Skip to main content

ผมมีอคติกับงานเขียนของโกวเล้ง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีหลายคนชื่นชอบจนเปรียบประหนึ่งเป็นคัมภีร์ใช้ในการประคับประคองชีวิต

"ฤทธิ์มีดสั้น"นี่ยิ่งแล้วใหญ่ เวิ่นเว้อถึงมิตรภาพและการเสียสละ อ่านไปอ่านมาไพล่ให้คิดไปถึงเวสสันดรสละลูกสละเมีย

สละคนรักของตัวเองเพื่อเพื่อน แต่ไม่เพียงเท่านั้น เพราะผลที่เกิดขึ้นก็คือมันเป็นการสละความสุขในชีวิตของคนอื่นไปด้วย

โดยอ้างคำว่ามิตรภาพ อ้างคำว่าเพื่อน 

มั่นใจว่า ลี้คิมฮวงน่าจะมีความคิดแบบชายเป็นใหญ่ แถมแอบสงสัยว่าเผลอๆอาจเป็นชายรักชายด้วยซ้ำ

นั่งย้อนนึกดูว่าหนังสือที่โก้วเล้งเขียนมีเล่มไหนที่ชอบบ้าง กลับพบว่าผมชอบหนังสือเรื่อง "ตะขอจำพราก"

ตะขอจำพรากเล่าถึงชีวิตที่ไม่สมประกอบ กับกระบี่ขี้ริ้วคดงอจนดูคล้ายตะขอ

คู่พระนางก็พิกลพิการผิดขนบ พระเอกเป็นมือปราบเล็กๆ นางเอกเป็นหญิงขายบริการใกล้ปลดระวาง แต่ความรักของพวกเขากลับเป็นความงาม ...ในสายตาผม

แต่ในท้ายสุดตะขอจำพรากได้บอกว่าจงจำพรากเพื่อเจอะเจอ เราจากลาเพียงเพื่อพบพานกันอีกครั้ง

อิจฉาตัวละครในหนังสือ ชีวิตของพวกเขา จบก็คือจบ แต่ชีวิตจริงเป็นอีกแบบ

มันช่างเป็นที่น่าเบื่อเหลือทนที่จะต้องจากลาและพบเจอต่อไปไม่รู้จบ...จนกว่าชีวิตจะจบ.

0000


เขียนไว้เมื่อวันนี้เมื่อปีที่แล้ว: https://www.facebook.com/sarayut.tangprasert/posts/946106855433466

บล็อกของ gadfly

gadfly
เห็นมีเรื่อง พ่อ-ลูก ซึ้งบ้างไม่ซึ้งบ้าง ฮาบ้างไม่ฮาบ้าง คิดถึงคนที่ไม่มีพ่อ หรือคนที่พ่อไม่ค่อยมีดีอะไรให้อวดนัก แล้วเลยไพล่ไปนึกถึงพี่สุรพล จึงขออนุญาตรำลึกถึงความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่หนึ่งที่ผมสามารถทำได้เพียงเฝ้ามอง
gadfly
จากกรณีของ อ.สายพิณ จนถึงกรณีของ อ.ลลิตา รวมแล้วน่าจะประมาณกว่าสองทศวรรษ เวลาสองทศวรรษสำหรับบ้านเมืองอื่น ผมเชื่อว่าสถานการณ์ การรับรู้ ทัศนะคติ หรือโครงสร้างทางการเมือง-วัฒนธรรม ของพวกเขาน่าจะเปลี่ยนไปเยอะแล้ว แต่สำหรับบ้านเมืองของเรา ผมเชื่อว่ารูปแบบความขัดแย้ง ปรากฎการณ์อาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่โดยแก่นแท้แล้วยังคงเหมือนเดิม