Skip to main content

บล็อกกาซีน ประชาไท

หัวไม้ story
  เอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือภูมิภาคที่ไม่เคยเป็นตัวแสดงหลักในเกมอำนาจโลกเลยนับจากยุคอาณานิคมมาจนถึงยุคโลกาภิวัตน์ การร่วมตัวกันของชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในนามอาเซียนเป็นความพยายามอย่างหนึ่งของชาติในภูมิภาคนี้ที่จะเสริมสร้างอำนาจในการต่อรองทางเศรษฐกิจในระดับโลก ในยุคสงครามเย็น ภูมิภาคนี้ถูกแบ่งให้เป็น 2 ค่าย ตามบรรยากาศการเมืองโลก แต่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ผู้นำค่ายสังคมนิยม ในช่วงทศวรรษที่ 90 ประเทศในภูมิภาคอาเซียนก็หันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน บทหนทางเสรีนิยมเดียวกัน ซึ่งประเทศเหล่านี้ถูกปฏิบัติในฐานที่เป็นชายขอบแดนของอำนาจต่อรองเช่นเดิม แม้ว่าความพยายามของอาเซียนจะต้องการสร้างเสริมอำนาจการต่อรองให้แก่กลุ่มประเทศสมาชิก แต่ทว่า ก็ไม่เคยก้าวข้ามความเป็นชายขอบไปได้ เมื่อพิจารณาจากการพยายามสร้างข้อตกลงการค้ากับประเทศกึ่งชายขอบที่เริ่มขยับเข้าใกล้ความเป็นศูนย์กลางในการต่อรองอย่าง จีน อินเดีย เกาหลีใต้ การเจรจาการค้าก็ยังคงสถานะเดิมๆ นั่นคือ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำหน้าที่เป็นฐานในการส่งออกวัตถุดิบ การ แสวงประโยชน์จากสิ่งแวดล้อม และแรงงานราคาถูก ขณะที่นำเข้าสินค้าที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงกว่าจากประเทศคู่ค้า อย่าง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อียู ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกาประเทศชายขอบเหล่านี้มีฐานเป็นเพียงศูนย์กลางของวัตถุดิบทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งรีดเค้นมาจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างหนักหน่วง และแน่นอนรวมถึงแรงงานราคาถูกด้วยดังนั้นแล้ว หากย้อนหลังไปเพียงช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เราจึงสามารถมองเห็นการแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของอาเซียน เป็นไปในทิศทางที่ขุดค้น ฉวยใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในภูมิภาคของตนออกมาอย่างเต็มที่ ดังกรณีที่ประเทศลาวประกาศตัวเป็นแบตเตอรี่ของเอเชีย พร้อมด้วยการเปิดรับการสนับสนุนการลงทุนสร้างเขื่อนขนาดใหญ่จำนวนมาก ไทยประกาศตัวเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง ขณะที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของประเทศเพื่อนบ้านอย่างหนักหน่วง มาเลเซียปฏิเสธที่จะพูดถึงประเด็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุผลว่า เรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องของประเทศพัฒนาแล้วที่สร้างมาตรฐานสูงเกินไป กำเนิดอาเซียนอาเซียนเกิดจากการบรรลุข้อตกลงเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1967 ตามปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) ที่กรุงเทพฯ มีเป้าหมายที่จะกระตุ้นความร่วมมือระหว่างชติประชาคม ซึ่งเมื่อแรกตั้งประกอบด้วย 5 ชาติคือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ จากนั้น บรูไนได้ผนวกเข้ามาเมื่อปี 1984 เวียดนาม 1995 ลาวและพม่าในปี 1997 และกัมพูชาในปี 1999วัตถุประสงค์เริ่มแรกเพื่อสร้างสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันนำมาซึ่งเสถียรภาพทางการเมือง และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และเมื่อการค้าระหว่างประเทศในโลกมีแนวโน้มกีดกันการค้ารุนแรงขึ้น ทำให้อาเซียนได้หันมามุ่งเน้นกระชับและขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงไว้ซึ่งวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ 1.ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในภูมิภาค 2.รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในภูมิภาค และ 3. ใช้เป็นเวทีแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในภูมิภาคกลไกการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของอาเซียน1. การประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit Meeing) หรือการประชุมระดับผู้นำของ อาเซียน เป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุดของอาเซียน กำหนดให้มีการประชุมปีละ 1 ครั้ง ประมาณเดือนพฤศจิกายน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แนวทางในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือและริเริ่มกิจกรรมใหม่ๆของอาเซียน2. การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน 2.1 การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers: AEM) กำหนดให้มีการประชุมอย่างเป็นทางการปีละครั้ง ในช่วงเดือนตุลาคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวนโยบายความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียน รวมทั้ง พิจารณาการขยายกรอบ/ริเริ่มความร่วมมือใหม่ๆ2.2 การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) กำหนดให้มีการประชุมปีละครั้ง ในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แนวทางและแก้ไขปัญหาความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องจำเป็น เร่งด่วน หรือเป็นพิเศษ3. การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน (Senior Officials Economic Meeting: SEOM) ประชุมปีละ 4 ครั้งเป็นอย่างน้อย (ประมาณ 3 เดือนครั้ง) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดการดำเนินงาน/การขยาย/การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียนในทุกด้าน และความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับประเทศต่างๆ4. การประชุมคณะกรรมการ/คณะทำงานที่แต่งตั้งโดย SEOM เช่น4.1 คณะกรรมการประสานงานการดำเนินการภายใต้ความตกลง CEPT (CCCA) ประชุมปีละ 4 ครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการลดภาษีและยกเลิกข้อกีดกันทางการค้าให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ภายใต้อาฟต้า และความตกลงอื่นที่เกี่ยวข้อง4.2 คณะทำงานความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมของอาเซียน (Working Group on Industrial Cooperation: WGIC) ประชุมปีละ 3 ครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมของอาเซียน (AICO)4.3 คณะกรรมการประสานงานด้านการลงทุน (Coordinating Committee on Investment: CCI) ประชุมปีละ 4 ครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการจัดตั้งเขตการลงทุนอาเซียน และความร่วมมือด้านการลงทุนต่างๆ4.4 คณะทำงานระดับสูงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและอิเล็กทรอนิกส์อาเซียน (e-ASEAN Task Force: EATF) และคณะทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและอิเล็กทรอนิกส์อาเซียน (e-ASEAN Working Group: EAWG) ประชุมปีละ 3 ครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานภายใต้กรอบความตกลง e-ASEAN4.5 คณะกรรมการประสานงานด้านบริการ (Coordinating Committee on Services: CCS) ประชุมปีละ 4 ครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางการจัดทำข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการในอาเซียน และความร่วมมือด้านบริการอื่น 5. สำนักเลขาธิการอาเซียน (ASEAN Secretariat) เป็นหน่วยประสานงานและเสริมสร้างการดำเนินการตามนโยบาย โครงการและกิจกรรมขององค์กรต่างๆของอาเซียน รวมทั้งทำหน้าที่เลขานุการในการประชุมอาเซียนทั้งนี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ได้ร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์อาเซียนในปี 2020 ในส่วนเศรษฐกิจ โดยกำหนดให้อาเซียนเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และสามารถแข่งขันในตลาดโลกในทุก ๆ ด้าน โดยมีวิสัยทัศน์ว่า "อาเซียนปี 2020 เป็นหุ้นส่วนร่วมกันในการพัฒนาอย่างมีพลวัตร" (ASEAN 2020: Partnership in Dynamic Development)" ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน คนปัจจุบัน กล่าวเมื่อวันที่ 12 เดือนกันยายน ปี 2007 ว่า แม้ว่าอาเซียนจะมีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 10 ประเทศ แต่ในความจริงแล้วอาเซียนนั้นหลอมรวมกับโลกทั้งหมด รวมไปถึงชาติมหาอำนาจ อย่างสหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหภาพยุโรป และเอเปกซึ่งนั่นก็หมายความว่า ชาติอาเซียนเอง ก็ต้องเร่งปรับแก้กฎหมาย วางแนวนโยบาย และระบบกฎหมายให้สอดคล้องกับข้อเรียกร้องของประเทศเหล่านั้นสิ่งที่ต้องตั้งเป็นข้อสงวนไว้สำหรับชาติอาเซียนก็คือ ว่า ผลิตภัณฑ์จากอาเซียน คือสินค้าเกษตร ประมง ไม้ สิ่งทอ ชิ้นส่วนอิเลกโทรนิกส์ ไอที บริการด้านสุขภาพ และการขนส่งซึ่งเป็นสินค้าหลักของชาติอาเซียนนั้น ง่ายต่อการถูกกีดกันทั้งโดยรูปแบบของภาษีและข้อกีดกันที่ไม่ใช่ภาษี เช่น ปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายบนสถานะของชายขอบเศรษฐกิจโลกประชากรในอาเซียน ปัจจุบันมีราว 570 ล้านคน ผู้คนนับถือ อิสลาม พุทธ คริสต์ ฮินดู มีความแตกต่างด้านสถานะทางเศรษฐกิจอย่างสุดโต่ง นั่นคือ ลาวและพม่าเป็นประเทศที่ประชากรที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยที่สุดคือ 209 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี ขณะที่ค่าเฉลี่ยสูงสุด คือประชากรมีรายได้เฉลี่ย 50,000 เหรียญสหรัฐต่อปีนอกเหนือจากความแตกต่างด้านรายได้ของประชากรแล้ว อาเซียนเป็นภูมิภาคที่ถูกจับตามองและตั้งคำถามเรื่องสิทธิมนุษยชนมาก รวมถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ถูกต้อง รวมไปถึงความไม่เป็นประชาธิปไตยในภูมิภาคอาเซียน ปัญหาคอร์รัปชั่น และการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งแต่ละประเทศล้วนมีจุดอ่อนในเรื่องเหล่านี้อย่างไม่มีข้อยกเว้น บางตัวอย่างของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ถูกต้อง ปรากฏในรายงานของ UNDP ในปีที่ผ่านมาว่า ประเทศมาเลเซียคือประเทศที่ผลิตสารคาร์บอนออกสู่ชั้นบรรยากาศในเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในโลก ขณะที่ไทยเป็นประเทศที่ผลิตสารคาร์บอนออกสู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุดในอาเซียน ข้อสังเกตเหล่านี้ก็ไม่เคยได้รับการตอบสนองที่ดีจากรัฐบาลทั้งสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาเลเซีย ซึ่งในยุคของผู้นำชื่อมหาเธร์ โมฮัมหมัด ซึ่งกล่าวท้าทายมาตรฐานแบบ ‘ตะวันตก' ว่า รอให้มาเลเซียเป็นประเทศพัฒนาแล้ว เราจึงจะมาพูดเรื่องแบบนี้กันปัญหาการคอร์รัปชั่น จากรายงานขององค์กร transparency international จากแผนภูมิภาพด้านล่าง สีแดงเป็นความหมายของคอร์รัปชั่นในระดับสูง เราจะเห็นสีแดงในเฉดที่ต่างกันในภูมิภาคนี้  ที่มา: http://en.wikipedia.org/wiki/Corruption_Perceptions_Indexปัญหาด้านสิทธิเสรีภาพ ตามรายงานขององค์กร freedom House พื้นที่ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดมีเสรีภาพเพียงบางส่วน ฟิลิปินส์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่อันตรายสำหรับผู้สื่อข่าวและนักกิจกรรมทางสังคมประเทศไทย ถูกบันทึกว่า เสรีภาพดิ่งลงอย่างหนักหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2005 เป็นต้นมา จากเดิมที่ถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีเสรีภาพตั้งแต่ 1998 ถึงปี 2005 หลังการรัฐประหารในปี 2005 ไทยถูกจัดให้อยู่ในข่ายมีเสรีภาพบางส่วน กัมพูชา และมาเลเซียมีเสรีภาพบางส่วน และอยู่กฎหมายควบคุมการแสดงความคิดเห็นและกีดขวางการแสดงออกทางการเมืองอย่างเข้มงวดบทบาทอย่างสูงของกองทัพ ในพม่าและไทย และฟิลิปปินส์ที่ส่งผลต่อความผันผวนของการเมืองภายใน การรัฐประหารยังเป็นสิ่งที่เกิดได้ง่ายในประเทศเหล่านี้ ขณะที่อินโดนีเซียส่งสัญญาณว่า ดูเหมือนจะหลุดพ้นวงจรอุบาทว์ดังกล่าว แต่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น  อาเซียนกับปัญหาของตัวเองชาติอาเซียนมีฝันร่วมกันที่ไปสู่ความเป็นประเทศพัฒนาแล้วในปี 2020 ประเทศมาเลเซียยังกล้าประกาศยืนยัน ขณะที่ประเทศไทยกำลังสะบักสะบอมจากการเมืองภายใน ทำให้ฝันนั้นดูลางเลือนลง เวียดนามกำลังบอบช้ำกับภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ซึ่งออกฤทธิ์เมื่อปีที่ผ่านมา และเผชิญกับคนตกงานเป็นจำนวนหลักล้าน ขณะที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกแรงงานจำนวนมาก ขณะนี้กำลังเผชิญกับคนว่างงานถึง 11 ล้านคน กัมพูชาและลาวยังคงประกาศการค้นพบทรัพยากรธรรมชาติ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งทองคำและน้ำมัน เหมือนเป็นเสียงเชิญชวนให้ประเทศร่ำรวยเข้าไปลงทุนทั้งหมดนี้ ถูกทำให้แย่ลงไปอีก จากภาวะเศรษฐกิจโลก ที่ชาติศูนย์กลางอำนาจของระบบเศรษฐกิจเสรีนิยม อย่างสหรัฐอเมริกา กำลังเผชิญกับคนว่างงานจำนวนหลายสิบล้านคน สหภาพยุโรปเผชิญปัญหาเดียวกัน ญี่ปุ่นทยอยปลดพนักงาน และลดการผลิต รวมถึงหยุดการผลิตในบางบริษัท บริษัทชั้นนำของโลกอย่างโตโยต้าประกาศภาวะขาดทุน  "ในฐานะประธานอาเซียน ผมจะทำทุกวิถีทางให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งเสรีภาพ รอยยิ้มและโอกาส จะดำเนินการทุกวิถีทางให้บรรลุวิสัยทัศน์และความใฝ่ฝันของผู้ก่อตั้งที่จะสร้างประชาคมอาเซียนขึ้นด้วยสังคมที่แบ่งปัน และมีความห่วงใยซึ่งกันและกัน" คำกล่าวขอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยฉายซ้ำจนจำกันได้ขึ้นใจ แต่มันจะเป็นจริงได้อย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องติดตามว่าประเทศไทยและอาเซียนจะมีมาตรการใดออกมาเพื่อทำให้ไทยและอาเซียนได้บรรลุเจตนารมณ์ดังกล่าวนอกเหนือจากภาวะชายขอบทางเศรษฐกิจ อาเซียนก็มีปัญหาในตัวของเองอยู่ในทุกประเทศ และยังมีปัญหาระหว่างกันอย่างไม่จบสิ้น มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย กำลังเผชิญปัญหาคนตกงานเป็นปัญหาหลัก ขณะที่พม่าและ ลาว ยังถูกทิ้งไว้ข้างหลังในด้านความสัมพันธ์ ด้วยภาวะ การเมืองภายในที่ร้อนระอุต่อเนื่องยาวนานของไทยกว่า 3 ปี ได้เปิดปมขัดแย้งใหม่ๆ กับกัมพูชา ว่าด้วยปัญหาเส้นเขตแดน ซึ่งขณะนี้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่เขาพระวิหาร ซึ่งเคยเกือบจะเป็นพื้นที่การพัฒนาร่วม แต่ต้องปิดตัวลงและถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนาโดยเจ้าหน้าที่ทหารจากทั้ง 2 ประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ยังคงขัดแย้งกันเรื่องเส้นเขตแดน และการกำหนดว่าเกาะใดเป็นของใคร ทั้งนี้ ขึ้นกับทรัพยากรธรรมชาติที่ค้นพบเป็นสำคัญขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจโลกได้เพิ่มโจทย์ใหม่และยากมากขึ้น ประเทศอาเซียนก็ยังคงมีโจทย์เก่าที่ไม่คลี่คลาย ทั้งความไม่เป็นประชาธิปไตย การฉวยประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิมนุษยชน และปัญหาการคอร์รัปชั่น ปัญหาที่ถูกรายงานซ้ำโดยหน่วยงานและองค์กรระดับนานาชาติ สะท้อนภาพว่า ชาติอาเซียนยังคงดิ้นรนต่อสู้อยู่ในวงวนเดิมๆ ของตนเอง อ้างอิงhttp://www.moc.go.th/opscenter/cr/asean.htmlhttp://hdr.undp.org/en/climatechange/http://www.freedomhouse.org/template.cfm?page=439http://en.wikipedia.org/wiki/Corruption_Perceptions_Index
การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
อมาวสี วันที่ 25 ก.พ. ค่ะ เด็กหมามีตุ๊กตาตัวโปรดตัวนึง ชื่อว่า "พี่ฟู"
ภู เชียงดาว
ผมเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้ชีวิตในเมืองนั้นคงเหน็ดหน่ายและเหนื่อยหนักจากการงาน ชีวิตหลายชีวิตอาจถูกทับถมด้วยภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง ยังไม่นับนานาปัญหาที่เข้ารุมสุมแน่นหนาอีกหลายชั้น จนดูเหมือนว่าชั่วชีวิตนี้คงยากจะสลัดให้หลุดพ้นไปได้ ที่ผมพูดเช่นนี้เพราะครั้งหนึ่งตัวผมเองเคยเอาชีวิตไปวางไว้อยู่ในเมืองนานหลายปี แน่นอน ใครหลายคนในสังคมเมืองจึงชอบเอา ‘การเดินทาง' เป็นหนทางเดียวที่จะหลุดพ้นออกจากกงล้อแห่งการงานนั้นได้ และมักเอาช่วงสิ้นปีหรือวันปีใหม่ เป็นวันแห่งการปลดปล่อย ในขณะที่ตัวผมนั้น กลับไม่ได้เดินทางไปไหนเลย ยังมีชีวิตแบบวันต่อวัน อยู่กับปัจจุบันขณะ ในหุบเขาผาแดงแห่งนี้
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมย้าย จากโรงเรียนในป่าในดอย มาอยู่โรงเรียนขนาดใหญ่ประจำอำเภอ จากโรงเรียนขนาดเล็ก 1 ชั้นมี 1 ห้อง มาเป็น 1 ชั้นมี 5 ห้อง นักเรียนโรงเรียนใหม่มีจำนวน 1,500 คน เกือบเต็มสนามฟุตบอลทีเดียว ครูมีถึง 30 กว่าคน มากคนก็มากเรื่อง เพียงเข้าประชุมโรงเรียนครั้งแรก ได้พบการประคารมระหว่างครูด้วยกัน 2 กลุ่ม และครูกับผู้บริหาร มันช่างดุเด็ดเผ็ดร้อน เหมือนขบพริกขี้หนูแตกถูกลิ้นสัก 4-5 เม็ด มีรสชาติจริงๆ ผมเป็นผู้มาใหม่ จึงได้เพียงฟัง เก็บข้อมูล ครูแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเป็นฝ่ายอาจารย์ใหญ่ อีกกลุ่มค้านอาจารย์ใหญ่ ในเวลาต่อมา มีตัวแทนสองกลุ่มมาพูดคุยกับผม ด้วยอัธยาศัยที่ดี ชักชวนเข้ากลุ่ม ผมก็เออออไปตามสถานการณ์ แต่ยังไม่ตัดสินใจเด็ดขาด ด้วยเป็นครูเช่นเดียวกัน เป็นอาชีพสอนคน ต้องเป็นตัวอย่างเขาได้ ไม่รู้ทำประการใด ทุกคนดีกับผม ผมพูดได้กับทุกคน พอนานไปจึงรู้ว่า หากไม่เข้ากลุ่มคงอยู่ลำบาก เพราะมีเรื่องอะไร จะขาดคนสนับสนุนช่วยเหลือ ผมเลือกฝ่ายอาจารย์ใหญ่ เพื่อนครูในกลุ่มสนับสนุน ให้ผมเป็นหัวหน้ากลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ พอดีผมไปเรียนต่อ ครูท่านอื่นก็ครองในตำแหน่งนี้รอผม ผมไปเรียนต่อสองปี กลับมาได้รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ เข้ากลุ่มมันดีตรงนี้เอง
เจนจิรา สุ
 มีใครเคยใช้ชีวิตในบ้านนอกโดยเฉพาะทางภาคอีสาน เมื่อประมาณสัก 20 ปีก่อน อาจจะมีความทรงจำเกี่ยวกับวัดที่แตกต่างจากปัจจุบัน ฉันจำได้ว่าเมื่อครั้งยังเด็ก เราแทบจะก้มลงกราบที่เท้าพระ เมื่อท่านเดินผ่านด้วยความศรัทธาอย่างแท้จริง ซึ่งปัจจุบันเป็นไปได้ยาก ฉันเป็นชาวพุทธมาแต่อ้อนแต่ออก ด้วยหมู่บ้านที่มีวัดป่า พระเณรเพียงไม่กี่รูปหนึ่งในนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องฉันเอง เราจึงเที่ยวเล่นแวะเวียนมาที่วัดทุกครั้งที่มีโอกาส ฉันยังจำไม่ลืมที่พระหลวงพี่ จับเราพี่น้องนั่งเรียงแถวทำสมาธิ เทศน์สอนประวัติความเป็นมาของพุทธเจ้าให้ฟัง ความที่ท่านบวชตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนนี้ท่านจึงกลายเป็นเจ้าอาวาสไปแล้ว
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน"มอญร้องไห้" ร้องทำไม ร้องเพราะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ หรือญาติเสีย...?ถูก...ญาติเสีย แต่ต้องระดับคนมีหลานเหลนแล้ว และเป็นที่เคารพรักของผู้คนเท่านั้น หากญาติที่เสียชีวิตอายุยังน้อย แม้จะเสียใจก็ร้องไห้กันไปตามมีตามเกิด ไม่มีการทำพิธีกรรมให้เป็นพิเศษแต่อย่างใดมอญร้องไห้ เป็นมีพิธีกรรมของคนมอญ ซึ่งถือปฏิบัติสืบต่อกันมาในงานศพ เป็นการแสดงความอาลัยรักของลูกหลาน ที่สำคัญเป็นการยกย่องและรำลึกถึงคุณงามความดีของผู้ตายที่เคยทำไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิต โดยมากแล้วผู้ร้องจะเป็นหญิงสูงอายุและเป็นเครือญาติกับผู้ตาย เนื้อหาที่ร้องพรรณนาออกมานั้นจะได้ออกมาจากใจ เพราะเคยสัมผัสคลุกคลีมาก่อนเมื่อตอนยังมีลมหายใจ โดยผู้ร้องจะร้องเป็นภาษามอญ และต้องใช้ปฏิภาณกวี คิดคำรำพันคล้องจองให้สัมผัสลงตามทำนองดั้งเดิม เนื้อหาที่ร้องนั้นจึงไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าผู้ตายเป็นใคร เคยประกอบคุณงามความดีอะไรเอาไว้บ้าง รูปแบบมอญร้องไห้ของแท้นั้นเรียบง่าย แต่กินใจ ได้เนื้อความเฉพาะผู้ตายเป็นรายๆ ไป ต่างจากมอญร้องไห้ของกรมศิลป์ที่ประยุกต์เสียใหม่ รูปแบบหรูหราอลังการ สะเทือนอารมณ์รุนแรง (ออกแนวผู้ดีเสียของรักอยู่สักหน่อย) ทว่าติดกับดัก "มาตรฐาน" จะฟังกี่งานๆ เนื้อหาก็เหมือนกันเป๊ะ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 เพียงแค่คำพูดไม่ว่าจะสักกี่ร้อยกี่พันคำยากแสนยากที่จะทำให้เกิดความรักขึ้นมาได้แต่ความเกลียดนั้นสามารถทำให้เกิดขึ้นมาได้ในทันทีทันใดด้วยคำพูดเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น
ชิ สุวิชาน
"ที่จะร้องให้ฟังต่อไปนี้เป็น ธา ปลือ ร้องเพื่อให้คนเป็นรู้ว่าคนตายได้ตายเพื่อไปที่อื่นแล้ว ร้องเพื่อให้คนตายรู้ว่าตัวว่าได้ตายและต้องไปอยู่อีกที่แล้ว ในวันที่ไม่มีคนตายห้ามพูดห้ามร้องเด็ดขาด ไม่ว่าในบ้าน ใต้ถุนบ้านหรือที่ใดก็ตาม ในวันที่มีคนตายนั้นต้องร้อง" พือพูดก่อนร้อง พือหยิบไมโครโฟน หันมาทางผม ผมจึงเริ่มบรรเลงเตหน่า
ประสาท มีแต้ม
  เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 กระทรวงพลังงานในฐานะผู้รับผิดชอบหรือจะเรียกว่าผู้จัดทำแผนผลิตไฟฟ้าเองได้จัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อปรับปรุง "แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า" ในช่วงปี 2551 ถึง 2564 ซึ่งเป็นแผนที่ได้จัดทำไว้ก่อนปี 2551 ในการรับฟังครั้งนี้ก็เพื่อจะได้ปรับปรุงเป็นครั้งที่ 2 สาเหตุที่ต้องปรับปรุงก็เพราะปัญหาเศรษฐกิจถดถอยทั้งในระดับโลกและในระดับประเทศไทยด้วยนักวิชาการอิสระด้านพลังงานที่ไม่ใช่ข้าราชการของกระทรวงพลังงานก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจหลายอย่าง ขณะเดียวกันกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าก็ได้ตั้งคำถามพร้อมแผ่นผ้าด้วยข้อความสั้น ๆ แต่เข้าใจง่ายว่า "นโยบายพลังงานผิดพลาด "ใครรับผิดชอบ"" (ภาพจากประชาไท) ผมจึงขอนำข้อความในแผ่นผ้านี้มาเป็นชื่อบทความเสียเลย
ฐาปนา
แสงสีแดงพาดผ่านท้องฟ้าสีดำ เหนือดินแดนปาเลสไตน์เหนือหมู่ตึกอันแออัดและทรุดโทรม ลูกเหล็กบรรทุกดินระเบิดพุ่งปะทะคอนกรีตหนึ่งลูก สองลูก สิบลูก ร้อยลูก พันลูก หมื่นลูก แสนลูก ล้านลูก
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
  หมู่บ้านมอแกน อ่าวบอนใหญ่ แห่งหมู่เกาะสุรินทร์ มองเห็นบ้านเรือนเป็นทิวแถวจากผืนทะเลสีคราม ,ภาพบนถ่ายจากหน้าหมู่บ้าน บนเรือหัวโทง ,ภาพล่างถ่ายจากท้ายหมู่บ้าน บนเส้นทางเดินธรรมชาติ ทั้งหมดนี้ เป็นหนึ่งในโปรแกรมมอแกนพาเที่ยว โครงการนำร่องอันดามัน สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สนใจติดต่อ 083-703-0925 ,andamanproject1@yahoo.com
รวิวาร
เช้านั้นไม่เหมือนเช้าอื่น ๆ แต่เป็นวันที่กะทิ ลูกหมาน้อยต้องจดจำไปชั่วชีวิต นายหญิงของมัน ผู้ซึ่งตะก่อนร่อนชะไรเคยตื่นแต่เช้าตรู่ เดี๋ยวนี้เมื่อไม่มีภาระดูแลลูกหญิงน้อยเริ่มตื่นสายขึ้น กะทิเองก็เช่นกัน ก็อากาศหนาวออกอย่างนั้น กว่าตะวันจะโผล่พ้นม่านหมอกก็สายโด่ง นอนซบพี่หมี ตุ๊กตาสีน้ำตาลขนฟูเพื่อนเก่าที่เด็ก ๆ ยกให้ อุ่นสบายกว่าถึงจะสาย แต่อากาศยามเช้ายังยะเยือก เย็นสบาย แทนที่นายหญิงจะถือสายยางไปรดน้ำต้นไม้ เธอกลับฉวยย่ามม้งใบน้อย ทำท่าจะออกไปข้างนอก กะทิลุกขึ้น ส่งเสียงเห่าบอกน้ำตาลทันที ‘ปะ เราไปวิ่งไล่ตามมอเตอร์ไซค์กันดีกว่า ดูซิว่า วันนี้เธอจะไปทางไหน เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา เข้าเมืองหรือว่าหมู่บ้าน วันนี้จะวิ่งทันหรือจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังอีกนะ'

แท็กล่าสุด

แท็กยอดนิยม