Skip to main content

หลายเพลาที่ผู้เขียนหายตัวไปจากเว็บนี้ ด้วยมีภาระกิจที่มากมายล้นหัวล้นหูเพราะผู้ใหญ่ส่งมาตามที่หัวโขนกำหนด เลยหมดแรงทุกครั้งที่ถึงบ้าน อีกทั้งมีคนสนิทที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่แบบเข้มข้น เป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบส่วนตัวอย่างสมัครใจ จึงไม่มีเวลาจะผลิตงานตรงนี้ อีกอย่างหลายครั้งก็ท้อใจเพราะว่าผลงานที่เขียนไม่ “แรง” เท่าไรนัก ส่วนแฟนประจำที่มีอยู่บ้างก็สไตล์คล้ายๆกันคือ ไม่ชอบโฉ่งฉ่าง ไม่ชอบสร้างประเด็นมากนัก งานก็เลยค่อยๆไป ที่น่าขำคือได้ยินคนมาบอกว่าเป็นคน “แรง” จากปากอดีตนักเขียนคนหนึ่งใน “ประชาไท” เลยมานั่งคิดเหมือนกันว่าที่แรงน่ะ แรงตรงไหน หลากความคิด

เอาเถอะไม่ว่ากัน คนเรามีหลายแบบ

ได้ข่าวจาก “ประชาไท” ตอนโทฯเข้ามาทักทายว่ามีคนถามถึง จึงรู้สึกอายใจว่าตนเองขี้เกียจแต่ก็รู้สึกดีใจที่มีคนถามถึงผลงาน อัตตาที่พอมีมันก็เลยบังคับให้ต้องเขียนมาในยามมหาสงกรานต์ที่คนไทยอยู่ในอารมณ์บันเทิงกันเป็นส่วนมาก แม้ข่าวและบทความต่างๆที่ “ประชาไท” เองลง ก็มีคำถามว่ามันเป็นยังมายังไงกับเทศกาลนี้ แบบที่คนไทยกระแสหลักไม่ถามกัน ไม่คิดย้อนกลับ แต่รับมาแบบไม่เคยสงสัย จนเป็นเรื่อง “การเมือง” ที่แฝงในชีวิตคนไทยที่โดนยัดใส่วิธีคิดและการสร้างโลก-ทัศน์ที่ประหลาดๆ

ผู้เขียนพบว่าตอนนี้ (15 เม. ย.) มีหัวข้อฮิตกว่าการยุบพรรคการเมือง นั่นคืออัตราการตายเพราะอุบัติเหตไม่ว่าจะบนถนนหรือนอกถนน ขณะที่พิมพ์งานชิ้นนี้ก็มีคนตายไปนับร้อยแล้ว แถมมีการทำลายสถิติปีที่แล้ว ทั้งที่มีการรณรงค์ต่างๆ แต่ก็ไม่มีผล แล้วพาลที่จะหาสาเหตุมาอธิบายว่าทำไม ในส่วนตัวผู้เขียนขอเสนอว่าการรณรงค์ดังกล่าวไม่ได้ผลเนื่องจากคนทั่วไปทนฟังกรอกหูทุกวัน แล้วไม่ค่อยมีใครตาย พอถึงเทศกาลมีคนตายมีอุบัติเหตุ ก็คิดไปว่าเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องปกติ สังคมไทยมีลักษณะที่ฝรั่งเรียกว่า “let go” มากไป ซึ่งก็มีพื้นฐานมาจากแนวความคิดแบบที่ว่า “โลกใบนี้ถูกกำหนดมาแล้ว” มากเกินไป จนไม่คิดจะหันมาทำอะไรเพื่ออนาคตเสียบ้าง น่าสังเวชเป็นที่สุด ฝรั่งเองระแวดระวังยังมีพลาด เพราะสังคมไทยไร้สำนึกและไม่ระวังจึงสูญเสียมากจนน่าสะท้อนใจ

ผู้เขียนรู้สึกรำคาญกับวิธีคิดแบบดังกล่าวจนพูดไม่ถูก แต่เมื่อมองขึ้นไปก็พบว่า ชนชั้นปกครองนั่นแหละเสี้ยมสอนให้คนคิดไม่เป็น แถมยังบอกว่าสอนไม่ได้ ปล่อยให้เป็น “underdog” ไปทุกรุ่น ส่วนบางพวกที่อยากโงหัวขึ้นมาในระบบชนชั้นของสังคมไทยก็ชอบทางลัด บ้างก็คดโกง บ้างคอยให้คนมาช่วยแบบเอื้ออาทร หรือฝนหลั่งมาสู่ดินบ้าง ทำอะไร คิดอะไรไม่เป็น ไม่เป็นไทแก่ตน ผู้เขียนเคยเห็นในกระทู้ “ประชาไท” มีคนใช้สำนวนว่า “ตัวเป็นไท ใจเป็นทาส”

ผู้เขียนได้หยุดยาวเพราะทำงานภาครัฐ ดีเหมือนกันได้ซื้อของเข้าบ้านที่มีโอกาสทำได้ในช่วงหยุดยาวๆ แบบนี้เท่านั้น แต่ไม่ชอบใจนักเพราะว่าไปไหนคนก็แยะไปหมด ดีที่ไม่ได้ออกต่างจังหวัดไปแย่งกันกินแย่งกันใช้ ไปเยี่ยมบ้าน สร้างครอบครัวสุขสันต์ ตามแบบที่รัฐบาลอยากให้เป็น แถมมีการรณรงค์ให้รักกัน

สังคมที่พัฒนาแล้ว เค้าไม่มีการล้างสมองแบบนี้ การมีครอบครัวที่แข็งแรงนั้น โดนสอนในสังคมทั่วไปเอง และคนมีสำนึกเอง ผู้เขียนอยู่สหรัฐฯเป็นสิบปี เห็นฝรั่งเค้าก็รักพ่อแม่ไม่ต่างกับของเรา แต่ไม่เห็นต้องมาคลั่งอะไรกันแบบนี้ อีกอย่างการติดต่อสื่อสารสมัยนี้มีมือถือ มีอินเตอร์เน็ท คนที่ได้ไปเยี่ยมบ้านคือคนมีเงิน มีอินเตอร์เน็ท มีมือถือ แต่คนจนที่ไม่มีอะไรพวกนี้ ก็ไม่มีเงินกลับบ้าน ดังนั้น คนจนที่ทำมาหากินจริงๆก็แหง็กในกรุง อันนี้ข่าวทีวีออกมาเอง นับว่าเข้าใจที่ทำสกู๊ปนี้ นอกจากนี้ยังมองว่าการหยุดยาว 5 วันแบบนี้ ไม่มีผลผลิตเกิด และทำให้คนขี้เกียจเกินความจำเป็น

สิ่งที่รำคาญใจอีกเรื่องคือการอ้างว่าคนต่างชาติชอบเทศกาลแบบนี้ สนุกกับการสาดน้ำกัน แต่ผู้เขียนมองว่าไม่จริง มีสาเหตุดังนี้ 1. นี่ไม่ใช่บ้านเมืองเค้า เค้ามาสนุกชั่วคราว จะมีปัญหาก็ไม่ต้องมาแก้ไข 2. ชาวต่างชาติที่ชอบโลดโผนเป็นคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถบอกได้ว่าทั้งหมดชอบ เป็นที่รู้กันว่าต่างชาติหลายกลุ่มที่มาเมืองไทยคือแบบไหนกันบ้าง 3. เป็นการสร้างข่าวแง่มุมเดียวว่านี่ความสำเร็จของการท่องเที่ยวไทย สอนให้คนไทยเข้าใจไม่ถูกต้องกับการท่องเที่ยวและผลกระทบอื่นที่ตามมา เพราะที่จริงแล้วมีด้านลบไม่แพ้ด้านบวก ในประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลายแหล่ก็รู้กัน มีแต่เมืองไทยนี่แหละสอนให้สังคมมองแค่มุมเดียว

เพราะสังคมไทยถูกทำให้ไร้ปัญญาที่ควรจะมี ส่วนปัญญาที่มีก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสู้รบปรบมือกับใคร ไม่ใช่เทคโนโลยี่ที่ทันสมัย ไม่ใช่แนวคิดที่จะสร้างสังคมที่ชาญฉลาดและสอนให้คนมีศักดิ์ศรีในทางที่ถูก อีกทั้งมีการปิดกั้นทางความคิดที่แตกต่าง ทำให้คนในสังคมนี้ไม่รู้จักว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไร เหมือนอยู่แต่ในกะลา แถมคอยต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่ถูกต้อง

บทความนี้เป็นการสะท้อนภาพสังคมไทยวันนี้ ในยามมีเทศกาลมหาสงกรานต์อย่างที่ชาวบ้านเชื่อกัน ทั้งที่มันก็แค่วันธรรมดา แต่โครงสร้างอำนาจไทยทำให้ไม่ธรรมดา ทำให้คนในสังคมไหลไปกับมัน โดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีการฉาบหน้าด้วยความหรรษา ความสนุกสนานชั่วครู่ เหมือนสังคมประเทศด้อยพัฒนาหลายแห่งไม่ว่าจะในทวีปใดก็ตาม สังคมอุดมปัญญาที่พยายามจะให้เป็น จึงเป็นแค่ลมปากที่พูดกันให้โก้เก๋เล่นเท่านั้น

บล็อกของ แพ็ท โรเจ้อร์

แพ็ท โรเจ้อร์
ช่วงนี้ได้พักบ้างหลังจากที่ไม่ได้พักเลยสัปดาห์ละ 7 วัน ทำงานมันทุกวัน พอได้เวลาอู้จึงขออู้บ้าง แท้จริงไม่ใช่อู้แต่น้อย แต่เดิมต่างหากที่โดนงานแย่งเวลาส่วนตัวออกไป
แพ็ท โรเจ้อร์
จั่วหัวแบบภาษาเก่าๆ สมัยเรียนปริญญาตรีเมื่อเกือบ30ปีที่แล้ว สมัยนั้น กรุงเทพฯ เพิ่งฉลองครบ 200 ปีใหม่ๆ สมัยนั้น คำว่า สตรอเบอร์รี่ ไม่ได้แปลว่า “สะ-ตอ-แหล” แบบปัจจุบัน เวลาคนไหนมีความรัก มักจะโดนเพื่อนๆแซวว่า กำลังกิน สตรอเบอร์รี่ มาจากคำว่า เลิฟ สตอรี่ Love Story ที่เป็นหนังฮิตในช่วงยุค 40 กว่าปีนั้น ดังนั้นเดี๋ยวนี้เวลาผู้เขียนได้ยินคำว่า สตรอเบอร์รี่ มักนึกถึงความรักมากกว่า ความไม่ดี
แพ็ท โรเจ้อร์
กลายเป็นว่าตอนนี้ผู้เขียนเกิดอาการไม่สามารถไปทำงานได้ในวันอาทิตย์ เพราะรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  (ทั้งที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาลุยได้ ไม่รู้เหนื่อย) จึงอยากพักให้เต็มที่ โดยไม่ต้องออกไปผจญภัยกับมหาชนนอกบ้าน เพราะไปไหนมีคนยั้วเยี้ยไปหมด ตามประสาเศรษฐกิจที่ขยายตัวมาก่อนจนหุบไม่ลง ผู้คนต้องซื้อและจับจ่ายกันแบบบ้าคลั่งเหมือนกับว่าของนี่แจกฟรี เลยบอกกับตนเองว่าขออยู่บ้านสักวันเถิด หากไม่ต้องออกไปทำงานที่คั่งค้างหรือรู้สึกเหนื่อยจนเกินไป
แพ็ท โรเจ้อร์
วันนี้ได้โอกาสมาเยือน “ประชาไท” แบบไม่ตั้งใจ เพราะปวดหัวเป็นไข้เล็กน้อย จึงถือโอกาสไม่ไปทำงานในวันอาทิตย์นอกเวลาเพื่อเคลียร์งานที่ทำไม่ทันในวันธรรมดา ถามตนเองว่าให้เวลากับงานมากเกินไป จนลืมมองดูสุขภาพตนเองหรือไม่ คำตอบคือ “ไม่” เพราะจำได้ว่าสมัยอยู่ต่างประเทศก็ทำแบบเดียวกัน แล้วก็ทำได้ด้วย ปัญหามีน้อยกว่า แต่เป็นเพราะว่าทางโน้นมีระบบงานที่ให้เสรีภาพในการทำงานมากพอสมควร มีปรัชญาในการทำงานที่เหมาะสมกว่า เมื่อเปรียบกับงานตรงนี้
แพ็ท โรเจ้อร์
หลายเพลาที่ผู้เขียนหายตัวไปจากเว็บนี้ ด้วยมีภาระกิจที่มากมายล้นหัวล้นหูเพราะผู้ใหญ่ส่งมาตามที่หัวโขนกำหนด เลยหมดแรงทุกครั้งที่ถึงบ้าน อีกทั้งมีคนสนิทที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่แบบเข้มข้น เป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบส่วนตัวอย่างสมัครใจ จึงไม่มีเวลาจะผลิตงานตรงนี้ อีกอย่างหลายครั้งก็ท้อใจเพราะว่าผลงานที่เขียนไม่ “แรง” เท่าไรนัก ส่วนแฟนประจำที่มีอยู่บ้างก็สไตล์คล้ายๆกันคือ ไม่ชอบโฉ่งฉ่าง ไม่ชอบสร้างประเด็นมากนัก งานก็เลยค่อยๆไป ที่น่าขำคือได้ยินคนมาบอกว่าเป็นคน “แรง” จากปากอดีตนักเขียนคนหนึ่งใน “ประชาไท” เลยมานั่งคิดเหมือนกันว่าที่แรงน่ะ แรงตรงไหน หลากความคิดเอาเถอะไม่ว่ากัน คนเรามีหลายแบบได้ข่าวจาก…
แพ็ท โรเจ้อร์
  ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีงานรับปริญญากันมาก ผู้เขียนก็ต้องไปมีส่วนในงานแบบนี้ทุกปีนับตั้งแต่เรียนจบมา 11 ปีที่แล้ว เพราะสายงานนั้นบังคับให้ต้องร่วม บทความนี้จึงเป็นบทความที่ไม่เกี่ยวกับองค์การโดยตรงสักครั้งหนึ่ง แต่เกี่ยวกับ "คน" ที่รับปริญญาและคนที่เกี่ยวข้อง การรับปริญญาในเมืองนอกนั้น ไม่ได้เป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่เหมือนเมืองไทย แต่ถามว่ามีคนมาชุมนุมกันมั้ยตอบว่ามี แต่การทำมากินสำคัญกว่า หลายคนจึงไม่ได้สนใจว่าต้องรับหรือไม่ หากต้องย้ายเมืองไปทำงานทีอื่นหรือกลับบ้านไปก่อนวันรับปริญญา กระนั้นเมืองนอกคือสหรัฐฯในที่นี้ (บางแห่งมีการรับปีละสองหน และบางแห่งมีการรับปีละหน…
แพ็ท โรเจ้อร์
เป็นที่รู้กันว่ามีการสูญเสียของพระบรมวงศ์ระดับสูงในช่วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมา เล่นเอาหลายคนต้องขุดชุดดำขึ้นมาใส่แทบไม่ทัน เพราะผู้เขียนไม่เคยมีชุดดำกับเค้ามาก่อน เสื้อเชิ้ตขาวก็ไม่เคยมีมากว่า 10 ปีแล้ว เพราะอยู่เมืองนอกก็ไม่ได้ไปงานศพใคร ทั้งเป็นคนชอบเสื้อสีๆ นอกจากนี้ก็มองว่าสีดำทำให้ร้อนเนื่องจากดูดความร้อนง่าย การเป็นคนขี้ร้อนจึงเลี่ยงชุดทางการที่มีสีดำ ส่วนสีขาวนั้นไม่ชอบมาแต่ไหน เพราะเป็นคนไม่ค่อยระวังตัว เปรอะเปื้อนง่าย การใส่เสื้อขาวตอนเป็นนักเรียนนี่ทำให้ทางบ้านปวดหัวมาตลอดเพราะขาวเป็นดำปี๋ทุกครั้งที่ถึงบ้าน โชคดีที่มีเสื้อทับข้างนอกแบบลำลองเป็นสีดำ จึงสวมทับแก้ขัดไปก่อน…
แพ็ท โรเจ้อร์
ไม่กี่วันที่ผ่านมาสังคมไทยก็ได้มีการเลือกตั้งส.ส. ไปแล้ว น่าตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะลุ้นกับเค้าเหมือนกันว่าใครจะมา และใครจะไป พลางให้นึกถึงเลือกตั้งที่สหรัฐฯ เมื่อ สาม-สี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าอะไรที่จับกระแส “ประชานิยม” ได้ก็มักชนะ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด เช่น ชอบหรือกลัว เพราะกระแสประชานิยมไม่ได้ดูที่อะไรมากกว่า พวกมากลากไป หากพวกมากคิดเป็น ก็ดีไป ถ้าคิดไม่เป็นก็ซวยไป ทั้งนี้ คนที่รับความซวยคือคนทั้งหมด ไม่ใช่แค่คนที่เป็นพวกมาก หลายครั้งพวกมากก็เป็นพวกมากที่ไรัคุณภาพ แต่หลายครั้งก็เป็นพวกมากที่มีคุณภาพได้เช่นกัน แต่โอกาสที่จะเกิดนั้นมีน้อยกว่ามาก มีหลายคนถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ …
แพ็ท โรเจ้อร์
หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้เขียนไม่ได้มีเวลาและมีพลังงานมากพอที่จะผลิตงานมาที่ “ประชาไท” เลย เนื่องจากภาระงานต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่มีอย่างมากมาย จนเมื่อไรที่กลับถึงบ้านก็พร้อมที่จะวิ่งไปที่เตียงนอนแล้วก็หลับผล็อยไปตรงนั้น แล้วตื่นขึ้นมากับวันใหม่ เพื่อทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จและคอยผจญกับงานใหม่ที่จะเข้ามา ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม ไม่รู้ว่าจะเรียกว่า “ชอบงานที่ทำ” หรือเป็นเพราะ “มีความรับผิดชอบต่องาน” หลายครั้งตอบว่าอย่างหลังน่าจะเหมาะกว่าเรื่องความรับผิดชอบนั้นสามารถมองได้หลายแบบ ผู้เขียนมีบุคคลรอบข้างที่มีลักษณะรับผิดชอบที่น้อยที่สุดตามกฏระเบียบ นั่นหมายถึงความรับผิดชอบที่น้อยที่สุด…
แพ็ท โรเจ้อร์
ผู้เขียนได้รับเชิญจากหน่วยงานหนึ่งให้เป็นกรรมการตัดสินการประกวดสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษเมื่อไม่นานมานี้  รู้สึกหัวเสียกับคุณภาพของผู้เข้าประกวดเป็นอย่างมาก เพราะว่าไม่มีคุณภาพในระดับที่เรียกว่าใช้ได้เลย ปัญหานอกเหนือจากความสามารถทางภาษาอังกฤษทั่วไปแล้ว  เรื่องของเนื้อความซึ่งไม่ว่าในภาษาใดก็ตามต้องมีโครงสร้าง การผูกเรื่อง และคุณค่าทางวาทวิทยาในตัวเอง น่าเสียดายที่เมืองไทยไม่มีการสอนการวิเคราะห์วาทะอย่างเป็นแก่นสาร หากมีก็แค่การมองแบบการใช้ภาษาไทยธรรมดา หรือการใช้ภาษาอังกฤษธรรมดา ไม่มีการส่งเสริมอย่างแท้จริงในสิ่งที่เรียกว่า speech criticism/rhetorical criticism 1…
แพ็ท โรเจ้อร์
พัทยาลาก่อน   ร้องโดย รุ่งฤดี แพ่งผ่องใสลมทะเล พัดมาหาดพัทยา ครวญคลั่งฟังเหมือนมนต์ภวังค์วอนหวีดหวัง ครางว่ายังรักเธอ รักเธอพร่ำเพ้อละเมอ รอท่ายังฝืนกลืน น้ำตาฝันจนกว่า ชีพวาย*ครวญครางไป ใยกันเกลียวคลื่นนั้นมัน ชวนวิ่งว่ายแล้วล่ม ร่างร้างตายหาย อาวรณ์ลาแล้วลา ขอลาโอ้พัทยา ลาก่อนชีวิตคือ ละครฉันมันอ่อนโลกเอย(เนื้อเพลงและฟังเพลงได้ที่ blue balloon, bloggang.com)สองวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปพัทยาเพราะต้องพาคนสนิทไปพักผ่อน ตามที่สัญญากันไว้ คนสนิทเป็นวัยรุ่นช่วงกลางเกือบปลาย เป็นคนยุคใหม่ที่เรียกว่าไม่มองอะไรเกินกว่าตัวกู อันนี้ไม่รวมกับกระบวนการพัฒนาทางจิตวิทยาที่เป็นในทุกรุ่น ทุกสังคม…
แพ็ท โรเจ้อร์
I HAVE NOTHING (Whitney Houston) Share my life, Take me for what I am. 'Cause I'll never change All my colors for you. Take my love, I'll never ask for too much, Just all that you are And everything that you do. I don't really need to look Very much further/farther, I don't wanna have to go Where you don't follow. I will hold it back again, This passion inside. Can't run from myself, There's nowhere to hide. (Your love I'll remember forever.) Chorus: Don't make me close one more door, I don't wanna hurt anymore. Stay in my arms if you dare, Or must I imagine you there. Don't walk away from me…