ได้พักเลยสัปดาห์ละ 7 วัน ทำงานมันทุกวัน พอได้เวลาอู้จึงขออู้บ้าง แท้จริงไม่ใช่อู้แต่น้อย แต่เดิมต่างหากที่โดนงานแย่งเวลาส่วนตัวออกไป
แพ็ท โรเจ้อร์
จั่วหัวแบบภาษาเก่าๆ สมัยเรียนปริญญาตรีเมื่อเกือบ30ปีที่แล้ว สมัยนั้น กรุงเทพฯ เพิ่งฉลองครบ 200 ปีใหม่ๆ สมัยนั้น คำว่า สตรอเบอร์รี่ ไม่ได้แปลว่า “สะ-ตอ-แหล” แบบปัจจุบัน เวลาคนไหนมีความรัก มักจะโดนเพื่อนๆแซวว่า กำลังกิน สตรอเบอร์รี่ มาจากคำว่า เลิฟ สตอรี่ Love Story ที่เป็นหนังฮิตในช่วงยุค 40 กว่าปีนั้น ดังนั้นเดี๋ยวนี้เวลาผู้เขียนได้ยินคำว่า สตรอเบอร์รี่ มักนึกถึงความรักมากกว่า ความไม่ดี
แพ็ท โรเจ้อร์
กลายเป็นว่าตอนนี้ผู้เขียนเกิดอาการไม่สามารถไปทำงานได้ในวันอาทิตย์ เพราะรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  (ทั้งที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาลุยได้ ไม่รู้เหนื่อย) จึงอยากพักให้เต็มที่ โดยไม่ต้องออกไปผจญภัยกับมหาชนนอกบ้าน เพราะไปไหนมีคนยั้วเยี้ยไปหมด ตามประสาเศรษฐกิจที่ขยายตัวมาก่อนจนหุบไม่ลง ผู้คนต้องซื้อและจับจ่ายกันแบบบ้าคลั่งเหมือนกับว่าของนี่แจกฟรี เลยบอกกับตนเองว่าขออยู่บ้านสักวันเถิด หากไม่ต้องออกไปทำงานที่คั่งค้างหรือรู้สึกเหนื่อยจนเกินไป
แพ็ท โรเจ้อร์
วันนี้ได้โอกาสมาเยือน “ประชาไท” แบบไม่ตั้งใจ เพราะปวดหัวเป็นไข้เล็กน้อย จึงถือโอกาสไม่ไปทำงานในวันอาทิตย์นอกเวลาเพื่อเคลียร์งานที่ทำไม่ทันในวันธรรมดา ถามตนเองว่าให้เวลากับงานมากเกินไป จนลืมมองดูสุขภาพตนเองหรือไม่ คำตอบคือ “ไม่” เพราะจำได้ว่าสมัยอยู่ต่างประเทศก็ทำแบบเดียวกัน แล้วก็ทำได้ด้วย ปัญหามีน้อยกว่า แต่เป็นเพราะว่าทางโน้นมีระบบงานที่ให้เสรีภาพในการทำงานมากพอสมควร มีปรัชญาในการทำงานที่เหมาะสมกว่า เมื่อเปรียบกับงานตรงนี้
แพ็ท โรเจ้อร์
หลายเพลาที่ผู้เขียนหายตัวไปจากเว็บนี้ ด้วยมีภาระกิจที่มากมายล้นหัวล้นหูเพราะผู้ใหญ่ส่งมาตามที่หัวโขนกำหนด เลยหมดแรงทุกครั้งที่ถึงบ้าน อีกทั้งมีคนสนิทที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่แบบเข้มข้น เป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบส่วนตัวอย่างสมัครใจ จึงไม่มีเวลาจะผลิตงานตรงนี้ อีกอย่างหลายครั้งก็ท้อใจเพราะว่าผลงานที่เขียนไม่ “แรง” เท่าไรนัก ส่วนแฟนประจำที่มีอยู่บ้างก็สไตล์คล้ายๆกันคือ ไม่ชอบโฉ่งฉ่าง ไม่ชอบสร้างประเด็นมากนัก งานก็เลยค่อยๆไป ที่น่าขำคือได้ยินคนมาบอกว่าเป็นคน “แรง” จากปากอดีตนักเขียนคนหนึ่งใน “ประชาไท” เลยมานั่งคิดเหมือนกันว่าที่แรงน่ะ แรงตรงไหน หลากความคิดเอาเถอะไม่ว่ากัน คนเรามีหลายแบบได้ข่าวจาก…
แพ็ท โรเจ้อร์
  ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีงานรับปริญญากันมาก ผู้เขียนก็ต้องไปมีส่วนในงานแบบนี้ทุกปีนับตั้งแต่เรียนจบมา 11 ปีที่แล้ว เพราะสายงานนั้นบังคับให้ต้องร่วม บทความนี้จึงเป็นบทความที่ไม่เกี่ยวกับองค์การโดยตรงสักครั้งหนึ่ง แต่เกี่ยวกับ "คน" ที่รับปริญญาและคนที่เกี่ยวข้อง การรับปริญญาในเมืองนอกนั้น ไม่ได้เป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่เหมือนเมืองไทย แต่ถามว่ามีคนมาชุมนุมกันมั้ยตอบว่ามี แต่การทำมากินสำคัญกว่า หลายคนจึงไม่ได้สนใจว่าต้องรับหรือไม่ หากต้องย้ายเมืองไปทำงานทีอื่นหรือกลับบ้านไปก่อนวันรับปริญญา กระนั้นเมืองนอกคือสหรัฐฯในที่นี้ (บางแห่งมีการรับปีละสองหน และบางแห่งมีการรับปีละหน…
แพ็ท โรเจ้อร์
เป็นที่รู้กันว่ามีการสูญเสียของพระบรมวงศ์ระดับสูงในช่วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมา เล่นเอาหลายคนต้องขุดชุดดำขึ้นมาใส่แทบไม่ทัน เพราะผู้เขียนไม่เคยมีชุดดำกับเค้ามาก่อน เสื้อเชิ้ตขาวก็ไม่เคยมีมากว่า 10 ปีแล้ว เพราะอยู่เมืองนอกก็ไม่ได้ไปงานศพใคร ทั้งเป็นคนชอบเสื้อสีๆ นอกจากนี้ก็มองว่าสีดำทำให้ร้อนเนื่องจากดูดความร้อนง่าย การเป็นคนขี้ร้อนจึงเลี่ยงชุดทางการที่มีสีดำ ส่วนสีขาวนั้นไม่ชอบมาแต่ไหน เพราะเป็นคนไม่ค่อยระวังตัว เปรอะเปื้อนง่าย การใส่เสื้อขาวตอนเป็นนักเรียนนี่ทำให้ทางบ้านปวดหัวมาตลอดเพราะขาวเป็นดำปี๋ทุกครั้งที่ถึงบ้าน โชคดีที่มีเสื้อทับข้างนอกแบบลำลองเป็นสีดำ จึงสวมทับแก้ขัดไปก่อน…
แพ็ท โรเจ้อร์
ไม่กี่วันที่ผ่านมาสังคมไทยก็ได้มีการเลือกตั้งส.ส. ไปแล้ว น่าตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะลุ้นกับเค้าเหมือนกันว่าใครจะมา และใครจะไป พลางให้นึกถึงเลือกตั้งที่สหรัฐฯ เมื่อ สาม-สี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าอะไรที่จับกระแส “ประชานิยม” ได้ก็มักชนะ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด เช่น ชอบหรือกลัว เพราะกระแสประชานิยมไม่ได้ดูที่อะไรมากกว่า พวกมากลากไป หากพวกมากคิดเป็น ก็ดีไป ถ้าคิดไม่เป็นก็ซวยไป ทั้งนี้ คนที่รับความซวยคือคนทั้งหมด ไม่ใช่แค่คนที่เป็นพวกมาก หลายครั้งพวกมากก็เป็นพวกมากที่ไรัคุณภาพ แต่หลายครั้งก็เป็นพวกมากที่มีคุณภาพได้เช่นกัน แต่โอกาสที่จะเกิดนั้นมีน้อยกว่ามาก มีหลายคนถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ …
แพ็ท โรเจ้อร์
หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้เขียนไม่ได้มีเวลาและมีพลังงานมากพอที่จะผลิตงานมาที่ “ประชาไท” เลย เนื่องจากภาระงานต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่มีอย่างมากมาย จนเมื่อไรที่กลับถึงบ้านก็พร้อมที่จะวิ่งไปที่เตียงนอนแล้วก็หลับผล็อยไปตรงนั้น แล้วตื่นขึ้นมากับวันใหม่ เพื่อทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จและคอยผจญกับงานใหม่ที่จะเข้ามา ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม ไม่รู้ว่าจะเรียกว่า “ชอบงานที่ทำ” หรือเป็นเพราะ “มีความรับผิดชอบต่องาน” หลายครั้งตอบว่าอย่างหลังน่าจะเหมาะกว่าเรื่องความรับผิดชอบนั้นสามารถมองได้หลายแบบ ผู้เขียนมีบุคคลรอบข้างที่มีลักษณะรับผิดชอบที่น้อยที่สุดตามกฏระเบียบ นั่นหมายถึงความรับผิดชอบที่น้อยที่สุด…
แพ็ท โรเจ้อร์
ผู้เขียนได้รับเชิญจากหน่วยงานหนึ่งให้เป็นกรรมการตัดสินการประกวดสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษเมื่อไม่นานมานี้  รู้สึกหัวเสียกับคุณภาพของผู้เข้าประกวดเป็นอย่างมาก เพราะว่าไม่มีคุณภาพในระดับที่เรียกว่าใช้ได้เลย ปัญหานอกเหนือจากความสามารถทางภาษาอังกฤษทั่วไปแล้ว  เรื่องของเนื้อความซึ่งไม่ว่าในภาษาใดก็ตามต้องมีโครงสร้าง การผูกเรื่อง และคุณค่าทางวาทวิทยาในตัวเอง น่าเสียดายที่เมืองไทยไม่มีการสอนการวิเคราะห์วาทะอย่างเป็นแก่นสาร หากมีก็แค่การมองแบบการใช้ภาษาไทยธรรมดา หรือการใช้ภาษาอังกฤษธรรมดา ไม่มีการส่งเสริมอย่างแท้จริงในสิ่งที่เรียกว่า speech criticism/rhetorical criticism 1…
แพ็ท โรเจ้อร์
พัทยาลาก่อน   ร้องโดย รุ่งฤดี แพ่งผ่องใสลมทะเล พัดมาหาดพัทยา ครวญคลั่งฟังเหมือนมนต์ภวังค์วอนหวีดหวัง ครางว่ายังรักเธอ รักเธอพร่ำเพ้อละเมอ รอท่ายังฝืนกลืน น้ำตาฝันจนกว่า ชีพวาย*ครวญครางไป ใยกันเกลียวคลื่นนั้นมัน ชวนวิ่งว่ายแล้วล่ม ร่างร้างตายหาย อาวรณ์ลาแล้วลา ขอลาโอ้พัทยา ลาก่อนชีวิตคือ ละครฉันมันอ่อนโลกเอย(เนื้อเพลงและฟังเพลงได้ที่ blue balloon, bloggang.com)สองวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปพัทยาเพราะต้องพาคนสนิทไปพักผ่อน ตามที่สัญญากันไว้ คนสนิทเป็นวัยรุ่นช่วงกลางเกือบปลาย เป็นคนยุคใหม่ที่เรียกว่าไม่มองอะไรเกินกว่าตัวกู อันนี้ไม่รวมกับกระบวนการพัฒนาทางจิตวิทยาที่เป็นในทุกรุ่น ทุกสังคม…
แพ็ท โรเจ้อร์
I HAVE NOTHING (Whitney Houston) Share my life, Take me for what I am. 'Cause I'll never change All my colors for you. Take my love, I'll never ask for too much, Just all that you are And everything that you do. I don't really need to look Very much further/farther, I don't wanna have to go Where you don't follow. I will hold it back again, This passion inside. Can't run from myself, There's nowhere to hide. (Your love I'll remember forever.) Chorus: Don't make me close one more door, I don't wanna hurt anymore. Stay in my arms if you dare, Or must I imagine you there. Don't walk away from me…