ผมไม่แน่ใจว่าจะวางคำว่า ‘ของ’ เอาไว้ตรงไหนดี ระหว่างคำว่าช้างกับวิว
ช้าง‘ของ’วิว หรือว่า วิว‘ของ’ช้าง กันแน่...
แม้ไม่แน่ใจแต่ผมรู้ดีว่าวิวชอบช้าง (ที่ไม่แน่ใจคือช้างจะชอบวิวด้วยหรือไม่) และเขียนรูปช้างมานานแล้ว
ช้างที่เกิดจากปลายพู่กันและปลายนิ้วของวิวที่ถูกเกลี่ยกลบถมทับวาดเส้นและลากสีจนเกิดเป็นภาพและเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับช้างนั้น ถ้าหากว่ามีใครเคยนับช้างของวิวคงเป็นช้างแห่งสีสันโขลงใหญ่นับไม่ถ้วนเลยทีเดียว
วิวเขียนรูปช้างแค่ให้รู้หรือดูออกว่าเป็นช้าง แม้จะมีงวง มีหาง มีตา แต่รูปร่างก็อ้วนป้อม ซ้ำสีสันตัวช้างก็แตกต่างออกไปจากช้างที่เหมือนจริง ช้างของวิวจึงไม่เหมือนและไม่ใช่ช้างจริงๆ แค่หันข้าง ยืนนิ่งเฉย อาจจะชูงวง หมอบคลานซุกซ่อนตัวอยู่ใต้เงาไม้หรือยืนเล่นอยู่กับเพื่อนๆ สัตว์ตัวอื่นๆ
ช้างที่เห็น ใครๆ ดูก็รู้ว่าเป็นช้างของวิว เพราะรูปทรงที่มีเอกลักษณ์และสีสันอันสดใสแตกต่างไปของตัวช้าง คุณอาจจะไม่รู้ว่าเวลาช้างเป็นสีขาว สีฟ้าอ่อน สีชมพูสด แดงหรือม่วง มันให้อารมณ์น่ารักเพียงใด
วิววาดรูปช้างลงบนกระดาษเพื่อสเกตช์เป็นแนวทางก่อนเขียนลงบนเฟรมผ้าใบขนาดใหญ่แน่นหนา วันดีคืนดีก็นำโขลงช้างที่วาดเสร็จพร้อมกับเรื่องราวในรูปเขียนออกมาจัดแสดงนิทรรศการให้ได้ชมกัน
หลายปีก่อนช้างหาหัวใจวิวปลิวว่อนไปกับอิสรภาพและการล่องลอยในนิทรรศการเดี่ยวที่ชื่อ “Fly with me” ที่โรทันดาแกลเลอรี่ ห้องสมุดเนลสันเฮย์ (2549) จากนั้นไม่นานวิวก็ได้รับการเชิญชวนให้ไปแสดงงานในฐานะศิลปินไทยคนเดียวในงานแสดงศิลปวัฒนธรรมและอาหารไทย ที่เมืองอานซี่ ฝรั่งเศส ช้างพาวิวข้ามน้ำข้ามทะเลไปได้ไกลขนาดนั้น
ด้วยความเป็นคนหนุ่มไฟแรง มีวินัยในการทำงานสูง วิวทำงานศิลปะที่ตัวเองรักทุกๆ วัน วันละหลายชั่วโมงแต่ก็ไม่เคยโหมทำงานจนปล่อยปละละเลยความรับผิดชอบด้านอื่นๆ ของชีวิต เขาเพียงแต่เคี่ยวเข็ญตัวเองให้ทำงานที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จแต่ไม่เคยบีบเค้นให้งานออกมากระด้างไร้อารมณ์
กลับจากฝรั่งเศสมาพักใหญ่ วิวแบ่งเวลาจากการดูแลร้าน Things Called Art ของตัวเองที่เชียงใหม่ ดูแลบ้าน เล่นฟุตบอลกับมิตรสหาย ให้ข้าวปลาหมาแมวโขยงใหญ่ มาจัดนิทรรศการครั้งใหม่ที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง คราวนี้ในชื่องานว่า “เสียงของช้าง” (The Elephant Voice)
นิทรรศการครั้งนี้มีภาพเขียนเล็กใหญ่ต่างขนาดกันนับสิบชิ้น เป็นภาพเรื่องราวของช้างตามรูปแบบที่วิวถนัด (“ช้างอาจจะดูเป็นแบรนด์ของผมไปแล้ว” - วิวว่า) แต่มีนก วัว ควาย ดอกไม้ ต้นไม้มากกว่างานชุดที่แล้วๆ มา เหมือนช้างได้ก้าวนำพาวิวออกไปจากตัวตนของช้างเพื่อพบปะเรื่องราวและสิ่งต่างๆ ที่กว้างไกลและหลากหลายขึ้น
วิวเล่าว่าช้างที่ผมเขียนก็ยังดูเป็นช้างเหมือนเดิม แต่มีสัญลักษณ์ต่างๆ มากขึ้น เช่นในความจริงช้างตัวหนักบินไม่ได้ก็มีนกเข้ามาเป็นสัญลักษณ์ถึงความล่องลอยหรือสิ่งที่บินได้ นอกจากนี้ยังมีรูปช้างลอยอยู่บนกระทง แม้จะเป็นภาพเขียนกึ่งนามธรรม แต่ผู้ดูก็เดาหรือรับรู้เรื่องราวได้ไม่ยาก ผลงานที่นำมาจัดแสดงนิทรรศการครั้งนี้ส่วนหนึ่งผ่านการพิสูจน์จากผู้ชมชาวฝรั่งเศสมาแล้วว่าสามารถเข้าถึงหรือชื่นชอบภาพเขียนแนวนี้ได้ง่ายๆ ไม่ต่างจากผู้ชมศิลปะชาวไทย (วิวบอกว่าภาพชื่อ Flying with midnight blue ขนาด 150 x 150 cm. เป็นที่ชื่นชอบของคนฝรั่งเศสมาก)
งานชุดนี้นอกจากจะมีรายละเอียดที่มากขึ้นแล้วยังมีโครงสีที่แข็งแรงขึ้นด้วย...เป็นเรื่องราวของช้างที่วิวมั่นอกมั่นใจมากขึ้น ขณะที่ทำงานชุดนี้วิวเล่าว่ามันทำให้จิตใจสงบ สัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติ
เป็นเสียงของช้างที่เปล่งออกมาผ่านลายเส้นและสีสันอย่างเงียบๆ แต่บอกเล่าความเป็นไปของวิวในฐานะที่เป็น “วิวของช้าง” ได้อีกมุมหนึ่ง
---------------
นิทรรศการศิลปะ “The Elephant Voice” โดยศุภเชษฐ์ ภุมกาญจน์ (วิว) แสดงอยู่ที่ศาลาปันมี Banana Family Park อารีย์ซอย 1 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 8 เมษายน (10.00 – 19.00 น.) โทร. 02- 279 7838