ข่าวเรื่องการละสังขารของศาสนาจารย์ผู้ก่อตั้งคริสตจักรมูเจะคีในวัย 96 ปีได้ถูกกระจายออกไป ไม่เพียงแค่ในพื้นที่มูเจะคีเท่านั้น เชียงราย กาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่เกิดและที่เติบโตของพื้นที่อื่นที่เขาเคยเผยแพร่และเทศนาเรื่องราวของพระคริสต์ทั้งในพื้นที่เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก ข่าวการจากไปของเขาไม่เลยผ่านไปได้
งานศพถูกจัดการอย่างดีตามรูปแบบของคริสเตียน ข่าวไปถึงที่ไหนผู้คนจากที่นั่นก็มา คนในพื้นที่กับคนนอกพื้นที่ดูแล้วปริมาณไม่ต่างกันเท่าเลย เหมือนมีการจัดงานมหกรรมบางเกิดขึ้นในชุมชน ลูกหลานที่ไปทำงานจากที่ต่างๆ ของเขาก็มากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา โดยที่งานศพถูกเก็บไปสามคืน
หลังจากผ่านพ้นคืนที่สาม รุ่งเช้าเป็นเวลาที่จะมีการศพไปฝัง หลังจากทานข้าวเช้าจะมีพิธีนมัสการอีกครั้งหนึ่ง ก่อนศพจะถูกเคลื่อนสู่ป่าช้า
“ช่วงที่พาตี่เทศนาอยากให้หลานได้ร้องเพลงแห่ศพของคนปกาเกอะญอหน่อย เพราะพาตี่จะเทศนาเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย” ลูกชายของผู้ตายคนหนึ่งที่ต้องทำหน้าที่เทศน์ในเช้าสุดท้ายของพ่อในหมู่บ้านมาชักชวนผม
“จะดีเหรอครับ คนเค้าจะรับได้หรือเปล่า??(คริสเตียนปกาเกอะญอ)” ผมถามเขาด้วยความลังเล
“ไม่เป็นไร เพราะพาตี่จะเทียบระหว่างความเชื่อปกาเกอะญอเดิมกับพระคัมภีร์ของคริสเตียนมันมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร” ผมรู้สึกว่าเป็นความคิดที่เข้าท่าดี จึงตกลงใจที่รับงานที่มอบหมายด้วยความยินดี แต่เพื่อให้บทเพลงมันสมบูรณ์ยิ่งขึ้นผมจึงไปชักชวน พือส่าอุเง ขุนเพลงธา ปกาเกอะญอรุ่นลายครามของปกาเกอะญอ ซึ่งเป็นโมะโชะเก่า มาร่วมด้วยช่วยกัน
เมื่อเข้าไปในบ้าน พือส่าอุเง ท่านยังอยู่ในสภาพที่กำลังฟื้นไข้จากไวรัสหวัดมาเกือบสัปดาห์แล้ว พือนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม ริมผ่าคว่าธิ หรือกระบะดินไฟ ผมจึงลังเลพอสมควรว่าจะชวนพือดีหรือไม่ แต่เมื่อพือเห็นผมแกก็เริ่มพูดคุยทักทาย ประเด็นพูดคุยไม่พ้นเรื่องเพลงเรื่อง ธา เรื่องนิทาน ที่พืออยู่กับมันตลอดทั้งชีวิต เมื่อคุยกันได้สักพัก ผมจึงบอกวัตถุประสงค์ที่ผมมาหาพือในครั้งนี้ให้พือ โดยที่ผมเตรียมใจไว้แล้วว่าถ้าพือยินดีไปก็ดี แต่หากพือไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร เพราะผมเองก็เป็นห่วงสุขภาพของพือเหมือนกัน
“พือเค้าไม่ไหวมั้ง?? เพิ่งฟื้นไข้นะ” ลูกเขยของพือไม่ค่อยเห็นด้วย เนื่องจากเป็นห่วงสุขภาพของพ่อตา
“ไหวๆๆ แต่ขอกินข้าวก่อน” พือลุกขึ้นยื้ม เห็นฟันสีดำ ริมฝีปากแดงด้วยน้ำหมากอย่างเต็มอกเต็มใจ และเหมือนกระหายอะไรบางอย่างที่ไม่มีโอกาสได้ทำมานาน
พือพยายามตั้งใจกินข้าวให้มากเท่าที่จะกินได้ จนลูกเขยแปลกใจที่พือกินข้าวได้มากขึ้นขนาดนี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยกินข้าวและบ่นว่าปากจืด กินข้าวไม่ค่อยลงจนต้องบังคับให้กินด้วยซ้ำ
“แต่พือเดินไม่ค่อยไหวนะ หลานช่วยเอารถเครื่องมารับพือหน่อยได้มั้ย?” พือบอกกับผมโดยไม่สนคำทัดทานจากลูกเขย ผมรับคำและมารับพือเข้าไปในงานศพที่มีคนมาร่วมงานอย่างล้นหลาม พือบอกกับผมว่าพือขึ้นไปนั่งข้างบนนานๆ ไม่ไหว ผมจึงหาเก้าอี้มาให้พือนั่งรอข้างล่าง
“ถ้าใกล้ถึงเวลาของเราแล้วผมจะมาเรียกพือนะครับ” ผมบอกกับพือ พือพยักหน้าแทนการสนทนาตอบ ผมจึงเดินขึ้นไปในบ้านเพื่อไปบนบ้านรอสัญญาณเพื่อไปเรียกพือขึ้นมา รายการต่างถูกดำเนินไปตามธรรมเนียมของคริสเตียน จนใกล้ถึงรายการเทศนา ผู้ดำเนินรายการจึงประกาศว่า
“ก่อนเราจะได้รับฟังคำเทศนา เรามีบทเพลงที่จะมาขับร้องโดยคนหนุ่มและคนเฒ่าเพื่อร่วมอาลัยผู้ตายด้วย ขอเชิญครับ” ทุกคนหันมาที่ผม ผมหันหน้าต่อไปยังพือส่าอุเง เพื่อส่งสัญญาณให้ขึ้นมาบนบ้าน พือจึงขยับไม้เท้ายันร่างชราค่อยขึ้นมาบนบ้าน แล้วพือก็มานั่งอยู่ข้างๆ ผม
“เอาเลยมั้ยครับพือ” ผมถามเขาเพื่อแน่ใจในความพร้อม
“เดี๋ยวก่อน พือขอพูดก่อนนิดหน่อย” พือจึงเริ่มอธิบายเพลงที่จะร้องเพื่อให้ผู้ร่วมงานได้เข้าใจเนื้อหาของเพลงที่จะร้องให้ชัดเจนมากขึ้น เพราะเป็นคำ ธา ที่บางที่คนปกาเกอะญอโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เข้าใจยากนิดหน่อย