Skip to main content

นายยืนยง

20080528 ปาจา
(หมายเหตุ ภาพนี้เป็นภาพปก ฉบับที่ ๔ ปีที่ ๓๒ เดือน มีนาคม - เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑)
ภาพจาก :
http://burabhawayu.multiply.com/reviews/item/16

ชื่อนิตยสาร : ปาจารยสาร
ฉบับที่ ๓ ปีที่ ๒๘ เดือนมีนาคม – เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๕
จัดพิมพ์โดย : บริษัท ส่องศยาม

ฤดูฝนตก ฟ้าย่อมเปียกปอน จะออกจากบ้านไปไหนทีก็ยากลำบาก หนึ่งคือกลัวเปียกทั้งอาศัยอยู่ใต้ฟ้า สองคือไม่รู้แห่งจะไป หยิบหนังสือสักเล่มขึ้นมาจากความทรงจำที่ไหนสักแห่ง ความกังวลก็แล่นหายไป

นิตยสาร หมายถึง หนังสือที่พิมพ์ออกเป็นประจำสัปดาห์หรือปักษ์ หรือเดือน บางฉบับอ่านแล้วก็ผ่านเลย บางฉบับมีภาพประดับที่งาม ขณะบางฉบับมีเนื้อหาให้อ่าน เก็บไว้อ่าน หรือเก็บไว้เป็นหน้าบทประวัติศาสตร์ส่งทอดถึงรุ่นลูกหลาน โดยเฉพาะนิตยสารปาจารยสาร ที่เขาเขียนโปรยประจำปกหน้าว่า โยงหัวใจและความคิด เพื่อชีวิตแสวงหา ท้าทายบริโภคนิยม

เมื่อหยิบเล่มเก่าที่ยังอยู่ดีเรียบร้อยในตู้ก็สะดุดใจกับภาพปกฝีมือ วสันต์ สิทธิเขตต์ เป็นภาพพิมพ์แกะไม้ที่มีชื่อว่า “ผมเห็นคุณมีสองหัวเดินไปในเมือง ๒๕๓๑” ชื่อศิลปินกับสายฝนช่างพอเหมาะกันดีแท้

ครั้นจึงนึกได้ว่า เล่มนี้มีบทความน่าอ่านเยอะทีเดียว นึกต่อไปได้อีกว่า ครูสาวคนหนึ่งเคยถามถึงกรณีสวรรคตรัชกาลที่ ๘ กับนายปรีดี พนมยงค์ คำถามของหล่อนทำให้ฉงน อีกนัยน์ตาของหล่อนนั้นก็เป็นดั่งดวงใจแห่งความกระหายรู้แบบเด็ก ๆ มีหรือใครจะนึกเฉยได้ วันนั้นปาจารยสารเล่มนี้จึงถูกค้นพบในความทรงจำอีกครั้งและทำหน้าที่เป็นวิทยาทานด้วยอาการตื่นใจระคนยินดี

กับวันนี้ที่ฝนทำให้ความทรงจำลื่นละลายออกมา ปาจารยสารเล่มดังกล่าวจึงถูกเปิดอ่านอีกครั้งด้วยชีวิตชีวา

ในหน้าที่ ๒๙ –๓๘ เป็นหัวข้อเรื่องเด่น ที่เขียนโดย ซาลาดิน ชามชาวัลลาชื่อบทความฟังดูหนักหน่วงว่าด้วยแอกอันหนึ่งในประวัติศาสตร์นิพนธ์ไทย
“แอกอันหนึ่ง”แปลได้ว่าในประวัติศาสตร์ไทยมีแอกที่คอยกดทับเราอยู่มากกว่าหนึ่งแน่นอน ใช่หรือไม่?

เป็นบทความที่เขียนได้อย่างน่านับถือ เพราะเหตุใด? หนึ่งเพราะเป็นความสับสน กำกวม และหลอกลวงสิ้นดีที่คนในประเทศหนึ่งจะถูกปิดหูปิดตาด้วย “ข่าว”และ “สถานการณ์ที่สร้างมากลบ” ดูเอาเถิดว่าแม้แต่คนที่ขึ้นชื่อว่า “ครู”ยังหาได้รู้ความ “จริง”ยังหาความกระจ่างต่อเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งไม่ได้ ขออนุญาตผู้เขียนและกองสาราณียกรของปาจารยสาร ยกส่วนหนึ่งของบทความที่น่าอ่านยิ่งมาไว้ ณ พื้นที่ตรงนี้

ว่ากันถึงหลักการเขียนบทความ ซึ่งไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากนักในเรื่องของโครงสร้าง อย่างที่เราเคยร่ำเรียนกันมานั่นเอง

บทความประกอบด้วย ๓ ส่วนสำคัญ คือ (๑) บทนำหรือการเกริ่นนำผู้อ่าน (๒) เนื้อหาหรือใจความ
(๓) บทสรุป แต่การจะเขียนบทความให้น่าอ่านก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สลับซับซ้อนเสมอไป อีกทั้งบทความก็มีหลายประเภทด้วยกัน ทั้งบทความวิชาการ บทความแสดงทัศนคติ อะไรต่าง ๆ เราเองก็ต้องยอมรับว่าบทความเป็นเนื้อหลักของการสื่อสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร

แต่บทความ ว่าด้วยแอกอันหนึ่งในประวัติศาสตร์นิพนธ์ไทย ที่เขียนโดย ซาลาดิน ชามชาวัลลา นั้นนอกจากเป็นเนื้อหาที่น่าหยิบมาเขียนแล้ว ศิลปะการเขียนของซาลาดิน ชามชาวัลลายังน่าหลงใหลได้ปลื้มอีกด้วย ไม่ทราบว่าเขาหรือเธอผู้นี้คือใครกันหนอ? ใครพอรู้จักมักคุ้น หากกรุณาบอกเล่ากันบ้างจะเป็นพระคุณ...

ด้วยภาษาที่กระชับ มีสำนวนแบบที่เรียกได้ว่า ฉูดฉาด เต็มด้วยสีสัน แต่กลับแกร่งกล้าในตัว โดยเฉพาะการตั้งชื่อบทย่อย เช่น ความเป็นไปได้ของการตายทั้งเป็น การจัดการกับความจริงเกี่ยวกับความตาย เสียงเปล่งของปีศาจบางคนอาจรู้สึกได้ถึงลีลาอย่างเรื่องแต่งหรือวรรณกรรมไปพร้อมกันด้วย ไม่เท่านั้น การจัดวางองค์ประกอบ การแบ่งสัดส่วนของข้อมูล ที่เข้าใจว่ามหาศาล (ดูจากส่วนอ้างอิงท้ายบทความที่มีถึง ๑๓ รายการ ซึ่งล้วนหนักหน่วงทั้งสิ้น) เรียกว่าบริหารข้อมูลให้เข้าถึงเป้าหมายได้พอดิบพอดี (อีกทั้งจะไม่ต้อง “เจ็บตัว”จากตัวอักษรของตัวเองด้วย) การบริหารข้อมูล จัด ตัด ทอน เพิ่ม ข้อมูลให้เหมาะเจาะนั้นเป็นข้อพึงสังวรยิ่งสำหรับผู้เขียนบทความ ไม่เช่นนั้นผู้อ่านอาจจะ “ตื้อ”กับข้อมูลพะเรอเกวียนประดานั้นได้

ครั้นมาดูการเกริ่นนำเรื่องของซาลาดินกันบ้าง

ซาลาดินอาศัยทัศนะของนักคิด นักปรัชญา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นซีกตะวันตก เป็นเครื่องมือในการปูพื้นความเข้าใจร่วมกันกับผู้อ่าน (เพื่อดึงเอาสถานภาพระหว่าง ๒ คน เข้ามาเทียบเคียงกัน) ขอยกมาให้อ่านกันดังต่อไปนี้

ความตายคือ “ความเป็นไปได้ของความสามารถที่จะไม่ต้องอยู่ที่นั่นอีกต่อไป (the possibility of a being-albe-no-longer-to-be=there)” หรือ คือ “ความเป็นไปได้ของความเป็นไปไม่ได้ในทุก ๆ วิถีแห่งการดำรงอยู่ (the possibility of the impossibility of every way of…existing” หรือ

นอกจากนี้ ไฮเดกเกอร์ยังมีความเห็นต่อไปว่า “เป็นไปไม่ได้ที่ (คนผู้หนึ่ง) จะตายเพื่อผู้อื่นในความหมายที่ว่าเป็นการ ‘ตายแทนคนผู้นั้น’ ต่อให้เขาจะตายเพื่อผู้อื่นโดย พลี (หรือสังเวย) ความตายของตัวให้แก่ผู้อื่นไปก็ตาม” อย่างไรก็ตาม ในฉบับแปลจากภาษาฝรั่งเศส มีความหมายเป็นไปในทำนองว่า คนเราไม่สามารถตายแทนกันได้ ... ฯลฯ... “ไม่มีใครสามารถถือเอาความตายของผู้อื่นไปจากตัวเขาได้ แน่นอนว่า บางคนสามารถ ‘เดินไปสู่ความตายของตนเพื่อคนอื่น’ ได้ แต่นั่นย่อมหมายถึงการอุทิศตนเพื่อคนอื่น ‘ในกิจการบางเรื่องที่แน่นอน’ ” กล่าวโดยสรุปก็คือ ความตายนั้นไม่มีใครสามารถตายแทนกันได้ (to die in his place) ส่วนความหมายหลังคือ ไม่มีใครพรากเอาความตายของผู้อื่นไปจากตัวเขาได้ (take the other’s dying away from him) ความหมายทั้งสองที่กล่าวข้างต้น จะเป็นการนำไปสู่ประเด็นสำคัญในกรณีสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๙ ...

การนำเอาทัศนคติหรือข้อปรัชญามาเกี่ยวเข้ากับกรณีสวรรคตรัชกาลที่ ๘ เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับทัศนคติที่เคยมีมาของประชาชนคนไทยที่มีต่อกรณีดังกล่าวกับรอยมลทินของนายปรีดี พนมยงค์ ทำให้ผู้อ่านมองเห็นได้อย่างชัดแจ้งถึงเจตนารมที่แท้ของผู้เขียนบทความนี้ และ “แอกอันหนึ่ง”ที่กล่าวถึงนี้คือ “แอก”ที่มีคนขี่ค้ำอยู่อีกไม่รู้เท่าไหร่ ใช่หรือไม่? ขอยกมาให้อ่านต่ออีกสักหน่อยเถอะ

(หน้า ๓๐ –๓๑) ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้ให้ความหมายการสวรรคตของรัชกาลที่ ๘ ที่ซับซ้อนยอกย้อนอย่างมีนัยยะพิเศษในสังคมไทย กล่าวคือ ไม่เพียงแต่ทำในสิ่งที่ขัดขืนต่อความคิดที่ว่า “ไม่มีใครสามารถถือเอาความตายของผู้อื่นไปจากตัวเขาได้” เท่านั้น แต่ได้พรากเอาความตายไปจากพระองค์ท่าน ด้วยการทำให้กรณีสวรรคตกลายเป็นอมตะ เพราะในทัศนะของเสนีย์นั้น การสวรรคตของรัชกาลที่ ๘ นั้นเป็นผลส่งให้ดวงวิญญาณของพระองค์หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับวิญญาณของความเป็นชาติ และเท่ากับ “ได้ชุบชีวิตในหลวงอานันท์ให้ฝังสนิทแนบอยู่ในวิญญาณของชาติอันไม่รู้จักตาย ตายอย่างผู้บริสุทธิ์เยี่ยงพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนการเมือง พระองค์ได้สละแล้วซึ่งชีวิตเพื่อปลุกคนไทยให้ตื่นทั่วแผ่นดิน” การหลอมรวมวิญญาณของพระองค์เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับวิญญาณของชาตินั้น ได้ทำให้พระองค์กลายเป็นอมตะหรือไม่ตาย เพราะ “วิญญาณของชาติไทยเป็นวิญญาณที่ฆ่าไม่ตาย”

ไม่เพียงเท่านั้น หากเสนีย์ยังได้ผลักเอาความตายของพระองค์ไปหยิบยื่นให้แก่คนอีกผู้หนึ่งไปตายแทนพระองค์ เพราะการสวรรคตของรัชกาลที่ ๘ นั้น กลับมีผลทำให้ต้องออกมรณบัตรแก่อีกบุคคลหนึ่ง คือ ทำให้ปรีดี พนมยงค์ “ถึงฆาตทางการเมือง” ซึ่งเมื่อกล่าวตามสำนวนของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ก็คือ “ชะตาท่านปรีดีตกที่นั่งถึงฆาตทางน้ำ (คือ) น้ำลายประชาชนคนไทย” จนถึงกับต้อง “ตายทั้งเป็น” เพราะฉะนั้น การสวรรคตของรัชกาลที่ ๘ ไม่เพียงแต่ได้ทำให้พระองค์กลับมีชีวิตที่เป็นอมตะ แต่ยังได้กลับตาลปัตรผลักดันให้คนอีกผู้หนึ่งตกที่นั่งถึงแก่มรณะลงเสมือนหนึ่งว่าปรีดีได้ “ตายแทน” พระองค์

นั่นเป็นเพียงบางส่วนที่ขอตัดทอนมา ด้วยเนื้อหาของบทความชิ้นนี้ เป็นการปะติดปะต่อ “รายละเอียด”ข้อมูลและทัศนะจากหนังสือหลายเล่ม จากทัศนคติของหลายฝ่าย แล้วเชื่อมโยงให้ลงตัว กระชับ รัดกุม เหมาะสมกับพื้นที่ของนิตยสาร หากเป็นไปได้ปาจารยสารเล่มนี้ควรหามาเก็บ หามาอ่านอย่างยิ่ง เข้าใจว่าน่าจะติดต่อได้โดยตรงกับกองสาราณียกร เพราะเชื่อว่า นอกจากครูสาวผู้สนใจใคร่รู้ต่อกรณีสวรรคตของรัชกาลที่ ๘ แล้ว อาจจะยังมีบางคนที่ยังคงให้ความสนใจอยู่บ้าง และเพราะเชื่อว่าหน้าบันทึกประวัติศาสตร์ต่อกรณีนี้เหมือนถูก “สับ”ให้ขาดช่วง ห่างหาย ไปเสียนาน แม้กระทั่งวันที่ ๙ มิถุนายน ของทุกปี ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลหรือ “ใคร?” ออกมาแสดงความรู้สึกกับกรณีสวรรคตของรัชกาลที่ ๘ นอกจากประโคมข่าวกันในวันรัฐธรรมนูญ วันประชาธิปไตยแห่งชาติ วันภาษาไทยแห่งชาติ วันอะไรต่อมิอะไรแห่งชาติกันให้จำไม่หวาดไหว

ไม่เท่านั้น ความ “พยายาม”ที่จะทำให้กรณีดังกล่าวถูกปิดเงียบงึมไปจากความรับรู้ของคนในสังคมจากอดีตถึงปัจจุบันก็ยังคงเคลื่อนไหวอย่างแนบเนียน โดยการกระทำต่าง ๆ เช่นว่า การยกย่องเทิดทูน “บางสิ่ง” หรือ “บางส่วน”ให้มากเกิน มากล้น ก็อาจทำให้ “บางสิ่งที่ถูกลืมอยู่แล้ว”ถูกทำให้เงียบหายไปเลย

ดังที่ซาลาดินได้เขียนไว้ในตอน “ความเป็นไปได้ของการตายทั้งเป็น”ว่า ความพยายามในการฝังศพ “ปีศาจทางการเมือง”เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรณีสวรรคตกลายเป็นประเด็นอันตรายและล่อแหลมในทางการเมืองสำหรับนักเรียนประวัติศาสตร์ ที่อาจจะถูกดึงเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกลุ่มนิยมเจ้ากับกลุ่ม “ปีศาจทางการเมือง”อันทำให้กรณีสวรรคตกลายเป็นปัญหาสำคัญที่สุดปัญหาหนึ่ง ที่ยังปราศจากการค้นคว้าในประวัติศาสตร์นิพนธ์ไทยสมัยใหม่ ซึ่งเป็นเสมือนการทำให้ “ข้อต่อของกาลเวลาแยกออกจากัน”หรือ “the time is out of joint” ที่ยุ่งยากต่อการอธิบายและการทำความเข้าใจเกิดขึ้นมาในประวัติศาสตร์นิพนธ์ไทย ก่อให้เกิดความคลุมเครือขึ้นอย่างที่หาเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ไทยในช่วงอื่นใดมาเปรียบเทียบได้ยาก ดังที่ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เห็นว่ากรณีสวรรคตเป็น “แอกทางประวัติศาสตร์”(burden of history) อันหนึ่งของสังคมไทย ...ฯลฯ ...

แล้ว “แอกทางประวัติศาสตร์”อันหนึ่งนี้ จะพัฒนาไปเป็น “อย่างอื่น”ที่ “พร้อม”หรือจะรอจังหวะ “เหมาะสม”ใด เพื่ออะไร หรือใคร “ปีศาจทางการเมือง”จะแปรโฉมหน้าเลียนแบบ “คนตุลาฯ”หรือไม่

ไม่อยากจะคาดเดา ได้แต่ภาวนาว่า...

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…