Skip to main content

 

ผมเติบโตมากับนวนิยายพลนิกร กิมหงวนและการ์ตูนโดราเอมอน ถึงแม้จะติดใจกับการ์ตูนเป็นตอนๆ จำได้ว่าตอนเด็กๆ เคยไปดูภาพยนต์โดราเอมอน ตอนโลกไดโนเสาร์ ยังคงชอบจนติดตามาถึงทุกวันนี้  นึกในใจว่าถ้าโนบิตะมีตัวตนอยู่จริงๆ อายุก็น่าปาไป 50 กว่าปีแล้ว มีลูกมีเต้ากับชิซูกะและเป็นผู้บริหารบริษัทขนาดกลาง (หรือนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่มุ่งมั่นในการช่วยเหลือโดราเอมอนที่เครื่องยนต์เสีย ?) ต่อไปนี้เป็นศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการ์ตูนโดราเอมอนที่เกิดจากการสังเกตของผมเอง


1.Nostalgia

หมายถึงการหวนระลึกถึงอดีตอันแสนหวานของญี่ปุ่นโดยเฉพาะปลายทศวรรษที่ 60 จนถึง  80  ถึงแม้โดราเอมอนจะอยู่เลยจนถึงปัจจุบันก็ตาม แต่ถ้าได้อ่านเล่มต้นๆ แล้วจะซาบซึ้งกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นยุคนั้นเลยทีเดียว ถึงแม้สังคมญี่ปุ่นจะไม่สงบสุขอย่างในการ์ตูนก็ตาม   มีภาพยนตร์ญี่ปุ่นมากมายที่นำเสนอภาพของญี่ปุ่นในยุคนั้นด้วยสภาพที่ตรงกันข้ามกับเรื่องดังกล่าว  การ์ตูนโดราเอมอนจึงคล้ายกับเรื่อง Always ซึ่งจัดได้ว่าเป็นภาพยนตร์แบบ Feel good nostalgia หรือการระลึกถึงความหลังด้วยความรู้สึกดี ๆ


2.Hippie

หมายถึงฮิปปี้ หรือพวกบุปผาชนที่ไว้ผมยาว ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าแตะ ชีวิตไม่สนกรอบระเบียบ วัยรุ่นญี่ปุ่นยุคนั้นคลั่งตะวันตกยิ่งกว่าปัจจุบันเสียอีก นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 50 ที่วัฒนธรรมตะวันตกหลั่งไหลเข้ามายังญี่ปุ่น การ์ตูนมักจะนำเสนออย่างมีอารมณ์ขันถึงวัยรุ่นซึ่งมีอายุมากกว่าโนบิตะเช่นเป็นตัวประกอบเดินผ่านไปผ่านมา คนรุ่นนี้ในยุคเบบี้บูมของสังคมญี่ปุ่นปัจจุบันอายุน่าจะประมาณ 60  ปี ท่ามกลางสังคมญี่ปุ่นซึ่งเป็นสังคมชราภาพ (ageing society) 


3.bullying

หมายถึงการรังแกกันโดยเฉพาะไจแอนท์ ซึ่งเป็นขาประจำในการแกล้งเด็กคนอื่นที่ตัวเล็กกว่าโดยเฉพาะโนบิตะส่วนไจแอนท์มักจะถูกผู้อ่านมองว่าเป็นพวกอันธพาลหรือ rogue  แต่ในหลายครั้งเขากลับเป็นเด็กที่มีน้ำใจไม่น้อย  การ์ตูนก็ได้ทำให้การรังแกกันเป็นเรื่องน่าขบขันทั้งที่ความจริงทำให้เด็กจำนวนไม่น้อยไม่ว่าในญี่ปุ่นหรือตะวันตกต้องฆ่าตัวตายหรือทำในสิ่งที่เลวร้ายอย่างที่ไม่มีใครคาดถึง


4.born loser

หมายถึงพวกขี้แพ้ หัวขี้เลื่อย อ่อนแอไม่เอาไหน ซึ่งโนบิตะมักจะมีนิสัยเช่นนี้อย่างคงเส้นคงวา แต่ก็มีหลายครั้งที่เขาพิสูจน์ว่าไม่ได้มีนิสัยเช่นนี้เสมอไป โดราเอมอนรู้ซึ้งดี  แต่ตามความเป็นจริงเด็กญี่ปุ่นอย่างเช่นโนบิตะจะมีที่ยืนเช่นนี้ในสังคมหรือไม่ 


5.competitive society

สังคมญี่ปุ่นเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันโดยเฉพาะการเรียนเพื่อจะได้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ  อย่างเช่นโนบิตะต้องถูกทางบ้านเคี่ยวเข็ญให้ต้องเรียนหนัก ในชีวิตจริงมีเด็กญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยไม่สามารถสอบเข้าที่เรียนดีๆ ไม่ได้ก็ตัดสินใจกระโดดตึกตาย ญี่ปุ่นจึงเป็นประเทศที่มีสถิติฆ่าตัวตายสูงมาก


6.wishful thinking

หมายถึงความฝันเฟื่อง  โนบิตะเป็นเด็กสันหลังยาวระดับ 5 ดาว (ภาษาอังกฤษน่าจะเรียกว่า a slob ได้อารมณ์กว่า a lazy boy) ที่มุ่งนอนฝันถึงเรื่องดีๆ โดราเอมอนจึงเป็นเพื่อนที่จะมาตอบสนองความฝันแบบนี้ได้อย่างดีพร้อมกับของวิเศษนานาชนิดทีพอช่วยให้โนบิตะเป็นคนดีขึ้นบ้างในบางตอน ผมคิดว่าด้วยญี่ปุ่นเป็นสังคมที่แข่งขันและแก่งแย่งกันเช่นนี้ จึงมีเด็กและไม่เด็กจำนวนมากที่ติดอยู่ใน Wishful Thinking จนไม่สามารถออกจากห้องเพื่อพบกับความเป็นจริงได้ เช่นมีคนไม่ยอมออกจากห้องนอนเป็นเดือนๆ ปีๆ  ดังศัพท์ที่เรียกว่า  Hikikomori


7.magic toys

หรือของวิเศษ ซึ่งการ์ตูนบอกว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์จากศตวรรษที่ 22 แต่ถ้าดูดีๆ แล้ว ของวิเศษที่มีอิทธิฤทธิ์แบบนี้ต่อให้เป็นในศตวรรษที่ 30 และเป็นถึงเทวดาจ้างก็ทำไม่ได้ เคยคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าใช้ของพวกนี้พร้อมๆ กันแล้วโลกและจักรวาลคงจะต้องพังพินาศเพราะผลกระทบที่ขัดแย้งกันเอง


8.grumbling mom

หมายถึงคุณแม่ขี้บ่น  คือคุณแม่ของโนบิตะนั้นเอง สำหรับญี่ปุ่นถึงแม้จะเป็นเสรีประชาธิปไตยแต่สิทธิของผู้หญิงค่อนข้างจะพัฒนาไปได้ช้า มีผู้นำทางสังคมและธุรกิจที่เป็นผู้หญิงไม่มากนัก และความคาดหวังของสังคมมักจะให้ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง เป็นแม่บ้านแม่เรือน สังเกตดูว่าในโดราเอมอนมักไม่ค่อยมีผู้บริหารเป็นผู้หญิง ปัจจุบัน สังคมญี่ปุ่นก็ยังคงสภาพเช่นนี้อีกเยอะ ผู้หญิงญี่ปุ่นที่ลาออกมาคลอดบุตรหรือไปเป็นแม่บ้านมักจะถูกปิดโอกาสทางอาชีพ จนนายชินโซะ อาเบะต้องเน้นนโนบายให้สิทธิแก่ผู้หญิงในการทำงานมากขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นดังที่เรียกว่า นโยบาย Womenomics 

เคยสงสัยไหมว่าทำไมฟูจิโกะ ฟูจิโอะมักชอบให้ภรรยาผมสั้นและตัวสูงกว่าคุณสามีเสมอเลย


9.robot

โดราเอมอนเป็น robot หรือหุ่นยนต์ แต่ความจริงโดราเอมอนมีส่วนผสมของร่างกายที่ซับซ้อน มีความรู้สึกเจ็บปวดและอยากอาหาร ลักษณะคล้ายมนุษย์(หรือแมว) มากกว่า  ถ้ามีรูปร่างเป็นมนุษย์ ภาษาอังกฤษก็คงจะเป็น  Android หรือ humanoid    โดราเอมอนก็ยังมีสมองกล (Artificial intelligence) ที่เต็มไปด้วยความฉลาด (ซึ่งไม่มากนัก) อารมณ์ความรู้สึกที่ละเอียดละอ่อนยิ่งกว่ามนุษย์เสียด้วยซ้ำไป  โดราเอมอนจึงสอดคล้องกับคำพูดของใครก็จำไม่ได้เสียแล้วว่าหุ่นยนตร์เริ่มเหมือนมนุษย์มากขึ้น ในทางกลับกันมนุษย์เริ่มเหมือนหุ่นยนต์มากขึ้น


10.Fictional society

หรือสังคมในจินตนาการ เคยสังเกตไหมว่าเพื่อนบ้านหรือคนอื่น ๆ ที่เดินไปเดินมาในย่านที่โนบิตะอาศัยอยู่ไม่ตื่นเต้นเลยเวลาเจอโดราเอมอน ทำไมรัฐบาลญี่ปุ่นไม่รู้ว่าสิ่งประดิษฐ์สำคัญในอนาคตที่จะทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ กำลังเดินเพ่นพ่านในกรุงโตเกียว โดราเอมอนจึงเป็น "ปิติ มานะ วีระ" เวอร์ชันญี่ปุ่นอย่างแท้จริง 

 

 

 

                                     

 

                                          (ภาพจาก  http://www.watchcartoononline.com)

 

 

บล็อกของ อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์

อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
 
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
เข้าใจว่าผลงานของ William Shakespeare ที่คนไทยรู้จักกันดีรองจากเรื่อง Romeo and Julius ก็คือวานิชเวนิส หรือ Merchant of Venice ด้วยเหตุที่ล้นเกล้ารัชกาลที่หกทรงแปลออกมาเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับเด็กนักเรียนได้อ่านกัน และประโยค ๆ หนึ่งกลายเป็นประโยคยอดฮิตที่ยกย่องดนตรีว่า &nbsp
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
หากพูดถึงหนังเพลงหรือ musical ที่มีสีสันมากที่สุดเรื่องหนึ่งในทศวรรษที่ห้าสิบและหกสิบ เราก็คงจะนึกถึงเรื่อง West Side Story เป็นเรื่องแรก ๆ อาจจะก่อน Singin' in The Rain หรือ Sound of Music เสียด้วยซ้ำ ด้วยหนังเรื่องนี้มีจุดเด่นคือเพลงทั้งบรรเลงและเพลงร้องที่แสนไพเราะ ฝีมือการกำกับวงของวาทยากรอ
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
มักเป็นที่เข้าใจว่าอเมริกาเป็นประเทศแห่งความเท่าเทียมกัน อาจด้วยอเมริกานั้นไม่เคยเปลี่ยนผ่านยุคศักดินาเหมือนกับประเทศในเอเชียและยุโรป อเมริกาถึงแม้จะมีชนชั้นกลางมากแต่บรรดาในชนชั้นกลางก็มีการแบ่งแบ่งแยกที่ดีที่สุดคือเงิน รองลงมาก็ได้แก่ฐานะทางสังคม สีผิว เพศ ฯลฯ เอาเข้าจริงๆ ไม่มีสังคมไหนในโลกท
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
    1.นอยด์ เป็นคำแสลงที่ถือกำเนิดได้มานานหลายปีแล้ว มาจากคำว่า noid กร่อน (โดยคนไทยเอง) จากศัพท์อังกฤษ  paranoid ซึ่งแปลว่า ความวิตกกังวลว่าคนอื่นไม่ชอบหรือพยายามจะทำร้ายตัวเองแม้ว
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
                                                                                    &
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
ผีเป็นบุคคลที่เราไม่พึงปรารถนาจะพบ แต่เราชอบนินทาพวกเขาแถมยังพยายามเจอบ่อยเหลือเกินในจอภาพยนตร์ ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่ามีตัวตนจริงหรือเปล่า ด้วยส่วนใหญ่ได้ยินกันปากต่อปาก ประสบการณ์ส่วนตัวก็ไม่ชัดเจน อาจเกิดจากความผิดปกติทางประสาทสัมผัส หรือการหลอกตัวเองก็ได้ ยิ่งหนังผีทำได้วิจิตร พิศดารออกมามากเท่า
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
                 แปลและตัดต่อบางส่วนจากบทความ Gustav Mahler : The Austrian composer เขียนโดยเดรีก วี คุก จาก  www.britannica.com
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
ทศวรรษที่ 80 ของฝรั่งคือปี 1980-1989  หรือว่าช่วง พ.ศ. 2523  ถึง พ.ศ.
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
ถึงแม้เบโธเฟน (Ludwig Van Beethoven) จะได้ชื่อว่าเป็น คีตกวีที่แสนเก่งกาจคนหนึ่งในยุคคลาสสิกและโรแมนติก แต่ศิลปะแขนงหนึ่งที่เขาไม่สู้จะถนัดนักคือการเขียนอุปรากร เหมือนกับ โมซาร์ท คาร์ล มาเรีย ฟอน เวเบอร์ หรือ โจอากีโน รอสซีนี  ดังนั้นช่วงชีวิต 50 กว่าปีของเบโธเฟนจึงสามารถสร้างอุปรากรออกมาไ
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
ตามความจริง คำว่า Godfather เป็นคำที่ดีมาก หมายถึงพ่อทูนหัว ของศาสนาคริสต์ที่หมายถึงใครสักคนหนึ่งยอมรับเป็นพ่อทูนหัวของเด็กซึ่งเป็นลูกของคนอื่นในพิธีศีลจุ่มหรือ Baptism เขาก็จะเป็นผู้ประกันว่าเด็กคนนั้นจะได้รับการศึกษาทางศาสนาและถ้าพ่อแม่ของเด็กคนนั้นตายก็ต้องรับอุปการะ นอกจากนี้ยังหมายถึงฝ่ายห
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
 visionary ,under the shadow Prayut tries to be the most visionary politician,but he is merely under the shadow of Thacky.&