Skip to main content

1.คำแก้ต่างของ 'ไอ้ขี้เหล้า'


ไม่รู้ว่าจะมีใครเป็นเหมือนผมบ้าง ผมไม่ค่อยตื่นใจกับรสชาดของเหล้าไม่ว่าจะเป็นเหล้าชนิดไหน ราคาเท่าไหร่ เคยมีเพื่อนบางคนให้เหล้าดีๆมากินแล้วก็รู้สึกเสียดายแทน เพราะทั้งต่อมรับรส และต่อมรับกลิ่นดูจะไม่กระสาต่อความต่างอันละเอียดอ่อนของมันแต่อย่างไร

จะมีที่ซีเรียสจริงจังก็ตอนที่สร่างเมาตอนเช้านั่นน่ะแหละที่จะมาคิดย้อนทวนว่าแอลกอฮอล์ที่ผมดื่มมันเข้าไปนั้นมันบริสุทธิ์แค่ไหน

ใช้ความหน่วงหนักในหัวเป็นตัวชี้วัดคุณภาพแอลกอฮอล์

แต่ในหลายๆครั้งผมก็อาการหนักถึงกับว่าไม่สามรถที่จะจำได้ว่าดื่มพวกมันไปทั้งหมดกี่ขนานด้วยสันดานที่ว่ามีแก้วอะไรวางไว้ข้างหน้าก็กระดกใส่ปากจนหมด ไม่เลือกค่าย ไม่เลือกสี

หลังๆมาเลยไม่ค่อยได้กินซิงเกิลมอลต์ 18 ปี 25 ปีอีกเจ้าของคงเสียดายคิดว่าเสียของ ซึ่งผมก็เห็นพ้องว่ามันเสียของจริงๆ

เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งสังเกตอาการหลังจากที่ผมสิ้นสติจากการดื่มเหล้าว่า ผมนอนสลบเหมือนกับว่าร่างกายแต่ละส่วนจะแยกออกจากกัน ก็น่าเสียดายที่ผมไม่ได้เห็นภาพนั้นกับตาเลยจินตนาการไม่ถูก


มานั่งคิดดูว่าผมได้อะไรกับการดื่มเหล้า ผมกลับรู้สึกว่าผมได้พักผ่อน เหมือนกับการชัตดาวน์เครื่องคอมพ์ ยุติทั้งระบบตั้งแต่ cpu จนถึงอแดปเตอร์ ให้เครื่องมันเย็น สร่างเมาเช้ามืดค่อยสตาร์ทเครื่องทำงานใหม่ อาจหนักหัวหูบ้างแต่สมาธิในช่วงนั้นมันก็ยืนยาวดี บางทีอาจเป็นเพราะไม่มีการติดต่อพูดคุยที่แทรกจังหวะการทำงานเข้ามาเหมือนกับในช่วงเวลาหลังเที่ยงของแต่ละวัน

แต่มาคิดอีกที ผมกลับคิดเปรียบเทียบว่าการดื่มเหล้าหนักๆมันเหมือนก็เหมือนกับการได้ร้องไห้ออกมาดังๆ มันเหมือนกับการได้ปลดปล่อยระบายสิ่งที่อุกอั่งคั่งใจออกมา

ต่างกันตรงที่สารรูปอย่างผม ถ้าร้องไห้ออกมาดังๆผู้คนคงแตกตื่นเป็นแน่แท้ แต่การดื่มเหล้าจนสลบไป อย่างดีคนที่เห็นก็คงยิ้มขำๆพร้อมกับส่ายหน้าให้อย่างอิดหนาระอาใจ

สองวันมาแล้วที่ผมพยายามไม่ดื่มเหล้า ก็ยังไม่รู้ว่าจะอดและกดมันได้นานแค่ไหน ก่อนที่จะยกแก้วกระดกเทมันเข้าคอหรือก่อนที่จะปล่อยให้น้ำตาของผมมันไหลออกมา


ขอบคุณ อ.สมภาร พรมทา ที่กรุณาให้ใช้ภาพครับ


ที่มา: https://web.facebook.com/photo.php?fbid=1019368394773978&set=a.138198069557686.20109.100001024807284&type=3&theater



2.ความฝันของคนเมา

สมัยที่ฝ่ายซ้ายเขาอ่านหลู่ว์ซิ่น ผมอ่านเรื่องแต่งของ ลินยู่ถัง แปลโดย พิชัย รัตนะประทีป

เรื่องหนึ่งที่ตรึงใจมากคือเรื่อง "ความฝันของคนเมา" ลินยู่ถัง เล่าเรื่องชีวิตของชายขี้เมาคนหนึ่ง วันหนึ่งเขาถูกชักนำเข้าสู่ราชอาณาจักรแห่งหนึ่ง เขาและธิดาของเจ้าอาณาจักรพึงตาต้องใจกันและสุดท้ายได้อยู่กินด้วยกัน เขาเลิกดื่มเหล้า ครองชีวิตด้วยวิถีปุถุชนกับหญิงคนรัก อย่างมีความสุข

มีพบมีพราก หญิงคนรักของเขาป่วยลงและเสียชีวิตไปในที่สุด เขาโศกตรมจนต้องหวนกลับไปใช้ชีวิตที่ต้องหล่อเลี้ยงด้วยน้ำเมาอีกครั้ง ราชาและราชินีแห่งอาณาจักรอิดหนาระอาใจต่อความประพฤติของเขาจึงเนรเทศส่งเขากลับมาอยู่ยังจุดที่เขาเคยเป็น
.
เขาตื่นขึ้นมาในที่พักที่เขาเคยอาศัย เขายังคงใช้ชีวิตที่หล่อเลี้ยงด้วยเมรัยต่อไป จนมาวันหนึ่ง เขาได้ขุดค้นลงในโพรงใต้ดิน เขาได้พบกับอาณาจักรเล็กๆของมดแห่งหนึ่ง เขาได้พบกับราชาและราชินีมดบนบัลลังค์เล็กๆ เขาพบกับบ้านเรือนแบบแผนวิถีชีวิตที่เขาเคยคุ้น และเขาก็ได้พบกับสุสานเล็กๆที่เขาจำได้ว่ามันเป็นของหญิงผู้เป็นที่รักของเขา

เขากลับออกมาจากอาณาจักรของมดแมลงใต้ดินและเริ่มดื่มกินเหล้าต่อจนสุดท้ายเขาก็ได้สิ้นสุดชิวิตลง...


ปล. ผมพยายามตามหาหนังสือปกอ่อนสีเขียวเรื่องนี้มาอ่านอีกรอบ แต่หาไม่ได้แล้ว เมื่อก่อนเคยเจอในกองหนังสือลดราคาย่านวังบูรพา หวังว่าซักวันนึงผมอาจอาจจะได้อ่านมันอีกครั้ง

 

ที่มา: https://web.facebook.com/sarayut.tangprasert/posts/1035022193208598?pnref=story

 

 

บล็อกของ gadfly

gadfly
เห็นมีเรื่อง พ่อ-ลูก ซึ้งบ้างไม่ซึ้งบ้าง ฮาบ้างไม่ฮาบ้าง คิดถึงคนที่ไม่มีพ่อ หรือคนที่พ่อไม่ค่อยมีดีอะไรให้อวดนัก แล้วเลยไพล่ไปนึกถึงพี่สุรพล จึงขออนุญาตรำลึกถึงความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่หนึ่งที่ผมสามารถทำได้เพียงเฝ้ามอง
gadfly
จากกรณีของ อ.สายพิณ จนถึงกรณีของ อ.ลลิตา รวมแล้วน่าจะประมาณกว่าสองทศวรรษ เวลาสองทศวรรษสำหรับบ้านเมืองอื่น ผมเชื่อว่าสถานการณ์ การรับรู้ ทัศนะคติ หรือโครงสร้างทางการเมือง-วัฒนธรรม ของพวกเขาน่าจะเปลี่ยนไปเยอะแล้ว แต่สำหรับบ้านเมืองของเรา ผมเชื่อว่ารูปแบบความขัดแย้ง ปรากฎการณ์อาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่โดยแก่นแท้แล้วยังคงเหมือนเดิม