Skip to main content
ความจริงแล้วผมมีกำหนดการนัดสัมภาษณ์ขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปประเทศอเมริกาในวันที่ 2 กันยายน 2552 ขณะที่กำหนดการในการเดินทางไปประเทศดังกล่าวคือเช้าวันที่ 3 กันยายน 2552 หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ แผนกำหนดการเดินทางอาจมีปัญหาได้ ฉะนั้นทางบริษัท ลาเวลล์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ประสานและเป็นผู้อำนวยการการเดินทางในครั้งนี้ ได้ขอทำเรื่องเร่งรัดการสัมภาษณ์ให้เกิดขึ้นก่อนการสัมภาษณ์เดิม

 

ก่อนวันสัมภาษณ์ หนึ่ง วัน

"ให้แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ให้เป็นชุดทางการ" ทีมงาน ลาเวลล์ เอนเตอร์เทนเมนท์ บอกวิธีการเตรียมตัวเกี่ยวกับการแต่งกายในการสัมภาษณ์

"ผมใส่ชุดปกาเกอะญอไปได้ไหมครับ?" ผมถาม

"อืม ไม่รู้เหมือนกัน ไม่แน่ใจว่า เขาจะคิดว่ามันเป็นชุดที่สุภาพหรือเปล่า คิดเอาเองละกัน" เขาตอบผม

 

เมื่อคำตอบออกมาให้ผมคิดเอง ผมจึงคิดว่า ชุดชนเผ่าปกาเกอะญอของผมนี่แหละ เป็นชุดที่สุภาพเรียบร้อย พี่น้องในเผ่าพันธุ์ของผม เวลาจะเข้าโบสถ์เพื่อไปนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ก็ใส่ชุดปกาเกอะญอ เวลาจะเข้าวัดในวันพระก็ใส่ชุดปกาเกอะญอ แม้กระทั่งในอดีตเวลาบรรพบุรุษเซ่นไหว้เทวอารักษ์ต้องมีการสวมใส่ชุดประจำเผ่าปกาเกอะญอ เพื่อให้พิธีได้ครบองค์ประกอบเสร็จสมบูรณ์ตามจารีต ผมจึงตัดสินใจใส่ชุดปกาเกอะญอไปในวันสัมภาษณ์

 

ณ สถานที่ กงสุลอเมริกา ประจำประเทศไทย สถานที่บริการผู้มีสัญชาติอเมริกา และที่บริการสำหรับการวีซ่า สำนักงานกรุงเทพ ทันทีที่เข้าไป เจอการตรวจหาสิ่งต้องสงสัยและวัตถุผิดกฎหมายเป็นอันดับแรก คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เอาเข้าไปไม่ได้ โทรศัพท์มือถือ เอาเข้าไปไม่ได้ กล้องถ่ายเอาเข้าไปไม่ได้ เครื่องมือที่เป็นอีเล็กทรอนิกส์ทุกอย่างไม่สามารถนำติดตัวเข้าไปได้

 

สมาชิกที่ไปด้วยกันที่ทั้งหมด 16 คน ประกอบด้วย นักดนตรีทั้งสากลและพื้นบ้าน นักร้องทั้งสากลและพื้นบ้าน นักแสดงนาฏศิลป์ไทย ซึ่งต้องมาสัมภาษณ์ในวันเดียวกัน ถึงวินาทีนี้หลายคนต่างกังวลจะไม่ผ่านการสัมภาษณ์ บ้างก็กลัวตอบคำถามไม่ถูก บ้างเป็นห่วงหลักฐานไม่สมบูรณ์ บ้างฟังภาษาไม่เข้าใจ เมื่อช่วงเวลาการสัมภาษณ์มาถึงต่างคนต่างพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่จะทำสำเร็จ จนมาถึงลำดับของผม

 

"จะไปอเมริกาทำไมคะ" คำถามที่หนึ่ง จากเจ้าหน้าที่กงสุลสุภาพสตรี

"ผมไปเล่นดนตรีพื้นบ้าน ปกาเกอะญอ เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมชนเผ่าของประเทศไทยครับ" ตอบตามฟอร์มและความตั้งใจ

"คุณคิดว่าจะไปนานเท่าไหร่" คำถามที่สอง

"ตามกำหนดการแล้วประมาณสี่สิบห้าวันครับ" ตอบตามกำหนดการ

"คุณเล่นดนตรีมานานเท่าไหร่แล้วคะ"

"ผมไม่รู้ว่าเล่นนานเท่าไหร่แล้ว แต่ว่า ผมคลุกคลีกับดนตรีตั้งแต่เด็ก ร้องเพลงในโบสถ์ ร้องในบ้าน เล่นตามงานประเพณีชุมชนครับ"

เขาพยักหน้า พร้อมพลิกอ่านประวัติการศึกษาของผม

"เอ๊ ทุกคนที่มาสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ทุกคนเรียนดนตรีมา แต่คุณไม่ได้เรียนดนตรีมานี่" เขาถามผม

"ครับ ผมไม่ได้เรียนดนตรีในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยครับ แต่ผมเรียนกับพ่อที่บ้านครับ ก็เลยเล่นดนตรีได้บ้าง นิดหน่อยครับ" เขาพยักหน้าอีกครั้งหนึ่ง

"ผมเป็นคนเผ่าไหนนะ"

"ปกาเกอะญอ คับ แต่คนไทยจะเรียก กะเหรี่ยง ส่วนฝรั่ง เรียก คาเรน คับ" เขาพยักหน้าพร้อมกับอมยิ้ม

"เราคิดว่าจะให้วีซ่าแก่คุณภายใน 4-5 ปีนะคะ" เขาตอบผมอย่างจริงจัง

"เอ้า!?" ผมอุทานออกมา

"อุ้ย ! ไม่ใช่ 4-5 วันคะ" เขาพูดพร้อมกับแลบลิ้นออกมาอย่างเขิน ๆ แต่ด้วยสีผิวคล้ำจึงไม่ปรากฏสีหน้าแดงที่แสดงออกถึงอาการเขินของหล่อน


หลังจากสัมภาษณ์วิซ่า และทราบแนวโน้มความเป็นไปได้ในการทำวีซ่าแล้ว ผมโทรกลับไปหาพี่ทอด์ด ทองดี ผู้ที่ชักชวนมาร่วมขบวนการเดินทางครั้งนี้ ทันทีที่เขาทราบผล

"เฮ้ ชิ คุณใส่ชุดอะไรในการไปสัมภาษณ์" เขาถามผม

"ผมใส่ชุดปกาเกอะญอไปครับ" ผมตอบตามความจริง

"คุณรู้ไหม นั่นมันเสี่ยงมากเลยนะ" พี่ทอด์ด บอก

"เสี่ยงที่วีซ่าจะไม่ผ่านใช่ไหมครับพี่" ผมถามต่อ

"เปล่า เสี่ยงที่เขาจะขอเสื้อของคุณไป" เขาตอบผมแบบที่เล่นที่จริง

 

คำพูดของเขาคนนี้ หลายคำ หลายประโยค หลายครั้งทำให้ผมคิดอะไรต่อได้หลายประเด็น ในใจผมคิดว่า ถ้ากงสุลจะขอเสื้อปกาเกอะญอผมไปเพื่อไปทำประโยชน์หรือเผยแพร่ให้คนรู้จักชนเผ่าของผม นั่นก็เป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่หากเขาเอาไปเพื่อต้องการไปทำลายนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยง ตามที่พี่ทอด์ด พูดไว้เป็นอย่างมาก

 

 

 

บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
การนอนและนอนอย่างเดียวในรถตู้ไม่ใช่เรื่องง่าย  บางทีปวดฉี่ บางครั้งปวดหลัง ทุกครั้งที่รถแวะจอดเติมน้ำมันหรือแวะทำอะไร ผมก็มักจะตื่นด้วยทุกครั้ง  จนได้รับการต่อว่าจากคนที่นั่งมาด้วยกันด้วยความเป็นห่วงว่าผมจะรับช่วงการขับรถต่อได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ชิ สุวิชาน
คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่คนฟังเพลงเป็นคนไทย แต่ที่พิเศษกว่าที่อื่นเนื่องจากคนไทยเป็นคนจัดงานกันเอง เป็นการจัดงาน ”Thai Festival in Texas” ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการจัดปีละครั้ง ทุกๆปีจะจัดในเดือนเมษายน แต่ปีนี้มาจัดกันในเดือนกันยายนเนื่องจากต้องการให้กิจการทัวร์ ของ Himmapan 2nd world เป็นจุดเด่นของงานในปีนี้ ภายในงานมีการขายอาหาร เสื้อผ้า ของไทย มีการจัดซุ้มนวดแผนไทยมาบริการ
ชิ สุวิชาน
จาก Houston มุ่งสู่ Dallas ระหว่างทางผมได้มีโอกาสเป็นสารถีอีกครั้ง ระหว่างทางที่ขับรถอยู่ผมก็เหลียวซ้ายและขวาบ้าง ผมเห็นตัวที่อยู่ข้างทาง วัวก็ไม่ใช่ ควายก็ไม่เชิง เมื่อเดินทางมาถึงDallas ที่ หมาย ซึ่งมีพี่น้องคนไทยรอรับ จัดแจงที่อยู่ที่กินเป็นอย่างดี “ที่นี่ มีคนปกาเกอะญอไหมครับ?” เป็นคำถามแรกที่ผมถามที่ Dallas
ชิ สุวิชาน
วันนี้ผู้หญิงได้รับอนุญาตให้ไปเดินซื้อของที่ Outlet ส่วนผู้ชายหลังจากทานอาหารเช้า ต้องเดินทางไปติดตั้งเครื่องเสียงเพื่อเล่นในเย็นวันนี้
ชิ สุวิชาน
หัวค่ำ พี่แพท นายกสมาคมไทย เท็กซัส พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีน  ภายในร้านมีคนเอเชียจากหลายประเทศ ทั้ง สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ลาว เวียดนาม รวมทั้งพี่ไทย  แต่ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาอังกฤษคุยกันยกเว้นคนเวียดนามที่ไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษในร้านนอกจากพูดภาษาของตนเอง 
ชิ สุวิชาน
การเริ่มต้นใหม่ หลังจากที่สังคยานาดำเนินขึ้น จุดหมายวันนี้อยู่ที่ร้าน Home plate grill เป็นร้าน sport club ของคนไทย ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสนามเบสบอลทีม Houston Astros ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม ทางคณะทีมงานได้ไปเชิญชวนแฟนๆเบสบอลมาฟังดนตรีก่อนเกมจะเริ่ม ทำให้ในร้านเริ่มมีคนทยอยเข้ามา บ้างมานั่งดื่มก่อนเข้าไปดูเกมในสนาม บ้างเข้ามาซื้อเพื่อไปดื่มในสนาม
ชิ สุวิชาน
ข้าวเย็นมื้อหนักจบลง ตัวแทนสมาคมไทย-เท็กซัส ได้พาคณะไปที่พักผู้หญิงพักที่บ้านคนไทย ผู้ชายพักที่วัดไทยที่อยู่ใกล้ๆ ชื่อ”วัดป่าศรีถาวร” ซึ่งมีที่พัก มีห้องน้ำที่อยู่ในขั้นสะดวก พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่นี่เป็นกันเองนอกจากบริการที่พักแล้ว ยังให้ข้าวปลาอาหารให้ทานอีกเล่นเอาทีมงานผู้ชายต่างซึ้งไปตามๆกัน
ชิ สุวิชาน
สายๆของวันที่ 20 กันยา เราเดินทางออกจาก Austin ต่อไปเมือง Houston มีกำหนดการเล่นบ่ายสามโมงถึงห้าโมงเย็น เมื่อเดินทางไปถึงสถานที่เล่น ตัวแทนจากสมาคมไทย-เท็กซัส ได้มาต้อนรับและพาไปดูเวทีซึ่งเป็นที่คล้ายตลาดสดหรือตลาดนัดที่เมืองไทย มีอาหาร เสื้อผ้า ของเล่น รูปร่างหน้าตาและสัดส่วนรูปร่างของคนแถวนี้ใกล้เคียงเมืองไทย เพียงแต่ไม่พูดภาษาไทย พูดภาษาสเปนมากกว่าภาษาอังกฤษ
ชิ สุวิชาน
ออกจากพิพิธภัณฑ์ Alamo เราออกเดินทางต่อไปยัง Austin ระหว่างทางแวะทานข้าวที่ร้านอาหารไทย ผมไม่ทิ้งโอกาสที่จะถามหาคนในเผ่าพันธุ์ของผม
ชิ สุวิชาน
การเดินทางยังดำเนินต่อ บทเพลงในรถยังเป็นเพื่อน มีทั้งเพลงที่ดัง มีทั้งเพลงไม่ดัง บางเพลงเคยได้ฟังมาบ้าง บางเพลงไม่เคยรู้จัก “เพลงที่ดังกว่า ไม่ได้ดีกว่าเสมอไป คนที่ดังกว่าไม่ได้เก่งกว่าเสมอไป” ทอด์ดสรุปให้ฟัง “แต่อย่างผมไม่ดัง และไม่เก่งด้วย” ผมสรุปของผมในใจ
ชิ สุวิชาน
มีเวลาพัก หลังจากเล่นที่ Thai Thani Resort  วันหนึ่งได้มีโอกาสไปพายเรือเล่นที่ทะเลสาบระยะทางประมาณชั่วโมงเศษจากสแครนตั้น  รุ่งเช้า ออกเดินทางจากสแครนตั้นมุ่งสู่ตอนใต้ของอเมริกา เป้าหมายอยู่ที่ Texas ระยะทางเกือบสองพันไมล์ ขบวนรถตู้สามคัน บรรทุกทีมงานยี่สิบกว่าชีวิตพร้อมอุปกรณ์เครื่องเสียง เครื่องดนตรี เดินทางเต็มที่วันแรกจนตีสอง ทุกคนยอมแพ้ทั้งคนขับและคนนั่ง ถ้าเครื่องดนตรีและเครื่องเสียงพูดได้ ก็คงขอพักเช่นกัน จึงค้างกันที่เมือง Bristol รัฐ Tennessee
ชิ สุวิชาน
หลังคอนเสริตจบลงที่นิวยอร์ก เราเดินทางกลับสแครนตันในคืนนั้นเลย กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสี่ ทำให้หลังจากถึงที่นอนไม่เกินห้านาที เสียงกรนจากรอบข้างเริ่มดังขึ้น เหมือนมีการเปิดคอนเสริตประสานเสียง มีทั้งเสียงเบส เทนเนอร์ อัลโต โซปราโน ครบครัน กว่าผมจะหลับได้เล่นเอาฟังจนอิ่ม