Skip to main content

หากเลือกได้เราอยากจะให้ในพื้นที่ของชีวิตเติมเต็มด้วยสิ่งใด? เสื้อผ้าอาภรณ์สวยๆ งามๆ เงินทอง ความสมบูรณ์พูนสุขทางวัตถุหรือการอิ่มเต็มในจิตใจ...


มีเพียงคำถามแต่ไม่มีปลายทางของคำตอบ


เพราะว่าการแสวงหาความหมายในชีวิต ว่าในชีวิตหนึ่งหนึ่งคนเราเกิดมาเพื่อค้นหาหรือเสาะแสวงหาสิ่งใดมาเติมเต็มให้กับชีวิตตัวเอง ล้วนเป็นปรัชญาและเป้าหมายสูงสุดประการหนึ่งในการเกิดมามีชีวิตของคนเราทุกคน


......................................................


 

4_07_01


Little Tree’ อาจจะเป็นชื่อหนังสือวรรณกรรมเยาวชนดีๆ เล่มหนึ่งที่ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กอินเดียนแดงคนหนึ่ง แต่ Little Tree (ลิตเติ้ลทรี) ในวันนี้ที่ผมได้มีโอกาสแวะเข้าไปเยี่ยมเยียนและเยี่ยมชมคือ บ้านหลังหนึ่งที่ได้ข่าวว่ามีสวนสวย มีการจัดสวนที่ได้รับรางวัลระดับประเทศจากการประกวดการจัดสวนเลยทีเดียว นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นอะไรอีกตั้งมากมายเช่นโรงเรียนสอนพิเศษภาษาอังกฤษ สอนศิลปะให้กับเด็ก มีมุมเล็กๆ ตรงข้างรั้วเปิดเป็นร้านกาแฟ ขายอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมคุ้กกี้ทำเองรสชาติอร่อย


หลายเรื่องราวหลากกิจกรรมเกิดขึ้นภายในพื้นที่ 4 ไร่เศษริมน้ำท่าจีนของบ้านใหม่ สามพราน นครปฐม เป็นโลกเล็กๆ ที่ถูกเติมเต็มด้วยสีสันและเรื่องราวของพรรณไม้แสนสวยงามราวกับเนรมิตและเป็นที่พำนักของสมาชิกต่างวัยในบ้านหลายคน


......................................................

 


4_07_02


 

4_07_03

 

ปิ๋มหรือครูปิ๋มที่เปิดบ้านสวนริมน้ำท่าจีนแห่งนี้เป็นที่สอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กๆ ที่สนใจเรียนมาเป็นเวลาสิบปีแล้วออกมาต้อนรับพวกเราเมื่อไปถึงและพาเดินชมพร้อมกับหยุดพักคุยในบรรยากาศที่แตกต่างกันของมุมสวยๆ หลายมุมในบ้าน นับแต่ในร้านกาแฟที่เปิดโล่งสามารถพาสายตาลอดออกไปชมสีเขียวสวยๆ ของต้นไม้ได้ในทุกระดับสายตา หรือท่าน้ำที่ต้องเดินผ่านต้นตีนเป็ดน้ำที่กำลังออกลูกกลมเขียวระโยงระยางซึ่งยื่นออกไปเล็กน้อยแลเห็นลำพูริมน้ำต้นใหญ่และสายน้ำที่ไหลเอื่อย นอกจากนี้เรายังใช้เวลากันใต้ซุ้มกอไผ่ริมศาลาที่ใช้สอนศิลปะพูดคุยสัพเพเหระ พร้อมกับสังเกตว่าวันนี้แทบจะไม่มีการเคลื่อนไหวของสายลมเลย


เวลามีคนมาบ้านมักจะเป็นอย่างงี้แหละ ไม่ค่อยจะมีลมพัด ปกติอากาศจะเย็นสบายมาก” คุณปิ๋มเอ่ยกับเรา


เด็กหญิงบุญวัยขวบเศษซึ่งเป็นลูกสาวตัวน้อยยังนอนหลับอยู่ในบ้านกับคุณยาย คุณแม่เลยใช้เวลาคุยกับอาคันตุกะได้อย่างเรื่อยๆ ส่วนลูกชายคนโต เด็กชายปั้นเรียนอยู่ชั้นอนุบาลสอง คุณพ่อหรือคุณตู่ ครูศิลปะประจำบ้านลิตเติ้ลทรีกำลังออกไปรับกลับเข้าบ้าน


นอกจากต้นไม้ที่มักจะทำให้เราส่งเสียงฮือฮาด้วยไม่เชื่อว่าจะมีต้นไม้หน้าตาอย่างนี้และสวยงามเติบใหญ่ได้ขนาดนี้อยู่เสมอ ที่นี่ยังมีงานดินเผาซึ่งเป็นศิลปะการปั้นดินฝีมือลูกศิษย์ครูตู่วางตกแต่งบางมุมเอาไว้ให้พินิจดูอย่างขำๆ ในฝีมืออันอิสระของเด็กๆ และเรายังเพลิดเพลินกับการประดับประดาสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ลงในมุมสีเขียวต่างๆ ของบริเวณบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเปลยวนที่แขวนเอาไว้หลายมุม ตุ๊กตาปูนปั้นรูปเป็ดห่านเป็นตัวๆ หรือรวมกลุ่มเป็นฝูง และสิ่งละอันพันละน้อยอีกมากที่จัดวางเอาไว้ได้ลงตัวจนทำให้เกิดเป็นภาพๆ หนึ่งที่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงคำว่าความสุขและความสงบ ที่น่าจะอิ่มเต็มในจิตใจของทุกคนที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ชายคาลิตเติ้ลทรีแห่งนี้



4_07_04

 

 

......................................................


เฟินน้ำตกในตะกร้าพลาสติกสีดำกอใหญ่ถูกโยงชักขึ้นไปแขวนไว้ตามกิ่งก้านใหญ่โตของต้นไม้ใหญ่ ไม่นับเฟินชนิดนี้ก็ยังมีชายผ้าสีดาและไม้แขวนไม้เลื้อยไม้พุ่มอีกหลากชนิดที่ยากจะจำแนกและจดจำชื่อเสียงเรียงนามได้


ต้นมะเดื่อ ณ ลานจอดรถทางเข้าบ้านกำลังออกลูกดกเกาะอยู่ตามต้นและกิ่งก้านเป็นสัญลักษณ์ว่าที่นี่น่าจะมีนกหลายชนิด นอกจากกางเขนบ้าน นกกระจิบ นกอีแพรด นกปรอดและกระแตแต้แวดที่มีโอกาสได้เห็นในบ่ายวันนั้น


 

4_07_05


4_07_07


ต้นไทรทิ้งใบเล็กๆ สีเหลืองร่วงหล่นลงมาบนลานเล็กๆ ข้างร้านกาแฟก่อให้ภาพที่คลับคล้ายฤดูใบไม้ร่วงขึ้นมาลวงตา ดูเหมือนเป็นภาพประกอบในหน้าหนังสือที่เขียนด้วยสีน้ำมากกว่า


ลมที่ไม่ปรากฏตัวขึ้นเกือบทั้งบ่าย จู่ๆ ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวมาโยกส่ายของใบไม้อย่างบางเบา ฉับพลันนั้นเองแสงแดดเฉียงๆ ของแดดบ่ายก็สาดต้องลงมาก่อให้เกิดประกายเริงร่าดูมีความสุขของต้นไม้ยามที่ได้รับแสง หากพูดได้ไม้ใบเขียวเหล่านี้คงอยากจะบอกว่าพวกเขากำลังดูดกลืนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สังเคราะห์แสงผ่านสารสีเขียวที่เรียกว่าคลอโรฟิลล์อยู่อย่างดูดดื่มและเป็นสุขเพียงใดในรั้วบ้านนี้


ในสถานที่น้อยๆ แต่เนืองแน่นด้วยต้นไม้นานาชนิดที่รวมตัวกันเข้ากับรอยยิ้มหัวและกิจกรรมหลากหลายภายใต้ความเป็นไปของ Little Tree ที่นี่บอกเราว่าต้นไม้จะเป็นป่า ป่าจะสูงใหญ่เติบโต มั่นคงและงดงามได้ย่อมต้องเริ่มต้นจากความรักที่มอบให้ใบไม้ใบเดียวหรือต้นไม้เล็กๆ สักต้นหนึ่งก่อนสิ่งอื่นใดเสมอ


......................................................


** ไปชมสวนสวย ดื่มกาแฟ เรียนศิลปะหรือภาษาอังกฤษที่ Little Tree

ติดต่อ 43/1 .5 บ้านใหม่ สามพราน นครปฐม 73310 (เข้าทางสี่แยกไฟแดงวัดเทียนดัดหรือซอยเทศบาล13) โทร. 081- 610 2699 , 089 – 981 -1396

 

 

บล็อกของ อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง

อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผมอนุญาตให้ตัวเองมีความฝันที่ค้างคามานานอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือการเป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ สักร้านและระหว่างรอให้ความฝันตกผลึกหรืออิ่มตัวจนตกตะกอนนอนก้น (เหมือนเวลาที่กินกาแฟชงแบบเวียดนามที่ไหลผ่านถ้วยกรองช้าๆ ขมหวานได้ที่)  ผมก็ใช้เวลาระหว่างรอ พักในร้านกาแฟที่ผ่านทางอยู่เสมอๆ สั่งกาแฟต่างรูปแบบมาจิบ บางเวลาเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับกาแฟดำธรรมดาๆ แต่หอมกรุ่นอย่างกาแฟสด บางเวลาเราอาจจะอยากเปลี่ยนไปสั่งกาแฟดำในแบบที่เรียกว่า “อเมริกาโน่” ดูบ้าง บางช่วงก็เป็นชั่วโมงที่ต้องย้อมความฝันด้วยกาแฟกรุ่นกลิ่นนมของลาเต้ร้อน…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ในงานนิทรรศการออกร้านเพื่อจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกและของแต่งบ้านปีหนึ่งนานมาแล้วที่บังเอิญได้ไปเดินดูและเลือกซื้อข้าวของ ในมุมหนึ่งของงานซึ่งเป็นการออกร้านสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน และต่างประเทศอื่นๆ ตะกร้าสานจากกาน่าเหมือนจะได้รับความนิยมจากผู้คนที่เดินในงานมากเป็นพิเศษ สินค้าจำพวกเฟอร์นิเจอร์ไม้และไม้แกะสลักในร้านจากอินโดนีเซียก็ได้รับความสนใจไม่น้อย ร้านของเวียดนามและกัมพูชาที่อยู่ถัดๆ มาก็มีผู้คนเข้าไปชมสินค้ากันคึกคัก แต่เหตุไฉนร้านค้าซึ่งเป็นสินค้าตัวแทนจากประเทศลาวหรือ สปป. ลาว…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผมเพิ่งกลับจากการเดินทางอีกครั้งหนึ่งหลังจากต้นปีผ่านมา...เป็นการเดินทางที่ไม่ยาวนานนักในสามจุดหมายคือเซินเจิ้น หนึ่งเมืองของจีนแผ่นดินใหญ่ แวะฮ่องกงและกลับจากมาเก๊า แต่ก็มีความเหนื่อย เหน็บหนาวจากสภาพอากาศอันไม่คุ้นเคยของจุดหมายที่ว่าแต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าการเดินทางอันไม่คาดหมายว่าจะผ่านเข้ามาสู่ชีวิตรวดเร็วอย่างไม่ทันจะตั้งตัว จะเป็นการเดินทางอีกครั้งที่ ‘ช่วยชีวิต’ ผมเอาไว้................................................ที่ว่าการเดินทางช่วยชีวิตเอาไว้นั้น ไม่ได้หมายความว่าผมไปผ่านพ้นหรือผจญภัยกับสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานแล้วเอาชีวิตรอดกลับมาได้…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
คนเราล้วนประสบชะตากรรมที่หลากหลายขณะ ‘เดินทาง’…และก็เช่นกัน – ที่ยุคปัจจุบันคนเรา ‘เดินทาง’ ด้วยวัตถุประสงค์และรูปแบบที่หลากหลายมากมายกว่าแต่ก่อนเราพ้นจากยุคสมัยของการเดินทางด้วยเรือกลไฟที่ต้องอาศัยเวลาเป็นแรมเดือนกว่าจะพ้นโค้งน้ำเข้าสู่น่านน้ำบ้านอื่นเมืองอื่น เราเลิกพึ่งพารถไฟที่ต้องถาโถมเชื้อเพลิงจากท่อนฟืนและก็เช่นเดียวกันรถม้า จักรยานหรือแม้แต่เกวียนเทียมวัวควายกลายเป็นพาหนะพ้นยุคตกสมัย ไปไหนมาไหนอืดอาดไม่เท่าทันความรวดเร็วของจิตใจและยุคสมัยแต่ไม่ว่ารถจะเคลื่อนไหวได้ว่องไวขึ้นหลายร้อยเท่าจากพาหนะที่ใช้พลังงานจากธรรมชาติ ไม่ว่าคนเราจะเคลื่อนที่หรือย้ายถิ่นข้ามเมือง…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
“เราคิดว่ามันอาจจะเร็วเกินไปไม่ว่าจะสำหรับนักท่องเที่ยว การลงทุนหรือความช่วยเหลือ... ตราบใดที่มีเงินก้อนใหม่เข้ามาในประเทศ ก็ยิ่งจะทำให้รัฐบาลทหารเพิกเฉยต่อแรงจูงใจที่จะทำให้ความเปลี่ยนแปลง”ออง ซาน ซูจี 2538“เราหวังว่าคุณจะไม่เข้ามาเที่ยวพม่ากับการมีกล้องในมือและแค่เพื่อการเก็บรูปถ่ายเท่านั้น เราไม่ต้องการนักท่องเที่ยวแบบนั้น จงพูดคุยกับคนที่คุณอยากจะคุยด้วย ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้เงื่อนไขข้อจำกัดในชีวิตของคุณบ้าง”ชาวย่างกุ้งผู้สนับสนุนพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย 2547 สายตาที่สื่อส่งมาดูเหมือนรู้จัก รอยยิ้มที่ค่อยๆ คลี่คลายบนใบหน้าแลดูคุ้นเคย…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
ผมหยิบยืมคำว่า “ไปทำไม” ขึ้นมาเป็นชื่อเรื่องของข้อเขียนนี้จากชื่อสำนักพิมพ์ของรุ่นพี่ท่านหนึ่ง ซึ่งพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับภาพถ่ายการเดินทางและโปสการ์ดราคาประหยัดเพียงสามใบสิบบาท และเขาเรียกขานสำนักพิมพ์ตัวเองในเชิงสัพยอกว่า ‘สำนักพิมพ์ไปทำไม’...แม้จะฟังดูคล้ายกับว่าเจตนาจะกวนๆ แต่ก็เข้าท่าดีเหมือนกันคำว่า “ไปทำไม” แม้จะดูคล้ายกับการตั้งคำถามโดยตรง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเหมือนการปุชฉาโดยมีโทนของน้ำเสียงฟังเหมือนกับการบ่นพึมพำกับตัวเองหรือการพ่นความไม่ได้ดังใจหรือความไม่เข้าใจของคนที่บังเอิญไปประสบพบเห็นพฤติกรรมของ “การไป” (ที่ไหนสักที่ ของคนสักคนหรือสักกลุ่มหนึ่ง)…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
เพชรบุรีวางตัวอยู่อย่างน่าสนใจจากกรุงเทพฯ…ที่ว่าน่าสนใจนั่นคือ ระยะทางที่ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลจนเกินไป แค่ชั่วเวลานั่งรถเพลินๆ ไม่เกินสองชั่วโมงก็น่าจะเข้าเขตเมืองเพชร โดยมีภาพของทุ่งนายามข้าวออกรวงสีเขียวละมุนตาและต้นตาลยืนต้นเรียงรายอยู่ปลายนา หรืออาจจะเห็นปลายจั่วแหลมๆ ของบ้านหลังคาทรงไทยหลายหลังโผล่พ้นทุ่งนาหรือรั้วบ้าน เป็นฉากทั้งหลายที่บ่งบอกว่า บัดนี้เข้าสู่ดินแดนแห่งน้ำตาลเมืองเพชรแล้วหลายวันก่อนเป็นอีกครั้งของความตั้งใจที่จะไปเยือนเพชรบุรีโดยที่ไม่ต้องมีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน…
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
คืนและวันที่ดูแปลกหน้า แม้สบายๆ แต่ก็เปี่ยมด้วยความมุ่งหวังบางอย่าง หลายสิ่งที่ได้พบเห็นเติมเต็มความรู้สึกที่ได้รับจากการเดินทาง จากดินแดนเหนือสุดของเวียดนามประเทศเพื่อนบ้าน ตอนนี้เรากำลังไต่ตามแผ่นดินแคบๆ ที่เลียบท้องทะเลมาถึงเมืองมรดกโลกลือชื่ออย่าง  ‘ฮอยอัน’  และในระหว่างเส้นทางอันยา
อิทธิฤทธิ์ ประคำทอง
สายวันหนึ่งขณะที่เดินทางออกไปนอกบ้าน ท่ามกลางการจราจรที่คับคั่งจอแจเช่นเคย สายตาเหลือบไปเห็นข้อความด้านหลังของรถแท็กซี่มิเตอร์สีเขียวเหลืองคันที่อยู่ข้างหน้า “กล้าที่จะไปให้ถึงฝัน”...แม้จะเป็นข้อความเรียบง่ายธรรมดาๆ แต่ก็เป็นข้อความที่มีความหมาย และให้ความรู้สึกแปลกตาโดยเฉพาะเมื่อมาปรากฏอยู่บนกระจกหลังของแท็กซี่เช่นนี้ ทำให้พาลอยากรู้ว่าเจ้าของข้อความซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่ผู้ที่กำลังทำหน้าที่หลังพวงมาลัยของแท็กซี่คันนี้ก็เป็นได้…