Skip to main content


ผมกำกล่องที่ภายในบรรจุแว่นสายตากรอบพลาสติกเลนส์ใสปิ๊งสะท้อนแสงก้าวเข้าไปในเรือนจำหญิงด้วยใจอิ่มเอม

คิดว่าอย่างน้อยโลกที่เต็มไปด้วยกำแพง ลูกกรงเหล็กและลวดหนามมันจะสดใสงดงามขึ้นบ้างเมื่อเธอได้ใส่แว่นอันนี้

เห็นเลนส์ใสๆ แล้วก็แอบอิจฉาเล็กๆ เมื่อคิดเปรียบเทียบกับเลนส์แว่นตามัวๆ ของผม

ผมได้มีโอกาสเยี่ยมพูดคุยกับ ณัฎฐพัชร์ อ่อนมิ่ง หนึ่งในผู้ต้องขังคดีปาระเบิดศาลที่ถูกขังมานานกว่าสองปี

เว้นวรรคห่างหายไปบางช่วง แต่เมื่อมีเวลาว่างมาเยี่ยมเธอเมื่อกลางปีที่แล้วถึงได้รู้ว่าสายตาของเธอได้มีปัญหา เธอบ่นบอกกับเพื่อนผู้ต้องขังของเธอว่าสายตาของเธอมีปัญหา มันสร้างวิงเวียนและพร่ามัวให้กับเธอ เพื่อนของเธอจึงเก็บความมาเล่าต่อให้ผมฟัง

ผมเข้าไปเยี่ยมและสอบถามรายละเอียดจากเธอๆ บอกผมว่าเธอเริ่มมีอาการหลังการถูกจับ เธอบอกผมเพิ่มเติมว่า ในช่วงสี่วันแรกระหว่างการสอบสวน เจ้าหน้าที่ได้ขังเธอไว้ในห้องปิดทึบ แต่เปิดไฟแสงจัดจ้าที่ทำให้อุณหภูมิในห้องสูงขึ้นส่องใส่เธอตลอดเวลา

ผมทำได้เพียงแนะนำให้เธอยื่นคำร้องขอตรวจสายตากับเจ้าหน้าที่เรือนจำ

 


กาลผ่านมาอีกหลายเดือน เธอจึงได้ฝากความผ่านเพื่อนผู้ต้องขังอีกคนมาบอกว่าเธอได้รับการตรวจสายตาแล้ว และมีใบสั่งแพทย์ให้สามารถตัดแว่นสายตาได้แล้ว

เวลาผ่านไปเกินครึ่งปี ช่างแม่งง... ก็ยังดี จะเอาอะไรมากมายในเรือนจำ

ผมไปรับเอาเอกสารใบตรวจวัดสายตามาจากทางเรือนจำ มาติดต่อขอให้เพื่อนเจ้าของร้านแว่นช่วยตัดให้ ซึ่งเขาและเธอได้รีบจัดการให้โดยทันใด และแถมเมื่อทราบชะตากรรมของเธอในเรือนจำ เขาและเธอตอบกับผมโดยทันทีว่าแว่นสายตาที่ตัดให้นั้นเป็นการตัดให้ฟรี ไม่คิดเงิน!




จ้ำเดินเข้าไปตอนเที่ยงนิดๆ พบเจ้าหน้าที่นั่งกินข้าว เจ้าหน้าที่บอกให้รอถึงบ่ายค่อยมายื่น ผมกับเพื่อนจึงต้องนั่งรอจนถึงบ่าย

และเมื่อถึงเวลา ผมได้แจ้งเจตจำนง ยื่นแว่นตาให้เจ้าหน้าที่ๆ รับแว่นไปดู พร้อมบอกห้วนๆ ให้ผมและเพื่อนที่มาด้วยกันไปค้นเอกสารมอมแมมฉีกขาดสี่-ห้าปึกใหญ่เพื่อหาต้นขั้วคำร้องด้วยตัวเอง

บอกกันให้ค้นเอกสารรอตั้งแต่ตอนที่ผมเข้าไป ก็ไม่ได้ ต้องปล่อยให้ถึงเวลาทำการจึงได้ชี้นิ้วออกคำสั่งกับผม

ผมกับเพื่อนนั่งค้นกองเอกสารกันจนเหงื่อตกอีกพักใหญ่แต่ก็หาชื่อผู้ร้องไม่เจอ ผมไปติดต่อที่เคาเตอร์อีกครั้ง ยืนยันว่าผมมีเอกสารถูกต้อง และเป็นเอกสารของราชทัณฑ์เอง เจ้าหน้าที่พยักหน้าดูเหมือนว่าจะเข้าใจแล้ว แต่ก็ได้แจ้งเงื่อนไขใหม่ให้ผมทราบว่า

ทางเรือนจำอนุญาตให้ผู้ต้องขังหญิงใส่แว่นตาที่มีกรอบสีดำหรือสีน้ำตาลเท่านั้น จึงไม่สามารถอนุญาตให้ผมส่งแว่นตาที่ตัดมาเข้าไปให้เธอในเรือนจำได้

ผมพยายามโต้แย้งว่าส่วนที่เป็นสีสัน มันเป็นส่วนที่อยู่ด้านใน เมื่อสวมใส่มันแล้วแทบจะมองไม่เห็น แต่ก็ไม่มีผล พวกเขาไม่รับฟัง อ้างเรื่องกฎเกณฑ์คำสั่ง

สรุปก็คือต้องหาทางเปลี่ยนกรอบใหม่ ถ้าเป็นคนอื่นที่ไปตัดตามร้านแว่นทั่วไปก็คงต้องได้เสียเงินสองต่อ

ผมยุติการโต้แย้ง เดินผ่าแดดกล้ายามบ่ายถือแว่นกรอบพลาสติกเลนส์ใสปิ๊งออกมาจากเรือนจำ โลกที่อยู่ข้างหน้าของผมมืดมัวด้วยไอของเหงื่อที่ระเหยจับกับผิวเลนส์ด้านในของแว่นตาของผม

ผมคิดว่า บางทีโลกอันหม่นมัวอาจจะดีสำหรับเธอมากกว่าในที่คุมขังแห่งนั้น และความแจ่มใส ชัดเจนอาจเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยเกินจำเป็นสำหรับพวกเราในโลกใบนี้


 

รายละเอียดเกี่ยวกับ ณัฎฐพัชร์ อ่อนมิ่ง https://blogazine.pub/blogs/gadfly/post/5962

 

ที่มา: facebook.com/photo

 

บล็อกของ gadfly

gadfly
เห็นมีเรื่อง พ่อ-ลูก ซึ้งบ้างไม่ซึ้งบ้าง ฮาบ้างไม่ฮาบ้าง คิดถึงคนที่ไม่มีพ่อ หรือคนที่พ่อไม่ค่อยมีดีอะไรให้อวดนัก แล้วเลยไพล่ไปนึกถึงพี่สุรพล จึงขออนุญาตรำลึกถึงความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่หนึ่งที่ผมสามารถทำได้เพียงเฝ้ามอง
gadfly
จากกรณีของ อ.สายพิณ จนถึงกรณีของ อ.ลลิตา รวมแล้วน่าจะประมาณกว่าสองทศวรรษ เวลาสองทศวรรษสำหรับบ้านเมืองอื่น ผมเชื่อว่าสถานการณ์ การรับรู้ ทัศนะคติ หรือโครงสร้างทางการเมือง-วัฒนธรรม ของพวกเขาน่าจะเปลี่ยนไปเยอะแล้ว แต่สำหรับบ้านเมืองของเรา ผมเชื่อว่ารูปแบบความขัดแย้ง ปรากฎการณ์อาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่โดยแก่นแท้แล้วยังคงเหมือนเดิม