Skip to main content

เราปั่นจักรยานไปเจอสตีฟที่ เดอ สลีฟปี้ เกกโก   

ยามเช้าในโฮยอาน เหมือนกับยามเช้าในเว้ของเวียดนาม
วุ่นวายด้วยเสียงบีบแตรและการค้า
จากโรงแรมถึงตลาดปลาและร้านขายรองเท้า ร้านขายรูปวาดและร้านขายหมวก รวมถึง เสื้อยืดที่มีดวงดาวสีเหลืองตรงหน้าอก มีให้ได้ซื้อหาเป็นของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว

สตีฟเป็นชาวอังกฤษ จากยอร์กเชียร์ เขาออกจากบ้านเกิดมาตั้งแต่วัย
24 ปีและอยู่ในเวียดนามเข้าปีที่ 40 เปิดเกกโก บาร์พร้อมกับเป็นไกด์นำนักท่องเที่ยวทัวร์โฮยอาน
นอกจาก บ้านหลังเก่าในโอลด์ ทาวน์ และบรรยากาศล่องเรือชมแม่น้ำ
เขาแนะนำว่า ชนบทโฮยอานไม่อะไรให้ดูมาก

เราตกลงทัวร์ชนบทโดยมีสตีฟเป็นไกด์ ด้วยราคา 30 เหรียญ (ยูเอส)/2 คน
เริ่มต้นด้วยการปั่นจักรยานข้ามฟากแม่น้ำทูโบนเข้าสู่หมู่บ้าน ผ่านโรงเรียนและสถานีตำรวจทรงโคโลเนี่ยล ถึงหมู่บ้านชาวประมงริมแม่น้ำมองเห็นยอขนาดใหญ่เรียงราย

ในหมู่บ้าน เด็กๆ เวียดนามกลับจากโรงเรียนด้วยจักรยาน ส่งเสียง เฮลโล !!! ตลอดทางที่เห็นนักท่องเที่ยวอย่างเรา สตีฟ ทำหน้าที่ไกด์บรรยายถึงวิธีการทำงานและมุมมองของคนชนบทชาวเวียดนาม

"ช่วงที่มาอยู่ใหม่ๆ เวียดนามยังเปิดประเทศไม่กว้างนัก นักท่องเที่ยวทุกคนจะถูกตรวจสอบอย่างรัดกุม เข้มงวดด้วยสายตาหวาดระแวง ไม่แปลกหรอก เพราะคนที่นี่เขาถูกกระทำจากต่างชาติมามาก ถึงทุกวันนี้ เค้าก็ยังชาตินิยม" สตีฟยิ้ม ก่อนกระดกเบียร์เวียด

สตีฟได้ภรรยาเป็นชาวเวียดนาม เขาเพิ่งมีลูกคนที่
2 พร้อมภรรยาและแม่ของภรรยา อาศัยอยู่ด้วยกันที่เกกโก บาร์
"ทำไม ไม่ไปอยู่ในเมืองอย่างโฮจิมินท์ ซิตี้"
ยาดาถาม
"ที่นี่มันเงียบดี มองเห็นแนวเกาะนั่นไหม" สตีฟ ชี้
"หากโฮยอาน เจริญมากกว่านี้ ผมจะย้ายไปอยู่ที่นั่น"
มันเงียบดี สตีฟ หมายความตามนั้น

ออกจากหมู่บ้านชาวประมงริมฝั่งแม่น้ำทูโบน ข้ามสะพานไม้ไผ่ขัดยาว เราออกมาสู่หมู่บ้านอีกแห่ง มีร้านเล็กๆ ริมแม่น้ำ ที่ต่อเป็นแพยื่นออกไปในลำน้ำ ภายในร้านมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยงานปกครองท้องถิ่น รวมๆ แล้ว 6 คน แวะมาดื่มเบียร์เวียด

สตีฟบอกว่า คนเหล่านี้ดื่มเฉพาะเบียร์เวียดเท่านั้น ไม่ดื่มเบียร์นอก
คนหนึ่งในนั้นซึ่งแต่งกายสีเขียว เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศสูง เข้ามาทักทายจับไม้จับมือกับสตีฟอย่างคนคุ้นเคย อีกคนส่งเสียงดังทักทายชูขวดเบียร์ เมื่อรู้ว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว หลายคนพยายามเข้ามาขอจับไม้จับมือ ไท้แลงๆพวกเขาบอกว่า เขาชอบเมืองไทยมากกกกกกกกก
ก่อนลากลับ เพื่อไปทัวร์หมู่บ้านต่อไป
คนหนึ่งหลับพับไปเรียบร้อยโรงเรียนเบียร์เวียด

ทุ่งนาในโฮยอานสีเขียวสด ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่ข้าวกำลังจะตั้งท้อง ทุกคนบนถนนที่ปั่นจักรยานสวนทางมา ต่างทักทายนักท่องเที่ยวอย่างเราด้วยรอยยิ้ม คุณลุงคนหนึ่งหยุดทักทายเราเช่นกัน ดวงตาหรี่ปรือ มือจูงจักรยานปัดไปปัดมา สตีฟหันมายิ้มกับเราพร้อมเหงื่อเต็มใบหน้าก่อนจะกระซิบเบาๆ ว่า ดรั๊ง!

เรายิ้มอย่างเข้าใจได้

ควายและชาวนาอยู่กลางทุ่งนา ไม่มีรถไถนาให้เห็น คนเวียดนามยังผลิตด้วยแรงงานคนและควายกับระบบชลประทานขนาดใหญ่จากแม่น้ำทูโบน ผันน้ำเข้าที่นา สุสานเวียดกงสงบนิ่งอยู่ในบรรยากาศของอดีต สตีฟเล่าว่า ชาวโฮยอานนำศพทหารผู้เสียชีวิตมารวมกันไว้ที่เดียว เมื่อปีที่แล้ว มีคนเพิ่งพบกระดูกทหารที่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน

โฮยอานเป็นจุดยุทธศาสตร์ในสงครามเวียดนาม เด็กหนุ่ม พ่อและลูกชายถูกเกณฑ์ไปเป็นนักรบกู้ชาติและป้องกันหมู่บ้าน เท่าที่เห็นมีป้ายหลุมศพไม่ต่ำกว่า
100 ศพ

การปั่นจักรยานทัวร์หมู่บ้านในยามอากาศร้อนช่างรุนแรงและน่าหวาดหวั่น ถนนดินยาวจากหมู่บ้านสู่หมู่บ้าน เราเข้าไปดูบ้านทอเสื่อและโรงสีชุมชน อู่ต่อเรือ เสียงเป็ดบนดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำทูโบนนับหมื่นตัวส่งเสียงดังและมองเห็นเหมือนเป็นคลื่นสีขาวที่เคลื่อนไหวไปมาได้ โลกในโฮยอานกำลังเคลื่อนไหวและเปลี่ยนตัวเองพร้อมกับจำนวนนักท่องเที่ยว

"รัฐบาลเวียดนามไม่เข้มงวดกับนักท่องเที่ยวเหมือนก่อน" ยาดาคุย
"คงไม่ ตอนนี้นักลงทุนเข้ามาในเวียดนามมาก หากทำอะไรที่เข้มงวด รัฐจะเสียรายได้" สตีฟเอ่ย ก่อนกระดกเบียร์เวียด หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ใน เดอ สลีฟปี้ เกกโก

แสงสีสุดท้ายริมฝั่งแม่น้ำทูโบนเต็มไปด้วยสีสัน จั่วแบบโบราณในเขตโอลด์ ทาวน์ อยู่ใต้ตะคุ่มของเงามะพร้าว คนโฮยอานทยอยกลับบ้านหลังจากไปรับจ้างขนปลาที่ตลาดปลา นักเรียนในชุดอ๋าวได๋สีขาวสะบัดตามแรงลมริมฝั่ง

ค่ำคืนในโฮยอานนุ่มนวล 

26_06_1
สตีฟแห่งเดอ สลีฟปี้ เกกโก

26_06_2
ชนบทริมฝั่งแม่น้ำทูโบน ยามบ่าย

26_06_3
หนึ่งในบ้าน
5 หลัง เมืองโฮยอานในโอลด์ ทาวน์

26_06_4
ธูปแบบขด ในบ้านหลังหนึ่ง

26_06_5
ไกด์ชาวโฮยอาน เธอโพสต์ให้ถ่ายรูปอย่างสวยงาม

26_06_6
มุมหนึ่งในสุสานเวียดกง

26_06_7
บนดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำทูโบน สีขาวเหมือนคลื่น คือ เป็ด

26_06_8
สุสานเก่าแก่ นับอายุไม่ได้ ในผืนนา ท้ายหมู่บ้าน

26_06_9
คลองชลประทานขนาดใหญ่กับชาวนาและควาย

26_06_10
ค่ำคืนกำลังมาเยือน

 

 

บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ความโกลาหลเริ่มต้น ,07.00 น. ,เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งเตรียมงานของพวกเขาพร้อมกับการอารักขาของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ,ฟายซาบัด แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 2 ฝั่ง มีแม่น้ำค็อกช่าคั่นระหว่างเมือง ,ฝั่งหนึ่งเป็นเขตเมืองเก่า อีกฝั่งเป็นเขตเมืองใหม่
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ยาดาถูกส่งไปอำเภอบันดักชาน จังหวัดฟายซาบัด ,เมืองทางตอนเหนือติดกับทาจิกิสถาน ปากีสถานและมณฑลซินเจียง ประเทศจีน ที่ตั้งของชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอูยกูที่เพิ่งเป็นข่าวดังไปทั่วโลกถึงปมขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติกับชาวฮั่น
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ทิวเขาเหยียดยาวระหว่างนั่งเครื่องบิน เป็นอีกหนึ่งโฉมหน้าของประเทศแห่งนี้ ภูเขาสีน้ำตาล ท้องทุ่งสีเขียว ข้าว ผลไม้และความสมบูรณ์ของสายน้ำ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
08.00 น. ของวันเสาร์ ที่ 15 สิงหาคม 2552 เสียงระเบิดดังสนั่นใจกลางเมืองคาบูล์ ไกลออกไป 3 กิโลเมตร กระจกโรงแรมแคปิตอล อินน์ เขย่าประหนึ่งว่าจะแตกร้าวเสียตรงนั้น ทีมสังเกตุการณ์การเลือกตั้ง คนหนึ่ง หมอบกับพื้นห้องน้ำ อีกส่วนหนึ่งวิ่งขึ้นดาดฟ้าโรงแรม มองเห็น ควันไฟบริเวณสำนักงานใหญ่กองกำลังนานาชาติ นาโต้ ประจำอาฟกานิสถาน พวยพุ่งสู่ท้องฟ้า
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เดือนที่ผ่านมา สำนักข่าว BBC เสนอข่าวเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่เกิดขึ้นหน้าสำนักงานใหญ่กองกำลังนาโต้ภายในกรุงคาบูล ขณะกลุ่มตาลีบัน ออกแถลงการณ์จะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศและออกมายอมรับว่าตนเองเป็นผู้ก่อเหตุ ก่อนจะยืนยันว่า กองกำลังตะวันตกต้องถอนตัว
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เด็กชายหม่อง ทองดี อายุ 12 ปี นั่งพับกระดาษอยู่บนโต๊ะ เขารอผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ "วันนี้พับไปกี่แผ่นคะ" นักข่าวคนสวยถาม "หลายแผ่นคับ" เด็กชายแหงนหน้ามองขณะที่มือยังพับกระดาษ "เซ็นชื่อให้ด้วยนะ" นักข่าวคนเดิมยิ้ม เด็กชายหยิบปากกาขึ้นมาเขียนชื่อตัวเองลงบนปลายปีเครื่องบินกระดาษ ดูเหมือนเด็กชายหม่องจะไม่เข้าใจว่าผู้ใหญ่กำลังจะทำอะไรเขา ...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
แมงมุมสีเหลือง --เหมือนมีดวงตาอยู่ที่ก้น ,จุดเล็กๆ สีดำสองจุดเด่นชัด คล้ายกับจ้องหน้าผมอยู่ตลอดเวลา ---มันกำลังกินแมลงปอขนาดหนึ่งนิ้ว บนใยสีเงินที่ถักอยู่ระหว่างกิ่งไม้แห้งๆ 2 กิ่ง อย่างเมามัน 
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ท้องฟ้าเพิ่งตื่นนอน ,ผมหยิบถุงน้ำปลาออกมาจากกระเป๋า รูดเอายางรัดปากถุงออกอย่างระมัดระวัง ถึงแม้จะเป็นน้ำปลาแท้ตราปลาหมึกแต่ให้มันทำหน้าที่น้ำปลาพริกคลุกข้าวสวยร้อน ๆ จะดูเหมาะสมกว่า ,ผีเสื้อกินเค็ม มันชอบ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เช้าวันสุดท้าย ในดาก้า อีกวันที่อากาศแจ่มใส บนถนนสายหนึ่ง ใจกลางเมือง นักศึกษากลุ่มเล็กๆ จากมหาวิทยาลัยดาก้ากำลังทำงานของพวกเขา ชายหนุ่มหญิงสาวกลุ่มใหญ่กำลังมุงดูวงดนตรีพื้นบ้านริมถนนสายหลัก
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ยิ่งเข้าใกล้วันเลือกตั้งดูเหมือนเมืองจะวุ่นวายชนิดที่ไม่เคยวุ่นวาย บนถนน จากดาก้าไปจิตตะกอง ตัวเมืองจิตตะกอง ไม่เว้นแม้แต่ในเมืองเล็กๆ อย่างคากราชาริที่ใช้ขบวนรถจิ๊ปออกมาชุมนุมหาเสียงสนับสนุน
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เช้าตรู่ หมอกยังไม่ทันจาง เพื่อนผมแซะตัวเองออกจากเตียงนอนเพื่อลงสัมภาษณ์ชาวบ้าน ประเด็นที่ต้องการ คือ ,รัฐบาลเตรียมความพร้อมให้แก่ประชาชนของตัวเองแค่ไหน ...