Skip to main content

หัวไม้ story ก้าวต่อไปของพันธมิตรฯ

จับตาการเดินทัพของพันธมิตรฯ จากคำปราศรัยของแกนนำชื่อ ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ หลังประกาศทบทวนแนวทางสันติวิธี ระบุแกนนำทั้งหลายไม่กลัวตาย “แต่ถ้าพวกเราบางคนจะต้องตาย พี่น้องสัญญาอย่าง ต้องให้แผ่นดินนี้ ลุกขึ้นเป็นไฟให้ได้”

ภายหลังเหตุการณ์ปะทะระหว่างผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บกว่าสี่ร้อยราย ภายในคืนนั้นเองซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของแกนนำการชุมุมอย่างนายสนธิ ลิ้มทองกุลด้วย เขาได้ปราศรัยว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนเริ่มหันมามองว่าแนวทาง ‘อหิงสาสันติ’ อาจไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง [1]

เส้นทางต่อไปของการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ จะเดินบทยุทธศาสตร์ใด อาจถอดรหัสได้จากคำปราศรัยของแกนนำซึ่งได้กล่าวต่อพี่น้องประชาชนของพวกเขาในวันต่อๆ มา โดยล่าสุดสนธิได้กล่าวกับผู้ชุมนุมว่า นี่เป็นสงครามครั้งสุดท้ายที่แพ้ไม่ได้ ถ้าจะต้องตายเพื่อราชบัลลังก์ เราต้องยอมตาย ถ้าพวกเราบางคนจะต้องตาย พี่น้องสัญญาอย่าง ต้องให้แผ่นดินนี้ ลุกขึ้นเป็นไฟให้ได้ โดยสนธิอ้างว่าที่ขณะนี้ยังยึด สันติ-อหิงสา อยู่เพราะถ้าทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟในขณะนี้จะทำให้ในหลวงและพระราชินีทุกข์ระทม

อย่างไรก็ตามเขาได้บอกกับผู้ชุมนุมว่าหากมีการรัฐประหารเกิดขึ้น ให้ระดมพลมาร่วมพันธมิตรให้มากๆ เพราะถ้าเป็นการรัฐประหารเพื่อช่วยทักษิณ ก็ต้องพร้อมที่จะนองเลือด

000

โดยเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ในช่วงสาย นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลกล่าวต่อผู้ชุมนุมว่า ตั้งใจฟังให้ดีๆ ขณะนี้มีขบวนการปล่อยข่าวทำลายพันธมิตรตลอดเวลา หาว่าพันธมิตรกำลังจะก่อจลาจลบุกเผาบ้านเผาเมือง เพื่อสร้างความชอบธรรม


สงครามครั้งสุดท้ายที่แพ้ไม่ได้ ถ้าจะต้องตายเพื่อราชบัลลังก์ เราต้องยอมตาย
ผมอยากจะเตือนคนที่ปล่อยข่าว หรือคนที่วางแผน ว่าถ้าความยุติธรรมไม่ได้กลับคืนมาสู่สังคม คุณไม่ต้องปล่อยข่าวหรอก ประชาชนเขาทำกันเองทั่วประเทศไทยเลย

แต่ ที่จุดยืนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังคงยึดมั่นในเรื่องสันติอหิงสาเพราะเราเห็นแก่พ่อหลวงและแม่หลวงของเรา

พี่น้องฟังให้ดีๆ จะได้เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด อย่าไปมองแค่ตำรวจกระบวนเดียว และอย่าไปมองแค่ความเป็นกลางของอนุพงษ์อย่างเดียว ต้องเข้าใจทั้งกระบวนการ ถึงจะรู้ว่า วันนี้เป็นสงครามครั้งสุดท้ายจริงๆ นอกจากเป็นสงครามครั้งสุดท้ายจริงๆ แล้วพี่น้อง เราแพ้ไม่ได้ด้วย แผ่นดินเราหมดไป ราชบัลลังก์ก็หมดไปด้วยพี่น้อง

พี่น้องต้องตั้งใจฟังให้ดีๆ ถึงเวลาแล้ว นอกจากแพ้ไม่ได้แล้ว ถ้าจะต้องตายเพื่อราชบัลลังก์ เราต้องยอมตาย


ทักษิณทำลายราชบัลลังก์ จับมือ ขิงแก่ คมช. เร่งจัดเลือกตั้ง
นายสนธิกล่าวหาว่า มันเป็นกระบวนการทำลายราชบัลลังก์โดยทักษิณ ชินวัตร พี่น้องครับ เขาทำยังไงพี่น้อง หลัง 19 กันยายน เขาวางแผนไว้อย่างแยบยล โดยเอาเงินไปซื้อรัฐบาลสุรยุทธ์บางคนเพื่อไม่ให้จัดการอะไรกับเขา ด้วยเหตุนี้พี่น้องจะเห็นได้ชัดรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ ยกเว้นคนบางคนเช่นรัฐมนตรีสิทธิชัย โภคัยอุดม แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนซึ่งเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ นั่งเฉยๆ ไม่ได้เข้ามาแก้ปัญหาที่หมักหมม นั่นคือคำตอบ ที่ตอบมาว่า ทำไมไอ้ 4 ข้อ ที่ คมช. มันยึดอำนาจ แล้วอ้าง 4 ข้อนั้นถึงไม่ได้รับการจัดการ พี่น้องเข้าใจหรือยังตอนนี้

นายสนธิยังกล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นมีการใช้เงินซื้อองค์กรอิสระ เช่น กกต. และป.ป.ช.บางคน

พวกเราในขณะนี้พี่น้อง ผมกล้าพูดได้ว่าเป็นสงครามระหว่างเทพกับมารจริงๆ เลย ถ้ามองในรูปแบบของจิตวิญญาณ นี่คือสงครามเทพกับมาร มารมันมีฤทธิ์มาก เทพก็มีฤทธิ์มาก แต่เป็นฤทธิ์ของเมตตามหานิยม มารเป็นฤทธิ์ของการทำลายล้าง แต่สักวันหนึ่ง ถ้าเทพทนไม่ไหว เทพก็จะกลายตัวเอง กลายจากพระอินทร์กลายไปเป็นพระอิศวรทันที

พอมันซื้อเรียบร้อยแล้ว มันก็เร่งให้รัฐบาลชุดสุรยุทธ์รีบประกาศการเลือกตั้งทันที พี่น้องจำได้หรือเปล่าล่ะ เคยสังเกตไหม ว่าใครบางคนชอบออกมาเหลือเกิน กำหนดการเลือกตั้งไม่เปลี่ยนแปลง ผมจะรีบเร่งการเลือกตั้งให้จบสิ้นโดยเร็ว พี่น้องสังเกตไหม อย่าให้ผมเอ่ยชื่อ เพราะผมไม่ต้องการที่จะทำให้พ่อหลวงระคายเคืองพระราชหฤทัย

เสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อมีการเลือกตั้ง เครือข่ายที่มันวางไว้ล่วงหน้า มันวางไว้ตรงไหนล่ะ มันหว่านเงินของมันเอาไว้กับการลงประชามติ การทำประชามติคือการวางมัดจำหัวคะแนนไว้หมด เมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว เนื่องจากว่ารัฐบาลชุดสุรยุทธ์ จุลานนท์ นอกจากหน่อมแหน้มแล้ว ยังแสดงอาการเหมือนเสมือนว่าสมรู้ร่วมคิดกับระบอบทักษิณ

เพราะฉะนั้นแล้วข้าราชการฝ่ายปกครองและตำรวจ ตำรวจนั้นเปลี่ยนแปลงได้แค่บางส่วนน้อยๆ เท่านั้นเอง ถึงแม้ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์จะพยายามแค่ไหนก็ตาม แต่ระยะเวลาที่ให้เขาทำงานมันสั้นเกินไป ด้วยเหตุนี้ การเลือกตั้งครั้งนั้นเมื่อมีข้าราชการฝ่ายปกครอง ข้าราชการฝ่ายตำรวจ และมี กกต. คอยช่วย และมีการซื้อสิทธิขายเสียงอย่างเต็มที่ นี่คือที่มาของพรรคพลังประชาชน


อ้าง กกต. รู้เห็น ไม่จัดการพลังประชาชนทั้งที่รู้ว่าเป็นนอมินี
เมื่อพลังประชาชนเข้ามา ฝ่ายเทพ ประชาชนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นคุณวีระ สมความคิด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็พยายามต่อสู้เชิงกฎหมาย โดยชี้ให้เห็นว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย พวกฝ่ายระบอบทักษิณไม่รู้จะทำอย่างไรก็ซื้อเวลาด้วยการตั้งคณะอนุกรรมการ พิจารณาอย่างไรก็ตามหลักฐานมันชัดเกินปฏิเสธได้ก็เลยต้องยอมรับว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยตามที่ถูกแจ้งความกล่าวหามาจริง เสร็จแล้วก็ไปซื้อ กกต. บางส่วน เพื่อให้ กกต.บางส่วน มีคำสั่งออกมาเป็นนอมินีจริงแต่ไม่มีกฎหมายเอาผิด เห็นหรือยังพี่น้อง

สรุปง่ายๆ เหมือนกับคนทำผิด อยู่ในหมู่บ้านเรา ตำรวจยอมรับแต่ตอบว่าไม่มีกฎหมายเอาผิด ความใกล้ล่มสลายของชาติบ้านเมืองมันก็เริ่มเห็นตั้งแต่ตอนนั้น

เหตุที่เป็นรัฐบาลในตอนแรกยังไม่เอา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาเป็นนายกในตอนแรกเพราะยังมีตัวเลือกอื่น คือ นายสมัคร สุนทรเวช เพราะต้องการแก้ข้อหาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเรื่องการไม่จงรักภักดี จึงเอานายสมัครซึ่งมีภาพลักษณ์ในเรื่องของบรรพบุรุษเคยรับใช้เบื้องพระยุคลบาทมาก่อนมาแก้ปัญหาในเรื่องนี้

นายสนธิ กล่าวว่า เหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ที่ยังไม่รุนแรงเพราะเขาคิดว่าซื้อศาลได้ แต่มีจุดพลิกผันในกรณีถุงขนม 2 ล้านที่ไม่มีใครรับ และเกิดกรณีจำคุกคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และพี่ชายในคดีโกงภาษี ทั้งๆ ที่มีผู้พิพากษาศาลอาญาบางคนใกล้ชิดกับระบอบทักษิณมาก แต่สวรรค์ ฟ้ามีตา


จับตาจลาจลก่อน 21 ต.ค. ให้ทักษิณเสียบเข้ามา อ้างทหารเป็นกลางเพราะคาถาทักษิณ
นายสนธิ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ให้จับตาวันที่ 8-21 ต.ค. ที่จะมีการตัดสินคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯของ พ.ต.ท.ทักษิณ เขาถึงมีวันเวลาก่อนวันที่ 21 ต.ค. ที่จะสร้างสถานการณ์ทุกๆ อย่าง เพื่อให้บ้านเมืองเกิดการจลาจล และเพื่อเขาจะได้หาช่องทางเสียบเข้ามา

พี่น้องไม่สังเกตหรือ เหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นมา ตั้งแต่วันที่เขาหนีไปต่างประเทศ นปก. เริ่มตั้งขบวนเพื่อมาไล่ตีพวกเรา หลายต่อหลายอย่าง และทหารอยู่เฉย ทำไมทหารต้องอยู่เฉย เพราะทักษิณ ชินวัตร อ่านเกมออกว่าถ้าหากมีการรังแกประชาชนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทหารซึ่งพวกเราเป็นลูกของพ่อหลวงแม่หลวง ทหารภายใต้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะต้องออกมาแสดงจุดยืนว่ายืนข้างประชาชน

เพราะฉะนั้นแล้ว พี่น้องฟังให้ดีๆ ก่อน เขาก็ต้องทำให้ทหารพูดออกมาตลอดว่า เป็นกลาง เมื่อทหารไม่เห็นแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ แต่ทหารบอกว่าเป็นกลาง และบอกว่ารัฐบาลชุดนี้ไป รัฐบาลชุดใหม่ก็มา โดยที่ไม่สนใจว่ารัฐบาลชุดไหนก็ตาม ทำร้ายทำลายประเทศชาติอย่างไร ทำร้ายทำลายสถาบันกษัตริย์ ทำร้ายทำลายประชาชนอย่างไร ขอเป็นกลางไปตลอด นี่คือการทำได้สำเร็จของระบอบทักษิณ


อ้างมีการสั่งสลายชุมนุมมาจากลอนดอน แถมอนุพงษ์รู้เห็น
พี่น้องสังเกตไหม การฆ่าประชาชนของตำรวจครั้งนี้ ไม่เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญครับพี่น้อง และไม่ใช่เกิดขึ้นมาโดยเฉพาะนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์อย่างเดียว มันเกิดขึ้นมาจากที่สายตรงจากลอนดอนแจ้งมาว่าต้องทำอย่างนี้ มีการวางแผนให้เรียบร้อย

พี่น้อง วันที่ตำรวจฆ่าประชาชนแบบนี้ ทหารยังนั่งเฉยเป็นกลาง มิหนำซ้ำแล้ว ทหารใหญ่บางคนยืนอยู่หลังแนวตำรวจ ดูตำรวจฆ่าประชาชนด้วยพี่น้อง

เมื่อทหารบางคนรับเงินทักษิณ อยู่ในระบอบทักษิณ ทหารซึ่งเป็นตัวกลางที่จะต้องเข้ามาจัดกติกา ถ้าหากมีการใช้ความรุนแรง เมื่อวางตัวเฉยๆ แล้ว ปล่อยให้ตำรวจฆ่าประชาชนอยู่ตลอดเวลา อยู่ตลอดเวลา อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่ง กระแสสังคมออกมาบีบให้คนอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ต้องมาพูด เมื่อมาพูดก็ส่งทหารเข้ามา เพื่อรักษาการ ถือโล่ เพื่อมาดูความเรียบร้อยตามคำขอของตำรวจ ซึ่งโดยเหตุผลแล้ว ทหารทำเช่นนี้ เป็นที่น่าอับอายขายหน้าต่อบรรพบุรุษของทหารไทยเป็นอย่างยิ่ง

เพราะว่า พล.อ.อนุพงษ์ ย่อมต้องรู้อยู่ แก่ใจว่าประชาชนไม่มีอาวุธ และตำรวจไล่ฆ่าประชาชน ทหารจะต้องออกมาแล้วเดินไปบอกตำรวจว่าให้หยุดเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่หยุดทหารจะยิงตำรวจ

แต่ว่า ศพ เลือดที่นองแผ่นดิน ประชาชนที่บาดเจ็บทุกอย่าง ทำให้เขาคิดแผนออกมาว่า ให้มันดูนุ่มมวล ก็คือว่าให้ตำรวจมาขอร้องให้มารักษาความสงบเรียบร้อย มันไม่ใช่ โจรมันไล่ปล้นบ้านเรา แล้วโจรไปบอกผู้รักษากฎหมายว่ามาช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยหน่อย เพราะว่าประชาชนเริ่มจะลุกขึ้นมาสู้โจร เป็นไปได้อย่างไรพี่น้อง


ถามอนุพงษ์ต้องให้เลือดท่วมหรือถึงจะไม่เป็นกลาง
เหตุผลแค่นี้ก็ยังฟังไม่ออก ไม่เข้าใจ และนี่คือเหตุการณ์ หมายจับเรื่องกบฏในราชอาณาจักรนั้นโยงใยมาหมด โยงใยมาหมด เราไม่ได้สนใจหมายจับของคดีมโนสาเร่ บุกรุกสถานที่ราชการ แต่เราสนใจว่า เมื่อคุณมากล่าวหาเราว่าเป็นกบฏในราชอาณาจักร เรายอมไม่ได้ เพราะสิ่งที่เราสู้มาตลอดเราสู้เพื่อราชอาณาจักร ไม่ใช่เป็นกบฏในราชอาณาจักร

คนที่เป็นกบฏในราชอาณาจักร คือสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พรรคพลังประชาชน และทักษิณ ชินวัตร โดยมีนายทหารบางคน และตำรวจส่วนใหญ่เป็นผู้ให้ความร่วมมือ

การที่มาพูดบอกว่าทหารต้องเป็นกลาง ก็ถ้าเป็นกลางจะเป็นกลางแค่ไหน จะต้องให้เลือดท่วมหลังเต่าหรืออย่างไร ถึงจะไม่เป็นกลาง


อนุพงษ์เหมือนพระโมคคัลลานะต้องปกป้องดินแดนไทยแต่ไม่ทำ
นี่ยังไม่นับ การสูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดนปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าเราไม่ได้เสียแค่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น เรายังเสียมากกว่านั้น และเป็นการเสียดินแดนในยุคที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เป็น พระองค์ทรงมีทุกข์อยู่ในพระทัยมาก เพราะพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์ท่านทำไม่ได้ แต่ว่า พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งเปรียบเป็นพระโมคคัลลานะของพระพุทธเจ้า ต้องเป็นคนปกป้องดินแดนไทยกลับไม่ปกป้อง

พี่น้องเห็นภัยมาถึงตัวแล้วหรือยัง ด้วยเหตุนี้ การแสดงออก ท่าทีทั้งหลาย มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่าทหารบางส่วนแอบจับมือกับระบอบทักษิณเพื่อมาฆ่าประชาชน และตัวเองได้รับผลประโยชน์ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ พี่น้องครับ เพราะฉะนั้นแล้ว เกมของทักษิณก็คือ ให้ทหารอยู่เฉยๆ แล้วปล่อยให้ตำรวจไล่ตีประชาชนไปเรื่อยๆ


บอกให้พี่น้องอ่านเกมให้ออก ระวังรัฐประหารฟอกผิดเพื่อทักษิณ
และ และ พี่น้อง อย่าประมาท ไล่ตีไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุด โอกาสที่ก่อให้เกิดสถานการณ์ ที่ทำให้ทหารที่อยู่ข้างทักษิณ ถือโอกาสออกมาบอกว่าหยุดยั้งความรุนแรงแล้วทำรัฐประหารซะ เมื่อทำรัฐประหารแล้ว จังหวะนั้นที่ทักษิณ ชินวัตรจะสอดแทรกเข้ามา แล้วให้มีการประกาศสมานฉันท์ด้วยการยกเลิกข้อหาต่างๆ ของทักษิณหมด

พี่น้องเริ่มเข้าใจหรือยัง พี่น้องเริ่มอ่านเกมให้เป็นพี่น้อง แต่ว่าเขานึกไม่ถึง เขานึกไม่ถึงว่าตำรวจมันฆ่าประชาชนเยอะขนาดนี้ แล้วเขานึกไม่ถึงว่าประชาชนจะลุกฮือกันมากขนาดนี้ รวมทั้งนึกไม่ถึงว่าครูบาอาจารย์ จุฬาลงกรณ์ทั้งมหาวิทยาลัย หมอทั้งหมอ พนักงานการบินไทยหลายคนปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสังฆกรรมทำความชั่วกับระบอบของทักษิณ ผ่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์

ถึงมีกระบวนการลุกขึ้นมาสู้อย่างอหิงสาและสันติ สู้ไปในคนละวิถีทาง สู้ไปในคนละเส้นถนน แต่ว่าแม่น้ำทุกสายไหลไปบรรจบรวมกันที่สันติ อหิงสา เพื่อไล่รัฐบาลสมชายออกไป


อ่าน ‘อนุพงษ์’ ให้สัมภาษณ์แล้ว ในหลวง-พระราชินีกำลังอยู่ในอันตราย
เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อผมอ่านคำให้สัมภาษณ์ของคุณอนุพงษ์ เผ่าจินดา มันเท่ากับยืนยันข้อสงสัยซึ่งผมมีมานานแล้ว และพี่น้องเห็นหรือยังที่ผมบอกพ่อแม่พี่น้องหลายวันมาแล้ว เหมือนกับผมมีญาณวิเศษ ผมบอกพ่อแม่พี่น้องว่ายังไง

ผมบอกพ่อแม่พี่น้องว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ากำลังอยู่ในอันตรายพ่อแม่พี่น้อง

ทำไมคนอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ จะดูไม่ออกหรือ ว่าสมเด็จพระนางเจ้านอกจากพระราชทานเงิน จริงๆ แล้วไม่ใช่สามแสนบาท มาถึงวันนี้ร่วมแปดแสนบาทแล้ว โดยพระราชทานไปตามโรงพยาบาลต่างๆ แล้วรับคนไข้ทุกคนเข้าอยู่ในพระบรมราชินูปถัมภ์ พระองค์เข้าไปดูแลหมด คุณอนุพงษ์คุณดูแค่นี้ คุณยังดูไม่ออกหรือว่า พระองค์ท่านเป็นห่วงลูกของพระองค์ท่าน


ชี้ตนเองมีตาทิพย์รู้ล่วงหน้า เตือนอะไรไว้ไม่เคยผิดแม้แต่ครั้งเดียว
พี่น้อง ผมอาจจะเป็นยังไงก็ตาม แต่มีอยู่อย่างหนึ่งซึ่งผมมี มีมาตั้งแต่เกิด พ่อแม่ครูอาจารย์ก็พูดกับผมตลอดว่าผมมักจะมีลางสังหรณ์สัญชาตญาณ เหมือนกับว่าผมมีตาทิพย์ มองเห็นล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมถึงเตือนพี่น้องมาหลายครั้ง ทุกๆ ครั้งที่ผมพูดไม่เคยผิดแม้แต่ครั้งเดียว

3 วันที่แล้วที่ผมบอกว่าพวกเราต้องรวมใจรวมสติกันให้ดี และต้องพิจารณาให้ดี ถ้าวันไหนจะต้องหลั่งเลือดเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทั่วประเทศไทย ถ้าวันไหนเราต้องลุกขึ้นมาสู้ตำรวจ และแม้กระทั่งทหารเราก็ต้องสู้พี่น้อง

เพราะผมพูดแล้วใช่ไหม ผมพูดแล้วว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระนางเจ้าทรงโทมนัส มีทุกข์อยู่ในพระราชหฤทัย พระองค์ท่านไม่มีใครเหลืออีกแล้วนอกจากพวกเราเท่านั้นเอง


ถ้าพวกเราบางคนต้องตาย ต้องให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ
พี่น้องแกนนำทั้งหลายไม่มีใครกลัวตาย ไม่มี พี่น้องสบายใจได้

แต่ถ้าพวกเราบางคนจะต้องตาย พี่น้องสัญญาอย่าง ต้องให้แผ่นดินนี้ ลุกขึ้นเป็นไฟให้ได้

ทุกวันนี้ ที่เราต้องสันติอหิงสา พี่น้องรู้ไหมทำไม พี่น้องนึกว่าคนอย่างผม ไอ้สนธิมันขี้ขลาดนักหรือ ถ้าผมขี้ขลาดจะมาสู้แบบนี้ได้อย่างไร แต่ที่ผมยังยึดสันติ อหิงสาอยู่ เพราะผมไม่อยากให้ลุกเป็นไฟ ถ้ามันลุกเป็นไฟแล้ว คนที่ทุกข์ระทมคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระนางเจ้า

ผมไม่ใช่คนขี้ขลาด ตาขาว และผมไม่ใช่คนสู้ไม่เป็น คนมีปัญญาอย่างผมสู้ไม่เป็นหรือไง เป็นอยู่แล้ว และสู้ได้รุนแรงหนักหน่วงด้วย แต่เมื่อผมคิดตรงนี้ทีไร ผมเห็นพระเจ้าอยู่หัว ผมเห็นพระราชินี แล้วผมบอกว่า ถ้ามันเป็นอย่างนี้แล้ว เท่ากับผมทำลายพระองค์ครับ พี่น้องครับ


ชี้พันธมิตรจงรักภักดีของจริง ขุนทหาร-ตำรวจมีแต่ของปลอม
ยศแม่ก็ไม่มี สายสะพานเครื่องราชย์ก็ไม่มี เหรียญตราก็ไม่มี มีแต่ใจที่รักชาติ รักบ้าน รักเมือง รักพระมหากษัตริย์เท่านั้นเอง ไอ้พวกมึง มีทั้ง พล.ต.อ. พล.อ. ได้พระราชทานกระบี่แตะบ่า ได้เครื่องราชย์ ได้จุลจอมเกล้า ได้หมดทุกอย่าง ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา มึงยังรักในหลวง พระราชินี ไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของพวกกูเลย

นักสู้ต้องไม่ร้องไห้ แต่ถ้าน้ำตามันคลอช่วยไม่ได้

ของปลอมทั้งนั้น ยุคนี้พี่น้องจำเอาไว้ มีแต่ของปลอม ผมเคยพูดไว้นานแล้วใช่ไหม ไอ้พวกที่ชอบเอารูปตัวเองพร้อมสายสะพายถ่ายพร้อมครอบครัว ติดเอาไว้ในบ้าน เพื่อโอ้อวด เพื่อโอ้อวดเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเองพ่อแม่พี่น้อง แต่ขาดซึ่งใจรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์

ทำไมลูกเจ๊กอย่างผม ลูกไทยอย่างพ่อแม่พี่น้อง ลูกแขก ชาวพุทธ ชาวมุสลิม ชาวคริสต์ ทำไมต้องมารวมตัวรวมใจกันเพื่องานนี้ เรามารวมตัวรวมใจ เพื่อพ่อหลวงแม่หลวงของเรา เพื่อให้สถาบันกษัตริย์คงอยู่ต่อไป

ผมบอกพี่น้องแล้ว พี่น้องครับ พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าไม่มีใครอีกแล้ว จริงๆ ไม่โกหก เหลือแต่พวกเราเท่านั้นพี่น้องครับ เหลือแต่พวกเราเท่านั้นพี่น้องครับ เหลือแต่พวกเราเท่านั้นครับพี่น้องครับ


ย้ำไม่ใช่คนขี้ขลาด พร้อมลุยชนิดเลือดนองแผ่นดิน แต่เกรงในหลวง-พระราชินีเสียพระทัย
พี่น้อง ขอให้พี่น้องเข้าใจผม ผมไม่ใช่เป็นคนขี้ขลาดพี่น้อง พี่น้องอยากลุย ถ้าผมเพียงแต่ประกาศว่า พี่น้องเราตายเพื่อชาติบ้านเมือง ทุกคนใครมีปืนที่บ้าน เอามา ทั่วประเทศไทย เผามันให้หมด ยิงมันให้หมด ให้เลือดมันนองแผ่นดิน พี่น้อง ผมจะเป็นคนบาปของแผ่นดินพี่น้อง บาปของแผ่นดิน ผมตายไป ยังไม่เสียใจเท่ากับ ผมจะทำให้พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้านั้น ทรงเสียพระทัยเป็นอย่างยิ่งที่ชาติบ้านเมืองมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา

ไอ้พวกที่เหี้ยๆ ทั้งหลาย มันไม่ได้เหี้ยสู้ผมได้หรอก ถ้าบทผมจะเหี้ยแล้ว ผมคือพระยามารจอมเหี้ยเลย

แต่ผมได้ตัดสินใจเอาธรรมนำหน้า พี่น้องจำได้ใช่ไหม ตั้งแต่ปี 2548 ผมเอาธรรมนำหน้า ผมไปบวช ไปเรียน ผมไปเป็นพระป่า ผมรู้ว่ามีแต่ธรรมนำหน้าเท่านั้นที่จะนำชาติบ้านเมืองไป และมีแต่ความเพียรดังพระมหาชนกเท่านั้นที่จะทำให้เราชนะ

พี่น้องครับ วันนี้ เป็นวันที่เล่าความในใจ เล่าให้พี่น้องฟังให้หมด ว่าข้อเท็จจริงที่มันเกิดขึ้นที่พี่น้องเห็น ว่าทำไมทหารมันต้องเป็นกลาง มันไม่เป็นกลางได้อย่างไรล่ะ มันโดนกำแพงเงินวางเอาไว้ เงินทองกั้นตัวมันเอาไว้มองไปเป็นภูเขาเลากา มันถึงต้องเป็นกลางไงล่ะพ่อแม่พี่น้อง


ถ้ามีรัฐประหารขอให้ระดมพล พร้อมนองเลือดหากรัฐประหารเพื่อทักษิณ
แล้วพี่น้อง ถ้าจะมีการรัฐประหาร เมื่อใดก็ตาม พี่น้อง ผมขอให้พี่น้องอย่าเพิ่งกลับบ้าน ได้ไม่ได้

เพราะเราไม่รู้ว่าจะเป็นการรัฐประหารเพื่อล้มสถาบันกษัตริย์ หรือเป็นการรัฐประหารเพื่อปฏิวัติสังคมให้ดีขึ้น เราต้องอยู่ และเราต้องระดมพลออกมาข้างนอกให้มากที่สุดวันนั้น เพื่อให้รู้ว่า ถ้าเป็นการรัฐประหารไม่ใช่เพื่อช่วยประชาชน และไม่ใช่เพื่อพัฒนา ปฏิรูป ทำการเมืองใหม่ แต่รัฐประหารเพื่อช่วยทักษิณวันนั้นคือวันนองเลือดพี่น้อง พี่น้อง ถ้าวันนั้นมาก็ต้องพร้อมที่จะนองเลือดแล้วใช่ไหมพี่น้อง

พี่น้องครับ พี่น้องครับ วันนี้เป็นวันปราศรัยประวัติศาสตร์ พี่น้องจำเอาไว้ให้ดีๆ พี่น้องที่ดูเอเอสทีวีอยู่ที่บ้านจำเอาไว้ให้ดีๆ พี่น้องที่นั่งอยู่ที่นี่ฟังอยู่จำเอาไว้ให้ดีๆ ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นจริงหรือไม่ และคิดต่อไป พี่น้องครับ ไม่รู้จะเอาอะไรให้พี่น้องแล้ว เพราะใจมันมอบให้กับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์หมด

และพี่น้องขอให้เอาใจพี่น้องทุกคนหลอมหมดเป็นสิบๆ ล้านคนหลอมเป็น 1 ดวงใจ ถวายให้กับพ่อหลวงและแม่หลวงของเราครับ ขอบพระคุณครับ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
[1] ข่าว ‘สนธิ’ ทบทวนอหิงสาอาจไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง http://www.prachatai.com/05web/th/home/13985

หมายเหตุ:
- เสียงปราศรัยของนายสนธิ http://www.manager.co.th/Multimedia/ViewVideo.aspx?NewsID=9510000120057

บล็อกของ หัวไม้ story

หัวไม้ story
วิกฤตการณ์ข้าวยากหมากแพงส่งผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเห็นจะหนีไปพ้น คนยากคนจนทั่วโลก ในหลายประเทศวิกฤตการณ์นี้นำไปสู่การจลาจล เหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ เช่นในเฮติ อียิปต์และโซมาเลีย วิกฤติอาหารยังลามถึงภูมิภาคอเมริกากลาง จนประธานาธิบดีนิคารากัวเรียกประชุมฉุกเฉิน ยอมรับภาวะขาดแคลนอาหารเข้าขั้นวิกฤติ จนเกรงว่าจะบานปลายเป็นเหตุวุ่นวายในสังคมขณะเดียวกันองค์กรระหว่างประเทศต่างก็ออกมาให้ข้อมูลชวนหวั่นไหว ธนาคารโลกออกมาเตือนว่า วิกฤตอาหารแพงนี้จะเพิ่มระดับความยากจนทั่วโลกอาจพุ่งสูงขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยราคาอาหารและน้ำมันแพงในช่วง 2 ปีที่แล้ว ทำให้ประชาชนประมาณ 100…
หัวไม้ story
   ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง ช่วงนี้ตรงกับเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นเดือนที่เคยมีเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ทางการเมืองอย่างมากครั้งหนึ่ง ในสัปดาห์นี้ประชาไทจึงเลือกพาด ‘หัวไม้' เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สำคัญตอนนี้หากกล่าวอย่างรวบรัดที่สุด คือ ใน ‘เดือนพฤษภา พ.ศ. 2535' เกิดการลุกฮือของประชาชนเพื่อต่อต้านนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือการต่อต้าน พล.อ.สุจินดา คราประยูร หนึ่งในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ผู้ใช้วาทะ ‘เสียสัตย์เพื่อชาติ' มานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ถ้าจะลงไปให้ถึงรายละเอียด เหตุการณ์พฤษภาคม 2535…
หัวไม้ story
 ทีมข่าวพิเศษ Prachatai Burmaคณะพี่น้องตลกหนวดแห่งมัณฑะเลย์ (The Moustache Brothers)ทำมือไขว้กันสองข้าง เป็นเครื่องหมาย ‘ไม่รับ’ รัฐธรรมนูญรัฐบาลทหารพม่า (ที่มา: The Irrawaddy)ก่อนนาร์กิสจะซัดเข้าถล่มประเทศกระทั่งอยู่ในภาวะวิกฤต แน่นอนว่า ความสนใจที่โลกจะจับตามองประเทศมองนั้นคือวันที่ 10 นี้ ประเทศพม่าจะมีการลงประชามติเพื่อรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประวัติศาสตร์ ที่รัฐมนตรีฝ่ายข้อมูลข่าวสารของพม่ากล้าพูดว่า กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญและกระบวนการลงประชามตินั้นเป็นประชาธิปไตยกว่าของไทย แม้ว่าแหล่งข่าวภายในรัฐฉานจะให้ข้อมูลที่ต่างไปว่ากระบวนการร่างรัฐธรรมนูญของพม่านั้น…
หัวไม้ story
พิณผกา งามสมปรากฏการณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองบนเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นในไทยอยู่ขณะนี้ เป็นพื้นที่การต่อสู้ใหม่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเมืองไทยไม่กี่ปี่ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสื่อกระแสหลักก็เปลี่ยนหรือขยายเป้าหมายจากการช่วงชิงพื้นที่ในตลาดสิ่งพิมพ์มาสู่ตลาดแห่งใหม่ในโลกไซเบอร์ นักวิชาการด้านสื่อสารสนเทศ สังคมวิทยา และรวมถึงนักรัฐศาสตร์ในโลกก็เริ่มขยายการศึกษาวิจัยมาสู่พื้นที่ใหม่ที่เรียกว่าอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเช่นกัน โลกวิชาการระดับนานาชาติผลิตงานศึกษาวิจัยถึงบทบาทของอินเตอร์เน็ตกับการแสดงออกทางการเมืองอย่างกว้างขวาง และมีข้อเสนอว่า อินเตอร์เน็ตสามารถเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดในโลกจริง เป็นต้นว่า…
หัวไม้ story
กลายเป็นภาพที่คุ้นตา เรื่องที่คุ้นหูไปแล้ว สำหรับการออกมาเดินขบวนยื่นข้อเรียกร้องของแรงงานกลุ่มต่างๆ ในวันกรรมกรสากล (หรือวันแรงงานแห่งชาติ หรือวันเมย์เดย์) จนบางคนอาจชาชินกับสิ่งที่เกิดขึ้น "ก็เห็นเดินกันทุกปี" "เรียกร้องกันทุกปี" อย่างไรก็ตาม ปฎิเสธไม่ได้ว่าการที่มีข้อเรียกร้องอยู่ทุกปีนั้น สะท้อนถึงการคงอยู่ของ ‘ปัญหาที่ไม่เคยได้รับการแก้ไข' ไม่ว่าจะเป็นข้อเรียกร้องของแรงงานกลุ่มไหน เมื่อลองกลับไปดูข้อเสนอของปีที่แล้ว เทียบกับปีก่อน และปีก่อนๆ ก็จะเห็นว่า ไม่สู้จะต่างกันสักเท่าใด ดัน พ.ร.บ.ความปลอดภัยในการทำงานการจะทำงานให้เป็นไปด้วยความราบรื่นนั้น นอกจากตัวงานและผู้ร่วมงานแล้ว…
หัวไม้ story
  ช่วงเวลาแห่งสงกรานต์ผ่านพ้นไปแล้ว การกระหน่ำสาดน้ำในนามของวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามยุติลง (ชั่วคราว) หลายคนที่เคยดวลปืน (ฉีดน้ำ) หรือแม้แต่จ้วงขันลงตุ่มแล้วสาดราดรดผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ล้วนวางอาวุธและกลับเข้าสู่สภาวะปกติของชีวิตแน่นอนว่า สงคราม (สาด) น้ำที่เกิดขึ้นในบ้านเราแต่ละปี เป็นห้วงยามแห่งความสนุกสนานและการรวมญาติในแบบฉบับไทยๆ แต่ในขณะที่คนมากมายกำลังใช้น้ำเฉลิมฉลองงานสงกรานต์จนถึงวันสิ้นสุด แต่สงคราม (แย่งชิง) น้ำที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยังดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง สงครามน้ำส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาการขาดแคลนน้ำในบางพื้นที่ของโลก และมักจะมีสาเหตุจากข้อจำกัดทางภูมิประเทศ…
หัวไม้ story
จุดเริ่มต้นของคนเดินทาง ยุคที่น้ำมันแพง ราคาเบนซินกระฉูดไปแตะที่ลิตรละ 35 บาท ส่วนดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31 บาทกว่า การเดินทางในช่วงวันหยุดสงกรานต์ปีนี้ รถโดยสารสาธารณะที่มีเส้นทางขนส่งประจำทางข้ามจังหวัดดูจะเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นสำหรับผู้ที่มีงบประมาณในการเดินทางไม่มากนัก ด้วยเหตุผลเรื่องราคาที่พอจ่ายได้ ความสะดวกสบายและความปลอดภัยจากผู้ให้บริการที่มีอยู่จำนวนมาก อีกทั้งมีเส้นทางเดินรถจากสถานีต่างๆ ในกรุงเทพฯ กระจายไปทั่วประเทศ  การเดินทาง 1. "สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร)" หรือ "หมอชิต" สำหรับผู้โดยสารที่จะเดินทางไปภาคเหนือ…
หัวไม้ story
 พิณผกา งามสม/พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจเมื่อกระแสแก้รัฐธรรมนูญเริ่มต้นด้วยการถูกโจมตีว่าจะเป็นการเบิกทางให้กับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กลับเข้ามามีที่อยู่ที่ยืนในเวทีการเมืองไทยอีกครั้ง มิหนำซ้ำยังเป็นการปูทางไปสู่การฟอกตัวของอดีตนายกผู้ซึ่งตามทัศนะของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มองว่าเป็นเหตุแห่งความวิบัติทั้งสิ้นทั้งมวลของประเทศชาติ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อเรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็กลายมาสู่เรื่องการเอาทักษิณ หรือไม่เอาทักษิณ แบบกลยุทธ์ขายเบียร์พ่วงเหล้า คือถ้าไม่เอาทักษิณก็ต้องไม่แก้รัฐธรรมนูญ ถ้าใครจะแก้รัฐธรรมนูญถือเป็นพวกทักษิณ ว่ากันตามจริงแล้ว…
หัวไม้ story
  หัวไม้ story คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต ‘สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็น ‘หัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ ‘หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์)มุทิตา เชื้อชั่ง, คิม ไชยสุขประเสริฐ, ชลธิชา ดีแจ่ม นานๆ ทีจะเห็นคนระดับนายกรัฐมนตรีออกมาพูดเรื่องสิ่งแวดล้อม และระดับคุณสมัคร สุนทรเวช ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง…
หัวไม้ story
  หัวไม้ story - คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต ‘สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็น ‘หัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ ‘หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์)  หากย้อนดูปรากฏการณ์การเคลื่อนขบวนของประชาชนออกมาแสดงพลังขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลไทยรักไทย ที่ผ่านมานับแต่การเริ่มต้นเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรครั้งแรก…
หัวไม้ story
หัวไม้ story - คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต ‘สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็น ‘หัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ ‘หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์) 
หัวไม้ story
  หัวไม้ story - คือ ภาคต่อของรายการทีวีอินเทอร์เน็ต ‘สมาคมหัวไม้' ที่เป็นคล้ายๆ บทบรรณาธิการของกอง บก.ประชาไท เกิดจากการพูดคุย ถกเถียง วิวาทะ เกี่ยวกับเรื่องราวที่น่าสนใจของความเป็นไปในสังคมรอบตัว และอยากจะเน้นย้ำให้ผู้อ่านประชาไทได้รับรู้ไปพร้อมกัน ทุกๆ สัปดาห์ จากนั้นจะมีการรายงานความคืบหน้าในประเด็น ‘หัวไม้' อีกครั้งหนึ่ง ผ่านพื้นที่ของ ‘หัวไม้ story' ในส่วนของบล็อกกาซีน-ประชาไท (ปลายสัปดาห์)  เพียงไม่นานหลังจากที่ นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช พูดออกอากาศในรายการ ‘สนทนาประสาสมัคร' ณ วันที่ 2 มีนาคม 2551 ว่า อยากให้มี ‘บ่อนการพนันถูกกฎหมาย' เกิดขึ้นในประเทศ…