Skip to main content

    1.นอยด์ เป็นคำแสลงที่ถือกำเนิดได้มานานหลายปีแล้ว มาจากคำว่า noid กร่อน (โดยคนไทยเอง) จากศัพท์อังกฤษ  paranoid ซึ่งแปลว่า ความวิตกกังวลว่าคนอื่นไม่ชอบหรือพยายามจะทำร้ายตัวเองแม้ว่าจะไม่มีเหตุผลก็ตาม หากความรู้สึกนี้รุนแรงก็จะกลายเป็นโรคทางจิตไป  อย่างไรก็ตามศัพท์ที่ใกล้เคียงกับคำว่านอยด์แบบไทย ๆ เสียมากกว่าน่าจะเป็น  overanxious หรือวิตกกังวลมากจนเกินไป

 

      After the royal cremation ceremony, many people are increasingly overanxious about Thai political situation.

     ภายหลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ  ใครหลายคนต่างนอยด์ขึ้นเรื่อยๆ กับสถานการณ์ทางการเมืองไทย

 

     2.แห้ว แม้ว่าผลไม้ชื่อนี้ (ภาษาอังกฤษจริง ๆ คือ water chestnut) จะเปลี่ยนเป็น "สมหวัง" แล้ว ชื่อของมันก็ยังถูกใช้ในด้านลบอยู่ดี และมักจะถูกนำมาใช้ในกรณีที่ใครบางคนจีบบุคคลที่หมายปองไม่ติด โดยมีสำนวนยอดนิยมคือ "รับประทานแห้ว" หรือ be disappointed with love แต่ถ้าจะให้ความรู้สึกแรงกว่านั้น ก็คือ be broken-hearted หรืออกหัก  กระนั้นคำว่า “แห้ว” ก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรักเสมอไป อย่างเช่น

     

           Many Good People has expected NCPO to be the benevolent and competent ruler of Thailand , but they are eventually disappointed.

          “คนดี” หลายคนคาดหวังว่าคสช.จะเป็นผู้ปกครองกะลาแลนด์ที่มีเมตตาและทรงประสิทธิภาพ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ต้องแห้วไป

 

     3.ผักชี คำสแลงนี้ก็โบราณไม่แพ้คำว่าแห้วและยังมาจากสุภาษิตไทยที่ว่า ผักชีโรยหน้า ความหมายก็คือ "การทำดีเพียงผิวเผินเพื่อเอาหน้า"คำว่าผักชีที่เป็นผักจริงๆ ภาษาอังกฤษคือ coriander แต่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษสำหรับคำสแลงนี่ผมได้ไปเจอของคุณ แอนดรูว์ บริกส์ในคอลัมน์ของหนังสือพิมพ์ คม ชัดลึก มาโดยบังเอิญจึงต้องขอยืมความคิดของท่านมานั้นคือ window dressing ซึ่งผมขอนำมาแปลเองว่า "บางสิ่งบางอย่างที่ดูน่าจะประทับใจแต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรจริง ๆ" เช่น

 

           Thailand is still a developing country because many of official projects has been merely window dressing.

           ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพราะโครงการจากรัฐจำนวนมากเป็นเพียงผักชี (โรยหน้า) มากกว่า

 

    4.เจ๊ง คำสแลงโบราณที่เรารู้จักมาตั้งแต่เด็ก คำนี้น่าจะยืมมาจากภาษาจีนนั้นคือ ขาดทุน ยุติกิจการ ภาษาอังกฤษมีหลายคำที่พบบ่อยก็คือ to flop ,to go broke หรือ shut down เช่น

 

         As a result of social media's influence , many of traditional media such as magazine have shut down.

        เพราะอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย สื่อที่นิยมก่อนหน้านี้จำนวนมากดังเช่นนิตยสารต้องเจ๊งไป

 

     5.วัดเรตติ้ง คำนี้หยิบยืมมาจากละครหรือรายการโทรทัศน์มาใช้กับคนทั่วไป นั้นคือการหยั่งดูว่าคนรอบข้างเช่นเพื่อน ๆ หรือสาธารณชนว่าชอบหรือนิยมในตัวเองหรือไม่มากน้อยเพียงใดโดยการปล่อยข่าวว่าตัวเองแกล้งป่วยหรือหายไปตัวพักใหญ่ ๆ ภาษาอังกฤษก็น่าจะเป็น check one’s popularity

      

      Some websites post the picture of Prayut shedding tears while walking in the Royal funeral procession to check his popularity.

      บางเว็บไซต์แสดงภาพพลเอกประยุทธ์หลั่งน้ำตาขณะเดินอยู่ในขบวนพระบรมราชอิสริยยศเพื่อวัดเรตติ้งของ ฯพณฯ

 

      6.โดนเท เป็นคำสแลงที่เพิ่งได้รับความนิยมเมื่อไม่นานมานี้ หมายถึงโดนทิ้ง หลายคนในอินเทอร์เน็ตบอกว่า got dumped สำหรับอาจารย์อดัมแกบอกว่า got ditched

      

        Democracy of Thailand is now crying, because it has got ditched by Thai people.

        ประชาธิปไตยไทยตอนนี้กำลังร้องไห้เพราะโดนเทโดยคนไทย

 

       7.หัวร้อน เป็นคำสแลงที่เพิ่งได้รับความนิยมในระยะเวลาใกล้เคียงกับโดนเท น่าจะแปลมาจากภาษาอังกฤษคือ hothead หากเป็นคำคุณศัพท์ก็คือ hotheaded หมายถึงอารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย

 

        Recently many Thais become hotheaded.They will get extremely furious when seeing someone with the colorful dress.

        ช่วงนี้คนไทยจำนวนมากหัวร้อน พวกเขาจะโมโหหนักมากเมื่อเห็นใครสักคนใส่ชุดมีสีสัน

 

       8.  รักพ่อ / โหนเจ้า   เป็นคำยอดฮิตถูกนำมาใช้กับ hashtag อันเป็นที่นิยมของคนไทย รักพ่อ ภาษาอังกฤษแปลแบบทื่อๆ ก็คือ Love the king หรือที่สละสลวยกว่าก็คือ to be an avid royalist อันหมายถึงการเป็นผู้นิยมเจ้าอย่างเปี่ยมล้น มีเป็นจำนวนมากที่รักพ่ออย่างแท้จริง แต่คงมีจำนวนไม่น้อยที่อาศัยกระแสรักพ่อเพื่อสร้างภาพให้กับตัวเอง ดังคำศัพท์ที่ว่า โหนเจ้าหรือ exploit the royalism อันหมายถึง ใช้ประโยชน์จากลัทธิราชานิยม  ตัวอย่างมีมากมาย นอกจากการร่ำไห้ของ ฯพณฯ แล้วยังได้แก่  

    

      Some family exploited the royalism by showing them standing in the rain near the Grand Palace.

      บางครอบครัวโหนเจ้าโดยการแสดงภาพพวกเขายืนตากฝนใกล้กับพระบรมมหาราชวัง

 

บล็อกของ อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์

อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
ถือได้ว่า It's A Wonderful Life เป็นภาพยนตร์ที่อเมริกันชนแสนจะรักใคร่มากที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้นอกจากจะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับหนังชีวิตในยุคหลังมากมายหลายเรื่องแล้ว ภาพยนตร์ขาวดำเรื่องนี้ยังถูกนำมาฉายทางโทรทัศน์ในช่วงคริสต์มาสของทุกปีในอเมริกา คอหนังอเมริกันมักจะเอยชื่อหนังเรื่อง
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
ผลพวงแห่งความคับแค้นหรือ The Grapes of Wrath เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวโจดส์ที่อาศัยอยู่ใน รัฐโอกลาโอมา พวกเขาเป็นหนึ่งในหลาย ๆ หมื่นครอบครัวของชนชั้นระดับรากหญ้าของอเมริกาที่ต้องพบกับความยากลำบากของชีวิตในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ (Great Depression) ในทศวรรษที่ 30 ซึ่งสหรัฐฯเป็นต้นกำเนิดนั้นเอง &nbsp
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
เคยสังเกตไหมว่าพวกที่เป็นเซเลบและพวกที่ไม่ได้เป็นเซเลบแต่อยากจะเป็นเซเลบ  มักจะหันมาใช้อาวุธชนิดหนึ่งในการโฆษณาสร้างภาพตัวเองซึ่งดูเหมือนจะได้ผลไม่น้อยไปกว่าให้หน้าม้ามาโผล่ตามเว็บไซต์ต่างๆ หรือเสนอหน้าผ่านเกมโชว์หรือรายการทั้งหลายในโทรทัศน์ก็คือหนังสือนั้นเอง หนังสือที่ว่ามักจะเป็นเรื่องเ
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
บทความเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้แปลมาจากบทความของโรเจอร์ อีเบิร์ต ที่เขียนขึ้นในเวบ Rogerebert.com เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ปี ค.ศ.
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
1."วันข้างหน้า ถ้าไม่มีมาตรา 44  ไม่มีคสช.เราจะอยู่กันอย่างไร"
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
from A to Z , rest of one's life If the officers want to inspect  Dhammakay temple from A to Z , they must spend the rest of their lives.
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
 ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับของหมอดูที่ผมรวบรวมมาจากการประสบพบเองบ้าง (ในชีวิตนี้ก็ผ่านการดูหมอมาเยอะ) จากการสังเกตการณ์และนำมาครุ่นคิดเองบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้หมายความถึงหมอดูทุกคน เพราะคงมีจำนวนไม่น้อยที่มีฝีมือจริงๆ  กระนั้นผมเห็นว่าไม่ว่าเก่งหรือไม่เก่ง พวกเขาหรือเธอต้องใช้เคล็ดลับ
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
หากพูดถึงหนังเรื่อง Lolita ไม่ว่าเวอร์ชั่นไหนแล้วคำ ๆ แรกที่ทุกคนนึกถึงก็คือ Paedophilia หรือโรคจิตที่คนไข้หลงรักและต้องการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กที่อายุน้อย ๆ สาเหตุที่ถูกตีตราว่าโรคจิตแบบนี้เพราะสังคมถือว่ามนุษย์จะสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เมื่อมีอายุที่สมควรเท่านั้น และสำคัญที่มันผิดทั้งกฏหมายและศี
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
1.Blade Runner (1982)  สุดยอดหนังไซไฟที่มองโลกอนาคตแบบ Dystopia นั่นคือเต็มไปด้วยความมืดดำและความเสื่อมโทรม ถึงแม้บางคนอาจจะผิดหวังในตอนจบ(แต่นั่นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของหนัง) แต่ด้วยฝีมือ Ridley Scott ที่สร้างมาจากงานเขียนของ Philip K.Dick ทำให้
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
มีการถกเถียงกันทางญาณวิทยาซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของปรัชญามาเป็นพัน ๆ ปีว่าความจริง (Truth) แท้จริงเป็นอย่างไร แล้วเราจะสามารถรู้หรือเข้าสู่ความจริงได้หรือไม่ แน่นอนว่าผู้อ่านย่อมสามารถโต้ตอบผู้เขียนได้ว่าความจริงที่เรากำลังสัมผัสอยู่ขณะนี้เช่นหูได้ยินหรือจ
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
จำได้ว่าตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตน ภาพยนตร์ที่สร้างความเพลิดเพลินและความชื่นอกชื่นใจให้แก่ผมมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือหนังเรื่อง "มนตร์รักลูกทุ่ง" ของสยามประเทศนี่เอง เคยดูเป็นเวอร์ชั่นโรงใหญ่จากโทรทัศน์ก็ตอนเด็ก ๆ ความจำก็เลือนลางไป เมื่อเข้าเรี
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
อาคิระ คุโรซาวาเป็นผู้กำกับญี่ปุ่นชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลก ด้วยความยิ่งใหญ่จนถึงระดับคลาสสิกของภาพยนตร์ที่เขาสร้างหลายสิบเรื่องทำให้มีผู้ยกย่องเขาว่าเหมือนกับจักรพรรดิหรือแห่งวงการภาพยนตร์ไม่ว่าญี่ปุ่นหรือแม้แต่ระดับนานาชาติคู่ไปกับสแตนลีย์ คิวบริก อัลเฟรด