Skip to main content

ช่วงนี้ได้พักบ้างหลังจากที่ไม่ได้พักเลยสัปดาห์ละ 7 วัน ทำงานมันทุกวัน พอได้เวลาอู้จึงขออู้บ้าง แท้จริงไม่ใช่อู้แต่น้อย แต่เดิมต่างหากที่โดนงานแย่งเวลาส่วนตัวออกไป

จากงานที่ท่วมท้น ทำให้ไม่ได้ตามข่าวอะไรกับเขาเลย แม้กระทั่งเรื่องยึดสมบัติ เรียกว่ากลายเป็นพวกมนุษย์หุ่นยนต์โดยปริยาย โดน
ทุนนิยมครอบงำแบบเบ็ดเสร็จ เพราะต้องสร้างเนื้อสร้างตัวก่อนเกษียณ เข้าสู่วัฏจักร ความฝันของทุนนิยม มิเช่นนั้นไม่มีคนเลี้ยง อีกทั้งหางานไม่ได้ เพราะหมดอายุ เหมือนอาหารกระป๋องที่หมดอายุ กินไม่ได้ โยนทิ้งอย่างเดียว ทำให้ต้องแข่งกับเวลาจนไม่ได้โงหัว

เพราะต้องตรวจงานของบรรดามือใหม่ในการทำวิจัย ทำให้ขำไม่ออกไปหลายเรื่อง บางเรื่องอยากขำ แต่ก็พอมานั่งคิดทำให้นึกตกใจว่า เอ นี่เราฝึกเค้าไม่เก่ง หรือ เค้าเองเป็นพวกที่ฝึกไม่ได้กันแน่ แล้วทำไมเราต้องมาฝึก เพราะพวกเขาไม่ได้อยากฝึกเลย ทำให้มานั่งพิเคราะห์ต่อไปว่า เกิดอะไรขึ้น


บรรดาผู้ฝึกใหม่มีพื้นฐานการวิจัยมาน้อยมาก แต่จำเป็นต้องทำ เพราะเป็นเงื่อนไขในการทำงาน  ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เป็นพวกไม่ค่อยอ่าน และอ่านแล้ววิเคราะห์ไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถตั้งคำถามอะไรได้เลย  แล้วมันก็ทำให้เริ่มวิจัยไม่ได้ หรือเมื่อเริ่มแล้วก็ทำได้ไม่ดี
  เพราะความคิดตกผลึกไม่จริง เหมือนปลาสลิดที่ตากแดดไม่แห้ง พอทอดก็เหม็นเน่าหรือเก็บได้ไม่นาน เน่าแฉะ ต้องโยนทิ้ง น่าเสียดายงบประมาณ

ประเด็นคือว่า บรรดามือใหม่เหล่านี้ติดนิสัยความใสซื่อ บริสุทธิ์ ไม่สามารถมองปัญหาได้ลึกอย่างที่ควรเป็น เช่น ความเป็นสากลขององค์กรคืออะไร
  บรรดามือใหม่เวลาไปสัมภาษณ์ผู้คนก็จะทำแบบดื้อๆ ตรงๆ ว่า รู้มั้ยคำว่า สากล คืออะไร ไม่เคยคิดเลยว่าคำนี้ มีหลายมิติ เช่น มีการติดต่อกับต่างประเทศหรือไม่ มีการใช้กรอบการทำงานที่เอาแบบฝรั่งหรือไม่ อย่างไร  ที่สำคัญกว่านั้น ไม่สามารถใช้ความรู้ที่มาจาการทบทวนวรรณกรรมมาช่วยตั้งคำถามสัมภาษณ์ ทำให้ลามไปปัญหาต่อไป คือ การเขียนตัวคำถามสัมภาษณ์อย่างละเอียด จะใช้ไม่ใช้อีกเรื่อง

เรื่องความวิริยะ ที่ไม่ค่อยมีในบรรดามือใหม่ มาจาก ความเชื่อว่า
แค่นี้ก็พอแล้ว ที่สั่งสมมาในวัฒนธรรมไทย เป็นความเข้าใจผิดในการตีความของทางสายกลาง ที่ยึดมั่นความพอเพียง  ความพอเพียงไม่ได้อยู่ที่ปัจเจกอย่างเดียว ในส่วนวิชาการ ความพอเพียงจะปรากฏออกมาตามเป้าประสงค์ การตั้งเป้าประสงค์เป็นเรื่องที่อยู่บนพื้นฐานของความจริง เราจะเห็นความพอดีเกิดขึ้นได้ในเชิงประจักษ์ เวลาที่เราดำเนินการจริงอย่างมีหลักการ แต่ไม่ใช่หลักกู หรือ หลักเกิน และหลักแก มันมาจากการตกผลึกทางความคิด

ทำให้จึงต้องมานั่งคิดอีกว่า การตกผลึกทางความคิดเป็นผลหรือเหตุกันแน่ในการเรียนรู้ ก็ขอตอบว่า เป็นทั้งสองแบบ ทำให้เราต้องมานั่งคิดกันต่อว่า ซึ่งที่ทำให้เกิดการตกผลึกจริงๆ คืออะไร ไม่ได้จะตอบกว้างๆ การตกผลึกเกิดจากการรู้จักคิดแล้วลองทำไปเรื่อยๆ ไม่ย่อท้อ แก้ไขข้อผิดพลาดที่มี เหมือนกับที่ทางวิทยาศาสตร์บอกกันว่า
เพื่อพิสูจน์ว่าอะไรผิด เพื่อจะได้ทิ้งอันนั้น แล้วหาสิ่งใหม่มา แล้วพิสูจน์ต่อไปว่า ผิดหรือไม่ ไม่ได้บอกว่าอะไรถูก แต่ให้มองว่า อะไรผิด ก่อน

ดังนั้น การตกผลึก คือการยอมรับว่าสิ่งที่ตนเชื่อ อาจไม่ถูก แล้วพยายามพิสูจน์ว่า
ผิดหรือไม่ ไปเรื่อยๆ ตลอด การที่มือใหม่ ใส ซื่อ แบบไม่ฉลาด จึงไม่สามารถตกผลึกได้แต่ต้น

เกือบทั้งหมดของมือใหม่ ไม่สามารถยอมรับตนเองได้ว่ายังขาดทักษะและความเข้าใจเรื่องวิจัยระดับต้น บางคนบอกว่าเคยเรียนมาแล้ว ได้เกรดสวยด้วย ผู้เขียนได้แต่สั่นหน้า ถอนใจ เพราะว่าสิ่งที่คนเหล่านี้แสดงออกมา ไม่ได้บอกว่ารู้เลย ที่ชัดที่สุด คือการถามว่า มีหนังสือวิจัยอะไรบ้างที่เคยอ่าน ไม่มีใครบอกเลยว่าอ่านเล่มนั้นนี้ ที่ยอมรับกันในแวดวงวิชาการ ที่น่าป่วนกว่านั้นคือ เข้าใจผิดว่าการทำโพลกับวิจัยเป็นสิ่งเดียวกัน จริงๆแล้ว โพลเป็นการวิจัยเชิงปริมาณมากๆ ที่ไม่ได้บอกอะไร นอกจากว่า คนคิดอะไรกันอยู่ และไม่สามารถระบุได้ว่ามีความถูกต้องจริงๆ ได้ แต่มีความเชื่อกันในสังคมไทยว่า นี่แหละจริงแล้ว คือมันจริงแค่บางส่วนเท่านั้น


การวิจัยในสังคมไทย เหมือนกระจกส่องความเป็นไทย  ที่ไม่มีความลึก ไม่มีความกว้าง มีแต่ความเชื่อบ้าๆบอๆ และเป็นเครื่องมือไว้หลอกคน การต่อยอดทางวิชาการจึงด้วน แม้แต่ตอก็ไม่เหลือ


ความจริงเจ็บปวดแบบนี้ อาจต้องไปทำวิจัยอีกกระมังว่ามีจริงรึเปล่า ห้ามตอบล่ะว่า การวิจัยไทยก้าวไกลไปจริงๆ เพราะว่าไม่ใช่เลย

บล็อกของ แพ็ท โรเจ้อร์

แพ็ท โรเจ้อร์
ช่วงนี้ได้พักบ้างหลังจากที่ไม่ได้พักเลยสัปดาห์ละ 7 วัน ทำงานมันทุกวัน พอได้เวลาอู้จึงขออู้บ้าง แท้จริงไม่ใช่อู้แต่น้อย แต่เดิมต่างหากที่โดนงานแย่งเวลาส่วนตัวออกไป
แพ็ท โรเจ้อร์
จั่วหัวแบบภาษาเก่าๆ สมัยเรียนปริญญาตรีเมื่อเกือบ30ปีที่แล้ว สมัยนั้น กรุงเทพฯ เพิ่งฉลองครบ 200 ปีใหม่ๆ สมัยนั้น คำว่า สตรอเบอร์รี่ ไม่ได้แปลว่า “สะ-ตอ-แหล” แบบปัจจุบัน เวลาคนไหนมีความรัก มักจะโดนเพื่อนๆแซวว่า กำลังกิน สตรอเบอร์รี่ มาจากคำว่า เลิฟ สตอรี่ Love Story ที่เป็นหนังฮิตในช่วงยุค 40 กว่าปีนั้น ดังนั้นเดี๋ยวนี้เวลาผู้เขียนได้ยินคำว่า สตรอเบอร์รี่ มักนึกถึงความรักมากกว่า ความไม่ดี
แพ็ท โรเจ้อร์
กลายเป็นว่าตอนนี้ผู้เขียนเกิดอาการไม่สามารถไปทำงานได้ในวันอาทิตย์ เพราะรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  (ทั้งที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาลุยได้ ไม่รู้เหนื่อย) จึงอยากพักให้เต็มที่ โดยไม่ต้องออกไปผจญภัยกับมหาชนนอกบ้าน เพราะไปไหนมีคนยั้วเยี้ยไปหมด ตามประสาเศรษฐกิจที่ขยายตัวมาก่อนจนหุบไม่ลง ผู้คนต้องซื้อและจับจ่ายกันแบบบ้าคลั่งเหมือนกับว่าของนี่แจกฟรี เลยบอกกับตนเองว่าขออยู่บ้านสักวันเถิด หากไม่ต้องออกไปทำงานที่คั่งค้างหรือรู้สึกเหนื่อยจนเกินไป
แพ็ท โรเจ้อร์
วันนี้ได้โอกาสมาเยือน “ประชาไท” แบบไม่ตั้งใจ เพราะปวดหัวเป็นไข้เล็กน้อย จึงถือโอกาสไม่ไปทำงานในวันอาทิตย์นอกเวลาเพื่อเคลียร์งานที่ทำไม่ทันในวันธรรมดา ถามตนเองว่าให้เวลากับงานมากเกินไป จนลืมมองดูสุขภาพตนเองหรือไม่ คำตอบคือ “ไม่” เพราะจำได้ว่าสมัยอยู่ต่างประเทศก็ทำแบบเดียวกัน แล้วก็ทำได้ด้วย ปัญหามีน้อยกว่า แต่เป็นเพราะว่าทางโน้นมีระบบงานที่ให้เสรีภาพในการทำงานมากพอสมควร มีปรัชญาในการทำงานที่เหมาะสมกว่า เมื่อเปรียบกับงานตรงนี้
แพ็ท โรเจ้อร์
หลายเพลาที่ผู้เขียนหายตัวไปจากเว็บนี้ ด้วยมีภาระกิจที่มากมายล้นหัวล้นหูเพราะผู้ใหญ่ส่งมาตามที่หัวโขนกำหนด เลยหมดแรงทุกครั้งที่ถึงบ้าน อีกทั้งมีคนสนิทที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่แบบเข้มข้น เป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบส่วนตัวอย่างสมัครใจ จึงไม่มีเวลาจะผลิตงานตรงนี้ อีกอย่างหลายครั้งก็ท้อใจเพราะว่าผลงานที่เขียนไม่ “แรง” เท่าไรนัก ส่วนแฟนประจำที่มีอยู่บ้างก็สไตล์คล้ายๆกันคือ ไม่ชอบโฉ่งฉ่าง ไม่ชอบสร้างประเด็นมากนัก งานก็เลยค่อยๆไป ที่น่าขำคือได้ยินคนมาบอกว่าเป็นคน “แรง” จากปากอดีตนักเขียนคนหนึ่งใน “ประชาไท” เลยมานั่งคิดเหมือนกันว่าที่แรงน่ะ แรงตรงไหน หลากความคิดเอาเถอะไม่ว่ากัน คนเรามีหลายแบบได้ข่าวจาก…
แพ็ท โรเจ้อร์
  ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีงานรับปริญญากันมาก ผู้เขียนก็ต้องไปมีส่วนในงานแบบนี้ทุกปีนับตั้งแต่เรียนจบมา 11 ปีที่แล้ว เพราะสายงานนั้นบังคับให้ต้องร่วม บทความนี้จึงเป็นบทความที่ไม่เกี่ยวกับองค์การโดยตรงสักครั้งหนึ่ง แต่เกี่ยวกับ "คน" ที่รับปริญญาและคนที่เกี่ยวข้อง การรับปริญญาในเมืองนอกนั้น ไม่ได้เป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่เหมือนเมืองไทย แต่ถามว่ามีคนมาชุมนุมกันมั้ยตอบว่ามี แต่การทำมากินสำคัญกว่า หลายคนจึงไม่ได้สนใจว่าต้องรับหรือไม่ หากต้องย้ายเมืองไปทำงานทีอื่นหรือกลับบ้านไปก่อนวันรับปริญญา กระนั้นเมืองนอกคือสหรัฐฯในที่นี้ (บางแห่งมีการรับปีละสองหน และบางแห่งมีการรับปีละหน…
แพ็ท โรเจ้อร์
เป็นที่รู้กันว่ามีการสูญเสียของพระบรมวงศ์ระดับสูงในช่วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมา เล่นเอาหลายคนต้องขุดชุดดำขึ้นมาใส่แทบไม่ทัน เพราะผู้เขียนไม่เคยมีชุดดำกับเค้ามาก่อน เสื้อเชิ้ตขาวก็ไม่เคยมีมากว่า 10 ปีแล้ว เพราะอยู่เมืองนอกก็ไม่ได้ไปงานศพใคร ทั้งเป็นคนชอบเสื้อสีๆ นอกจากนี้ก็มองว่าสีดำทำให้ร้อนเนื่องจากดูดความร้อนง่าย การเป็นคนขี้ร้อนจึงเลี่ยงชุดทางการที่มีสีดำ ส่วนสีขาวนั้นไม่ชอบมาแต่ไหน เพราะเป็นคนไม่ค่อยระวังตัว เปรอะเปื้อนง่าย การใส่เสื้อขาวตอนเป็นนักเรียนนี่ทำให้ทางบ้านปวดหัวมาตลอดเพราะขาวเป็นดำปี๋ทุกครั้งที่ถึงบ้าน โชคดีที่มีเสื้อทับข้างนอกแบบลำลองเป็นสีดำ จึงสวมทับแก้ขัดไปก่อน…
แพ็ท โรเจ้อร์
ไม่กี่วันที่ผ่านมาสังคมไทยก็ได้มีการเลือกตั้งส.ส. ไปแล้ว น่าตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะลุ้นกับเค้าเหมือนกันว่าใครจะมา และใครจะไป พลางให้นึกถึงเลือกตั้งที่สหรัฐฯ เมื่อ สาม-สี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าอะไรที่จับกระแส “ประชานิยม” ได้ก็มักชนะ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด เช่น ชอบหรือกลัว เพราะกระแสประชานิยมไม่ได้ดูที่อะไรมากกว่า พวกมากลากไป หากพวกมากคิดเป็น ก็ดีไป ถ้าคิดไม่เป็นก็ซวยไป ทั้งนี้ คนที่รับความซวยคือคนทั้งหมด ไม่ใช่แค่คนที่เป็นพวกมาก หลายครั้งพวกมากก็เป็นพวกมากที่ไรัคุณภาพ แต่หลายครั้งก็เป็นพวกมากที่มีคุณภาพได้เช่นกัน แต่โอกาสที่จะเกิดนั้นมีน้อยกว่ามาก มีหลายคนถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ …
แพ็ท โรเจ้อร์
หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้เขียนไม่ได้มีเวลาและมีพลังงานมากพอที่จะผลิตงานมาที่ “ประชาไท” เลย เนื่องจากภาระงานต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่มีอย่างมากมาย จนเมื่อไรที่กลับถึงบ้านก็พร้อมที่จะวิ่งไปที่เตียงนอนแล้วก็หลับผล็อยไปตรงนั้น แล้วตื่นขึ้นมากับวันใหม่ เพื่อทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จและคอยผจญกับงานใหม่ที่จะเข้ามา ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม ไม่รู้ว่าจะเรียกว่า “ชอบงานที่ทำ” หรือเป็นเพราะ “มีความรับผิดชอบต่องาน” หลายครั้งตอบว่าอย่างหลังน่าจะเหมาะกว่าเรื่องความรับผิดชอบนั้นสามารถมองได้หลายแบบ ผู้เขียนมีบุคคลรอบข้างที่มีลักษณะรับผิดชอบที่น้อยที่สุดตามกฏระเบียบ นั่นหมายถึงความรับผิดชอบที่น้อยที่สุด…
แพ็ท โรเจ้อร์
ผู้เขียนได้รับเชิญจากหน่วยงานหนึ่งให้เป็นกรรมการตัดสินการประกวดสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษเมื่อไม่นานมานี้  รู้สึกหัวเสียกับคุณภาพของผู้เข้าประกวดเป็นอย่างมาก เพราะว่าไม่มีคุณภาพในระดับที่เรียกว่าใช้ได้เลย ปัญหานอกเหนือจากความสามารถทางภาษาอังกฤษทั่วไปแล้ว  เรื่องของเนื้อความซึ่งไม่ว่าในภาษาใดก็ตามต้องมีโครงสร้าง การผูกเรื่อง และคุณค่าทางวาทวิทยาในตัวเอง น่าเสียดายที่เมืองไทยไม่มีการสอนการวิเคราะห์วาทะอย่างเป็นแก่นสาร หากมีก็แค่การมองแบบการใช้ภาษาไทยธรรมดา หรือการใช้ภาษาอังกฤษธรรมดา ไม่มีการส่งเสริมอย่างแท้จริงในสิ่งที่เรียกว่า speech criticism/rhetorical criticism 1…
แพ็ท โรเจ้อร์
พัทยาลาก่อน   ร้องโดย รุ่งฤดี แพ่งผ่องใสลมทะเล พัดมาหาดพัทยา ครวญคลั่งฟังเหมือนมนต์ภวังค์วอนหวีดหวัง ครางว่ายังรักเธอ รักเธอพร่ำเพ้อละเมอ รอท่ายังฝืนกลืน น้ำตาฝันจนกว่า ชีพวาย*ครวญครางไป ใยกันเกลียวคลื่นนั้นมัน ชวนวิ่งว่ายแล้วล่ม ร่างร้างตายหาย อาวรณ์ลาแล้วลา ขอลาโอ้พัทยา ลาก่อนชีวิตคือ ละครฉันมันอ่อนโลกเอย(เนื้อเพลงและฟังเพลงได้ที่ blue balloon, bloggang.com)สองวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปพัทยาเพราะต้องพาคนสนิทไปพักผ่อน ตามที่สัญญากันไว้ คนสนิทเป็นวัยรุ่นช่วงกลางเกือบปลาย เป็นคนยุคใหม่ที่เรียกว่าไม่มองอะไรเกินกว่าตัวกู อันนี้ไม่รวมกับกระบวนการพัฒนาทางจิตวิทยาที่เป็นในทุกรุ่น ทุกสังคม…
แพ็ท โรเจ้อร์
I HAVE NOTHING (Whitney Houston) Share my life, Take me for what I am. 'Cause I'll never change All my colors for you. Take my love, I'll never ask for too much, Just all that you are And everything that you do. I don't really need to look Very much further/farther, I don't wanna have to go Where you don't follow. I will hold it back again, This passion inside. Can't run from myself, There's nowhere to hide. (Your love I'll remember forever.) Chorus: Don't make me close one more door, I don't wanna hurt anymore. Stay in my arms if you dare, Or must I imagine you there. Don't walk away from me…