การปฏิวัติของเลนิน : กรรมาชีพ เกย์ และความรุ่งโรจน์ที่ผ่านพ้น Kevin Childs (2017)

 

การปฏิวัติของเลนิน : กรรมาชีพ เกย์ และความรุ่งโรจน์ที่ผ่านพ้น

Kevin Childs (2017)

---------------------------------------------
แปลจาก : Red, Gay, And Almost Glorious, 10 พฤศจิกายน 2017
แปลเป็นภาษาไทย : โดย จักรพล ผลละออ 2017

---------------------------------------------

 

มันเป็นเรื่องราวเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ในค่ำคืนที่หิมะแรกได้ตกลงมาในเปโตรกราด การปฏิวัติโดยพรรคบอลเชวิคได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มเกย์ทั่วโลกให้ดีขึ้น และในห้วงเวลาหนึ่งนั้นมันเป็นไปได้จริงในโซเวียตรัสเซีย แสงสว่างแห่งการปลดปล่อยและความเท่าเทียมได้ส่องสว่างขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ในห้วงเวลานั้นขณะที่กลุ่มเกย์ถูกกดขี่ปราบปรามและถูกคุมขังด้วยเหตุแห่งเพศทั้งในอังกฤษ เยอรมนี และอเมริกา กลุ่มเกย์กลับได้รับการยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติรัสซียโดยพรรคบอลเชวิค ภายใต้การนำของผู้นำอย่างเลนิน และทรอสกี้ ที่นำเสนอโลกใหม่ภายใต้ความเท่าเทียม โอกาส และเสรีภาพ โลกใหม่ที่เกย์และเลสเบี้ยนสามารถอาศัยอยู่ได้อย่างปลอดภัย

 

มีคนสามคนที่เราอยากจะกล่าวถึงนั่นคือ Mikhail Kuzmin นักกวีและนักประพันธ์งานวรรณกรรม Georgy Chicherin นักการทูต และ Nikolai Klyuev นักกวีท้องถิ่น พวกเขาทั้งสามคนเป็นหนึ่งในกลุ่มเกย์และเลสเบี้ยนจำนวนมากที่ได้เข้าร่วมและสนับสนุนการปฏิวัติ

 

Chicherin อาจจะไม่ใช่นักการทูตที่เก่งหรือโดดเด่นที่สุดในยุคนั้น แต่เขาเป็นนักสากลนิยม คำถามคืออะไรคือแรงขับดันที่ทำให้ Chicherin มุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม? ความคิดทางการเมืองแบบสังคมนิยมงั้นหรือ? หรือเพราะเขาเป็นกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน? และที่การปฏิวัติรัสเซียสามารถอยู่รอดมาได้เป็นเพราะ Chicherin ได้ช่วยทำการเจรจาสันติภาพกับเยอรมนีงั้นหรือ? ไม่ว่าคำตอบคืออะไรแต่เลนินเชื่อว่ามันเป็นเช่นนั้น Chicherin นั้นได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถในฐานะผู้ตรวจการของกระทรวงการต่างประเทศเพื่อสานสัมพันธ์กับเยอรมนี และได้กลายมาเป็นรัฐมนตรีการต่างประเทศของสหภาพโซเวียตในปี 1918 และกลายเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านนโยบายการต่างประเทศของโซเวียตต่อมาอีกสิบสองปี นับเป็นเกย์คนแรกที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการและประสบความสำเร็จในการกำหนดชีวิตตัวเอง

 

Klyuev คือผู้มีส่วนร่วมในการก่อให้เกิดการปฏิวัติ เขามาจากชนบทอันห่างไกลทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย และกลายมาเป็นผู้นำของกลุ่มคนที่เรียกว่า “กวีชาวนา” บทกวีว่าด้วยความรักของคนเพศเดียวกันของเขาได้ผสมผสานเอามุมมองเรื่อง เรือนร่างของผู้ชายไว้กับความดีงามของชนชั้นแรงงาน ในรูปแบบเชิงจิตวิญญาณ และอุดมคติ เขายังเป็นคนหนึ่งที่เชื่อมั่นว่าการปฏิวัติ 1917 จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

Kuzmin คือหนึ่งในนักกวีชื่อดังของรัสเซียในปี 1917 เขาเป็นเพื่อนเก่าร่วมสถาบันกับ Chicherin งานวรรณกรรมของเขาพูดถึงการกระตุ้นทางเพศของเด็กหนุ่มในชนบทที่กำลังก้าวเข้าสู่การบรรลุนิติภาวะพร้อมๆกับการเรียนรู้ที่จะมีความรักกับชายหนุ่มคนอื่น  เขาเข้าร่วมและสนับสนุนการปฏิวัติของพรรคบอลเชวิคด้วยเหตุผลสำคัญสองประการ - เขาเป็นผู้จัดวางงานศิลปะบนหนังสือพิมพ์ของพรรคบอลเชวิค - และเพราะความรู้สึกอันซับซ้อนเช่นเดียวกับนักเขียนคนอื่นๆในยุคสมัยเดียวกัน บทกวีเรื่อง “การปฏิวัติรัสเซีย” ของเขาเป็นการตอบสนองต่อความรู้สึกที่มีต่อการปฏิวัติพรรคบอลเชวิคและย้ำเตือนชาวรัสเซียไปพร้อมๆกัน

 

คำถามที่น่าสนใจคือหากปราศจากกลุ่มเกย์หรือตัวอย่างที่เรายกมาทั้งสามคนนี้แล้ว การปฏิวัติจะสามารถเกิดขึ้นหรือดำรงอยู่ต่อไปได้ไหม? คำตอบหนึ่งก็คือพวกเขาเป็นสัญลักษณ์ทั้งหมดที่การปฏิวัติต้องการจะเป็น ทรอสกี้และเลนินต้องการคนกลุ่มนี้ ทรอสกี้นั้นถึงขั้นยอมเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกันกับอังกฤษ เพียงเพื่อจะแลกตัว Chicherin กลับออกมาจากการคุมขังของอังกฤษในเดือนธันวาคม ปี 1917

 

และแม้ว่าจะตกอยู่ท่ามกลางสงครามกลางเมืองอันน่าสยดสยอง ฝ่ายปฏิวัติก็ยังคงรักษาคำมั่นสัญญานั้น ความสำเร็จสูงสุดของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเริ่มต้นขึ้นในปี 1922 เมื่อโซเวียตได้ยกเลิกกฎหมายปราบปรามการร่วมเพศระหว่างชาย (การร่วมเพศระหว่างผู้หญิงไม่เคยถูกบัญญัติว่าผิดกฎหมาย) เป็นการประกาศว่ารัฐไม่มีสิทธิ์หรืออำนาจหรือธุระกงการใดๆในเรื่องเพศของประชาชน

 

หากทว่าสถานการณ์ทั้งหมดกลับเปลี่ยนไปในเวลาเพียงแค่สองปีถัดมา เมื่อเลนินเสียชีวิตลง และทรอสกี้พ่ายแพ้สตาลินในการชิงอำนาจควบคุมพรรคบอลเชวิค พฤติกรรมรักเพศเดียวกันถูกวินิจฉัยว่าเป็นอาการป่วยรูปแบบหนึ่งและถูกตีตราว่าเป็นวัฒนธรรมปัจเจกชนแบบกระฎุมพี (หรือก็คือพวกปฏิปักษ์ปฏิวัติ) ถึงขนาดที่หมอคนหนึ่งเสนอวิธีการรักษาเกย์ว่าจะต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนอัณฑะของเกย์ออกแล้วแทนที่ด้วยอัณฑะของชายแท้

 

Chicherin ถูกส่งไปประจำที่เยอรมนีเพื่อรักษาอาการ “รักเพศเดียวกัน” จวบจนกระทั่งเขาเกษียณอายุในปี 1930 ขณะที่ Kuzmin ได้บอกเล่าถึงบรรยากาศความกลัวที่กำลังคืบคลานเข้าปกคลุมชุมชนเกย์ในเลนินกราด เขาได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้อย่างสาธารณะในมหาวิทยาลัยเมื่อปี 1928 นับเป็นเสียงสุดท้ายของกลุ่มเกย์ ก่อนที่พวกเขาจะตกอยู่ใต้ความเงียบและการปราบปราม

 

ในปี 1934 ระบอบสตาลินได้ประกาศให้กลุ่มคนรักเพศเดียวกันกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายอีกครั้ง ตราหน้าว่าเกย์คือผู้บ่อนทำลายและเป็นศัตรูร้ายของสหภาพโซเวียต Chicherin และ Kuzmin นั้นเสียชีวิตไปก่อนที่ความเลวร้ายนี้จะเกิดขึ้น แต่ Nikolai Klyuev ไม่โชคดีอย่างนั้น ในปี 1937 เขาถูกจับในฐานะผู้ปฏิปักษ์การปฏิวัติ เขาถูกนำไปยิงทิ้งในไซบีเรีย

 

การปฏิวัติรัสเซียและการปลดปล่อยเกย์อาจจะดำรงอยู่เพียงแค่ชั่วพริบตา หากทว่าเจตจำนงของมันยังคงดำรงอยู่ เหตุผลที่ทำให้เราแทบไม่เคยได้ยินหรือได้รู้จักบุคคลทั้งสามนี้เลยก็เนื่องมาจากการลบและเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ในยุคหลังโซเวียต ประธานาธิบดีปูตินยังคงดำเนินนโยบายตามอย่างสตาลิน

 

ผลพวงการปฏิวัติของพรรคบอลเชวิตอาจจะกลายไปเป็นปิศาจร้ายเพราะสตาลิน แต่ในห้วงเวลาหนึ่งนั้น ในห้วงเวลาที่หิมะได้ร่วงหล่นลงมาพร้อมการปฏิวัติ ในห้วงเวลาที่การปฏิวัติดำรงอยู่ภายใต้ความมุ่งหมายและความปรารถนาที่จะสร้างความเท่าเทียมที่แท้จริง เกย์และเลสเบี้ยนคือหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อน และในปัจจุบันแม้ว่าจะตกอยู่ภายใต้ระบบการปกครองของปูตินแต่กลุ่มเกย์และผู้หญิงจำนวนมากยังคงยืนหยัดต่อสู้เพื่อสานต่องานที่ยังไม่สำเร็จของการปฏิวัติ การต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม อันได้รับแรงบันดาลใจมาจากคำของ Kuzmin ที่ว่า “รัสเซียนั้นคือสถานที่ที่เป็นบ้านสำหรับทุกๆคน”

 

แปลจาก : https://www.huffingtonpost.com/entry/lenins-revolution-red-gay-and-almos...